SlideShare a Scribd company logo
1 of 77
อาจารย์ ดร.อารยา ผลธัญ ญา และ
คณาจารย์จ ิต วิท ยา
สาขาจิต วิท ยา คณะมนุษ ยศาสตร์
มหาวิท ยาลัย เชีย งใหม่
ว่า ด้ว ยตัว เรามาจากไหนและ
พัฒ นาไปอย่า งไร
พัน ธุก รรม (Heredity)

เป็น ลัก ษณะที่ถ ่า ยทอดจากพ่อ และแม่ เป็น
ตัว กำา หนดลัก ษณะต่า งๆ ของบุค คล ทั้ง ที่
สามารถมองเห็น ได้ และซ่อ นเร้น
โครงสร้า งของกลไกการ
ถ่า ยทอดพัน ธุก รรม

ใน Cell ของมนุษ ย์
ประกอบด้ว ย
โครโมโซม
(Chromosome) ที่
ภายในมีโ ซ่เ กลีย วคู่
ของ DNA ซึ่ง บรรจุย ีน
ส์ (Gene) ที่เ ป็น หน่ว ย
พัน ธุก รรม
โครงสร้า งของกลไกการ
ถ่า ยทอดพัน ธุกโรรม
ปกติแ ล้ว เราจะมี ครโมโซมอยู่ 23 คู่ (46

โครโมโซม) ทำา หน้า ที่ค วบคุม ลัก ษณะต่า งๆ
ของชีว ิต
โครงสร้า งของกลไกการ
ยีน ส์
ถ่า ยทอดพัน ธุก รรม เ ด่น (Dominant Gene)

ยีน ส์ท จ ะแสดงลัก ษณะให้เ ห็น
ี่
เช่น ตาสีน(Recessive
ยีน ส์ด ้อ ย ำ้า ตาล (B)
Gene) ยีน ส์ท ี่ไ ม่ป รากฏ
ลัก ษณะให้เ ห็น ถ้า มีย ีน ส์
เด่น อยู่ เช่น ตาสีฟ ้า (b)
ลัก ษณะพัน ธ์แ ท้ หรือ
Homozygous คือ ลัก ษณะ
ที่ม ีย ีน ส์ท ง คู่เ หมือ นกัน เช่น
ั้
จะเด่น เหมือ นกัน BB อ อ
ลัก ษณะพัน ธ์ท าง หรื หรื
ด้อ ยเหมือ นกัน bbอ ลัก ษณะ
Heterozygous คื
ที่ม ีย ีน ส์เ ด่น 1 และยีน ส์ด ้อ ย
โครงสร้า งของกลไกการ
ถ่ก ษณะที่ป รากฏ ก รรม ลัก ษณะยีน ส์
ลั า ยทอดพัน ธุ
(Phenotype) ป รากฏ
เป็น ลัก ษณะที่
ให้เ ห็น ออกมา

(Genotype)
เป็น ลัก ษณะของยีน ส์
ที่อ ยู่ เบือ งหลัง ของ
้
การแสดงออกมา

ถ้า การห่อ
ลิ้น (D)
เป็น ยีน ส์
เด่น
ถ้า พ่อ แม่ม ส ต า Heterozygous (Bb) ทั้ง คูม ี
ี ี
่
โอกาสกี่ % ลูก จะมีต าสีฟ ้า ???
การถ่า ยทอดพัน ธุก รรมเกี่ย วกับ
โครโมโซมเพศจะบ่ง บอกถึง เพศ
โครโมโซมคูท ี่ 23
่

ชาย หรือ เพศหญิง
หญิง
โครโมโซมจากพ่อ เท่า นัน ที่ก ำา หนด
้

=

XX =
ชาย
XY
โครโมโซมเพศกับ การถ่า ยทอด
พาหะของโรคบางชนิด
โครโมโซม Y ของชาย

จะเล็ก กว่า X หญิง จึง ไม่
สามารถเป็น ตัว พา
ลัก่อ ผสมกัน ต่า งๆได้ ท ี่
เมื ษณะยี บ X ของแม่
เป็น พาหะของโรค เด็ก
ผู้ช าย XY จะแสดง
อาการโรคนัXX ถึง แม้ว ่า
แต่เ ด็ก หญิง ้น ออกมา
แม่จ ะเป็น พาหะ แต่ก ็ไ ม่
แสดงอาการ ออกมา
เพราะยัง มี X เหลือ 1 ตัว
ที่ (Hemophilia)
ั
เช่น โรคเลือ ดไม่แ ข็ง ตัว ย ง เป็น ยีน เด่น อยู่

ตาบอดสีเ ขีย ว-แดง กล้า มเนือ พิก าร
้
ความผิด ปกติข องพัน ธุก รรม
อาจจะเกิด ขึ้น เนื่อ งจากความผิด ปกติข องยีน ส์
ในเซลล์ส ืบ พัน ธ์ เช่น ความผิด พลาดในการ
แบ่ง เซลล์ หรือ มีก ารฉีก ขาดหรือ หัก ไป
ความผิด ปกติข องพัน ธุก รรม
โรคดาวน์ส ซิน โดรม (Down’s
Syndrome)
ความผิด ปกติจ ากการได้
รับ โครโมโซมคูท ี่ 21
่
เกิน ไป 1 โครโมโซม
ส่ง ผลให้บ ค คลมีไ อคิว ตำ่า
ุ
มีส ภาพหน้า ตาที่ต า งจาก
่
คนปกติ
ความผิด ปกติข องพัน ธุก รรม
โรค Klinefelter’s Syndrome
หรือ XXY Syndrome

ความผิด ปกติจ าก
การที่ม ีโ ครโมโซม
เพศ X เพิม มาอีก 1
่
มัก จะเรีย กว่า เป็น
XXY male
มีล ัก ษณะผิด ปกติ
ของการเจริญ เติบ โต
ไปจากชาย คือ มี
ความผิด ปกติข องพัน ธุก รรม
โรค Turner’s Syndrome

โครโมโซมเพศ (23) มีเ พีย
X เดีย ว
ส่ง ผลให้ห ญิง มีต ัว เตี้ย ไม
คอ ไม่ม ีพ ฒ นาการทางเพศ
ั
ในวัย รุ่น
อย่า งไรก็ต าม ความผิด ปกติท างการ
ถ่า ยทอดทางพัน ธุก รรมมีเ ปอร์เ ซ็น ต์น อ ย
้
ลง
 ปัจ จุบ น สามารถทดสอบโครโมโซมเพื่อ
ั
สำา รวจปัญ หาด้า นพัน ธุก รรมได้ ซึ่ง เรีย ก
วิธ น ว ่า แอมนิโ อเซนติซ ิส
ี ี้
(Amniocentisis)

จิตวิทยาพัฒนาการศึกษาพฤติกรรมโดยใช้ทั้ง
จิต วิท ยาพื้น ฐานและจิต วิท ยาประยุก ต์
 หลักพื้นฐานของจิตวิทยาพัฒนาการ :
ประสบการณ์อ ดีต กับ ประสบการณ์
ปัจ จุบ น มีค วามสืบ เนื่อ งกัน
ั
 นักจิตวิทยาพัฒนาการให้ความสนใจลึกลงไป
โดยศึกษาถึงรายละเอียดและความสัมพันธ์อัน
ซับซ้อนของพฤติกรรมต่อเนื่องต่างๆ

ข้อ ควรรู้เ กี่ย วกับ พัฒ นาการ
1. พัฒ นาการที่ส ำา คัญ และจำา เป็น ตามระยะ
เวลา (Critical Period)
พัฒ นาการบางประเภททั้ง ร่า งกายและ

จิต ใจจะมีช ่ว งพัฒ นาการที่ส ำา คัญ และ
จำา เป็น ตามระยะเวลา (Critical Period)
ทางกาย เช่น การ
เจริญ เติบ โตของตัว
Critical
อ่อ นในมดลูก
Period
ทางจิต ใจ เช่น ความ
งอกงามทางจิต ใน
ช่ว งขวบแรกจะ
พัฒ นาความไว้เ นื้อ

succes
s
OK

fail
มีผ ลต่อ
พัฒ นาก
ารขั้น ต่อ
2. วุฒ ิภ าวะ (Maturation)
เป็น ลัก ษณะของการเปลีย นแปลงใน
่
ระยะเวลาใดๆ ก็ไ ด้
เกิด ขึ้น โดย
ธรรมชาติ ไม่
ต้อ งการอาศัย การ
ทำา นายได้
เรีย นรู้จ ากสิ่ง
เป็น ความพร้อ มทีจ ะทำา
่
แวดล้อ ม
พฤติก รรมอัน ใดอัน
หนึ่ง
แต่จ ะต้อ งมีส ิ่ง
แวดล้อ มเอือ อำา นวย
้
ต่อ การพัฒ นา
เป็น ขบวนการสืบ เนื่อ ง
ตลอดชีว ิต
3. อัต ราเร็ว ของการพัฒ นา
พฤติก รรมตามวุฒ ิภ าวะจะมีช ว งเวลาของการ
่
พัฒ นาที่เ กิด ขึ้น ตามธรรมชาติ
จะรู้ไ ด้อ ย่า งไรว่า เป็น
พฤติก รรมตามวุฒ ิภ าวะ
อยู่ใ นสิง
่
อยู่ใ นสิง
่
แวดล้อ มที่ส ง
่
แวดล้อ มที่
เสริม
จำา กัด
พัฒ นาการ
พัฒ นาการ
(Enriched ย บพัฒ(Restricte
เปรีย บเที
นาการ ถ้า
เช่น การมัด
Envi.)แ ตกต่า งกัน ก็แ สดงถึง
d Envi.)
ไม่
ทารกในขวบ
พฤติก รรมนัน เป็น วุฒ ิภ าวะ
้
. 3อัต ราเร็ว ของการพัฒ นา
พฤติก รรมที่อ ยู่ภ ายใต้อ ท ธิพ ลของวุฒ ิ
ิ
ภาวะจะ...
อาศัย ความงอกงามของ

ระบบประสาทและกล้า มเนือ
้
มากกว่ความพร้อ มที่จ ะ ละ
ซึ่ง เป็น า ประสบการณ์แ
ฝึก หัด
แสดงพฤติก รรมเร็ว ช้า แตก
ต่า งกัน ไปในแต่ล ะคน
อย่า งไรก็ต ามจะต้อ งมี
ความสัม พัน ธ์เ กี่ย วเนือ งกับ
่
การเรีย นรู้แ ละฝึก หัด ด้ว ย
เช่น พัฒ นาการทางภาษา
การพูด ฯลฯ


สิ่งแวดล้อมมีความสำาคัญต่อพัฒนาการ..... ซึ่ง
สิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพล ได้แก่
› สิง แวดล้อ มบัน ทอนในวัย เด็ก (Early
่
่
Deprivation)
› สิง แวดล้อ มที่ส ง เสริม (Enriched
่
่
Environments)
ประสบการณ์ใ นวัย เด็ก มีค วาม
สิ่ คัญ มาก....
่
สำาง แวดล้อ มสามารถบัน ทอนหรือ ส่ง เสริม

สิง พัฒ นาการได้
่ แวดล้อ มบัน ทอน (Early Deprivation)
่
สิง แวดล้อ มบัน ทอนเป็น ตัว สกัด กั้น ความ
่
่
เจริญ เติบ โตของสติป ญ ญาและการเรีย นรู้
ั

การนำา ลูก ลิง Rhesus
ไปเลี้ย งในห้อ งมืด ให้
ตาสัม ผัส ความสว่า ง
เพีย งเล็ก น้อ ยเท่า นัน 
้
เมือ เจอแสงสว่า ง……
่
ใช้เ วลาหลายสัป ดาห์
จึง จะทำา งานได้ป กติ
ประสบการณ์ใ นวัย เด็ก มีค วาม
สิ่ คัญ มาก....
่
สำาง แวดล้อ มสามารถบัน ทอนหรือ ส่ง เสริม

พัฒ นาการได้
สิง แวดล้อ มส่ง เสริม (Enriched
่
Environment)
สิง แวดล้อ มที่ด ีจ ะช่ว ยส่ง เสริม พัฒ นาการให้
่
เร็ว ขึ้น และสมบูร ณ์แ บบ
หนูท ี่อ ยู่ใ นกรง
ใหญ่ มีข อง
เล่น จะเรีย นรู้
รวดเร็ว
ประสบการณ์ใ นวัย เด็ก มีค วาม
สิง แวดล้
่
สำา คัญ มาก....อ มส่ง เสริม (Enriched
Environment)

การส่ง เสริม พัฒ นาการความสามารถในการมองเห็น
และกล้า มเนื้อ มือ ของทารก

สิง แวดล้อ มส่ง เสริม จะ
่
ช่ว ยเร่ง พัฒ นาการเมื่อ
ทารกมีว ุฒ ิภ าวะสำา หรับ
พัฒ นาการในเรื่อ งนัน
้
แล้ว
- การจัด สิง แวดล้อ มที่ส ง
่
่
เสริม ......
ประสบการณ์ใ นวัย เด็ก มีค วาม
ความเครีย
สำา คัญ มาก....ดในระยะแรกของชีว ิต

(Early Stress)
การได้ร ับ ความเครีย ดบ้า งพอ
ประมาณเป็น ผลดีต ่อ พัฒ นาการ
เช่น หนูถ ูก ไฟฟ้า ช็อ คด้ว ยไฟฟ้า
อ่อ นๆ ทุก วัน มีพ ัฒ นาการเร็ว
ส่ว นการศึก ษาของนัก
มานุษ ยวิท ยา พบว่า ชายที่ถ ูก
ทารุณ ในวัย เด็ก เมือ เติบ โตขึ้น
่
ความเครีย ดมีผ ลต่อ การ
จะ..........
เติบ โตของร่า งกายใน
ช่ว ง 2 ปีแ รก
ขั้น ของพัฒ นาการ
นัก จิต วิท ยาต้อ งการศึก ษาการ
เปลี่ย นแปลงของร่า งกายและจิต ใจของ
มนุษ ย์ โดยแบ่ง พัฒ นาการออกเป็น ช่ว ง
กว้า งๆ สืบ เนือ งกัน แล้ว พิจ ารณามีก าร
่
เปลี่ย นแปลงในช่ว งนัน อะไรบ้า งที่ส ำา คัญ
้
1. ขัน พัฒ นาการการรู้ก ารคิด ของ
้
เพีย เจท์
 2. ขัน พัฒ นาการการแสวงหาความ
้
พึง พอใจจากอวัย วะส่ว นต่า งๆของ
ร่า งกายของฟรอยด์
 3. ขัน พัฒ นาการทางสัง คมของอิร ิค
้
สัน

ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
Jean Piaget เสนอว่า ในแต่ล ะช่ว งวัย
ของเพีย เจท์

ของเด็ก จะมีพ ัฒ นาการทางการรู้ก าร
คิด ที่แ ตกต่า งกัน ไป
0-2
yrs
2-7
yrs

1. ขั้น ใช้ป ระสาทสัม ผัส และ
กล้า มเนือ
้

2. ขั้น เริ่ม คิด เริ่ม เข้า ใจ (เบื้อ ง
7-11 ต้น / ออกเอง)

yrs
1115yr
s

3. ชั้น ใช้ค วามคิด เชิง รูป
ธรรม
4. ชั้น ใช้ค วามคิด เชิง
นามธรรม
ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
ของเพี ส เจท์
1. ขั้น ใช้ป ระสาทสัม ผัยและกล้า มเนื้อ
ช่ว งแรก
(Sensorimotor ระยะ 2 ขวบแรกของชีว ิต
Period)
ของ
ทารก

วัต ถุค ง
อยู่จ ึง
สนใจ

วัต ถุไ ม่
คงอยู่
จึง ไม่
สนใจ
รับ รู้ว ่า
วัต ถุค งอยู่
แต่ถ ูก ปิด
ไว้

ภาษาพูด ไม่พ ัฒ นา
จะเข้า ใจสิ่ง ต่า งๆเมื่อ มี
ประสบการณ์จ ับ ต้อ งโดยตรง
โดยใช้ส ัม ผัส และกล้า งจากตัว
รู้ว ่า วัต ถุน น แตกต่ า มเนื้อ
ั้

เอง ช่ว งต้น ของวัย ยัง ไม่ร ับ รู้
ถึง การคงอยู่ข องวัต ถุ
(object permanence)
แต่ภ ายหลัง ทารกจะรับ รู้
ว่า วัต ถุย ัง คงอยู่ถ ึง แม้ว ่า
ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด ของ
2. ขัย เริ่ม คิด เริ่ม เข้า ใจ (Preoperational
เพี้น เจท์
Thought Period) ว ง
แบ่ง ออกเป็น 2 ช่

สำา คัญ คือ
2.1 คิด เบือ งต้น
้
(Preoperational) 2-4 ปี

2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้
เหตุผ ลหรือ ตรรกะ
(Intuitive) 4-7 ปี
ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ
ของเพีคิ เจท์

(Preoperational Thought Period)
2.1 คิด เบือ งต้น
้
(Preoperational) 2-4 ปี

คิด เอาแต่ใ จตัว
(Egocentric) ด ของผู้อ
ไม่เ ข้า ใจความคิ
เริ่ม ให้ส ัญ ลัก ษณ์
(Symbol) กับ วัต ถุท ี่ม อง
เห็น
เห็น ความเหมือ นแต่ไ ม่
เห็น ความต่า ง
ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ
ของเพีคิ เจท์

(Preoperational Thought Period)
2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้เ หตุผ ลหรือ

ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี
รู้จ ัก แยกประเภทและแบ
หมวดหมู่
เริ่ม เข้า ใจเลขจำา นวน
เริ่ม พัฒ นาความคิด
เรื่อ งการทรงสภาพ
ของวัต ถุ
(Conservation)
ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ
ของเพีคิ เจท์

(Preoperational Thought Period)
2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้เ หตุผ ลหรือ

ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี
มองเห็น การทรงสภาวะของสาร
ปริม าณของสองสิง ถ้า เปลี่ย นรูป ร่า ง
ประมาณ 5 ขวบ ่
ไปแล้ว ยัง คงสภาพเท่า กัน
ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ
ของเพีคิ เจท์

(Preoperational Thought Period)
2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้เ หตุผ ลหรือ

ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี
มองเห็น การทรงสภาวะของนำ้า
รับ ก ประมาณ เท่า กัน
หนัรู้ว ่า นำ้า หนัก6 ขวบ แม้ว ่า สภาพเดิม
จะเปลี่ย นไป
ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ
ของเพีคิ เจท์

(Preoperational Thought Period)
2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้เ หตุผ ลหรือ

ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี
มองเห็น การทรงสภาวะของ
เริ่ม
ปริม าตร ประมาณ 7 ขวบ มองเห็น ความ
สัม พัน ธ์ก ับ ภาชนะ
บรรจุ เช่น
ของเหลวเท่า กัน
แต่เ ปลี่ย นภาชนะ
บรรจุต ่า งกัน ยัง คง
รับ รู้ว ่า เท่า กัน
การเข้า ใจกฎการทรงสภาวะของวัต ถุ
เกิด ขึ้น เพราะ
วุฒ ิภ าวะหรือ เพราะการฝึก ฝน ????

การทดลอง ......
 เด็กที่เรียนรู้กฎแห่งการทรงสภาวะของวัตถุโดย
ธรรมชาติ จะมีความมั่นใจกว่าเด็กที่เรียนรู้กฎนี้
ด้วยการฝึกฝน
 การฝึกฝนมีผลให้เกิดการเรียนรู้ชั่วคราวเท่านั้น
ไม่มีผลแน่นอนคงทน
 สรุป : การพัฒ นาต้อ งเป็น ไปตามลำา ดับ ขั้น
ตามระยะเวลาของมัน

ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
ของเพีย เจท์
3. ขั้น ใช้ค วามคิด เชิง รูป ธรรม
(Concrete Operation) 7-11 ปี

รู้จ ัก คิด โดยใช้เ หตุผ

ใช้ค วามคิด ย้อ นกลับ
รู้จ ัก แบ่ง แยกจัด หมว
จัด ลำา ดับ ขั้น
ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด
4. ขั้น ใช้ค วามคิด เชิง นามธรรม
ของเพีย เจท์
(Formal Operation) 11-15 ปี

รู้จ ัก คิด โดยไม่ต ้อ งใช้ว ัต ถุ
เป็น สื่อ ด รวบยอดได้
สามารถคิ

รู้จ ัก วิเ คราะห์ ตีค วามหมาย
ทดสอบสมมุต ฐ านได้
ิ
ขั้น พัฒ นาการการแสวงหา
ความพึง พอใจจากอวัย วะส่ว น
ต่า งๆของร่า งกายของฟรอยด์
Sigmund Freud
เสนอว่า บุค คลมี
พัฒ นาการผ่า น 5 ขั้น
ที่เ รีย กว่า
Psychosexual
Development ใน
แต่ล ะขั้น บุค คลอาจ
เกิด ความกัง วลต่า ง ๆ
กัน อัน นำา ไปสูค วาม
่
ขั้น พัฒ นาการการแสวงหา
ความพึง พอใจจากอวัย วะส่ว น
ต่า งๆของร่า งกายของฟรอยด์

แต่ล ะขั้น จะมีอ วัย วะ
สำา คัญ ที่เ ป็น
Erogeneous Zone
คือ เป็น พื้น ที่ๆ สร้า ง
ความพึง พอใจ ให้แ ก่
บุค คล
ถ้า ในแต่ล ะขั้น ของพัฒ นาการ
ได้ร ับ การตอบสนอง
ถูก ต้อ ง เหมาะสม
ผ่า นพัฒ นาการแต่ล ะ
ขั้น ได้ด ้ว ยดี

บุค ลิก ภาพปกติ

ไม่ไ ด้ร ับ การตอบสนองที่ด ี
ไม่ผ า นไปตาม
่
ขั้น ตอน
ต้“เกิด Fixation”
อ งแสวงหาความ
พอใจในขั้น ที่ต ิด
นัน ต่อ ไปเรื่อ ย ๆ
้
บุค ลิก ภาพเป็น ลบ

สุข ภาพจิต ดี

ปัญ หาสุข ภาพจิต
ขั้น พัฒ นาการการแสวงหา
ความพึง พอใจจากอวัย วะส่ว น
ต่า งๆของร่า งกายของฟรอยด์
1. ระยะพึง พอใจทางปาก
(Oral Stage) ตั้ง แต่แ รกเกิด จนถึง

1
ขวบ
ศูน ย์ก ลางความพึง พอใจ
อยู่ท ี่ป าก ห้ค วามเห็น ว่า
ฟรอยด์ใ

ทารกสามารถที่จ ะติด ข้อ ง
(Fixation) ได้ หากระบบ
การให้อ าหาร........

คับ
ข้อ งใ
จ

เกิด นิส ัย ที่
เกี่ย วข้อ ง
กับ ปาก
(Oral

Oraldepende
Oralnt
aggressi

ชอบกิน จุบ จิบ
เอาของเข้า ปาก
เหล้า บุห รี่
ชอบนิน ทา
พูด ให้ร ้า ย
เสีย ดสี สบถ
2. ระยะพึง พอใจทางอวัย วะขับ
ถ่า ย (Anal Stage) งอายุป ระมาณ 1-3
ช่ว Stage)

ขวบ
เกิด ขึ้น ในช่ว งการฝึก
ขับ ถ่า ย เด็ก จะเกิด ความ
พึง พอใจจากการขับอ ย
ควรมีก ารฝึก อย่า งค่
ถ่าน ค่อ ยไป
เป็ ย

มาก
ไป

คับ
ข้อ งใ
พ่อ แม่ไ ม่จ นใจ
ส

ฝึก นิส ัย การขับ

บุค ลิก ขี้จ ุก จิก เจ้า ระเบีย บ ทน
ความผิด พลาดของผูอ น ไม่ไ ด้
้ ื่
ชอบสั่ง การ

เป็น คนดื้อ ร้น ไม่ม ร ะเบีย บ ชอบ
ี
ทำา ตัว ข่ม ผู้อ ื่น
3. ระยะพึง พอใจทางอวัย วะเพศ
(Phallic Stage)ว งอายุป ระมาณ 3-5 ขวบ
ช่
พืน ทีข องความพึง พอใจอยูท ี่
้ ่
่
อวัย วะเพศของตน
จะมีค วามสนใจในพ่อ แม่ท เ ป็น
ี่
เพศตรงข้า มของตน แต่จ ะเกิด
ความริษ ยาต่อ พ่อ แม่ท เ ป็น เพศ
ี่
เดีย วกับ ตน ความขัด แย้ง นี้
เรีย กว่า ปม (Complex)

เด็ก ชายเรีย ก
เด็ก หญิง เรีย ก Electra
Oedipus Complexการเลีย นแบบบทบาท
Complex
มีค วามเกี่ย วพัน กับ
ทางเพศ ของพ่อ แม่ท ี่เ ป็น เพศเดีย วกับ ตน
3. ระยะพึง พอใจทางอวัย วะเพศ
(Phallic Stage)
ตัว อย่า งการอธิบ าย
Oedipus Complex
อิจ ฉา
เด็ก ชาย
รัก แม่

และ
ต้อ งการ
แข่ง ขัน
กับ พ่อ

เก็บ กดไว้
กลัว

แก้ค วามขัด
แย้ง โดย
เลีย นแบบ
บทบาททาง
เพศของพ่อ
ยอมรับ ค่า
นิย ม
บทบาทพ่อ
ซึง ภายหลัง
่
พัฒ นาเป็น
4. ระยะก่อ นวัย รุ่น (Latency
Stage)
ช่ว งอายุป ระมาณ 5-12
ขวบ
ความสนใจจะมุง ไปสูส ง
่
่ ิ่
แวดล้อ มภายนอกแทน
แรงผลัก ดัน ทางเพศนัน
้
จะถูก กดไว้ และพลัง จะ
ปลดปล่อ ยโดยกิจ กรรม
อืน
่
5. ระยะวัย รุ่น (Genital Stage
)
ช่ว งอายุป ระมาณ 12 ขวบ
ขึ้น ไป
ความสนใจเรื่อ งเพศเริ่ม
ตื่น ตัว อีก ครั้ง แต่ม ุ่ง ความ
สนใจที่เ พศตรงข้า มวัย
ใกล้เ คีย งกัน
ขั้น พัฒ นาการการแสวงหา
ความพึง พอใจจากอวัย วะส่ว น
ต่า งๆของร่า งกายของฟรอยด์

Freud เน้น ความ
สำา คัญ ของ 3 ระยะ
แรกที่จ ะมีผ ลต่อ การ
พัฒ นาบุค ลิก ภาพใน
วัย ผู้ใ หญ่ หาก
บุค คลไม่ส ามารถ
ผ่า น 3 ระยะไปได้
ด้ว ยดีก ็จ ะพัฒ นา
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
(Psychosocial Development)

ผูพ ัฒ นาทฤษฎีน ี้ค อ
้
ื
Erik Erikson (19031994)
ในแต่ล ะช่ว งวัย จะมีง าน
หรือ ภารกิจ ตาม
พัฒ นาการ
(Development Task)
ที่บ ค คลจะต้อ งพัฒ นา
ุ
ตนเองให้ไ ด้
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
(Psychosocial Development)
พัฒ นาการทางบุค ลิก ภาพจะพัฒ นา
สืบ เนือ ง ติด ต่อ กัน ไปตลอดชีว ิต ไม่ไ ด้
่
เน้น ความสำา คัญ เฉพาะช่ว งใดช่ว ง
หนึ่ง
การอบรมเลี้ย งดู สัง คมและสิง
่
แวดล้อ มรอบตัว บุค คล
พัฒ นาการทาง
บวก

พัฒ นาการทาง
ลบ
ในแต่ล ะขั้น ตอนของพัฒ นาการทาง
บุค ลิก ภาพ Erikson กล่า วว่า มีโ อกาส
ที่จ ะพัฒ นาไปได้ 2 ทาง

ทางบวก

ทางลบ

บุค ลิก ภาพ
ที่เ หมาะสม

ปัญ หาทาง
ด้า น
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
(Psychosocial อDevelopment)
1. ความไว้ว างใจหรื ความไม่ไ ว้ว างใจผู้

อื่น (Trust VS Mistrust)
ระยะขวบปีแ รก
เด็ก ต้อ งการพึ่ง พาด้า น
กายภาพและจิต ใจจาก
ผูเ ลี้ย งดู
้
ได้ร ับ การเลี้ย งดู
อย่า งอบอุ่น ตอบ
สนองความต้อ งการ
ไม่อ บอุ่น ความ
เด็ก
ต้อ งการไม่ไ ด้ร ับ
การตอบสนอง

พัฒ นาความรู้ส ก ไว้
ึ
วางใจ (Sense of Trust)
ผู้อ ื่น
มีอ าการหวั่น กลัว ไม่ไ ว้
วางใจผู้ใ ดรวมถึง ตนเอง
ด้ว ย
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
2. ความเป็น อิส ระหรือ ความไม่แ น่ใ จ
(Psychosocial Development)

(Autonomy VS Self-doubt)
2-3 ปี
เด็ก จะเริ่ม เรีย นรู้ท ำา
กิจ กรรมด้ว ยตนเอง
ตามเจตจำา นงค์ข อง
ตนเอง
พ่อ แม่ส นับ สนุน
กระตุ้น ให้ท ำา สิ่ง
ต่กงๆด้ง ครัด จัด
ถูา เคร่ ว ยตนเอง
ระเบีย บ ปกป้อ ง
มากเกิน ไป

พัฒ นาความรู้ส ึก ว่า ตนเอง
มีอ ิส ระ มีค วามสามารถที่
จะทำา สิง ต่า งๆด้ว ยตนเอง
่
พัฒ นาความไม่แ น่ใ จใน
ตัว เอง สงสัย ในความ
สามารถตนเอง
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
3. การริเ ริ่ม หรือ รู้ส ก Development)
ึ
(Psychosocialผิด (Initiative VS
Guilt)

พ่อ แม่ส นับ สนุน
กิจ กรรมต่า งๆ
ถูก ควบคุม สอดส่อ ง
ความประพฤติ
ตลอดเวลา

4-5 ปี อวัย วะกลไก
ร่า งกายเริ่ม สมบูร ณ์
เด็ก จะเริ่ม เรีย นรู้ท ี่จ ะ
ริเ ริ่ม หรือ ดำา เนิน
กิจ กรรมด้ว ยตนเอง
เด็ก จะสามารถริเ ริ่ม ทำา
กิจ กรรม
ความรู้ส ก ว่า ตนผิด ตลอด
ึ
เมือ พยายามจะทำา อะไร
่
ด้ว ยตนเอง
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
4. เอาการเอางานหรือ มีป มด้อ ย (Industry
(Psychosocial Development)
VS Inferiority)

พ่อ แม่ส นับ สนุน
ไม่ถ ูก สนับ สนุน

6-11 ปี
เด็ก เรีย นรู้ท ี่จ ะ
สร้า งสรรค์ พึง พอใจที่
จะทำา กิจ กรรมด้ว ย
ตนเอง
พัฒ นาบุค ลิก ภาพเป็น คน
ทีม ค วามเพีย รพยายาม
่ ี
ชอบความท้า ทาย
มีค วามรู้ส ก ตำ่า ต้อ ยด้อ ย
ึ
ค่า
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
5. การค้น พบอัต ลัก ษณ์แ ห่ง ตนหรือ ความ
(Psychosocial Development)

สับ สนในตัว เอง
(Identity VS Role Confusion)
12-18 ปี ธรรมชาติท างเพศ

เปลี่ย นไปจากเด็ก เป็น วัย รุ่น

พ่อ แม่เ ปิด โอกาสให้
เด็ก ได้ส ำา รวจตนเอง
และมีก ารแสดงออก
ความคิด

ไม่ถ ก สนับ สนุน
ู

วัย รุ่น จะพยายามค้น หาอัต
ลัก ษณ์ข องตนเอง แสวงหา
Sense of Self โดยทดสอบ
บทบาทต่า งๆ (Who am I ?)
บูร ณาการเป็น อัต ลัก ษณ์
(Identity) ของตนเอง
สับ สนในบทบาทของ
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
6. ความใกล้ช ด สนิท สนมหรือ ความเปล่า
ิ
(Psychosocial Development)
เปลี่ย ว (Intimacy VS Isolation)ต อนต้น
วัย ผู้ใ หญ่

(Young นีค นทีม ี sense
ต่อ ในขั้นAdult)20-40
้
่
of self ดี รู้จ ัก อัต ลัก ษณ์
ของตน จะสามารถสร้า ง
Will I be น ธ์อ ย่า Or Will
ความสัม พัloved? งใกล้
I ด กั alone?
ชิbe บ ผู้อ น ได้
ื่

รู้จ ัก อัต ลัก ษณ์ข อง
ตนเองดี
สับ สนในอัต ลัก ษณ์
ของตนเอง

สร้า ง แลกเปลี่ย นความ
สัม พัน ธ์อ ย่า งสนิท สนมกับ
ผู้อ ื่น ได้
ไม่ส ามารถสร้า งความ
สัม พัน ธ์ไ ด้
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
7. การอนุเ คราะห์เ กื้อDevelopment)
กูล หรือ เห็น แก่ต ัว
(Psychosocial
(Generativity VS Self-absorption)
วัย ผู้ใ หญ่ต อนกลาง

(Middle Adult) 40-60 ปี
ค้น หาความรู้ส ึก ที่จ ะ
สามารถสร้า งประโยชน์
ให้แ ก่โ ลกได้ (Sense of
Contribution)

ทำา ได้

ริเ ริ่ม สร้า งสรรค์เ พือ สัง คม
่
คิด ถึง ผู้อ ื่น ไม่โ ลภ

ทำา ไม่ไ ด้

หมกมุน กับ ตนเอง มีช ว ิต
่
ี
อย่า งไร้ค วามสุข
ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม
8. ความมั่น ใจทางใจหรือ สิน หวัง (Integrity
้
(Psychosocial Development)
VS Despair)

วัย ผูใ หญ่ต อนปลายหรือ
้
วัย ชรา 60 ปีข ึ้น ไป
นึก ย้อ นไปถึง ชีว ิต ใน
อดีต ของตนเอง
Did I live a
meaningful life?

ชีว ต ทีผ ่า นมาสำา เร็จ
ิ ่

สุข สบายใจ รู้ส ก มัน คง
ึ ่

ชีว ต ทีผ ่า นมาล้ม
ิ ่
เหลว

รู้ส ก ว่า ไม่ส ามารถทนกับ
ึ
ชีว ต ทีส ิ้น หวัง ได้
ิ ่
สรุป พัฒ นาการของมนุษ ย์ใ น
แต่ล ะช่ว งชีว ิต

ทาร เด็ก
ตอน
ก
ต้น

เด็ก
ตอน
ปลาย

วัย
รุ่น

ผู้ใ หญ่ ผู้ใ หญ่ ผู้ใ หญ่
ตอน ตอน ตอน
ต้น กลาง ปลาย

ชรา
พัฒ นาการของมนุษ ย์แ ต่ล ะช่ว งวัย มี
ลัก ษณะเฉพาะ
 ความแตกต่า งของสิง แวดล้อ มรอบ
่
ตัว ในแต่ล ะวัย มีอ ิท ธิพ ลต่อ บุค คลต่า ง
กัน

วัย ทารก (คลอด ถึง 2 ขวบ)
ช่ว ง 2 ปีแ รกสำา คัญ ที่ส ด ใน
ุ
การวางรากฐาน
สภาพแวดล้อ มที่ส ำา คัญ ที่ส ด
ุ
คือ พ่อ แม่ึ้น ลงง่า ยถ้า ไม่ไ ด้
อารมณ์ข

รับ การตอบสนอง ไม่ค วรให้
เด็ก อยู ร ับ ความอบอุ่น เด็ก
การได้่ใ นภาวะอารมณ์ล บ
จะเรีย นรู้ท ี่จ ะรัก บุค คลอื่น ๆ
และประสบการณ์ใ นวัย นีจ ะ
้
นำา ไปสูม โนภาพที่เ กี่ย วกับ
่
ตัว ของเขาเอง
ตั้ง แต่อ ายุ 2 ขวบ จนถึง 11-12 ขวบ
 แบ่ง ออกเป็น 2 ช่ว ง คือ


วัย เด็ก ตอนต้น (2-6 วัย เด็ก ตอนปลาย (6-12 ข
ขวบ)
วัย เด็ก ตอนต้น

วัย เด็ก ตอนต้น (2 – 6 ปี)

มีล ก ษณะเด่น คือ ความรู้ส ึก
ั
ดื้อ ดึง ต่อ พ่อ แม่, negativistic
เริ่ม ช่ว ยตัว เองได้
การเล่น จะช่ว ยส่ง เสริม
พัฒ นาการของเด็ก ทุก ๆ ด้า น
เด็ก จะมีค วามอยากรู้อ ยากเห็น
“play is children business”
พัฒ นาอารมณ์อ จ ฉา เด็ก มี
ิ
อารมณ์ป ระเภทต่า งๆ เหมือ น
ผู้ใ หญ่
วัย เด็ก ตอนต้น
การคบเพื่อ นวัย เดีย วกัน แต่
ไม่ร าบรื่น นัก
เพราะยึด ตนเองเป็น
ศูน ย์ก ลาง
พัฒ นาการเล่น แบบโลก
สมมุต ิ
เป็น ระยะที่เ ริ่ม ต้น สอนศีล
ธรรมจริย ธรรม
ให้แ ก่
เด็ก ได้บ า งแล้ว
้
วัย เด็ก ตอนปลาย
วัย เด็ก ตอนปลาย (6 – 12 ปี)
ลัก ษณะเด่น ในช่ว งนี้ ได้แ ก่
พัฒ นาการทางด้า นสัง คม
และพัฒ นาการด้มกับ ผูอ น
เรีย นรู้ก ารอยู่ร ่ว า นอารมณ์
้ ื่
เริ่ม มีก ลุ่ม ของตน (peer
group) การรู้จ ัก รวมกลุม
่
ของเด็ก สร้า งนิส ย แข่ง ขัน
ั
รัก พวกพ้อ ง อย่า งเหมือ น
ลดความเอาแต่
มีอ ารมณ์ท ุก
ใจลง ท ั้ง่ม รู้จ ัก กฎ ระเบีย บ
เริ แง่บ วกและแง่ล บ
ผูใ หญ่
้
และเรีย นรู้ก ารควบคุม
วัย รุ่น
วัย รุ่น (12 – 20
ปี)
เป็น วัย ที่ส ำา คัญ และ

บุค คลต้อ งปรับ ตัว อย่า ง
ยากลำา บากระยะหนึง
่
ของชีว ิต พัฒ นาการทุก
ด้า นเป็น ไปอย่า ง
มีพ ัฒ นาการทางกายเด่น ชัด พัฒ นา
รวดเร็ว
ลัก ษณะทุต ิย ภูม ิท างเพศ เด็ก ผูห ญิง มีแ นว
้
โน้ม ที่จ ะพัฒ นาการด้า นต่า งๆ ในการเข้า
สู่ ฒ นาการทางความคิด
พัว ัย รุ่น เร็ว กว่า เด็ก ชาย
เจริญ ถึง ขีด สุด
วัย รุ่น
มีก ารเปลี่ย นแปลงทาง
อารมณ์ง ่า ย มีค วามอ่อ นไหว
มีค วามเข้ม ของอารมณ์ส ง
ู
พัฒ นาการทางสัง คม ชอบ
คบเพื่อ นเป็น กลุ่ม ก้อ นรุ่น
เดีย วกัน เพื่อ นมีอ ิท ธิพ ลมาก
มีก ารพัฒ นาความรู้ส ึก
นับ ถือ คนเก่ง (heroic
worship)
ในช่วงวัยรุ่นเป็นระยะที่เด็กจะต้องพบและแก้ปญหา
ั
ของเขาทั้งด้วยตนเองและด้วยความช่วยเหลือแนะนำา
จากผูใหญ่
้
 ปัญหาวัยรุ่น เช่น.....
 การแก้ปญหาของวัยรุ่นตกอยู่ภายใต้อิทธิพล
ั
ของ......
 วัยรุ่นที่สามารถเผชิญปัญหาประจำาวันและแก้ไข
ปัญหาของเขาได้อย่างดี คือ วัยรุ่นที่มความสุขและ
ี
จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำาเร็จในภายหน้า

วัย ผู้ใ หญ่ต อนต้น
วัย หนุม สาวหรือ วัย ฉกรรจ์
่
(Youth)
มีพ ัฒ นาการเจริญ ขีด สุด เริ่ม
ประกอบอาชีพ ตามความ
สนใจ ใจทำต้น จ กรรมด้ว ย
ตัด สิน เริ่ม า กิสร้า ง
ครอบครัวส ระ แต่บ างครั้ง จะ
ตนเองมีอ ิ ใหม่
ต้อ งการพึ่ง พาพ่อ แม่อ ยู่
วางเป้า หมายในอาชีพ ของ
ตนเอง
วัย ผู้ใ หญ่ต อนต้น
ปรับ ตัว ต่อ สามีภ รรยา และ
หน้า ที่พ ่อ แม่
การเปลี่ย นแปลงความสนใจ
ผูใ หญ่ใ นวัย นีใ ห้ค วามสนใจ
้
้
ในสิง ต่า งๆ หลายด้า น
่
คาดคะเนอนาคตของ
ตนเอง ปรับ ตัว ตามแผน
ชีว ิต
พยายามทำา ความรู้จ ัก ตนเอง
ในความสามารถ
วัย กลางคน หรือ ผู้ใ หญ่ต อนกลาง
มีค วามมัน คงทางเศรษฐกิจ
่
และสัง คม มีค วามก้า วหน้า
ทางการงาน
สุข ภาพ ร่า งกายยัง ทำา งาน
มีป ระสิท ธิภ าพแต่อ าจเริ่ม มี
ปัญ หาสายตายาว
Metabolism เปลี่ย นแปลง
ความเป็น พ่อ แม่ เริ่ม รู้ส ก
ึ
ไป
“บ้า นว่า งเปล่า ”
เริ่ม มีก ิจ กรรมทางสัง คม
นอกบ้า น
วัย ผู้ใ หญ่ต อนปลาย
สุข ภาพร่า งกายเริ่ม
เสือ มโทรมลง
่
คนทำา งานในวัย นีจ ะมี
้
ตำา แหน่ง สูง สถานะดี
เรีย นรู้ช า ลง ต่อ ต้า นการ
้
เปลี่ย นแปลง
ความต้อ งการและแรงขับ ทางร่า งกายลดลง
สมรรถภาพทางเพศลดลง
เริ่ม รับ รู้ค วามเป็น จริง ว่า ตนเองกำา ลัง เสือ มลง
่
โดยรวมแล้ว พัฒ นาการของบุค คลในวัย นี้เ ป็น
ไปในทางเสือ มลง
่
วัย ชรา
อวัย วะรับ สัม ผัส เสือ ม การ
่
ประสานกัน ของอวัย วะต่า ง
ๆ ลดประสิท ธิภ าพ
ความสามารถในการคิด แก้
ปัญ หา คิด วางแผนลดลง
เศร้า ใจเกี่ย วกับ เรื่อ ง
ของความตาย

More Related Content

What's hot

พัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดซิกมันฟรอยด์
พัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดซิกมันฟรอยด์พัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดซิกมันฟรอยด์
พัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดซิกมันฟรอยด์Wuttipong Tubkrathok
 
083จิตวิทยาสอนวัยรุ่น
083จิตวิทยาสอนวัยรุ่น083จิตวิทยาสอนวัยรุ่น
083จิตวิทยาสอนวัยรุ่นniralai
 
Original havighurst
Original havighurstOriginal havighurst
Original havighurstpattamasatun
 
ฟรอยด์
ฟรอยด์ฟรอยด์
ฟรอยด์shedah6381
 
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศNan Natni
 
กลุ่มที่1ฟรอยด์
กลุ่มที่1ฟรอยด์กลุ่มที่1ฟรอยด์
กลุ่มที่1ฟรอยด์shedah6381
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2pattamasatun
 
02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการaaesahasmat
 
มอต้นน้ำ
มอต้นน้ำมอต้นน้ำ
มอต้นน้ำOraya Boonthai
 

What's hot (11)

พัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดซิกมันฟรอยด์
พัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดซิกมันฟรอยด์พัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดซิกมันฟรอยด์
พัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดซิกมันฟรอยด์
 
083จิตวิทยาสอนวัยรุ่น
083จิตวิทยาสอนวัยรุ่น083จิตวิทยาสอนวัยรุ่น
083จิตวิทยาสอนวัยรุ่น
 
Original havighurst
Original havighurstOriginal havighurst
Original havighurst
 
ฟรอยด์
ฟรอยด์ฟรอยด์
ฟรอยด์
 
Original kohlberg
Original kohlbergOriginal kohlberg
Original kohlberg
 
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
 
กลุ่มที่1ฟรอยด์
กลุ่มที่1ฟรอยด์กลุ่มที่1ฟรอยด์
กลุ่มที่1ฟรอยด์
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2
 
02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ
 
มอต้น
มอต้นมอต้น
มอต้น
 
มอต้นน้ำ
มอต้นน้ำมอต้นน้ำ
มอต้นน้ำ
 

Similar to พัฒนาการของพฤติกรรมมนุษย์ Present2

เสถียรธรรมสถาน1 Copy
เสถียรธรรมสถาน1   Copyเสถียรธรรมสถาน1   Copy
เสถียรธรรมสถาน1 CopyVolunteer SdsElite
 
พันธุกรรม2
พันธุกรรม2พันธุกรรม2
พันธุกรรม2wijitcom
 
แบบฝึกหัดสุขศึกษา
แบบฝึกหัดสุขศึกษาแบบฝึกหัดสุขศึกษา
แบบฝึกหัดสุขศึกษาkrulam007
 
แบบฝึกหัดสุขศึกษา
แบบฝึกหัดสุขศึกษาแบบฝึกหัดสุขศึกษา
แบบฝึกหัดสุขศึกษาkrulam007
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1New Born
 
งานออกแบบสื่อ
งานออกแบบสื่องานออกแบบสื่อ
งานออกแบบสื่อMicKy Mesprasart
 
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2Kobchai Khamboonruang
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตฟลุ๊ค ลำพูน
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตIssara Mo
 
สิ่งพิมพ์12
สิ่งพิมพ์12สิ่งพิมพ์12
สิ่งพิมพ์12PaChArIn27
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์math015
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์sofia-m15
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์nurul027
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์saleehah053
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์math015
 

Similar to พัฒนาการของพฤติกรรมมนุษย์ Present2 (20)

เสถียรธรรมสถาน1 Copy
เสถียรธรรมสถาน1   Copyเสถียรธรรมสถาน1   Copy
เสถียรธรรมสถาน1 Copy
 
พันธุกรรม2
พันธุกรรม2พันธุกรรม2
พันธุกรรม2
 
1051202 จิตวิทยาการเรียนรู้ ชุด 1
1051202 จิตวิทยาการเรียนรู้ ชุด 11051202 จิตวิทยาการเรียนรู้ ชุด 1
1051202 จิตวิทยาการเรียนรู้ ชุด 1
 
แบบฝึกหัดสุขศึกษา
แบบฝึกหัดสุขศึกษาแบบฝึกหัดสุขศึกษา
แบบฝึกหัดสุขศึกษา
 
แบบฝึกหัดสุขศึกษา
แบบฝึกหัดสุขศึกษาแบบฝึกหัดสุขศึกษา
แบบฝึกหัดสุขศึกษา
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
งานออกแบบสื่อ
งานออกแบบสื่องานออกแบบสื่อ
งานออกแบบสื่อ
 
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
 
1
11
1
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
1
11
1
 
Health
HealthHealth
Health
 
สิ่งพิมพ์12
สิ่งพิมพ์12สิ่งพิมพ์12
สิ่งพิมพ์12
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 

พัฒนาการของพฤติกรรมมนุษย์ Present2

  • 1. อาจารย์ ดร.อารยา ผลธัญ ญา และ คณาจารย์จ ิต วิท ยา สาขาจิต วิท ยา คณะมนุษ ยศาสตร์ มหาวิท ยาลัย เชีย งใหม่
  • 2. ว่า ด้ว ยตัว เรามาจากไหนและ พัฒ นาไปอย่า งไร
  • 3.
  • 4. พัน ธุก รรม (Heredity) เป็น ลัก ษณะที่ถ ่า ยทอดจากพ่อ และแม่ เป็น ตัว กำา หนดลัก ษณะต่า งๆ ของบุค คล ทั้ง ที่ สามารถมองเห็น ได้ และซ่อ นเร้น
  • 5. โครงสร้า งของกลไกการ ถ่า ยทอดพัน ธุก รรม ใน Cell ของมนุษ ย์ ประกอบด้ว ย โครโมโซม (Chromosome) ที่ ภายในมีโ ซ่เ กลีย วคู่ ของ DNA ซึ่ง บรรจุย ีน ส์ (Gene) ที่เ ป็น หน่ว ย พัน ธุก รรม
  • 6. โครงสร้า งของกลไกการ ถ่า ยทอดพัน ธุกโรรม ปกติแ ล้ว เราจะมี ครโมโซมอยู่ 23 คู่ (46 โครโมโซม) ทำา หน้า ที่ค วบคุม ลัก ษณะต่า งๆ ของชีว ิต
  • 7. โครงสร้า งของกลไกการ ยีน ส์ ถ่า ยทอดพัน ธุก รรม เ ด่น (Dominant Gene) ยีน ส์ท จ ะแสดงลัก ษณะให้เ ห็น ี่ เช่น ตาสีน(Recessive ยีน ส์ด ้อ ย ำ้า ตาล (B) Gene) ยีน ส์ท ี่ไ ม่ป รากฏ ลัก ษณะให้เ ห็น ถ้า มีย ีน ส์ เด่น อยู่ เช่น ตาสีฟ ้า (b) ลัก ษณะพัน ธ์แ ท้ หรือ Homozygous คือ ลัก ษณะ ที่ม ีย ีน ส์ท ง คู่เ หมือ นกัน เช่น ั้ จะเด่น เหมือ นกัน BB อ อ ลัก ษณะพัน ธ์ท าง หรื หรื ด้อ ยเหมือ นกัน bbอ ลัก ษณะ Heterozygous คื ที่ม ีย ีน ส์เ ด่น 1 และยีน ส์ด ้อ ย
  • 8. โครงสร้า งของกลไกการ ถ่ก ษณะที่ป รากฏ ก รรม ลัก ษณะยีน ส์ ลั า ยทอดพัน ธุ (Phenotype) ป รากฏ เป็น ลัก ษณะที่ ให้เ ห็น ออกมา (Genotype) เป็น ลัก ษณะของยีน ส์ ที่อ ยู่ เบือ งหลัง ของ ้ การแสดงออกมา ถ้า การห่อ ลิ้น (D) เป็น ยีน ส์ เด่น
  • 9. ถ้า พ่อ แม่ม ส ต า Heterozygous (Bb) ทั้ง คูม ี ี ี ่ โอกาสกี่ % ลูก จะมีต าสีฟ ้า ???
  • 10. การถ่า ยทอดพัน ธุก รรมเกี่ย วกับ โครโมโซมเพศจะบ่ง บอกถึง เพศ โครโมโซมคูท ี่ 23 ่ ชาย หรือ เพศหญิง หญิง โครโมโซมจากพ่อ เท่า นัน ที่ก ำา หนด ้ = XX = ชาย XY
  • 11. โครโมโซมเพศกับ การถ่า ยทอด พาหะของโรคบางชนิด โครโมโซม Y ของชาย จะเล็ก กว่า X หญิง จึง ไม่ สามารถเป็น ตัว พา ลัก่อ ผสมกัน ต่า งๆได้ ท ี่ เมื ษณะยี บ X ของแม่ เป็น พาหะของโรค เด็ก ผู้ช าย XY จะแสดง อาการโรคนัXX ถึง แม้ว ่า แต่เ ด็ก หญิง ้น ออกมา แม่จ ะเป็น พาหะ แต่ก ็ไ ม่ แสดงอาการ ออกมา เพราะยัง มี X เหลือ 1 ตัว ที่ (Hemophilia) ั เช่น โรคเลือ ดไม่แ ข็ง ตัว ย ง เป็น ยีน เด่น อยู่ ตาบอดสีเ ขีย ว-แดง กล้า มเนือ พิก าร ้
  • 12. ความผิด ปกติข องพัน ธุก รรม อาจจะเกิด ขึ้น เนื่อ งจากความผิด ปกติข องยีน ส์ ในเซลล์ส ืบ พัน ธ์ เช่น ความผิด พลาดในการ แบ่ง เซลล์ หรือ มีก ารฉีก ขาดหรือ หัก ไป
  • 13. ความผิด ปกติข องพัน ธุก รรม โรคดาวน์ส ซิน โดรม (Down’s Syndrome) ความผิด ปกติจ ากการได้ รับ โครโมโซมคูท ี่ 21 ่ เกิน ไป 1 โครโมโซม ส่ง ผลให้บ ค คลมีไ อคิว ตำ่า ุ มีส ภาพหน้า ตาที่ต า งจาก ่ คนปกติ
  • 14. ความผิด ปกติข องพัน ธุก รรม โรค Klinefelter’s Syndrome หรือ XXY Syndrome ความผิด ปกติจ าก การที่ม ีโ ครโมโซม เพศ X เพิม มาอีก 1 ่ มัก จะเรีย กว่า เป็น XXY male มีล ัก ษณะผิด ปกติ ของการเจริญ เติบ โต ไปจากชาย คือ มี
  • 15. ความผิด ปกติข องพัน ธุก รรม โรค Turner’s Syndrome โครโมโซมเพศ (23) มีเ พีย X เดีย ว ส่ง ผลให้ห ญิง มีต ัว เตี้ย ไม คอ ไม่ม ีพ ฒ นาการทางเพศ ั ในวัย รุ่น
  • 16. อย่า งไรก็ต าม ความผิด ปกติท างการ ถ่า ยทอดทางพัน ธุก รรมมีเ ปอร์เ ซ็น ต์น อ ย ้ ลง  ปัจ จุบ น สามารถทดสอบโครโมโซมเพื่อ ั สำา รวจปัญ หาด้า นพัน ธุก รรมได้ ซึ่ง เรีย ก วิธ น ว ่า แอมนิโ อเซนติซ ิส ี ี้ (Amniocentisis) 
  • 17. จิตวิทยาพัฒนาการศึกษาพฤติกรรมโดยใช้ทั้ง จิต วิท ยาพื้น ฐานและจิต วิท ยาประยุก ต์  หลักพื้นฐานของจิตวิทยาพัฒนาการ : ประสบการณ์อ ดีต กับ ประสบการณ์ ปัจ จุบ น มีค วามสืบ เนื่อ งกัน ั  นักจิตวิทยาพัฒนาการให้ความสนใจลึกลงไป โดยศึกษาถึงรายละเอียดและความสัมพันธ์อัน ซับซ้อนของพฤติกรรมต่อเนื่องต่างๆ 
  • 18. ข้อ ควรรู้เ กี่ย วกับ พัฒ นาการ 1. พัฒ นาการที่ส ำา คัญ และจำา เป็น ตามระยะ เวลา (Critical Period) พัฒ นาการบางประเภททั้ง ร่า งกายและ จิต ใจจะมีช ่ว งพัฒ นาการที่ส ำา คัญ และ จำา เป็น ตามระยะเวลา (Critical Period) ทางกาย เช่น การ เจริญ เติบ โตของตัว Critical อ่อ นในมดลูก Period ทางจิต ใจ เช่น ความ งอกงามทางจิต ใน ช่ว งขวบแรกจะ พัฒ นาความไว้เ นื้อ succes s OK fail มีผ ลต่อ พัฒ นาก ารขั้น ต่อ
  • 19. 2. วุฒ ิภ าวะ (Maturation) เป็น ลัก ษณะของการเปลีย นแปลงใน ่ ระยะเวลาใดๆ ก็ไ ด้ เกิด ขึ้น โดย ธรรมชาติ ไม่ ต้อ งการอาศัย การ ทำา นายได้ เรีย นรู้จ ากสิ่ง เป็น ความพร้อ มทีจ ะทำา ่ แวดล้อ ม พฤติก รรมอัน ใดอัน หนึ่ง แต่จ ะต้อ งมีส ิ่ง แวดล้อ มเอือ อำา นวย ้ ต่อ การพัฒ นา เป็น ขบวนการสืบ เนื่อ ง ตลอดชีว ิต
  • 20. 3. อัต ราเร็ว ของการพัฒ นา พฤติก รรมตามวุฒ ิภ าวะจะมีช ว งเวลาของการ ่ พัฒ นาที่เ กิด ขึ้น ตามธรรมชาติ จะรู้ไ ด้อ ย่า งไรว่า เป็น พฤติก รรมตามวุฒ ิภ าวะ อยู่ใ นสิง ่ อยู่ใ นสิง ่ แวดล้อ มที่ส ง ่ แวดล้อ มที่ เสริม จำา กัด พัฒ นาการ พัฒ นาการ (Enriched ย บพัฒ(Restricte เปรีย บเที นาการ ถ้า เช่น การมัด Envi.)แ ตกต่า งกัน ก็แ สดงถึง d Envi.) ไม่ ทารกในขวบ พฤติก รรมนัน เป็น วุฒ ิภ าวะ ้
  • 21. . 3อัต ราเร็ว ของการพัฒ นา พฤติก รรมที่อ ยู่ภ ายใต้อ ท ธิพ ลของวุฒ ิ ิ ภาวะจะ... อาศัย ความงอกงามของ ระบบประสาทและกล้า มเนือ ้ มากกว่ความพร้อ มที่จ ะ ละ ซึ่ง เป็น า ประสบการณ์แ ฝึก หัด แสดงพฤติก รรมเร็ว ช้า แตก ต่า งกัน ไปในแต่ล ะคน อย่า งไรก็ต ามจะต้อ งมี ความสัม พัน ธ์เ กี่ย วเนือ งกับ ่ การเรีย นรู้แ ละฝึก หัด ด้ว ย เช่น พัฒ นาการทางภาษา การพูด ฯลฯ
  • 22.  สิ่งแวดล้อมมีความสำาคัญต่อพัฒนาการ..... ซึ่ง สิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพล ได้แก่ › สิง แวดล้อ มบัน ทอนในวัย เด็ก (Early ่ ่ Deprivation) › สิง แวดล้อ มที่ส ง เสริม (Enriched ่ ่ Environments)
  • 23. ประสบการณ์ใ นวัย เด็ก มีค วาม สิ่ คัญ มาก.... ่ สำาง แวดล้อ มสามารถบัน ทอนหรือ ส่ง เสริม สิง พัฒ นาการได้ ่ แวดล้อ มบัน ทอน (Early Deprivation) ่ สิง แวดล้อ มบัน ทอนเป็น ตัว สกัด กั้น ความ ่ ่ เจริญ เติบ โตของสติป ญ ญาและการเรีย นรู้ ั การนำา ลูก ลิง Rhesus ไปเลี้ย งในห้อ งมืด ให้ ตาสัม ผัส ความสว่า ง เพีย งเล็ก น้อ ยเท่า นัน  ้ เมือ เจอแสงสว่า ง…… ่ ใช้เ วลาหลายสัป ดาห์ จึง จะทำา งานได้ป กติ
  • 24. ประสบการณ์ใ นวัย เด็ก มีค วาม สิ่ คัญ มาก.... ่ สำาง แวดล้อ มสามารถบัน ทอนหรือ ส่ง เสริม พัฒ นาการได้ สิง แวดล้อ มส่ง เสริม (Enriched ่ Environment) สิง แวดล้อ มที่ด ีจ ะช่ว ยส่ง เสริม พัฒ นาการให้ ่ เร็ว ขึ้น และสมบูร ณ์แ บบ หนูท ี่อ ยู่ใ นกรง ใหญ่ มีข อง เล่น จะเรีย นรู้ รวดเร็ว
  • 25. ประสบการณ์ใ นวัย เด็ก มีค วาม สิง แวดล้ ่ สำา คัญ มาก....อ มส่ง เสริม (Enriched Environment) การส่ง เสริม พัฒ นาการความสามารถในการมองเห็น และกล้า มเนื้อ มือ ของทารก สิง แวดล้อ มส่ง เสริม จะ ่ ช่ว ยเร่ง พัฒ นาการเมื่อ ทารกมีว ุฒ ิภ าวะสำา หรับ พัฒ นาการในเรื่อ งนัน ้ แล้ว - การจัด สิง แวดล้อ มที่ส ง ่ ่ เสริม ......
  • 26. ประสบการณ์ใ นวัย เด็ก มีค วาม ความเครีย สำา คัญ มาก....ดในระยะแรกของชีว ิต (Early Stress) การได้ร ับ ความเครีย ดบ้า งพอ ประมาณเป็น ผลดีต ่อ พัฒ นาการ เช่น หนูถ ูก ไฟฟ้า ช็อ คด้ว ยไฟฟ้า อ่อ นๆ ทุก วัน มีพ ัฒ นาการเร็ว ส่ว นการศึก ษาของนัก มานุษ ยวิท ยา พบว่า ชายที่ถ ูก ทารุณ ในวัย เด็ก เมือ เติบ โตขึ้น ่ ความเครีย ดมีผ ลต่อ การ จะ.......... เติบ โตของร่า งกายใน ช่ว ง 2 ปีแ รก
  • 27. ขั้น ของพัฒ นาการ นัก จิต วิท ยาต้อ งการศึก ษาการ เปลี่ย นแปลงของร่า งกายและจิต ใจของ มนุษ ย์ โดยแบ่ง พัฒ นาการออกเป็น ช่ว ง กว้า งๆ สืบ เนือ งกัน แล้ว พิจ ารณามีก าร ่ เปลี่ย นแปลงในช่ว งนัน อะไรบ้า งที่ส ำา คัญ ้
  • 28. 1. ขัน พัฒ นาการการรู้ก ารคิด ของ ้ เพีย เจท์  2. ขัน พัฒ นาการการแสวงหาความ ้ พึง พอใจจากอวัย วะส่ว นต่า งๆของ ร่า งกายของฟรอยด์  3. ขัน พัฒ นาการทางสัง คมของอิร ิค ้ สัน 
  • 29. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด Jean Piaget เสนอว่า ในแต่ล ะช่ว งวัย ของเพีย เจท์ ของเด็ก จะมีพ ัฒ นาการทางการรู้ก าร คิด ที่แ ตกต่า งกัน ไป 0-2 yrs 2-7 yrs 1. ขั้น ใช้ป ระสาทสัม ผัส และ กล้า มเนือ ้ 2. ขั้น เริ่ม คิด เริ่ม เข้า ใจ (เบื้อ ง 7-11 ต้น / ออกเอง) yrs 1115yr s 3. ชั้น ใช้ค วามคิด เชิง รูป ธรรม 4. ชั้น ใช้ค วามคิด เชิง นามธรรม
  • 30. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด ของเพี ส เจท์ 1. ขั้น ใช้ป ระสาทสัม ผัยและกล้า มเนื้อ ช่ว งแรก (Sensorimotor ระยะ 2 ขวบแรกของชีว ิต Period) ของ ทารก วัต ถุค ง อยู่จ ึง สนใจ วัต ถุไ ม่ คงอยู่ จึง ไม่ สนใจ รับ รู้ว ่า วัต ถุค งอยู่ แต่ถ ูก ปิด ไว้ ภาษาพูด ไม่พ ัฒ นา จะเข้า ใจสิ่ง ต่า งๆเมื่อ มี ประสบการณ์จ ับ ต้อ งโดยตรง โดยใช้ส ัม ผัส และกล้า งจากตัว รู้ว ่า วัต ถุน น แตกต่ า มเนื้อ ั้ เอง ช่ว งต้น ของวัย ยัง ไม่ร ับ รู้ ถึง การคงอยู่ข องวัต ถุ (object permanence) แต่ภ ายหลัง ทารกจะรับ รู้ ว่า วัต ถุย ัง คงอยู่ถ ึง แม้ว ่า
  • 31. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด ของ 2. ขัย เริ่ม คิด เริ่ม เข้า ใจ (Preoperational เพี้น เจท์ Thought Period) ว ง แบ่ง ออกเป็น 2 ช่ สำา คัญ คือ 2.1 คิด เบือ งต้น ้ (Preoperational) 2-4 ปี 2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้ เหตุผ ลหรือ ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี
  • 32. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด 2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ ของเพีคิ เจท์ (Preoperational Thought Period) 2.1 คิด เบือ งต้น ้ (Preoperational) 2-4 ปี คิด เอาแต่ใ จตัว (Egocentric) ด ของผู้อ ไม่เ ข้า ใจความคิ เริ่ม ให้ส ัญ ลัก ษณ์ (Symbol) กับ วัต ถุท ี่ม อง เห็น เห็น ความเหมือ นแต่ไ ม่ เห็น ความต่า ง
  • 33. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด 2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ ของเพีคิ เจท์ (Preoperational Thought Period) 2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้เ หตุผ ลหรือ ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี รู้จ ัก แยกประเภทและแบ หมวดหมู่ เริ่ม เข้า ใจเลขจำา นวน เริ่ม พัฒ นาความคิด เรื่อ งการทรงสภาพ ของวัต ถุ (Conservation)
  • 34. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด 2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ ของเพีคิ เจท์ (Preoperational Thought Period) 2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้เ หตุผ ลหรือ ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี มองเห็น การทรงสภาวะของสาร ปริม าณของสองสิง ถ้า เปลี่ย นรูป ร่า ง ประมาณ 5 ขวบ ่ ไปแล้ว ยัง คงสภาพเท่า กัน
  • 35. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด 2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ ของเพีคิ เจท์ (Preoperational Thought Period) 2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้เ หตุผ ลหรือ ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี มองเห็น การทรงสภาวะของนำ้า รับ ก ประมาณ เท่า กัน หนัรู้ว ่า นำ้า หนัก6 ขวบ แม้ว ่า สภาพเดิม จะเปลี่ย นไป
  • 36. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด 2. ขั้น เริ่ม ยด เริ่ม เข้า ใจ ของเพีคิ เจท์ (Preoperational Thought Period) 2.2 คิด ออกเองโดยยัง ไม่ใ ช้เ หตุผ ลหรือ ตรรกะ (Intuitive) 4-7 ปี มองเห็น การทรงสภาวะของ เริ่ม ปริม าตร ประมาณ 7 ขวบ มองเห็น ความ สัม พัน ธ์ก ับ ภาชนะ บรรจุ เช่น ของเหลวเท่า กัน แต่เ ปลี่ย นภาชนะ บรรจุต ่า งกัน ยัง คง รับ รู้ว ่า เท่า กัน
  • 37. การเข้า ใจกฎการทรงสภาวะของวัต ถุ เกิด ขึ้น เพราะ วุฒ ิภ าวะหรือ เพราะการฝึก ฝน ???? การทดลอง ......  เด็กที่เรียนรู้กฎแห่งการทรงสภาวะของวัตถุโดย ธรรมชาติ จะมีความมั่นใจกว่าเด็กที่เรียนรู้กฎนี้ ด้วยการฝึกฝน  การฝึกฝนมีผลให้เกิดการเรียนรู้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีผลแน่นอนคงทน  สรุป : การพัฒ นาต้อ งเป็น ไปตามลำา ดับ ขั้น ตามระยะเวลาของมัน 
  • 38. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด ของเพีย เจท์ 3. ขั้น ใช้ค วามคิด เชิง รูป ธรรม (Concrete Operation) 7-11 ปี รู้จ ัก คิด โดยใช้เ หตุผ ใช้ค วามคิด ย้อ นกลับ รู้จ ัก แบ่ง แยกจัด หมว จัด ลำา ดับ ขั้น
  • 39. ขั้น พัฒ นาการการรู้ก ารคิด 4. ขั้น ใช้ค วามคิด เชิง นามธรรม ของเพีย เจท์ (Formal Operation) 11-15 ปี รู้จ ัก คิด โดยไม่ต ้อ งใช้ว ัต ถุ เป็น สื่อ ด รวบยอดได้ สามารถคิ รู้จ ัก วิเ คราะห์ ตีค วามหมาย ทดสอบสมมุต ฐ านได้ ิ
  • 40. ขั้น พัฒ นาการการแสวงหา ความพึง พอใจจากอวัย วะส่ว น ต่า งๆของร่า งกายของฟรอยด์ Sigmund Freud เสนอว่า บุค คลมี พัฒ นาการผ่า น 5 ขั้น ที่เ รีย กว่า Psychosexual Development ใน แต่ล ะขั้น บุค คลอาจ เกิด ความกัง วลต่า ง ๆ กัน อัน นำา ไปสูค วาม ่
  • 41. ขั้น พัฒ นาการการแสวงหา ความพึง พอใจจากอวัย วะส่ว น ต่า งๆของร่า งกายของฟรอยด์ แต่ล ะขั้น จะมีอ วัย วะ สำา คัญ ที่เ ป็น Erogeneous Zone คือ เป็น พื้น ที่ๆ สร้า ง ความพึง พอใจ ให้แ ก่ บุค คล
  • 42. ถ้า ในแต่ล ะขั้น ของพัฒ นาการ ได้ร ับ การตอบสนอง ถูก ต้อ ง เหมาะสม ผ่า นพัฒ นาการแต่ล ะ ขั้น ได้ด ้ว ยดี บุค ลิก ภาพปกติ ไม่ไ ด้ร ับ การตอบสนองที่ด ี ไม่ผ า นไปตาม ่ ขั้น ตอน ต้“เกิด Fixation” อ งแสวงหาความ พอใจในขั้น ที่ต ิด นัน ต่อ ไปเรื่อ ย ๆ ้ บุค ลิก ภาพเป็น ลบ สุข ภาพจิต ดี ปัญ หาสุข ภาพจิต
  • 43. ขั้น พัฒ นาการการแสวงหา ความพึง พอใจจากอวัย วะส่ว น ต่า งๆของร่า งกายของฟรอยด์
  • 44. 1. ระยะพึง พอใจทางปาก (Oral Stage) ตั้ง แต่แ รกเกิด จนถึง 1 ขวบ ศูน ย์ก ลางความพึง พอใจ อยู่ท ี่ป าก ห้ค วามเห็น ว่า ฟรอยด์ใ ทารกสามารถที่จ ะติด ข้อ ง (Fixation) ได้ หากระบบ การให้อ าหาร........ คับ ข้อ งใ จ เกิด นิส ัย ที่ เกี่ย วข้อ ง กับ ปาก (Oral Oraldepende Oralnt aggressi ชอบกิน จุบ จิบ เอาของเข้า ปาก เหล้า บุห รี่ ชอบนิน ทา พูด ให้ร ้า ย เสีย ดสี สบถ
  • 45. 2. ระยะพึง พอใจทางอวัย วะขับ ถ่า ย (Anal Stage) งอายุป ระมาณ 1-3 ช่ว Stage) ขวบ เกิด ขึ้น ในช่ว งการฝึก ขับ ถ่า ย เด็ก จะเกิด ความ พึง พอใจจากการขับอ ย ควรมีก ารฝึก อย่า งค่ ถ่าน ค่อ ยไป เป็ ย มาก ไป คับ ข้อ งใ พ่อ แม่ไ ม่จ นใจ ส ฝึก นิส ัย การขับ บุค ลิก ขี้จ ุก จิก เจ้า ระเบีย บ ทน ความผิด พลาดของผูอ น ไม่ไ ด้ ้ ื่ ชอบสั่ง การ เป็น คนดื้อ ร้น ไม่ม ร ะเบีย บ ชอบ ี ทำา ตัว ข่ม ผู้อ ื่น
  • 46. 3. ระยะพึง พอใจทางอวัย วะเพศ (Phallic Stage)ว งอายุป ระมาณ 3-5 ขวบ ช่ พืน ทีข องความพึง พอใจอยูท ี่ ้ ่ ่ อวัย วะเพศของตน จะมีค วามสนใจในพ่อ แม่ท เ ป็น ี่ เพศตรงข้า มของตน แต่จ ะเกิด ความริษ ยาต่อ พ่อ แม่ท เ ป็น เพศ ี่ เดีย วกับ ตน ความขัด แย้ง นี้ เรีย กว่า ปม (Complex) เด็ก ชายเรีย ก เด็ก หญิง เรีย ก Electra Oedipus Complexการเลีย นแบบบทบาท Complex มีค วามเกี่ย วพัน กับ ทางเพศ ของพ่อ แม่ท ี่เ ป็น เพศเดีย วกับ ตน
  • 47. 3. ระยะพึง พอใจทางอวัย วะเพศ (Phallic Stage) ตัว อย่า งการอธิบ าย Oedipus Complex อิจ ฉา เด็ก ชาย รัก แม่ และ ต้อ งการ แข่ง ขัน กับ พ่อ เก็บ กดไว้ กลัว แก้ค วามขัด แย้ง โดย เลีย นแบบ บทบาททาง เพศของพ่อ ยอมรับ ค่า นิย ม บทบาทพ่อ ซึง ภายหลัง ่ พัฒ นาเป็น
  • 48. 4. ระยะก่อ นวัย รุ่น (Latency Stage) ช่ว งอายุป ระมาณ 5-12 ขวบ ความสนใจจะมุง ไปสูส ง ่ ่ ิ่ แวดล้อ มภายนอกแทน แรงผลัก ดัน ทางเพศนัน ้ จะถูก กดไว้ และพลัง จะ ปลดปล่อ ยโดยกิจ กรรม อืน ่
  • 49. 5. ระยะวัย รุ่น (Genital Stage ) ช่ว งอายุป ระมาณ 12 ขวบ ขึ้น ไป ความสนใจเรื่อ งเพศเริ่ม ตื่น ตัว อีก ครั้ง แต่ม ุ่ง ความ สนใจที่เ พศตรงข้า มวัย ใกล้เ คีย งกัน
  • 50. ขั้น พัฒ นาการการแสวงหา ความพึง พอใจจากอวัย วะส่ว น ต่า งๆของร่า งกายของฟรอยด์ Freud เน้น ความ สำา คัญ ของ 3 ระยะ แรกที่จ ะมีผ ลต่อ การ พัฒ นาบุค ลิก ภาพใน วัย ผู้ใ หญ่ หาก บุค คลไม่ส ามารถ ผ่า น 3 ระยะไปได้ ด้ว ยดีก ็จ ะพัฒ นา
  • 51. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม (Psychosocial Development) ผูพ ัฒ นาทฤษฎีน ี้ค อ ้ ื Erik Erikson (19031994) ในแต่ล ะช่ว งวัย จะมีง าน หรือ ภารกิจ ตาม พัฒ นาการ (Development Task) ที่บ ค คลจะต้อ งพัฒ นา ุ ตนเองให้ไ ด้
  • 52. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม (Psychosocial Development)
  • 53. พัฒ นาการทางบุค ลิก ภาพจะพัฒ นา สืบ เนือ ง ติด ต่อ กัน ไปตลอดชีว ิต ไม่ไ ด้ ่ เน้น ความสำา คัญ เฉพาะช่ว งใดช่ว ง หนึ่ง การอบรมเลี้ย งดู สัง คมและสิง ่ แวดล้อ มรอบตัว บุค คล พัฒ นาการทาง บวก พัฒ นาการทาง ลบ
  • 54. ในแต่ล ะขั้น ตอนของพัฒ นาการทาง บุค ลิก ภาพ Erikson กล่า วว่า มีโ อกาส ที่จ ะพัฒ นาไปได้ 2 ทาง ทางบวก ทางลบ บุค ลิก ภาพ ที่เ หมาะสม ปัญ หาทาง ด้า น
  • 55. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม (Psychosocial อDevelopment) 1. ความไว้ว างใจหรื ความไม่ไ ว้ว างใจผู้ อื่น (Trust VS Mistrust) ระยะขวบปีแ รก เด็ก ต้อ งการพึ่ง พาด้า น กายภาพและจิต ใจจาก ผูเ ลี้ย งดู ้ ได้ร ับ การเลี้ย งดู อย่า งอบอุ่น ตอบ สนองความต้อ งการ ไม่อ บอุ่น ความ เด็ก ต้อ งการไม่ไ ด้ร ับ การตอบสนอง พัฒ นาความรู้ส ก ไว้ ึ วางใจ (Sense of Trust) ผู้อ ื่น มีอ าการหวั่น กลัว ไม่ไ ว้ วางใจผู้ใ ดรวมถึง ตนเอง ด้ว ย
  • 56. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม 2. ความเป็น อิส ระหรือ ความไม่แ น่ใ จ (Psychosocial Development) (Autonomy VS Self-doubt) 2-3 ปี เด็ก จะเริ่ม เรีย นรู้ท ำา กิจ กรรมด้ว ยตนเอง ตามเจตจำา นงค์ข อง ตนเอง พ่อ แม่ส นับ สนุน กระตุ้น ให้ท ำา สิ่ง ต่กงๆด้ง ครัด จัด ถูา เคร่ ว ยตนเอง ระเบีย บ ปกป้อ ง มากเกิน ไป พัฒ นาความรู้ส ึก ว่า ตนเอง มีอ ิส ระ มีค วามสามารถที่ จะทำา สิง ต่า งๆด้ว ยตนเอง ่ พัฒ นาความไม่แ น่ใ จใน ตัว เอง สงสัย ในความ สามารถตนเอง
  • 57. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม 3. การริเ ริ่ม หรือ รู้ส ก Development) ึ (Psychosocialผิด (Initiative VS Guilt) พ่อ แม่ส นับ สนุน กิจ กรรมต่า งๆ ถูก ควบคุม สอดส่อ ง ความประพฤติ ตลอดเวลา 4-5 ปี อวัย วะกลไก ร่า งกายเริ่ม สมบูร ณ์ เด็ก จะเริ่ม เรีย นรู้ท ี่จ ะ ริเ ริ่ม หรือ ดำา เนิน กิจ กรรมด้ว ยตนเอง เด็ก จะสามารถริเ ริ่ม ทำา กิจ กรรม ความรู้ส ก ว่า ตนผิด ตลอด ึ เมือ พยายามจะทำา อะไร ่ ด้ว ยตนเอง
  • 58. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม 4. เอาการเอางานหรือ มีป มด้อ ย (Industry (Psychosocial Development) VS Inferiority) พ่อ แม่ส นับ สนุน ไม่ถ ูก สนับ สนุน 6-11 ปี เด็ก เรีย นรู้ท ี่จ ะ สร้า งสรรค์ พึง พอใจที่ จะทำา กิจ กรรมด้ว ย ตนเอง พัฒ นาบุค ลิก ภาพเป็น คน ทีม ค วามเพีย รพยายาม ่ ี ชอบความท้า ทาย มีค วามรู้ส ก ตำ่า ต้อ ยด้อ ย ึ ค่า
  • 59. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม 5. การค้น พบอัต ลัก ษณ์แ ห่ง ตนหรือ ความ (Psychosocial Development) สับ สนในตัว เอง (Identity VS Role Confusion) 12-18 ปี ธรรมชาติท างเพศ เปลี่ย นไปจากเด็ก เป็น วัย รุ่น พ่อ แม่เ ปิด โอกาสให้ เด็ก ได้ส ำา รวจตนเอง และมีก ารแสดงออก ความคิด ไม่ถ ก สนับ สนุน ู วัย รุ่น จะพยายามค้น หาอัต ลัก ษณ์ข องตนเอง แสวงหา Sense of Self โดยทดสอบ บทบาทต่า งๆ (Who am I ?) บูร ณาการเป็น อัต ลัก ษณ์ (Identity) ของตนเอง สับ สนในบทบาทของ
  • 60. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม 6. ความใกล้ช ด สนิท สนมหรือ ความเปล่า ิ (Psychosocial Development) เปลี่ย ว (Intimacy VS Isolation)ต อนต้น วัย ผู้ใ หญ่ (Young นีค นทีม ี sense ต่อ ในขั้นAdult)20-40 ้ ่ of self ดี รู้จ ัก อัต ลัก ษณ์ ของตน จะสามารถสร้า ง Will I be น ธ์อ ย่า Or Will ความสัม พัloved? งใกล้ I ด กั alone? ชิbe บ ผู้อ น ได้ ื่ รู้จ ัก อัต ลัก ษณ์ข อง ตนเองดี สับ สนในอัต ลัก ษณ์ ของตนเอง สร้า ง แลกเปลี่ย นความ สัม พัน ธ์อ ย่า งสนิท สนมกับ ผู้อ ื่น ได้ ไม่ส ามารถสร้า งความ สัม พัน ธ์ไ ด้
  • 61. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม 7. การอนุเ คราะห์เ กื้อDevelopment) กูล หรือ เห็น แก่ต ัว (Psychosocial (Generativity VS Self-absorption) วัย ผู้ใ หญ่ต อนกลาง (Middle Adult) 40-60 ปี ค้น หาความรู้ส ึก ที่จ ะ สามารถสร้า งประโยชน์ ให้แ ก่โ ลกได้ (Sense of Contribution) ทำา ได้ ริเ ริ่ม สร้า งสรรค์เ พือ สัง คม ่ คิด ถึง ผู้อ ื่น ไม่โ ลภ ทำา ไม่ไ ด้ หมกมุน กับ ตนเอง มีช ว ิต ่ ี อย่า งไร้ค วามสุข
  • 62. ขั้น พัฒ นาการทางสัง คม 8. ความมั่น ใจทางใจหรือ สิน หวัง (Integrity ้ (Psychosocial Development) VS Despair) วัย ผูใ หญ่ต อนปลายหรือ ้ วัย ชรา 60 ปีข ึ้น ไป นึก ย้อ นไปถึง ชีว ิต ใน อดีต ของตนเอง Did I live a meaningful life? ชีว ต ทีผ ่า นมาสำา เร็จ ิ ่ สุข สบายใจ รู้ส ก มัน คง ึ ่ ชีว ต ทีผ ่า นมาล้ม ิ ่ เหลว รู้ส ก ว่า ไม่ส ามารถทนกับ ึ ชีว ต ทีส ิ้น หวัง ได้ ิ ่
  • 63. สรุป พัฒ นาการของมนุษ ย์ใ น แต่ล ะช่ว งชีว ิต ทาร เด็ก ตอน ก ต้น เด็ก ตอน ปลาย วัย รุ่น ผู้ใ หญ่ ผู้ใ หญ่ ผู้ใ หญ่ ตอน ตอน ตอน ต้น กลาง ปลาย ชรา
  • 64. พัฒ นาการของมนุษ ย์แ ต่ล ะช่ว งวัย มี ลัก ษณะเฉพาะ  ความแตกต่า งของสิง แวดล้อ มรอบ ่ ตัว ในแต่ล ะวัย มีอ ิท ธิพ ลต่อ บุค คลต่า ง กัน 
  • 65. วัย ทารก (คลอด ถึง 2 ขวบ) ช่ว ง 2 ปีแ รกสำา คัญ ที่ส ด ใน ุ การวางรากฐาน สภาพแวดล้อ มที่ส ำา คัญ ที่ส ด ุ คือ พ่อ แม่ึ้น ลงง่า ยถ้า ไม่ไ ด้ อารมณ์ข รับ การตอบสนอง ไม่ค วรให้ เด็ก อยู ร ับ ความอบอุ่น เด็ก การได้่ใ นภาวะอารมณ์ล บ จะเรีย นรู้ท ี่จ ะรัก บุค คลอื่น ๆ และประสบการณ์ใ นวัย นีจ ะ ้ นำา ไปสูม โนภาพที่เ กี่ย วกับ ่ ตัว ของเขาเอง
  • 66. ตั้ง แต่อ ายุ 2 ขวบ จนถึง 11-12 ขวบ  แบ่ง ออกเป็น 2 ช่ว ง คือ  วัย เด็ก ตอนต้น (2-6 วัย เด็ก ตอนปลาย (6-12 ข ขวบ)
  • 67. วัย เด็ก ตอนต้น วัย เด็ก ตอนต้น (2 – 6 ปี) มีล ก ษณะเด่น คือ ความรู้ส ึก ั ดื้อ ดึง ต่อ พ่อ แม่, negativistic เริ่ม ช่ว ยตัว เองได้ การเล่น จะช่ว ยส่ง เสริม พัฒ นาการของเด็ก ทุก ๆ ด้า น เด็ก จะมีค วามอยากรู้อ ยากเห็น “play is children business” พัฒ นาอารมณ์อ จ ฉา เด็ก มี ิ อารมณ์ป ระเภทต่า งๆ เหมือ น ผู้ใ หญ่
  • 68. วัย เด็ก ตอนต้น การคบเพื่อ นวัย เดีย วกัน แต่ ไม่ร าบรื่น นัก เพราะยึด ตนเองเป็น ศูน ย์ก ลาง พัฒ นาการเล่น แบบโลก สมมุต ิ เป็น ระยะที่เ ริ่ม ต้น สอนศีล ธรรมจริย ธรรม ให้แ ก่ เด็ก ได้บ า งแล้ว ้
  • 69. วัย เด็ก ตอนปลาย วัย เด็ก ตอนปลาย (6 – 12 ปี) ลัก ษณะเด่น ในช่ว งนี้ ได้แ ก่ พัฒ นาการทางด้า นสัง คม และพัฒ นาการด้มกับ ผูอ น เรีย นรู้ก ารอยู่ร ่ว า นอารมณ์ ้ ื่ เริ่ม มีก ลุ่ม ของตน (peer group) การรู้จ ัก รวมกลุม ่ ของเด็ก สร้า งนิส ย แข่ง ขัน ั รัก พวกพ้อ ง อย่า งเหมือ น ลดความเอาแต่ มีอ ารมณ์ท ุก ใจลง ท ั้ง่ม รู้จ ัก กฎ ระเบีย บ เริ แง่บ วกและแง่ล บ ผูใ หญ่ ้ และเรีย นรู้ก ารควบคุม
  • 70. วัย รุ่น วัย รุ่น (12 – 20 ปี) เป็น วัย ที่ส ำา คัญ และ บุค คลต้อ งปรับ ตัว อย่า ง ยากลำา บากระยะหนึง ่ ของชีว ิต พัฒ นาการทุก ด้า นเป็น ไปอย่า ง มีพ ัฒ นาการทางกายเด่น ชัด พัฒ นา รวดเร็ว ลัก ษณะทุต ิย ภูม ิท างเพศ เด็ก ผูห ญิง มีแ นว ้ โน้ม ที่จ ะพัฒ นาการด้า นต่า งๆ ในการเข้า สู่ ฒ นาการทางความคิด พัว ัย รุ่น เร็ว กว่า เด็ก ชาย เจริญ ถึง ขีด สุด
  • 71. วัย รุ่น มีก ารเปลี่ย นแปลงทาง อารมณ์ง ่า ย มีค วามอ่อ นไหว มีค วามเข้ม ของอารมณ์ส ง ู พัฒ นาการทางสัง คม ชอบ คบเพื่อ นเป็น กลุ่ม ก้อ นรุ่น เดีย วกัน เพื่อ นมีอ ิท ธิพ ลมาก มีก ารพัฒ นาความรู้ส ึก นับ ถือ คนเก่ง (heroic worship)
  • 72. ในช่วงวัยรุ่นเป็นระยะที่เด็กจะต้องพบและแก้ปญหา ั ของเขาทั้งด้วยตนเองและด้วยความช่วยเหลือแนะนำา จากผูใหญ่ ้  ปัญหาวัยรุ่น เช่น.....  การแก้ปญหาของวัยรุ่นตกอยู่ภายใต้อิทธิพล ั ของ......  วัยรุ่นที่สามารถเผชิญปัญหาประจำาวันและแก้ไข ปัญหาของเขาได้อย่างดี คือ วัยรุ่นที่มความสุขและ ี จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำาเร็จในภายหน้า 
  • 73. วัย ผู้ใ หญ่ต อนต้น วัย หนุม สาวหรือ วัย ฉกรรจ์ ่ (Youth) มีพ ัฒ นาการเจริญ ขีด สุด เริ่ม ประกอบอาชีพ ตามความ สนใจ ใจทำต้น จ กรรมด้ว ย ตัด สิน เริ่ม า กิสร้า ง ครอบครัวส ระ แต่บ างครั้ง จะ ตนเองมีอ ิ ใหม่ ต้อ งการพึ่ง พาพ่อ แม่อ ยู่ วางเป้า หมายในอาชีพ ของ ตนเอง
  • 74. วัย ผู้ใ หญ่ต อนต้น ปรับ ตัว ต่อ สามีภ รรยา และ หน้า ที่พ ่อ แม่ การเปลี่ย นแปลงความสนใจ ผูใ หญ่ใ นวัย นีใ ห้ค วามสนใจ ้ ้ ในสิง ต่า งๆ หลายด้า น ่ คาดคะเนอนาคตของ ตนเอง ปรับ ตัว ตามแผน ชีว ิต พยายามทำา ความรู้จ ัก ตนเอง ในความสามารถ
  • 75. วัย กลางคน หรือ ผู้ใ หญ่ต อนกลาง มีค วามมัน คงทางเศรษฐกิจ ่ และสัง คม มีค วามก้า วหน้า ทางการงาน สุข ภาพ ร่า งกายยัง ทำา งาน มีป ระสิท ธิภ าพแต่อ าจเริ่ม มี ปัญ หาสายตายาว Metabolism เปลี่ย นแปลง ความเป็น พ่อ แม่ เริ่ม รู้ส ก ึ ไป “บ้า นว่า งเปล่า ” เริ่ม มีก ิจ กรรมทางสัง คม นอกบ้า น
  • 76. วัย ผู้ใ หญ่ต อนปลาย สุข ภาพร่า งกายเริ่ม เสือ มโทรมลง ่ คนทำา งานในวัย นีจ ะมี ้ ตำา แหน่ง สูง สถานะดี เรีย นรู้ช า ลง ต่อ ต้า นการ ้ เปลี่ย นแปลง ความต้อ งการและแรงขับ ทางร่า งกายลดลง สมรรถภาพทางเพศลดลง เริ่ม รับ รู้ค วามเป็น จริง ว่า ตนเองกำา ลัง เสือ มลง ่ โดยรวมแล้ว พัฒ นาการของบุค คลในวัย นี้เ ป็น ไปในทางเสือ มลง ่
  • 77. วัย ชรา อวัย วะรับ สัม ผัส เสือ ม การ ่ ประสานกัน ของอวัย วะต่า ง ๆ ลดประสิท ธิภ าพ ความสามารถในการคิด แก้ ปัญ หา คิด วางแผนลดลง เศร้า ใจเกี่ย วกับ เรื่อ ง ของความตาย