SlideShare a Scribd company logo
1 of 33
Download to read offline
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
21 กันยายน 2562
เกริ่นนา
 เราเคยมีความขัดแย้งหรือถกเถียงกับใครบางคนในกลุ่ม และสงสัยว่าสิ่งที่เราเห็น
แตกต่างกันอย่างไร หรือเคยถูกคนอื่นกล่าวหาว่า เป็นคนชอบข้ามไปสู่ข้อสรุปหรือไม่?
 เหตุผลที่เรากระโดดไปสู่ข้อสรุป สามารถอธิบายได้ด้วย แบบจาลองทางจิต (mental
model) ที่เรียกว่า "บันไดแห่งการอนุมาน (Ladder of Inference)"
 แบบจาลองนี้ อธิบายวิธีที่เราคิดอย่างรวดเร็วและโดยไม่รู้ตัว จากข้อเท็จจริงของ
สถานการณ์ไปสู่ข้อสรุป (และบางครั้งเป็นข้อสรุปที่ผิด)
วิธีหลีกเลี่ยงการกระโดดไปสู่ข้อสรุป
 ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน เรามักจะถูกกดดันให้กระทาการโดย
ทันที แทนที่จะใช้เวลาในการคิดหาเหตุผลและคิดถึงข้อเท็จจริง
 สิ่งนี้ ไม่เพียงจะนาเราไปสู่ข้อสรุปที่ผิด แต่ยังอาจทาให้เกิดความขัดแย้งกับคนอื่น ซึ่งอาจ
ได้ข้อสรุปที่แตกต่างกันในเรื่องเดียวกัน
 เราต้องแน่ใจว่า การกระทาและการตัดสินใจของเรานั้น ขึ้นกับความเป็นจริง ซึ่ง "Ladder
of Inference" ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ ได้
Ladder of Inference คืออะไร
 Ladder of Inference (บางครั้งเรียกว่า Process of Abstraction) สามารถช่วยไม่ให้ข้าม
ไปสู่ข้อสรุปก่อนเวลาอันควร และให้ใช้เหตุผลบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง
 Ladder of Inference ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการทางจิต ที่เกิดขึ้นภายในสมอง
ของมนุษย์ ซึ่งใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนไม่ตระหนักว่า พวกเขา
กระทาหรือตอบสนองโดยไม่รู้ตัว
 Ladder of Inference แสดงให้เห็นว่า แบบจาลองทางจิตเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร
ทาความเข้าใจกับทฤษฎี
 Ladder of Inference ถูกนาเสนอครั้งแรกโดยนักจิตวิทยา
องค์กร Chris Argyris และใช้โดย Peter Senge ใน วินัยที่
ห้า: ศิลปะและการปฏิบัติขององค์กรแห่งการเรียนรู้
(The Fifth Discipline: The Art and Practice of the
Learning Organization)
 Ladder of Inference อธิบายขั้นตอนการคิด ที่เรา
ดาเนินการโดยไม่ได้ตระหนัก ในการตัดสินใจหรือการ
กระทา ซึ่งมี 7 ขั้นตอน
1. ความจริงและข้อเท็จจริง (Reality and facts)
 ในขั้นตอนแรก เราสังเกตสิ่งต่าง ๆ หรือข้อเท็จจริงของสถานการณ์
 เป็นการระบุสิ่งที่เห็นได้โดยตรง ใช้การสังเกตข้อมูลทั้งหมดจากโลกแห่งความจริง
 ข้อมูลที่สังเกตได้โดยตรงทั้งหมดที่ล้อมรอบเราในชีวิตประจาวัน รวมถึงคาพูดของผู้คน
น้าเสียง และการเคลื่อนไหวของร่างกาย สถิติจากการสารวจการตลาด รายงานการบัญชี
และอื่น ๆ
2. การเลือกข้อเท็จจริง (Selecting facts)
 ในขั้นตอนที่สอง จิตใจของเราจะกรองข้อมูลที่เราคิดว่าไม่เกี่ยวข้องออกไปโดยอัตโนมัติ
ตามความเชื่อและประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ของเรา
 ข้อเท็จจริง จะถูกเลือกตามความเชื่อมั่นและประสบการณ์ ซึ่ง กรอบอ้างอิง (Frame of
reference) มีบทบาทในเรื่องนี้
 เนื่องจากเราไม่สามารถให้ความสนใจกับข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ในบางครั้ง เราจึงใส่ใจ
เกี่ยวกับข้อมูลที่จะเลือกและสิ่งที่ควรละเว้น บ่อยครั้งที่กระบวนการคัดเลือกเกิดขึ้นโดย
ไม่รู้ตัว
3. การตีความข้อเท็จจริง (Interpreting facts)
 ในขั้นตอนที่สามนี้ เรากาหนดหรือตีความความหมายของข้อมูล/ข่าวสาร/การสังเกต/
ประสบการณ์/สถานการณ์
 ข้อเท็จจริงถูกตีความ และให้ความหมายส่วนตัว
 ข้อมูลที่เราเลือก รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ (ภาษาพูด การสื่อสารที่เป็นลาย
ลักษณ์อักษร และท่าทาง) เราจะใช้คาของเราเองในสิ่งที่บุคคลนั้นพูดหรือทา
4. ข้อสมมติฐาน (Assumptions)
 ขั้นต่อไป เราใช้สมมติฐานที่มีอยู่ของเรา (บางครั้งโดยไม่พิจารณา) และพัฒนา
สมมติฐานเพิ่มเติม ตามการตีความของสถานการณ์
 ขั้นตอนนี้ มีการตั้งสมมติฐานตามความหมายที่เราให้กับการสังเกต สมมติฐานเหล่านี้
เป็นเรื่องส่วนตัว และแตกต่างกันไปสาหรับแต่ละบุคคล
5. สรุปผล (Conclusions)
 ในขั้นตอนที่ห้า เราได้ข้อสรุป (และปฏิกิริยาทางอารมณ์) ตามการตีความและการ
ตั้งสมมติฐานของเรา
 ในขั้นตอนนี้ ข้อสรุปจะมาจากความเชื่อเดิม
6. ความเชื่อ (Beliefs)
 จากข้อสรุปของเรา เรายืนยันหรือปรับความเชื่อของเรา เกี่ยวกับสถานการณ์ บริบท
และโลกรอบตัวเรา
 ในขั้นตอนนี้ ข้อสรุปจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ถูกตีความ และสมมติฐานก่อนหน้า
7. การกระทา (Actions)
 ในที่สุด เราก็ลงมือทา ที่ดูเหมือนถูกต้องตามความเชื่อของเรา การกระทาของเรานั้นจะ
เปลี่ยนสถานการณ์ และสร้างชุดสถานการณ์ขึ้นมาใหม่
 นี่คือระดับสูงสุด การกระทาจะขึ้นอยู่กับความเชื่อและข้อสรุปก่อนหน้านี้ เป็นการกระทา
ที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะดีที่สุดในขณะนั้น
บันไดแห่งการอนุมาน (The Ladder of Inference)
 เริ่มต้นที่ด้านล่างของบันได ที่มีความจริงและข้อเท็จจริง จากนั้นเราจะเลือกตามความ
เชื่อและประสบการณ์ก่อนหน้าของเรา ตีความสิ่งที่เรารับทราบ แล้วใช้สมมติฐานที่มีอยู่
ของเรา (บางครั้งโดยไม่พิจารณา) เป็นข้อสรุป บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงจากการตีความ
และสมมติฐานของเรา แล้วพัฒนาความเชื่อตามข้อสรุปเหล่านี้ จากนั้นจะดาเนินการที่ดู
เหมือนว่า "ถูกต้อง" ที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเชื่อ
ผลกระทบของการกระโดดขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว
 ข้อสรุปของเรา ดูชัดเจนว่าถูกต้องสาหรับเรา
 ผู้คนมีข้อสรุปที่แตกต่างกัน เมื่อแต่ละคนคิดว่าข้อสรุปของตนเองมีความชัดเจน พวกเขา
ไม่เห็นความจาเป็นที่จะพูดว่า ได้ข้อสรุปมาได้อย่างไร
 ผู้คนมักเห็นข้อสรุปที่แตกต่างของผู้อื่นว่าผิดอย่างเด่นชัด และคิดค้นเหตุผลเพื่ออธิบาย
ว่า ทาไมคนอื่นพูดในสิ่งที่ผิด
 เมื่อผู้คนไม่เห็นด้วย พวกเขามักจะสรุปมาจากด้านบนสุดของบันได ทาให้ยากที่จะแก้ไข
ความแตกต่างและเรียนรู้จากกันและกัน
ปัญหาใหญ่
 ปัญหาคือ เราคิดว่าคนอื่นควรมองโลกเหมือนกับเรา ดังนั้นเมื่อเราไม่เห็นด้วยกับคนอื่น
เรามักจะไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับข้อสรุป
 เราคิดว่า เราได้เลือกชุดข้อมูลย่อยเดียวกันและตีความความหมายในลักษณะเดียวกัน
สมมติฐานของเราควรเหมือนกัน ดังนั้นเราจึง กระโดด (leap) ขั้นบันไดโดยไม่รู้ตัว
โดยไม่ได้ทดสอบสมมติฐานพื้นฐาน
 นั่นคือสิ่งที่เราพูดว่าบางคน ชอบกระโดดไปสู่ข้อสรุป (jumping to conclusions)
การใช้ทฤษฎี
 Ladder of Inference ช่วยให้เราสรุปได้ดีขึ้น หรือท้าทายข้อสรุปของคนอื่น โดยยึดตาม
ข้อเท็จจริงและความจริง
 เราสามารถใช้เพื่อช่วยตรวจสอบหรือคัดค้านข้อสรุปของคนอื่น
 กระบวนการให้เหตุผลทีละขั้นตอนนี้ ช่วยให้เรายังคงรักษาเป้าหมาย และเมื่อทางานร่วม
หรือท้าทายผู้อื่น เพื่อให้บรรลุข้อสรุปร่วมกันโดยไม่มีข้อขัดแย้ง
การประยุกต์
 การใช้ Ladder of Inference สอนให้เราดูข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง และไม่ตัดสินเร็วเกินไป
เป็นวิธีที่ให้ความเชื่อมั่นและประสบการณ์ในทางบวก
 Ladder of Inference สามารถใช้ได้สามวิธีดังต่อไปนี้ :
 1. ตระหนักถึงความคิดและเหตุผลของเราเอง
 2. สร้างความชัดเจนให้ผู้อื่นเห็นว่า กระบวนการใช้เหตุผลของเราทางานอย่างไร ช่วยให้
ผู้อื่นเข้าใจถึงแรงจูงใจได้ดีขึ้น
 3. ศึกษากระบวนการคิดของผู้อื่น โดยการถามพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
เคล็ดลับที่ 1
 ใช้ Ladder of Inference ในทุกขั้นตอน ของกระบวนการคิดของเรา โดยถามคาถาม
ต่อไปนี้ :
▪ นี่คือข้อสรุปที่ "ถูกต้อง" หรือไม่?
▪ ทาไมเราจึงใช้สมมติฐานเหล่านี้ ?
▪ เหตุใดเราจึงคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่ "ถูกต้อง" ที่สมควรทา ?
▪ สิ่งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงทั้งหมดหรือไม่?
▪ ทาไมเขาถึงเชื่อเช่นนั้น?
เคล็ดลับที่ 1 (ต่อ)
 ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อท้าทายการคิดโดยใช้ Ladder of Inference คือ
 หยุด! ถึงเวลาพิจารณาเหตุผล
 ให้ระบุตาแหน่ง ของขั้นที่อยู่บนบันได
▪ การเลือกข้อมูลหรือความเป็นจริง?
▪ การตีความว่าหมายถึงอะไร?
▪ การสร้างหรือทดสอบสมมติฐาน?
▪ การสร้างหรือทดสอบข้อสรุป?
▪ ตัดสินใจว่าจะทาอย่างไร และทาไม?
 จากขั้นบันไดในปัจจุบัน วิเคราะห์เหตุผล โดยการลงบันได สิ่งนี้ จะช่วยให้เราสามารถติดตาม
ข้อเท็จจริงและความเป็นจริงที่เราใช้
เคล็ดลับที่ 1 (ต่อ)
 ในแต่ละขั้นตอนถามตัวเองว่า เรากาลังคิดอะไรอยู่และทาไม ขณะวิเคราะห์แต่ละขั้นตอน เรา
อาจจาเป็นต้องปรับการให้เหตุผล
 คาถามต่อไปนี้ จะช่วยให้เราทางานย้อนหลังได้ (ลงบันไดโดยเริ่มจากด้านบน) คือ
▪ เหตุใดเราจึงเลือกแนวทางการดาเนินการนี้ มีการกระทาอื่น ๆ ที่เราควรพิจารณาอีกหรือไม่?
▪ ความเชื่ออะไรนาไปสู่การกระทานั้น? มันเป็นหลักฐานที่ดีหรือไม่?
▪ ทาไมเราถึงได้ข้อสรุปนั้น เป็นบทสรุปที่ดีหรือไม่?
▪ เรากาลังคาดเดาอะไรอยู่และทาไม? สมมติฐานของเราถูกต้องหรือไม่?
▪ เราเลือกใช้ข้อมูลอะไรและทาไม? เราได้เลือกข้อมูลอย่างจริงจังหรือไม่?
▪ อะไรคือความจริงที่เราควรใช้? มีข้อเท็จจริงอื่นอีกที่เราควรพิจารณาอีกหรือไม่?
เคล็ดลับที่ 2
 เมื่อเราทางานด้วยเหตุผล ให้ระวังขั้นตอนที่เรามักจะกระโดดข้าม เราตั้งสมมติฐานง่าย
เกินไปหรือไม่? เราเลือกเพียงบางส่วนของข้อมูลหรือไม่? จดบันทึกแนวโน้มเพื่อให้เรา
เรียนรู้ที่จะทาตามขั้นตอนของการให้เหตุผล ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษในอนาคต
 ด้วยความรู้สึกใหม่ของการให้เหตุผล (และอาจเป็นขอบเขตข้อมูลที่กว้างขึ้ นและมีการ
พิจารณาที่มากกว่าเดิม) ทาให้เราสามารถทางานต่อไปได้อีกครั้ง (แบบเป็นขั้นเป็น
ตอน) ขึ้นไปตามขั้นบันได
เคล็ดลับที่ 3
 ลองอธิบายเหตุผลของเราต่อเพื่อนร่วมงาน สิ่งนี้ จะช่วยให้เราตรวจสอบว่า ข้อโต้แย้ง
ของเรานั้นดีเพียงพอหรือไม่
 หากเรากาลังท้าทายข้อสรุปของคนอื่น เป็นสิ่งสาคัญอย่างยิ่ง ที่จะสามารถอธิบายเหตุผล
ของเราให้กับบุคคลนั้น ในแบบที่ช่วยให้บรรลุข้อสรุปร่วมกันและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
แนวทางทั่วไป
 ให้สังเกตว่า ข้อสรุปของเราเป็นข้อสรุปโดยอิงจากการอนุมาน ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
 ให้สมมติว่า กระบวนการให้เหตุผลของเรา อาจมีช่องว่างหรือข้อผิดพลาดที่เราไม่เห็น
 ใช้ตัวอย่างเพื่อแสดงข้อมูลที่เราเลือก ซึ่งนาไปสู่ข้อสรุป
 แปลความหมายที่เราได้ยินในสิ่งที่คนอื่นพูด เพื่อตรวจสอบว่าเราเข้าใจถูกต้องหรือไม่
 ถามผู้อื่นว่า พวกเขามีวิธีอื่นในการตีความข้อมูล หรือว่าพวกเขาเห็นช่องว่างในความคิดของ
เราหรือไม่
 ขอให้ผู้อื่นแสดงข้อมูลที่พวกเขาเลือก และความหมายที่พวกเขาแปล
การใช้เครื่องมือ
 ในการเริ่มต้นใช้เครื่องมือ การตัดสินใจสิ่งแรกที่ต้องทาก็คือ หยุด
 นั่นคือ หลีกเลี่ยงการกระโดดไปสู่ข้อสรุป
กลับลงมา
 การหวนกลับ เราต้องถามคาถาม
 เป็นคาถามว่า "ทาไม" และ "อะไร" ซึ่งจะ
เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ใช้ ในการลงบันได
ก้าวไปข้างหน้า
 การใช้โมเดลนี้ เราสามารถมองหาช่องว่างในตรรกะได้อย่างมีประสิทธิผล จากนั้น กลับ
ขึ้นบันไดอีกครั้ง ในลักษณะที่เป็นตรรกะ
 ความล้มเหลวในการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง มีแนวโน้มที่จะจบลง
ด้วยการตัดสินใจที่ไม่ดีในตอนท้าย
ประเด็นสาคัญ
 แนวคิดเบื้องหลัง Ladder of Inference คือ ช่วยเราหลีกเลี่ยงการตัดสินที่ไม่ดี จากประสบการณ์
ที่ผ่านมา อคติ หรือปัจจัยอื่น ๆ
 เป็นการอธิบายถึงกระบวนการคิดที่เราทาโดยปกติ ที่ไม่ได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริง ก่อนการ
ตัดสินใจหรือการกระทา
 ในโมเดลนี้ มีบันไดเจ็ดขั้น ที่เป็นตัวแทนของกระบวนการคิดทั่วไป ที่เราใช้ในการตัดสินใจ
 นั่นคือ ความจริงและข้อเท็จจริง, ความเป็นจริงที่เลือก, ความเป็นจริงที่ตีความ, ข้อสันนิษฐาน,
ข้อสรุป, ความเชื่อ, และการกระทา
 เริ่มต้นที่ด้านล่างสุดของบันได เรามีความเป็นจริงและข้อเท็จจริง ที่คัดเลือกตามความเชื่อและ
ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ของเรา
ประเด็นสาคัญ (ต่อ)
 เราตีความตามสมมติฐานที่มีอยู่ของเรา บางครั้งโดยไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน
 เราสรุปโดยอิงจากข้อเท็จจริงที่ถูกตีความและสมมติฐานของเรา และพัฒนาความเชื่อ
บนพื้นฐานของข้อสรุปเหล่านี้
 จากนั้นเราจะดาเนินการที่ดูเหมือน 'ถูกต้อง' เพราะสิ่งเหล่านั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเชื่อ
 เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่จะตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาใหม่
(แม้ว่าการตัดสินใจเหล่านั้นจะไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง)
เราจะใช้ในสถานการณ์ของตนเองได้อย่างไร
 1. รู้ข้อจากัดของเราเอง (Be aware of your own limitations) ระวังให้ดีว่า ทุกคนเลือกที่จะกรอง
จากประสบการณ์ของตัวเอง ตีความสิ่งที่พวกเขาเห็น สร้างสมมุติฐาน และสรุป ที่อาจเป็นจริง
หรือไม่จริงก็ได้ และเราทุกคนมีจุดบอด
 2. ถามสมมติฐานของเราและสมมติฐานของผู้อื่น (Question your assumptions and the
assumptions of others) ลองถามตัวเองว่า เรามองข้ามอะไรไปหรือเปล่า และขอให้คนอื่น
อธิบายสมมติฐานของพวกเขา
 3. ทาให้ความคิดของเราชัดเจน (Make your thinking explicit) โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
สถานการณ์ที่ท้าทาย ซึ่งอาจมีข้อขัดแย้งกับข้อสรุปที่ต่างกัน บางครั้งเราต้องชะลอการอธิบาย
กระบวนการคิดของเรา และขอให้ผู้อื่นทาเช่นเดียวกัน
 ซึ่งพวกเขาอาจเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเรา แต่พวกเขาก็รู้ว่า มีที่มาอย่างไร
ผลกระทบสาหรับผู้นา
 ผู้นาจะต้องรวบรวมและศึกษาข้อมูลก่อนกระโดดไปสู่ข้อสรุป ความล้มเหลวในการศึกษา
ข้อมูลทั้งหมดก่อให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่ดี มีค่าใช้จ่าย และเป็นอันตราย ดังนั้นผู้นาต้อง:
▪ ตระหนักถึงความคิดและการใช้เหตุผลของพวกเขา (สะท้อนความคิดเห็น)
▪ ทาให้คนอื่นเห็นเหตุผลของพวกเขา
▪ ถามสิ่งที่คนอื่นคิด ว่าแตกต่างหรือไม่ อย่างไร
▪ แสวงหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังข้อมูล
▪ ถามว่าทุกคนเห็นด้วยกับข้อมูลหรือไม่
▪ ให้ความหมายและสมมติฐานอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล
▪ ตระหนักว่า ความหมายและสมมติฐาน ซึ่งไม่ใช่ความจริง
▪ ตรวจสอบสมมติฐานร่วมกับผู้อื่น
สรุป
 การอนุมานแบบขั้นบันได (The Ladder of Inference) ช่วยให้เราเรียนรู้วิธีกลับไปสู่
ข้อเท็จจริง และใช้ความเชื่อและประสบการณ์เพื่อผลในเชิงบวก แทนที่จะปล่อยให้สิ่ง
เหล่านั้นจากัดขอบเขตการตัดสินใจ
 Ladder of Inference อธิบายขั้นตอนการคิดที่เราดาเนินการ ซึ่งโดยปกติไม่ได้ตระหนักถึง
ข้อเท็จจริง ในการการตัดสินใจหรือการกระทา
 การติดตามการใช้เหตุผลทีละขั้นตอนนี้ สามารถนาเราไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ที่ยึดตาม
ความเป็นจริง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและความขัดแย้งที่ไม่จาเป็น
 https://www.mindtools.com/pages/article/newTMC_91.htm
 https://www.toolshero.com/decision-making/ladder-of-inference/
 https://thesystemsthinker.com/the-ladder-of-inference/
 http://www.free-management-ebooks.com/news/the-ladder-of-inference/
 https://www.ucd.ie/t4cms/The%20Ladder%20of%20Inference.pdf
 https://synergycommons.net/resources/the-ladder-of-inference/
 https://artofleadershipconsulting.com/blog/leadership/mental-models-ladder-of-
inference/
 https://www.colleaga.org/tools/ladder-inference-avoiding-jumping-conclusions
 https://actiondesign.com/resources/readings/ladder-of-inference

More Related Content

What's hot

Top 10 airline cabin crew interview questions and answers
Top 10 airline cabin crew interview questions and answersTop 10 airline cabin crew interview questions and answers
Top 10 airline cabin crew interview questions and answersjustingramke
 
How to win on the customer experience battleground; where businesses are won ...
How to win on the customer experience battleground; where businesses are won ...How to win on the customer experience battleground; where businesses are won ...
How to win on the customer experience battleground; where businesses are won ...Noojee Contact Solutions
 
Top 10 parish interview questions with answers
Top 10 parish interview questions with answersTop 10 parish interview questions with answers
Top 10 parish interview questions with answersshannonmiller459
 
Qbq the question behind the question
Qbq   the question behind the questionQbq   the question behind the question
Qbq the question behind the questionDani
 
The Introvert's Guide to Success
The Introvert's Guide to SuccessThe Introvert's Guide to Success
The Introvert's Guide to SuccessLinkedIn
 
Robin sharma the 7 beautiful things excellent leaders do
Robin sharma the 7 beautiful things excellent leaders doRobin sharma the 7 beautiful things excellent leaders do
Robin sharma the 7 beautiful things excellent leaders doCONNECTWELL concepts
 
The Plateau Effect: Why People Get Stuck...and How to Break Through
The Plateau Effect: Why People Get Stuck...and How to Break ThroughThe Plateau Effect: Why People Get Stuck...and How to Break Through
The Plateau Effect: Why People Get Stuck...and How to Break ThroughThePlateauEffect
 
Top 10 dialer interview questions with answers
Top 10 dialer interview questions with answersTop 10 dialer interview questions with answers
Top 10 dialer interview questions with answersjanetjohnson124
 
10 Reasons Leadership is a Really Big Deal
10 Reasons Leadership is a Really Big Deal10 Reasons Leadership is a Really Big Deal
10 Reasons Leadership is a Really Big DealWiley
 
40 forensic nursing interview questions and answers pdf
40 forensic nursing interview questions and answers pdf40 forensic nursing interview questions and answers pdf
40 forensic nursing interview questions and answers pdfpatilpadma86
 
26 time-management-hacks-i-wish-id-known-at-20-130328142451-phpapp02
26 time-management-hacks-i-wish-id-known-at-20-130328142451-phpapp0226 time-management-hacks-i-wish-id-known-at-20-130328142451-phpapp02
26 time-management-hacks-i-wish-id-known-at-20-130328142451-phpapp02Vishal Suppan
 
A história do Copywriting
A história do CopywritingA história do Copywriting
A história do CopywritingVictor Palandi
 
No more BORING marketing!
No more BORING marketing!No more BORING marketing!
No more BORING marketing!WAKSTER Limited
 
40 staff nurse hse interview questions and answers pdf
40 staff nurse hse interview questions and answers pdf40 staff nurse hse interview questions and answers pdf
40 staff nurse hse interview questions and answers pdfsanchezthomas54
 
Top 10 assistant financial accountant interview questions and answers
Top 10 assistant financial accountant interview questions and answersTop 10 assistant financial accountant interview questions and answers
Top 10 assistant financial accountant interview questions and answerstonychoper4306
 

What's hot (20)

Top 10 airline cabin crew interview questions and answers
Top 10 airline cabin crew interview questions and answersTop 10 airline cabin crew interview questions and answers
Top 10 airline cabin crew interview questions and answers
 
How to win on the customer experience battleground; where businesses are won ...
How to win on the customer experience battleground; where businesses are won ...How to win on the customer experience battleground; where businesses are won ...
How to win on the customer experience battleground; where businesses are won ...
 
Top 10 parish interview questions with answers
Top 10 parish interview questions with answersTop 10 parish interview questions with answers
Top 10 parish interview questions with answers
 
Qbq the question behind the question
Qbq   the question behind the questionQbq   the question behind the question
Qbq the question behind the question
 
Happier Teams Through Tools
Happier Teams Through ToolsHappier Teams Through Tools
Happier Teams Through Tools
 
The Introvert's Guide to Success
The Introvert's Guide to SuccessThe Introvert's Guide to Success
The Introvert's Guide to Success
 
Robin sharma the 7 beautiful things excellent leaders do
Robin sharma the 7 beautiful things excellent leaders doRobin sharma the 7 beautiful things excellent leaders do
Robin sharma the 7 beautiful things excellent leaders do
 
50 common interview q
50 common interview q50 common interview q
50 common interview q
 
The Plateau Effect: Why People Get Stuck...and How to Break Through
The Plateau Effect: Why People Get Stuck...and How to Break ThroughThe Plateau Effect: Why People Get Stuck...and How to Break Through
The Plateau Effect: Why People Get Stuck...and How to Break Through
 
Top 10 dialer interview questions with answers
Top 10 dialer interview questions with answersTop 10 dialer interview questions with answers
Top 10 dialer interview questions with answers
 
10 Reasons Leadership is a Really Big Deal
10 Reasons Leadership is a Really Big Deal10 Reasons Leadership is a Really Big Deal
10 Reasons Leadership is a Really Big Deal
 
40 forensic nursing interview questions and answers pdf
40 forensic nursing interview questions and answers pdf40 forensic nursing interview questions and answers pdf
40 forensic nursing interview questions and answers pdf
 
26 time-management-hacks-i-wish-id-known-at-20-130328142451-phpapp02
26 time-management-hacks-i-wish-id-known-at-20-130328142451-phpapp0226 time-management-hacks-i-wish-id-known-at-20-130328142451-phpapp02
26 time-management-hacks-i-wish-id-known-at-20-130328142451-phpapp02
 
A história do Copywriting
A história do CopywritingA história do Copywriting
A história do Copywriting
 
No more BORING marketing!
No more BORING marketing!No more BORING marketing!
No more BORING marketing!
 
NLP
NLPNLP
NLP
 
40 staff nurse hse interview questions and answers pdf
40 staff nurse hse interview questions and answers pdf40 staff nurse hse interview questions and answers pdf
40 staff nurse hse interview questions and answers pdf
 
How to Prioritize Tasks
How to Prioritize TasksHow to Prioritize Tasks
How to Prioritize Tasks
 
Nlp in your daily life
Nlp in your daily lifeNlp in your daily life
Nlp in your daily life
 
Top 10 assistant financial accountant interview questions and answers
Top 10 assistant financial accountant interview questions and answersTop 10 assistant financial accountant interview questions and answers
Top 10 assistant financial accountant interview questions and answers
 

More from maruay songtanin

7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdfmaruay songtanin
 
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docxmaruay songtanin
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfmaruay songtanin
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
 
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 

Ladder of inference

  • 2. เกริ่นนา  เราเคยมีความขัดแย้งหรือถกเถียงกับใครบางคนในกลุ่ม และสงสัยว่าสิ่งที่เราเห็น แตกต่างกันอย่างไร หรือเคยถูกคนอื่นกล่าวหาว่า เป็นคนชอบข้ามไปสู่ข้อสรุปหรือไม่?  เหตุผลที่เรากระโดดไปสู่ข้อสรุป สามารถอธิบายได้ด้วย แบบจาลองทางจิต (mental model) ที่เรียกว่า "บันไดแห่งการอนุมาน (Ladder of Inference)"  แบบจาลองนี้ อธิบายวิธีที่เราคิดอย่างรวดเร็วและโดยไม่รู้ตัว จากข้อเท็จจริงของ สถานการณ์ไปสู่ข้อสรุป (และบางครั้งเป็นข้อสรุปที่ผิด)
  • 3. วิธีหลีกเลี่ยงการกระโดดไปสู่ข้อสรุป  ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน เรามักจะถูกกดดันให้กระทาการโดย ทันที แทนที่จะใช้เวลาในการคิดหาเหตุผลและคิดถึงข้อเท็จจริง  สิ่งนี้ ไม่เพียงจะนาเราไปสู่ข้อสรุปที่ผิด แต่ยังอาจทาให้เกิดความขัดแย้งกับคนอื่น ซึ่งอาจ ได้ข้อสรุปที่แตกต่างกันในเรื่องเดียวกัน  เราต้องแน่ใจว่า การกระทาและการตัดสินใจของเรานั้น ขึ้นกับความเป็นจริง ซึ่ง "Ladder of Inference" ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ ได้
  • 4. Ladder of Inference คืออะไร  Ladder of Inference (บางครั้งเรียกว่า Process of Abstraction) สามารถช่วยไม่ให้ข้าม ไปสู่ข้อสรุปก่อนเวลาอันควร และให้ใช้เหตุผลบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง  Ladder of Inference ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการทางจิต ที่เกิดขึ้นภายในสมอง ของมนุษย์ ซึ่งใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนไม่ตระหนักว่า พวกเขา กระทาหรือตอบสนองโดยไม่รู้ตัว  Ladder of Inference แสดงให้เห็นว่า แบบจาลองทางจิตเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร
  • 5. ทาความเข้าใจกับทฤษฎี  Ladder of Inference ถูกนาเสนอครั้งแรกโดยนักจิตวิทยา องค์กร Chris Argyris และใช้โดย Peter Senge ใน วินัยที่ ห้า: ศิลปะและการปฏิบัติขององค์กรแห่งการเรียนรู้ (The Fifth Discipline: The Art and Practice of the Learning Organization)  Ladder of Inference อธิบายขั้นตอนการคิด ที่เรา ดาเนินการโดยไม่ได้ตระหนัก ในการตัดสินใจหรือการ กระทา ซึ่งมี 7 ขั้นตอน
  • 6. 1. ความจริงและข้อเท็จจริง (Reality and facts)  ในขั้นตอนแรก เราสังเกตสิ่งต่าง ๆ หรือข้อเท็จจริงของสถานการณ์  เป็นการระบุสิ่งที่เห็นได้โดยตรง ใช้การสังเกตข้อมูลทั้งหมดจากโลกแห่งความจริง  ข้อมูลที่สังเกตได้โดยตรงทั้งหมดที่ล้อมรอบเราในชีวิตประจาวัน รวมถึงคาพูดของผู้คน น้าเสียง และการเคลื่อนไหวของร่างกาย สถิติจากการสารวจการตลาด รายงานการบัญชี และอื่น ๆ
  • 7. 2. การเลือกข้อเท็จจริง (Selecting facts)  ในขั้นตอนที่สอง จิตใจของเราจะกรองข้อมูลที่เราคิดว่าไม่เกี่ยวข้องออกไปโดยอัตโนมัติ ตามความเชื่อและประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ของเรา  ข้อเท็จจริง จะถูกเลือกตามความเชื่อมั่นและประสบการณ์ ซึ่ง กรอบอ้างอิง (Frame of reference) มีบทบาทในเรื่องนี้  เนื่องจากเราไม่สามารถให้ความสนใจกับข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ในบางครั้ง เราจึงใส่ใจ เกี่ยวกับข้อมูลที่จะเลือกและสิ่งที่ควรละเว้น บ่อยครั้งที่กระบวนการคัดเลือกเกิดขึ้นโดย ไม่รู้ตัว
  • 8. 3. การตีความข้อเท็จจริง (Interpreting facts)  ในขั้นตอนที่สามนี้ เรากาหนดหรือตีความความหมายของข้อมูล/ข่าวสาร/การสังเกต/ ประสบการณ์/สถานการณ์  ข้อเท็จจริงถูกตีความ และให้ความหมายส่วนตัว  ข้อมูลที่เราเลือก รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ (ภาษาพูด การสื่อสารที่เป็นลาย ลักษณ์อักษร และท่าทาง) เราจะใช้คาของเราเองในสิ่งที่บุคคลนั้นพูดหรือทา
  • 9. 4. ข้อสมมติฐาน (Assumptions)  ขั้นต่อไป เราใช้สมมติฐานที่มีอยู่ของเรา (บางครั้งโดยไม่พิจารณา) และพัฒนา สมมติฐานเพิ่มเติม ตามการตีความของสถานการณ์  ขั้นตอนนี้ มีการตั้งสมมติฐานตามความหมายที่เราให้กับการสังเกต สมมติฐานเหล่านี้ เป็นเรื่องส่วนตัว และแตกต่างกันไปสาหรับแต่ละบุคคล
  • 10. 5. สรุปผล (Conclusions)  ในขั้นตอนที่ห้า เราได้ข้อสรุป (และปฏิกิริยาทางอารมณ์) ตามการตีความและการ ตั้งสมมติฐานของเรา  ในขั้นตอนนี้ ข้อสรุปจะมาจากความเชื่อเดิม
  • 11. 6. ความเชื่อ (Beliefs)  จากข้อสรุปของเรา เรายืนยันหรือปรับความเชื่อของเรา เกี่ยวกับสถานการณ์ บริบท และโลกรอบตัวเรา  ในขั้นตอนนี้ ข้อสรุปจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ถูกตีความ และสมมติฐานก่อนหน้า
  • 12. 7. การกระทา (Actions)  ในที่สุด เราก็ลงมือทา ที่ดูเหมือนถูกต้องตามความเชื่อของเรา การกระทาของเรานั้นจะ เปลี่ยนสถานการณ์ และสร้างชุดสถานการณ์ขึ้นมาใหม่  นี่คือระดับสูงสุด การกระทาจะขึ้นอยู่กับความเชื่อและข้อสรุปก่อนหน้านี้ เป็นการกระทา ที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะดีที่สุดในขณะนั้น
  • 13. บันไดแห่งการอนุมาน (The Ladder of Inference)  เริ่มต้นที่ด้านล่างของบันได ที่มีความจริงและข้อเท็จจริง จากนั้นเราจะเลือกตามความ เชื่อและประสบการณ์ก่อนหน้าของเรา ตีความสิ่งที่เรารับทราบ แล้วใช้สมมติฐานที่มีอยู่ ของเรา (บางครั้งโดยไม่พิจารณา) เป็นข้อสรุป บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงจากการตีความ และสมมติฐานของเรา แล้วพัฒนาความเชื่อตามข้อสรุปเหล่านี้ จากนั้นจะดาเนินการที่ดู เหมือนว่า "ถูกต้อง" ที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเชื่อ
  • 14. ผลกระทบของการกระโดดขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว  ข้อสรุปของเรา ดูชัดเจนว่าถูกต้องสาหรับเรา  ผู้คนมีข้อสรุปที่แตกต่างกัน เมื่อแต่ละคนคิดว่าข้อสรุปของตนเองมีความชัดเจน พวกเขา ไม่เห็นความจาเป็นที่จะพูดว่า ได้ข้อสรุปมาได้อย่างไร  ผู้คนมักเห็นข้อสรุปที่แตกต่างของผู้อื่นว่าผิดอย่างเด่นชัด และคิดค้นเหตุผลเพื่ออธิบาย ว่า ทาไมคนอื่นพูดในสิ่งที่ผิด  เมื่อผู้คนไม่เห็นด้วย พวกเขามักจะสรุปมาจากด้านบนสุดของบันได ทาให้ยากที่จะแก้ไข ความแตกต่างและเรียนรู้จากกันและกัน
  • 15. ปัญหาใหญ่  ปัญหาคือ เราคิดว่าคนอื่นควรมองโลกเหมือนกับเรา ดังนั้นเมื่อเราไม่เห็นด้วยกับคนอื่น เรามักจะไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับข้อสรุป  เราคิดว่า เราได้เลือกชุดข้อมูลย่อยเดียวกันและตีความความหมายในลักษณะเดียวกัน สมมติฐานของเราควรเหมือนกัน ดังนั้นเราจึง กระโดด (leap) ขั้นบันไดโดยไม่รู้ตัว โดยไม่ได้ทดสอบสมมติฐานพื้นฐาน  นั่นคือสิ่งที่เราพูดว่าบางคน ชอบกระโดดไปสู่ข้อสรุป (jumping to conclusions)
  • 16. การใช้ทฤษฎี  Ladder of Inference ช่วยให้เราสรุปได้ดีขึ้น หรือท้าทายข้อสรุปของคนอื่น โดยยึดตาม ข้อเท็จจริงและความจริง  เราสามารถใช้เพื่อช่วยตรวจสอบหรือคัดค้านข้อสรุปของคนอื่น  กระบวนการให้เหตุผลทีละขั้นตอนนี้ ช่วยให้เรายังคงรักษาเป้าหมาย และเมื่อทางานร่วม หรือท้าทายผู้อื่น เพื่อให้บรรลุข้อสรุปร่วมกันโดยไม่มีข้อขัดแย้ง
  • 17. การประยุกต์  การใช้ Ladder of Inference สอนให้เราดูข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง และไม่ตัดสินเร็วเกินไป เป็นวิธีที่ให้ความเชื่อมั่นและประสบการณ์ในทางบวก  Ladder of Inference สามารถใช้ได้สามวิธีดังต่อไปนี้ :  1. ตระหนักถึงความคิดและเหตุผลของเราเอง  2. สร้างความชัดเจนให้ผู้อื่นเห็นว่า กระบวนการใช้เหตุผลของเราทางานอย่างไร ช่วยให้ ผู้อื่นเข้าใจถึงแรงจูงใจได้ดีขึ้น  3. ศึกษากระบวนการคิดของผู้อื่น โดยการถามพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
  • 18. เคล็ดลับที่ 1  ใช้ Ladder of Inference ในทุกขั้นตอน ของกระบวนการคิดของเรา โดยถามคาถาม ต่อไปนี้ : ▪ นี่คือข้อสรุปที่ "ถูกต้อง" หรือไม่? ▪ ทาไมเราจึงใช้สมมติฐานเหล่านี้ ? ▪ เหตุใดเราจึงคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่ "ถูกต้อง" ที่สมควรทา ? ▪ สิ่งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงทั้งหมดหรือไม่? ▪ ทาไมเขาถึงเชื่อเช่นนั้น?
  • 19. เคล็ดลับที่ 1 (ต่อ)  ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อท้าทายการคิดโดยใช้ Ladder of Inference คือ  หยุด! ถึงเวลาพิจารณาเหตุผล  ให้ระบุตาแหน่ง ของขั้นที่อยู่บนบันได ▪ การเลือกข้อมูลหรือความเป็นจริง? ▪ การตีความว่าหมายถึงอะไร? ▪ การสร้างหรือทดสอบสมมติฐาน? ▪ การสร้างหรือทดสอบข้อสรุป? ▪ ตัดสินใจว่าจะทาอย่างไร และทาไม?  จากขั้นบันไดในปัจจุบัน วิเคราะห์เหตุผล โดยการลงบันได สิ่งนี้ จะช่วยให้เราสามารถติดตาม ข้อเท็จจริงและความเป็นจริงที่เราใช้
  • 20. เคล็ดลับที่ 1 (ต่อ)  ในแต่ละขั้นตอนถามตัวเองว่า เรากาลังคิดอะไรอยู่และทาไม ขณะวิเคราะห์แต่ละขั้นตอน เรา อาจจาเป็นต้องปรับการให้เหตุผล  คาถามต่อไปนี้ จะช่วยให้เราทางานย้อนหลังได้ (ลงบันไดโดยเริ่มจากด้านบน) คือ ▪ เหตุใดเราจึงเลือกแนวทางการดาเนินการนี้ มีการกระทาอื่น ๆ ที่เราควรพิจารณาอีกหรือไม่? ▪ ความเชื่ออะไรนาไปสู่การกระทานั้น? มันเป็นหลักฐานที่ดีหรือไม่? ▪ ทาไมเราถึงได้ข้อสรุปนั้น เป็นบทสรุปที่ดีหรือไม่? ▪ เรากาลังคาดเดาอะไรอยู่และทาไม? สมมติฐานของเราถูกต้องหรือไม่? ▪ เราเลือกใช้ข้อมูลอะไรและทาไม? เราได้เลือกข้อมูลอย่างจริงจังหรือไม่? ▪ อะไรคือความจริงที่เราควรใช้? มีข้อเท็จจริงอื่นอีกที่เราควรพิจารณาอีกหรือไม่?
  • 21. เคล็ดลับที่ 2  เมื่อเราทางานด้วยเหตุผล ให้ระวังขั้นตอนที่เรามักจะกระโดดข้าม เราตั้งสมมติฐานง่าย เกินไปหรือไม่? เราเลือกเพียงบางส่วนของข้อมูลหรือไม่? จดบันทึกแนวโน้มเพื่อให้เรา เรียนรู้ที่จะทาตามขั้นตอนของการให้เหตุผล ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษในอนาคต  ด้วยความรู้สึกใหม่ของการให้เหตุผล (และอาจเป็นขอบเขตข้อมูลที่กว้างขึ้ นและมีการ พิจารณาที่มากกว่าเดิม) ทาให้เราสามารถทางานต่อไปได้อีกครั้ง (แบบเป็นขั้นเป็น ตอน) ขึ้นไปตามขั้นบันได
  • 22. เคล็ดลับที่ 3  ลองอธิบายเหตุผลของเราต่อเพื่อนร่วมงาน สิ่งนี้ จะช่วยให้เราตรวจสอบว่า ข้อโต้แย้ง ของเรานั้นดีเพียงพอหรือไม่  หากเรากาลังท้าทายข้อสรุปของคนอื่น เป็นสิ่งสาคัญอย่างยิ่ง ที่จะสามารถอธิบายเหตุผล ของเราให้กับบุคคลนั้น ในแบบที่ช่วยให้บรรลุข้อสรุปร่วมกันและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
  • 23. แนวทางทั่วไป  ให้สังเกตว่า ข้อสรุปของเราเป็นข้อสรุปโดยอิงจากการอนุมาน ไม่ใช่ข้อเท็จจริง  ให้สมมติว่า กระบวนการให้เหตุผลของเรา อาจมีช่องว่างหรือข้อผิดพลาดที่เราไม่เห็น  ใช้ตัวอย่างเพื่อแสดงข้อมูลที่เราเลือก ซึ่งนาไปสู่ข้อสรุป  แปลความหมายที่เราได้ยินในสิ่งที่คนอื่นพูด เพื่อตรวจสอบว่าเราเข้าใจถูกต้องหรือไม่  ถามผู้อื่นว่า พวกเขามีวิธีอื่นในการตีความข้อมูล หรือว่าพวกเขาเห็นช่องว่างในความคิดของ เราหรือไม่  ขอให้ผู้อื่นแสดงข้อมูลที่พวกเขาเลือก และความหมายที่พวกเขาแปล
  • 25. กลับลงมา  การหวนกลับ เราต้องถามคาถาม  เป็นคาถามว่า "ทาไม" และ "อะไร" ซึ่งจะ เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ใช้ ในการลงบันได
  • 26. ก้าวไปข้างหน้า  การใช้โมเดลนี้ เราสามารถมองหาช่องว่างในตรรกะได้อย่างมีประสิทธิผล จากนั้น กลับ ขึ้นบันไดอีกครั้ง ในลักษณะที่เป็นตรรกะ  ความล้มเหลวในการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง มีแนวโน้มที่จะจบลง ด้วยการตัดสินใจที่ไม่ดีในตอนท้าย
  • 27. ประเด็นสาคัญ  แนวคิดเบื้องหลัง Ladder of Inference คือ ช่วยเราหลีกเลี่ยงการตัดสินที่ไม่ดี จากประสบการณ์ ที่ผ่านมา อคติ หรือปัจจัยอื่น ๆ  เป็นการอธิบายถึงกระบวนการคิดที่เราทาโดยปกติ ที่ไม่ได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริง ก่อนการ ตัดสินใจหรือการกระทา  ในโมเดลนี้ มีบันไดเจ็ดขั้น ที่เป็นตัวแทนของกระบวนการคิดทั่วไป ที่เราใช้ในการตัดสินใจ  นั่นคือ ความจริงและข้อเท็จจริง, ความเป็นจริงที่เลือก, ความเป็นจริงที่ตีความ, ข้อสันนิษฐาน, ข้อสรุป, ความเชื่อ, และการกระทา  เริ่มต้นที่ด้านล่างสุดของบันได เรามีความเป็นจริงและข้อเท็จจริง ที่คัดเลือกตามความเชื่อและ ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ของเรา
  • 28. ประเด็นสาคัญ (ต่อ)  เราตีความตามสมมติฐานที่มีอยู่ของเรา บางครั้งโดยไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน  เราสรุปโดยอิงจากข้อเท็จจริงที่ถูกตีความและสมมติฐานของเรา และพัฒนาความเชื่อ บนพื้นฐานของข้อสรุปเหล่านี้  จากนั้นเราจะดาเนินการที่ดูเหมือน 'ถูกต้อง' เพราะสิ่งเหล่านั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเชื่อ  เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่จะตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ (แม้ว่าการตัดสินใจเหล่านั้นจะไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง)
  • 29. เราจะใช้ในสถานการณ์ของตนเองได้อย่างไร  1. รู้ข้อจากัดของเราเอง (Be aware of your own limitations) ระวังให้ดีว่า ทุกคนเลือกที่จะกรอง จากประสบการณ์ของตัวเอง ตีความสิ่งที่พวกเขาเห็น สร้างสมมุติฐาน และสรุป ที่อาจเป็นจริง หรือไม่จริงก็ได้ และเราทุกคนมีจุดบอด  2. ถามสมมติฐานของเราและสมมติฐานของผู้อื่น (Question your assumptions and the assumptions of others) ลองถามตัวเองว่า เรามองข้ามอะไรไปหรือเปล่า และขอให้คนอื่น อธิบายสมมติฐานของพวกเขา  3. ทาให้ความคิดของเราชัดเจน (Make your thinking explicit) โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน สถานการณ์ที่ท้าทาย ซึ่งอาจมีข้อขัดแย้งกับข้อสรุปที่ต่างกัน บางครั้งเราต้องชะลอการอธิบาย กระบวนการคิดของเรา และขอให้ผู้อื่นทาเช่นเดียวกัน  ซึ่งพวกเขาอาจเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเรา แต่พวกเขาก็รู้ว่า มีที่มาอย่างไร
  • 30. ผลกระทบสาหรับผู้นา  ผู้นาจะต้องรวบรวมและศึกษาข้อมูลก่อนกระโดดไปสู่ข้อสรุป ความล้มเหลวในการศึกษา ข้อมูลทั้งหมดก่อให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่ดี มีค่าใช้จ่าย และเป็นอันตราย ดังนั้นผู้นาต้อง: ▪ ตระหนักถึงความคิดและการใช้เหตุผลของพวกเขา (สะท้อนความคิดเห็น) ▪ ทาให้คนอื่นเห็นเหตุผลของพวกเขา ▪ ถามสิ่งที่คนอื่นคิด ว่าแตกต่างหรือไม่ อย่างไร ▪ แสวงหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังข้อมูล ▪ ถามว่าทุกคนเห็นด้วยกับข้อมูลหรือไม่ ▪ ให้ความหมายและสมมติฐานอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล ▪ ตระหนักว่า ความหมายและสมมติฐาน ซึ่งไม่ใช่ความจริง ▪ ตรวจสอบสมมติฐานร่วมกับผู้อื่น
  • 31. สรุป  การอนุมานแบบขั้นบันได (The Ladder of Inference) ช่วยให้เราเรียนรู้วิธีกลับไปสู่ ข้อเท็จจริง และใช้ความเชื่อและประสบการณ์เพื่อผลในเชิงบวก แทนที่จะปล่อยให้สิ่ง เหล่านั้นจากัดขอบเขตการตัดสินใจ  Ladder of Inference อธิบายขั้นตอนการคิดที่เราดาเนินการ ซึ่งโดยปกติไม่ได้ตระหนักถึง ข้อเท็จจริง ในการการตัดสินใจหรือการกระทา  การติดตามการใช้เหตุผลทีละขั้นตอนนี้ สามารถนาเราไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ที่ยึดตาม ความเป็นจริง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและความขัดแย้งที่ไม่จาเป็น
  • 32.
  • 33.  https://www.mindtools.com/pages/article/newTMC_91.htm  https://www.toolshero.com/decision-making/ladder-of-inference/  https://thesystemsthinker.com/the-ladder-of-inference/  http://www.free-management-ebooks.com/news/the-ladder-of-inference/  https://www.ucd.ie/t4cms/The%20Ladder%20of%20Inference.pdf  https://synergycommons.net/resources/the-ladder-of-inference/  https://artofleadershipconsulting.com/blog/leadership/mental-models-ladder-of- inference/  https://www.colleaga.org/tools/ladder-inference-avoiding-jumping-conclusions  https://actiondesign.com/resources/readings/ladder-of-inference