More Related Content
More from maysasithon (12)
บทที่ 2
- 5. 7. ระบบเรียลไทม์(Real-Time System)
8. ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer System : PC)
9. ระบบเวอร์ชวลแมชีน (Virtula Machine System) หรือระบบ
เครื่องเสมือน
10. ระบบมัลติโปรเศอสเซอร์ (Multiprocessor System)
11. ระบบแบบกระจาย (Distributed System)
- 6. ระบบแบ็ตช์ (Batch System)
ระบบแบ็ตช์ หมายถึง ระบบการทางานแบบเรียงลาดับ สามารถสั่ง
ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานโดยที่ผู้ใช้งานไม่จาเป็นต้องมาสั่งทีละ
คาสั่ง แต่ผู้ใช้จะต้องเตรียมชุดคาสั่งไว้ก่อน ซึ่งชุดคาสั่งนี้เป็นการ
รวมคาสั่งหลายๆ คาสั่งเรียงติดต่อกัน จากนั้นจึงนาไปสั่งให้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ทางาน โดยผ่านอุปกรณ์อินพุต เช่น เทปแม่เหล็ก หรือ
เครื่องอ่านบัตร วิธีนี้ทาให้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทางานได้อย่าง
ต่อเนื่องและใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัญหา
เรื่องความเร็วในการอ่านข้อมูลกับการประมวลผล เพราะเทป
แม่เหล็กหรือเครื่องอ่านบัตร มีความเร็วในการอ่านข้อมูลช้ากว่า
CPU มาก
- 7. ระบบบัฟเฟอร์ (Buffering)
ระบบบัฟเฟอร์ หมายถึง ระบบที่สามารถทาการอ่านข้อมูลและ
ประมวลผลไปได้พร้อมๆกัน โดยในช่วงเวลาที่ CPU ทาการ
ประมวลผลอยู่ ก็จะทาการอ่านข้อมูลมาเก็บไว้ในหน่วยความจาที่
เรียกว่าบัฟเฟอร์ และเมื่อ CPU ทางานเสร็จแล้วจึงนาข้อมูลใน
บัฟเฟอร์ไปประมวลผลต่อได้ทันทีซึ่งโดยหลักการแล้วหาก
สามารถทาให้เวลาที่ใช้ในการอ่านข้อมูลเท่ากับเวลาที่ CPU ทางาน
ได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ความจริงแล้วก็ยังพบว่าการอ่านข้อมูลยังช้า
กว่าการประมวลผลของ CPU เช่นเดิม
- 8. ระบบสพูลลิ่ง (Spooling)
ระบบสพูลลื่ง หมายถึง ระบบที่ทาการอ่านข้อมูลจากเครื่องอ่าน
บัตรหรือเทปแม่เหล็กแล้วนาไปเก็บไว้ในแผ่นดิสก์จากนั้น CPU
จะอ่านข้อมูลจากแผ่นดิสก์มาทาการประมวลผล ซึ่งในขณะเดียวกัน
CPU ก็จะทาการอ่านข้อมูลจากเครื่องอ่านบัตรหรือเทปแม่เหล็กมา
เก็บไว้ในแผ่นดิสก์และทาการส่งผลไปยังอุปกรณ์แสดงผลด้วย จะ
พบว่า CPU จะทางานมากกว่า 1 อย่างพร้อมๆ กัน ทาให้สามารถใช้
CPU ได้เต็มทีกว่าเดิม
- 9. ระบบมัลติโปรแกรมมิ่ง (Multiprogramming System)
ระบบมัลติโปรแกรมมิ่ง คือ ระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทาการอ่าน
ข้อมูลเอามาเก็บไว้ในหน่วยความจาตามลาดับงานที่เข้ามาก่อน-
หลังโดยงานใดที่เข้ามาถึงก่อนก็จะทาการประมวลผลก่อนและงาน
ใดมีการหยุดรอเพื่อรับ-ส่งข้อมูล CPU จะทางานที่อยู่ถัดไปมาทา
การประมวลผลทันทีโดยไม่ต้องรองานแรกทาจนเสร็จก่อน
ลักษณะเช่นนี้ทาให้CPU ทางานตลอดเวลาที่มีงาน แต่ระบบนี้ต้อง
มีการเขียนโปรแกรมควบคุมที่ซับซ้อนเพื่อจัดการกับงานหลายๆ
งานพร้อมกัน ต้องมีการจัดเวลาการใช้งานทรัพยากร เพื่อหลีกเลี่ยง
ความขัดแย้งที่เรียกว่า Deadlock หรือความผิดพลาดต่างๆรวมทั้ง
รักษาความปลอดภัยของระบบ
- 10. ระบบแบ่งเวลา (Time-Sharing System)
ระบบแบ่งเวลา หมายถึง ระบบที่ผู้ใช้งานหลายคนสามารถใช้ CPU
ร่วมกันได้เพื่อให้สามารถใช้CPU ได้เต็มที่ โดยผู้ใช้งานแต่ละคน
จะติดต่อเข้ามาโดยผ่านทางอินเทอร์มินนอล ซึ่งประกอบด้วย
อุปกรณ์อินพุต เช่น แป้นพิมพ์เมาส์ และอุปกรณ์เอาต์พุต เช่น
จอภาพ เท่านั้น ซึ่งการประมวลผลนั้น CPU จะใช้วิธีการแบ่งเวลา
ในการประมวลผลให้แต่ละงาน โดยจะสลับการประมวลผลไปมา
ให้กับงานทุกงาน
- 12. ระบบเวอร์ชวลแมชีน หรือ ระบบเครื่องเสมือน
ระบบเวอร์ชวลแมชีน หมายถึง ระบบที่ทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ 1
เครื่องสามารถจาลองตัวเองให้เสมือนหนึ่งเป็นคอมพิวเตอร์หลาย
เครื่อง โดยมีระบบเวอร์ชวลแมชีนทาการจัดสรรทรัพยากรให้
สามารถทางานหลายๆ อย่างได้พร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับข้อมูล
การประมวลผล และการแสดงผล
- 13. ระบบมัลติโปรเซสเซอร์
ระบบมัลติโปรเซสเซอร์ หมายถึง ระบบที่มีตัวประมวลผล หรือ
CPU หลายตัวอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เดียวกัน ทาให้คอมพิวเตอร์
ทางานได้เร็วขึ้น โดย CPU จะมีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกัน ข้อดี
ของระบบนี้ คือ
- ทาให้การแสดงผลทาได้เร็วขึ้น จะทาให้การประมวลผลเร็ว
ขึ้น 2 เท่า
- ประหยัดกว่ากว่าใช้ระบบการประมวลผลเดี่ยวหลายเครื่อง
กล่าวคือราคาของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ 2 CPU จานวน 1 เครื่อง
- ความน่าเชื่อถือ และความมีเสถียรภาพของระบบมีสูง ใน
กรณี CPU ตัวใดตัวหนึ่งขัดข้อง
- 14. ระบบแบบกระจาย หมายถึง ระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์
หลายๆ เครื่องเข้าด้วยกัน มีการติดต่อกันเพื่อใช้ทรัพยากร
ต่างๆ ร่วมกันการเชื่อมโยงจะใช้ระบบที่มีการส่งข้อมูลด้วย
ความเร็วสูงสาหรับระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันนี้ไม่
จาเป็นต้องเป็นเครื่องเดียวกัน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
สามารถเชื่อมโยงกับเครื่องเมนเฟรมได้ ข้อดีของระบบนี้คือ
- การใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น หากเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้งานคนหนึ่ง
เสียก็อาจสั่งพิมพ์งานไปที่เครื่องพิมพ์ที่อื่นได้
- 15. - เพิ่มความเร็วในการคานวณ โดยจะแบ่งงานออกเป็นหลายๆ ส่วน
แล้วส่งไปให้คอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องช่วยคานวณพร้อมกัน
จากนั้นจึงส่งผลที่ได้กลับมา
- ความน่าเชื่อถือของระบบ เมื่อมี CPU ตัวใดไม่ทางานก็สามารถให้
CPU เครื่องอื่นช่วยประมวลผลให้ ทาให้สมารถทางานได้อย่าง
ต่อเนื่อง
- การติดต่อสื่อสาร นอกจากจะสามารถแชร์ทรัพยากรต่างๆ แล้ว
ผู้ใช้ยังสามารถติดต่อสื่อสารหากันได้สามารถส่งข้อมูลไปหากันได้
เช่น การส่ง E-Mail