More Related Content
More from nang_phy29 (20)
ดงมะไฟพิทยาคม Uv
- 2. การค้นพบ หลังจากที่รังสีอินฟราเรดถูกค้นพบ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อ (Johann Wilhelm Ritter) ได้ทดลองค้นหารังสีที่อยู่ตรงข้ามกับรังสีอินฟราเรด นั่นคือ รังสีอินฟราเรดมีความยาวคลื่นยาวกว่าแสงสีแดง แต่ริตเตอร์ต้องการจะหารังสีชนิดหนึ่งที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าสีม่วง เขาได้ใช้กระดาษอาบซิลเวอร์คลอไรด์วางไว้กลางแดด พบว่ากระดาษนั้นเปลี่ยนเป็นสีดำ ริตเตอร์เรียกรังสีนี้ว่า deoxidizing rays ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็นยูวีดังเช่นในปัจจุบัน
- 6. 3. ชนิดรังสีอัลตราไวโอเลต ? รังสีดวงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) รังสีช่วงแสงสว่าง (Visible) และอินฟราเรด (Infrared) รังสีมีคุณสมบัติตามช่วงคลื่น มักแสดงในหน่วยนาโนเมตร (nanometer, nm = 10-9m) เพื่อที่จะอธิบายผลกระทบทางชีววิทยา สเปคตรัมรังสีอัลตราไวโอเลต(SolarUltravioletSpectra) ประกอบด้วย 3 ส่วนดังรูปที่ 2
- 8. -UV-C ช่วงคลื่น 100-280 นาโนเมตร ถูกดูดกลืนเกือบทั้งหมดโดย โอโซน และออกซิเจนในบรรยากาศ -UV-B ช่วงคลื่น 280-315 นาโนเมตร ถูกดูดกลืนเป็นส่วนใหญ่และส่องถึงพื้นโลกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ -UV-A ช่วงคลื่น 315-400 นาโนเมตร ไม่ดูดกลืนโดยโอโซน แต่ส่วนมากไม่ทำลายสิ่งมีชีวิต *รังสีอัลตราไวโอเลตสามารถวัดได้ในรูปกำลังงานการแผ่รังสีตกกระทบต่อหน่วยพื้นที่ (Irradiance) ที่ใช้หน่วยเป็นวัตต์ต่อตารางเมตร (w/m2) หรือในรูปพลังงานตกกระทบต่อหน่วยพื้นที่ในช่วงเวลาที่กำหนด (Radiant Exposure or dose) ใช้หน่วย จูลต่อตารางเมตร (J/m2)
- 9. รังสี UV-B กับอินทรีย์ของสิ่งมีชีวิต มักจะเป็นปรากฏการณ์การดูดกลืน โดยที่ดวงอาทิตย์เป็นวัตถุที่มีพลังงานสูงมากและปล่อยโฟตอนออกมาหลายช่วงความถี่ รวมทั้งช่วง UV ซึ่งมีการดูดกลืนโดยอินทรีย์ และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ต่างกับการดูดกลืนโฟตอนของพืชในช่วงสีน้ำเงินและแดง (400-500 และ 650-780 นาโนเมตร) เพื่อเป็นพลังงานใช้ในการสังเคราะห์แสง แต่การดูดกลืนรังสี UV ของอินทรีย์ของสิ่งมีชีวิตถือเป็นการทำลายเซลล์แบบถาวร
- 10. รังสี UV-Cมีความเข้มสูงที่สุดของช่วง UV แต่ถูกดูดกลืนไว้เกือบหมด นับเป็นโชคดีของสิ่งมีชีวิต หาไม่แล้วอาจไม่มีสิ่งมีชีวิตเช่นเราๆ บนโลก ตัวอย่างเช่น ใช้รังสี UV-C ที่ปล่อยจากหลอดซึ่งใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรค (germicidal lamp) รังสี UV-B ถูกดูดกลืนโดยโอโซนส่วนใหญ่และส่องถึงพื้นโลกบางส่วนเท่านั้น มีผลในการสร้างวิตามินดีในเวลาสั้นๆแต่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตมากที่สุด ทำให้ผิวหนังแดง ไหม้เกรียม มีการสะสมทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง โรคเกี่ยวกับตา และยับยั้งระบบภูมิคุ้มกันร่างกายในระยะยาว
- 12. ผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลต สามารถแบ่งประเภทผลกระทบได้ 3 ประเภท คือ ผลกระทบต่อมนุษย์ รังสีอัลตราไวโอเลต มีทั้งคุณและโทษต่อสุขภาพมนุษย์ คุณประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลตคือ ช่วยสังเคราะห์วิตามิน D ที่ผิวหนังมนุษย์และสัตว์และมีส่วนสำคัญในการสร้างเสริมเนื้อเยื่อกระดูก ส่วนผลกระทบที่เป็นโทษของรังสีอัลตราไวโอเลต คือ ผิวหนังเกรียม กระจกตาอักเสบ (snow blindness) ต้อกระจก ผิวหนังเหี่ยวย่น และมะเร็งผิวหนัง
- 14. การยับยั้งภูมิคุ้มกันร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่ป้องกันร่างกายไม่ให้เกิดโรคติดต่อ และมะเร็งบางชนิด โดยมีกลไกสำคัญ 2 ข้อ คือ - Antibody สามารถแก้พิษ ทำลายจุลินทรีย์ ป้องกันการติดเชื้อ และกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกาย - Lymphocyte เป็นสื่อที่นำไปสู่การผลิต cytokines ซึ่งกระตุ้นเซลล์อื่นๆของระบบเม็ดเลือดขาวเพื่อทำลายเชื้อโรค ไวรัส และเซลล์มะเร็งบางชนิด รังสีอัลตราไวโอเลตสามารถเปลี่ยนแปลงระบบภูมิคุ้มกันบริเวณตำแหน่งที่ได้รับรังสี โดยยับยั้งภูมิคุ้มกันและมีบทบาทในการก่อให้เกิดโรคมะเร็งทั้งชนิด Melanoma และ non-melanoma โรคติดเชื้อ autoimmunity และภูมิแพ้
- 15. ผลกระทบต่อพืช รังสีอัลตราไวโอเลตที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อพืช เช่น ยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์แสง ทำลาย DNA และเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบในพืช ทำให้ลักษณะทางกายภาพ และขบวนการเจริญเติบโตของพืช เปลี่ยนแปลงไป นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมวลชีวภาพและผลิตผลลดลง ถึงแม้ว่าจะมีกลไกที่ลดหรือซ่อมแซมและความสามารถในการปรับตัวต่อการเพิ่มระดับของ UV ที่จำกัดทำให้การเจริญเติบโตของพืชได้รับผลกระทบโดยตรงจากรังสี UV-B การเปลี่ยนแปลงทางอ้อมที่เกิดจาก UVB (เช่น การเปลี่ยนรูปร่างของพืช) อาจสำคัญเท่าๆกันหรือบางครั้งก็มากกว่าผลกระทบในการทำลายของ UVB การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญต่อพืชที่มีการแข่งขันกันอย่างสมดุล สัตว์ที่กินพืช โรคพืช และวัฏจักร biogeochemical
- 16. 3. ผลกระทบต่อวัสดุสิ่งก่อสร้าง Polymer สังเคราะห์, biopolymer และวัตถุบางอย่างที่มีประโยชน์ทางพาณิชย์ถูกกระทบโดยรังสีอัลตราไวโอเลตที่มาจากแสงอาทิตย์ รังสีอัลตราไวโอเลตทำให้วัสดุต่างๆมีสีซีดลง เนื่องจากปฏิกิริยาแสงทำให้วัสดุเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีไป ไม้ และกระดาษจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีดเมื่อได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต ปัจจุบันนี้ วัสดุค่อนข้างจะถูกออกแบบให้ป้องกันรังสี UV ได้โดยการเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของระดับ UV จะทำให้เกิดการเปราะพังของวัสดุเร็วขึ้น
- 17. ปริมาณรังสีต่ำสุดที่ทำให้ผิวหนังแดง (Minimal Erythemal Dose, MED) ผิวเกรียมหรือ Sunburn เป็นผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังที่พบมาก นิยมใช้แอกชันสเปคตรัม CIE Erythemalในการประเมินผลกระทบของผิวหนังที่ถูกทำลายโดยรังสีอัลตราไวโอเลต โดยที่ 1 MED คือปริมาณรังสีอัลตราไวโอเลต ที่เป็นผลให้ผิวหนังแดงอย่างเห็นได้ชัดโดยที่ยังไม่ได้รับรังสีมาก่อนอย่าง ไรก็ตามเพราะผิวหนังแต่ละคนแตกต่างกันและมีความไวต่อแสงไม่เท่ากัน เนื่องจากความสามารถในการต่อต้านรังสีของเม็ดสีผิวต่างกัน เพราะฉะนั้น 1 MED ของคนยุโรปจะอยู่ระหว่าง 200-500 จูลต่อตารางเมตรและของคนเอเชียอยู่ประมาณ 350-450-จูลต่อตารางเมตร จากการศึกษาความไวของผิวหนังชนิดต่างๆกับค่า MED มีแสดงดังตารางที่ 3
- 19. การป้องกันดวงตา ทำได้โดยการใช้แว่นกันแดดที่ประกอบฟิล์มกรอง UV-A และ UV-B ผู้ผลิตควรระบุประเภทเลนส์ที่ต้านทานรังสีอัลตราไวโอเลตและแสงแดด นอก จากนี้ควรสวมแว่นกันแดดแบบกรอบกว้างโดยเฉพาะในเด็กเพราะการส่งผ่านรังสี อัลตราไวโอเลตผ่านตาในเด็กมีมากกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากเรตินาของเด็กป้องกัน ได้น้อยกว่าจึงแนะนำให้สวมแว่นกันแดดที่มีฟิล์มกรองรังสีอัลตราไวโอเลตด้วย มีข้อแนะนำอย่างง่ายสำหรับ เครื่องป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตที่ค่าดัชนีและชนิดผิวหนังที่มีความไวต่อแสงมากที่สุดคือผิวชนิดที่ 1 และผิวทารก สำหรับผิวชนิดที่ 3 มีความไวปานกลาง
- 21. ประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลตนั้นมีมาก ดังจะได้กล่าวคร่าว ๆ ต่อไปนี้ แบล็กไลต์ แบล็กไลต์ (black light) เป็นหลอดที่เปล่งรังสียูวีคลื่นยาว มีสีม่วงดำ ใช้ตรวจเอกสารสำคัญ เช่น ธนบัตร, หนังสือเดินทาง, บัตรเครดิต ฯลฯ ว่าเป็นของจริงหรือปลอม หลายประเทศได้ผลิตลายน้ำที่สามารถมองเห็นได้ในรังสีชนิดนี้ นอกจากนี้ แบล็กไลต์ยังสามารถใช้ล่อแมลงให้มาติดกับ เพื่อที่จะกำจัดภายหลังได้
- 22. หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดเรืองแสง ใช้หลักการผลิตรังสีอัลตราไวโอเลต โดยการทำให้ไอปรอทแตกตัว รังสีที่ได้จะไปกระทบสารเรืองแสงให้เปล่งแสงออกมา ดาราศาสตร์ ในทางดาราศาสตร์ โดยปกติแล้ววัตถุที่ร้อนมากจะเปล่งยูวีออกมา เราจึงสามารถศึกษาวัตถุท้องฟ้าได้โดยผ่านทางยูวี ทว่าต้องไปปฏิบัติในอวกาศ เพราะยูวีส่วนมากถูกโอโซนดูดซับไว้หมด
- 24. จัดทำโดย นายธีรวัฒน์ บุญปก นายชัยชนะ ราชลี นางาสาวฐิติมา มูลสาร นางสาวจินตหรา ขจรสมบัติ นางสาวทิพวรรณ ปาละวงษ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปปีที่ 6/1 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ฟิสิกส์ เสนอ คุณครู ธิดารัตน์ สร้อยจักร