Spa edit
- 4. ปี 2553 ขนาดตลาดสปาของไทยมีมูลค่า
8,300 ล้านบาท จากข้อมูลของIntelligent
SPAS อัตราเติบโตเฉลี่ย 15 % ต่อปี แยกเป็น
ตลาดนวดเพื่อสุขภาพ 1,200ล้านบาท ที่เหลือ
เป็นตลาดสปาเพื่อสุขภาพและเสริมความงาม 7,
100 ล้านบาท ศูนย์ธุรกิจอุตสากรรม (BOC),(2
552).
- 5. จำานวนผู้ใช้บริการสปา ในปี 2553 มีจำา
นวน 4,614,601 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 34 ขอ
งกำาลังผลิตทั้งหมด โดยมีผู้ใช้ Day Spa หรือ
บริการสปาภายในรอบ 1 วัน (เฉลี่ย 2-4
ชั่วโมง) มากที่สุด ร้อยละ 68.8 หรือ 3.1 ล้าน
ครัว ตามด้วยใช้บริการแบบ Hotel/Resort
Spa หรือ ใช้สปาในโรงแรมหรือ Resort ร้อย
ละ 28.53 หรือ 1.3 ล้านครั้ง และใช้บริการส
ปาแบบ Destination Spa โดยมาเข้าพักและ
ร่วมกิจกรรมภายใต้โปรแกรมเฉพาะตัว เพื่อ
ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มีจำานวน 9,230 ครั้ง
และผู้ใช้บริการสปาเพื่อการบำาบัดทางการ
แพทย์ หรือ Medical Spa ร้อยละ 2.44 หรือ
- 10. ขอบเขตการศึกษาวิจัย
1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ ลูกค้าที่ใช้
บริการสะปาบุรีโดยสุ่มจากผู้เข้ารับบริการร้าน
สะปาบุรี
2. กลุ่มตัวอย่างคือ ลูกค้าที่ใช้บริการสะปา
บุรี จำานวน 400 คน โดยแบ่งออกเป็นผู้ตอบ
แบบสอบถามแบบออนไลน์จำานวน 200 คน
และผู้ตอบแบบสอบถามแบบ walk in จำานวน
200 คน
- 11. 3. ตัวแปรในการวิจัย มี 2 ประเภท
3.1 ตัวแปรอิสระ (Independent Variables)
3.1.1 ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ
ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ และ
รายได้
3.1.2 ความพึงพอใจเกี่ยวกับปัจจัยด้าน
ส่วนประสมทางด้านการตลาด
3.2 ตัวแปรตาม (dependent Variables)คือ
ความจงรักภักดีของลูกค้า แบ่งเป็นการใช้
บริการซำ้า การไม่อ่อนไหวต่อราคา ความ
สัมพันธ์ระยะยาว
- 13. สมมติฐานในการวิจัย
1. ลักษณะด้านประชากรศาสตร์ได้แก่ เพศ
อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ และราย
ได้เฉลี่ยต่อเดือน แตกต่างกันมีความสัมพันธ์ต่อ
ความจงรักภักดีของลูกค้าแตกต่างกัน
2. ความพึงพอใจในด้านส่วนประสมทางการ
ตลาด ประกอบด้วย การบริการ ราคา สถานที่
ตั้ง การส่งเสริมการตลาดการบริการของ
พนักงาน ลักษณะทางกายภาพ และ
กระบวนการในการให้บริการ มีความสัมพันธ์ต่อ
ความจงรักภักดีของลูกค้า
- 15. นิยามคำาศัพท์ในการศึกษาวิจัย
นี้
ประชากรศาสตร์ หมายถึง ลักษณะลูกค้า
ของร้านสะปาบุรี ประกอบด้วย เพศ อายุ
สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ย
ต่อเดือน
พฤติกรรมการใช้บริการ หมายถึง การ
แสดงออกหรือการกระทำาของลูกค้าแต่ละคนต่อ
การมาใช้บริการสะปาบุรี
ความพึงพอใจด้านส่วนประสมทางการตลาด
หมายถึง ระดับความรู้สึกดี ความพึงพอใจ
ความประทับใจ ของลูกค้าที่ได้รับการตอบ
สนองตามความต้องการหรือคาดหวังที่มีต่อการ
มาใช้บริการสะปาบุรี
- 16. แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่
เกี่ยวข้อง
ความหมายของส่วนประสมทางการตลาด
คอทเลอร์ และอาร์มสตรอง
(Kotler&Armstrong. 1996: 6) กล่าวว่า ส่วน
ประสมทาง การตลาด (Marketing Mix) คือ กลุ่ม
ของเครื่องมือทางการตลาดที่สามารถทำางานร่วม
กันให้เกิดผล ในตลาดเป้าหมาย
Kotler(1997 : 92) กล่าวว่า ส่วนประสม
ทางการตลาด (Marketing Mix) หมายถึง กลุ่ม
ของเครื่องมือการตลาดซึ่งธุรกิจใช้ร่วมกันในการ
วางกลยุทธ์ เพื่อให้บรรลุวตถุประสงค์ทางการตลาด
คือ การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเครื่อง
มือการตลาด 8 ประการ ประกอบด้วย ผลิตกัณฑ์
(Product) ราคา (Price) การจัดจำาหน่าย (Place
or Distribution) การส่งเสริม การตลาด
- 17. ความหมายของความพึงพอใจ
Hill and Alexander (2000) ได้อธิบายว่า ความ
พึงพอใจของลูกค้าเป็นการวัดว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ
บริษัทสามารถตองสนองความต้องการของลูกค้าอยู่ใน
ระดับใด โดยความพึง พอใจจะเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์
สามารถสนองความต้องการไดำโดยการลดความตึงเครียด
ลง และเป็นสิ่งที่ เกิดขึ้นของคนที่ตั้งอยู่บนความต้องการ
พื้นฐาน มีความเกี่ยวพันกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
นพรัตน์ ศรีส'วัสดิ้ (2547: 36-37) เพอร์ลัน
(Person. 1993:14) ไดให้ความหมายความ พึงพอใจ
ในงานบริการว่า คือ การที่สินค้าหรือบริการสามารถเป็น
ไปตามความคาดหวังของลูกค้าทำา ให้ลูกค้าเกิดความพึง
พอใจ และเมื่อนั้นการซื้อหรือการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น
และบ่อยครั้งขึ้น โดย จะบอกไปยังบุคคลใกล้ชิดต่อไป
ความพึงพอใจของผู้บริโภค จะอยู่ในขั้นสุดท้าย คือ ขั้น
ของการ ประเมินผลหลังการซื้อ (Evaluation stage)
- 19. ผู้ศึกษาใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ
เจาะจง (Purposive sampling) ทุกเพศทุกวัย
เพื่อทำาการแจกแบบสอบถามด้วยวิธีสุ่มตัวอย่าง
ตามสะดวก (Convenience Sampling) ไม่
จำากัดเวลา ไม่จำากัดสถานที่ (กัลยา วานิชย์
บัญชร 2545 : 26)
ผู้ศึกษาใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจงประชากรที่
เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยกลุ่มทุกเพศทุกวัย ในเขต
กรุงเทพมหานคร จำานวน 400 ตัวอย่าง โดย
แบ่งออกเป็นผู้ตอบแบบสอบถามแบบออนไลน์
จำานวน 200 คน และผู้ตอบแบบสอบถามแบบ
walk in จำานวน 200 คน
- 22. ส่วนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความพึง
พอใจด้านส่วนประสมทางการตลาด ได้แก่ ด้าน
บริการ ด้านราคา ด้าน สถานที่ตั้ง ซึ่งจะใช้
มาตราวัดข้อมูลประเภท อัตรภาค(Interval
scale) มี 5 ระดับ ดังนี้
ส่วนที่ 3 แบบสอบถามเกี่ยวกับความจงรัก
ภักดีของลูกค้าที่มาใช้บริการบริการสะปาบุรี
ซึ่งจะใช้มาตราวัดข้อมูลประเภทมาตรอัตร
ภาค(Interval scale) มี 5 ระดับดังนี้
5 หมายถึง พึงพอใจมากที่สุด
4 หมายถึง พึงพอใจมาก
3 หมายถึง พึงพอใจปานกลาง
2 หมายถึง ไม่พึงพอใจ
1 หมายถึง ไม่พึงพอใจอย่างมาก
- 29. ความภักดีต่อการใช้บริการสะปาบุรี S.D. ระดับ
ท่านเลือกใช้บริการสะปาบุรีอยู่เสมอ
3.33
1.09
1
มาก
มื่อท่านต้องการความพักผ่อนหรือต้องการความ ผ่อน
คลายท่านจะใช้เลือกใช้บริการสะปาบุรีเป็นอันดับแรก
3.76 .820
มาก
ท่านจะแนะนำาร้านสะปาบุรีให้บุคคลอื่นใช้บริการ 3.79 .936 มาก
ท่านคิดว่าจะเลือกใช้บริการสะปาบุรี แม้ว่าราคาจะไม่
แตกต่างจากร้านอื่นๆ
3.71 .779
มาก
ท่านคิดว่าสะปาบุรีตรงตามความต้องการของท่านมาก
ที่สุด 3.68 .811
มาก
ท่านคิดว่าจะเลือกใช้บริการสะปาบุรีต่อไปในอนาคต 3.70 .804 มาก
ท่านคิดว่าการเข้าใช้บริการสะปาบุรี เป็นทางเลือกที่ท่าน
ชอบใช้บริการ 3.44 .862
มาก
หากผู้ใช้บริการรายอื่นเสนอโปรโมชั่นให้ท่าน ท่านยังคง
เลือกใช้บริการร้านสะปาบุรีเหมือนเดิม
3.18 .981
ปาน
กลาง
หากร้านสะปาบุรีมีการเปลี่ยนแปลงราคาเพิ่มขึ้น ท่านยัง
คงเลือกใช้บริการเหมือนเดิม 3.40 .918
มาก
รวม 3.55 0.88 ปาน
x
- 35. ข้อเสนอแนะในการทำาวิจัยครั้งต่อไป
• ควรมีการศึกษาประสิทธิภาพในปัจจัยทางด้าน
การตลาด และ การสื่อสารเชิงบูรณาการ ที่มี
อิทธิพลในการเลือกใช้บริการบริการร้านสะปา
บุรี
• ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบความพึงพอใจใน
การเลือกใช้บริการบริการร้านสะปาบุรีเพื่อ
ศึกษาแนวทางการจัดจำาหน่ายและนำาสร้างข้อ
ได้เปรียบทางการตลาดต่อไป
• ในการศึกษาครั้งนี้จำากัดเฉพาะ ใน
กรุงเทพมหานครเท่านั้น ดังนั้นควรมีการกระจา
ยกลุ่มตัวอย่างไปยังจังหวัดใกล้เคียงด้วยเพื่อให้
ได้ข้อมูลที่แตกต่างและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
• ควรใช้วิธีเก็บข้อมูลด้วยวิธีอื่นประกอบด้วย เช่น