1. ธีรยล แสงอานาจเจริญ/
พิสูจน์ ภูมิพงศ์
พัฒน์ ผดุงญาติ
จักราวุธ คาทวี

17. (ต้องปฏิบัติงานติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า ๕ ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่วันเริ่มจ้าง)

22. ลาดับ ประเภทการลา พนักงานราชการ หมายเหตุ
1 การลาป่วย 30 วัน*
(3วันขึ้นไปอาจมีใบรับรองแพทย์)
*ส่วนที่เกิน 30วันได้รับเงิน
ทดแทนจากประกันสังคม
2 การลาคลอดบุตร 90 วัน* *ได้ค่าตอบแทน 45วันและ
ได้รับเงินจากประกันสังคม
3 การลากิจส่วนตัว 10 วัน* *ทอนสิทธิที่จะได้รับ
ค่าตอบแทน
4 การลาพักผ่อน
ประจาปี
10 วัน*
จ้างปีแรกไม่ครบ 6 เดือน
ลาไม่ได้/ สะสมวันลาไม่ได้
*ทอนสิทธิ ที่จะได้รับ
ค่าตอบแทน
5
การลาอุปสมบท/
ประกอบพิธีฮัจย์ 120 วัน*
*ทางานมาแล้วไม่น้อยกว่า 4
ปี
6
การลาเข้ารับการ
ตรวจเลือก /เตรียมพล 60 วัน
*ทอนสิทธิ ที่จะได้รับ
ค่าตอบแทน

23. แนวทางปฏิบัติ
• ส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนหรือในวันที่ลาหรือวันแรก
ที่มาปฏิบัติงาน
• ลาป่วย 30 วันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองแพทย์แนบพร้อม
ใบลา ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นสมควร จะสั่งให้มี
ใบรับรองแพทย์ประกอบใบลากี่วันก็ได้

24. • ต้องได้รับอนุญาต จึงจะหยุดงานได้
• ในระหว่างลากิจส่วนตัว หากมีงานจาเป็น
เร่งด่วน ผู้บังคับบัญชาสามารถเรียกตัว
กลับมาปฏิบัติงานได้
แนวทางปฏิบัติ

25. • ส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว
จึงหยุดงานได้
• หากมีงานจาเป็นเร่งด่วน ผู้บังคับบัญชาสามารถ
เรียกตัวกลับมาปฏิบัติงานได้
แนวทางปฏิบัติ

26. • ไม่เคยลาประเภทนี้มาก่อน
• ลาได้ไม่เกิน 120 วัน แต่ต้องปฏิบัติงาน
มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี

27. • ส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ไม่น้อยกว่า 60 วัน
• เมื่อได้รับอนุญาตให้ลาแล้ว ต้องอุปสมบทหรือ
ออกเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ภายใน 10 วัน
นับแต่วันที่เริ่มลา
• ต้องกลับมารายงานตัวเข้าปฏิบัติงานภายใน 5 วัน
นับแต่วันที่ลาสิกขา
แนวทางปฏิบัติ

31. การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ให้แก่ พนักงานราชการ

32. การพิจารณาเสนอขอ
ข้อ 8 ให้พิจารณาโดยรอบคอบว่าบุคคลนั้นได้กระทาความดีความชอบ
เป็นประโยชน์แก่ราชการหรือสาธารณชนจนถึงขนาดควรได้รับ
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมิใช่พิจารณาแต่เพียง
ตาแหน่ง ระดับ ชั้น ชั้นยศ หรือครบกาหนดระยะเวลาที่จะขอ
พระราชทานได้เท่านั้น
เพื่อให้บุคคลที่ได้รับพระราชทานรู้สึกภาคภูมิใจใน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานอย่างแท้จริง และเพื่อให้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูง

33. คุณสมบัติของผู้สมควรได้รับการเสนอขอ
1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย
2. เป็นผู้ประพฤติดีและปฏิบัติงานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนด้วย
ความอุตสาหะ ซื่อสัตย์ และเอาใจใส่ต่อหน้าที่อย่างดียิ่ง และ
3. เป็นผู้ไม่เคยมีพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
หรือต้องโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่เป็นโทษ
สาหรับความผิดที่ได้กระทาโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

34. หลักเกณฑ์ในการเสนอขอ
กลุ่มงานบริหารทั่วไป
จะเสนอขอ ดังนี้
5 ปี 5 ปี 5 ปี 5 ปี
วันเริ่มจ้าง
ครบ 5 ปี ก่อน 5 ธ.ค. 60 วัน
บ.ช. จ.ม. จ.ช. ต.ม.

36. การเสนอขอพระราชทาน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้เริ่มจาก
เครื่องราชฯ อันมีเกียรติยิ่งมงกุฎไทย
และเครื่องราชฯ อันเป็นที่ เชิดชูยิ่ง
ช้างเผือกสลับกัน โดยเลื่อนชั้นตรา
ตามลาดับจากชั้นล่างสุดจนถึงชั้น
สูงสุดตามลาดับ

37. เบญจมาภรณ์ช้างเผือก (บ.ช.)

46. ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย
พนักงานราชการ พ.ศ.2547
ถือเป็นเครื่องมือสาคัญ
ในการบริหารพนักงานราชการ

48. กรณีทันตกรรม
สามารถรับบริการได้ทุกสถานพยาบาล
** กรณีถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน โดยได้รับค่าบริการทางการแพทย์
เท่าที่จ่ายจริงตามความจาเป็นแต่ไม่เกิน 300 บาท/ครั้ง และไม่เกิน
600 บาท/ปี
** กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้ฐานอคริลิก ผู้ประกันตนได้รับ
ค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงตามความจาเป็น ภายใน
ระยะเวลา 5 ปี คือ 1-5 ซี่ ในวงเงินไม่เกิน 1,200 บาท มากกว่า
5 ซี่ ในวงเงินไม่เกิน 1,400 บาท
*กรณีใส่รากฟันเทียม ผู้ประกันตนที่ประสบอุบัติเหตุและสูญเสียทั้งปาก
แต่ไม่เกิน 16,000 บาท/ราก ไม่เกินรายละ 2 ราก
( ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป )

49. ทุพพลภาพ (พิการ)
1. เงินทดแทนการขาดรายได้ 50%
ของค่าจ้างตลอดชีวิต
2. ค่ารักษาพยาบาลตามจ่ายจริง ไม่เกินเดือนละ
2,000 บาท ตลอดชีวิต
3. ผู้ประกันตนเสียชีวิต จะได้รับเงินค่าทาศพ
40,000 บาท
4. เงินสงเคราะห์

50. ตาย
1. ค่าทาศพ 40,000 บาท
2. เงินสงเคราะห์แก่ทายาทตามระยะเวลา
การส่งเงินสมทบ ก่อนเสียชีวิต
3-10 ปี = ค่าจ้างเฉลี่ยหนึ่งเดือนครึ่ง
10 ปีขึ้นไป = ค่าจ้างเฉลี่ยห้าเดือน

51. คลอดบุตร
ผู้ประกันตนหญิง ได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงาน
เพื่อการคลอดบุตร 50% ของค่าจ้าง
จานวน 90 วัน (เหมาจ่ายเมื่อคลอด)
ได้ค่าทาคลอด คนละ
2 ครั้ง เท่านั้น
คลอดบุตรได้ทุกสถานพยาบาล
โดยทดลองจ่ายไปก่อน แล้วเบิก
เหมาจ่ายครั้งละ 13,000 บาท

52. สงเคราะห์บุตร
1. จ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 1 ปี
2. สงเคราะห์บุตรได้ ไม่เกิน 2 คน
- ค่าเลี้ยงดู
- ค่าเล่าเรียน
- ค่ารักษาพยาบาล
3. บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย อายุไม่เกิน 6 ปี
เหมาจ่ายเดือนละ 400 บาทต่อบุตร 1 คน

53. บาเหน็จ/บานาญ ชราภาพ
1. จ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 15 ปี หรือไม่ครบ 15 ปี
2. จะต้องมีอายุ ครบ 55 ปีขึ้นไป
3. ต้องออกจากงาน
เงินบาเหน็จชราภาพ = จ่ายเป็นก้อนครั้งเดียว
เงินบานาญชราภาพ = จ่ายเป็นรายเดือนตลอดชีวิต
เงินบานาญชราภาพ = ค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x 20%(+ จานวน% ที่เพิ่มให้อีกปีละ 1.5%
เงินบาเหน็จชราภาพ
- กรณีจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 1-11 เดือน = เงินสมทบของผู้ประกันตนฝ่ายเดียว
- กรณีจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12-179 เดือน
= เงินสมทบของ (ผู้ประกันตน + นายจ้าง + ผลประโยชน์ตอบแทน )

54. ว่างงาน
สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงาน
1. กรณีถูกเลิกจ้าง โดยไม่มีความผิด ได้เงินกรณี
ว่างงาน 50% ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 180 วัน
ภายใน 1 ปีปฏิทิน
2. กรณีลาออก ได้เงินกรณีว่างงาน 30% ของค่าจ้าง
ครั้งละไม่เกิน 90 วัน ภายใน 1 ปีปฏิทิน

55. เงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีว่างงาน
1. ส่งเงินกรณีว่างงาน ครบ 6 เดือน ภายใน 15
เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.47 เป็นต้นไป
3. ขึ้นทะเบียนหางานกับสานักงานจัดหางาน
และไม่ปฏิเสธงานที่จะทา
2. ไม่ถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด
4. ไม่ปฏิเสธการฝึกอาชีพ

56. ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน
ผู้ประกันตน
ที่ว่างงาน
ขึ้นทะเบียนผู้ว่างงาน
ที่สานักงานจัดหางานของรัฐ
จัดหางาน
แนะแนวอาชีพ
รองานได้งานใหม่
ฝึกอาชีพ
พัฒนาฝีมือ
รายงานตัว
ที่สานักงานจัดหางานที่ขึ้นทะเบียน
รับเงินทดแทนการขาดรายได้

57. ข้อเปรียบเทียบ
ระหว่างกองทุนประกันสังคมกับกองทุนเงินทดแทน
กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน
1. ให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้าง
ที่เจ็บป่วย ไม่เนื่องจาก
การทางาน การคลอดบุตร
การทุพพลภาพ การตาย
การสงเคราะหบุตร การ
ชราภาพ และการว่างงาน
1. ให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้าง
ที่เจ็บป่วย เนื่องจากการ
ทางาน

58. ข้อเปรียบเทียบ
ระหว่างกองทุนประกันสังคมกับกองทุนเงินทดแทน
กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน
2. รัฐบาล นายจ้าง และ
ลูกจ้าง ร่วมจ่ายเงิน
สมทบ
2. นายจ้างจ่ายเงินสมทบ
เพียงฝ่ายเดียว

59. ข้อเปรียบเทียบ
ระหว่างกองทุนประกันสังคมกับกองทุนเงินทดแทน
กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน
3. เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ที่กาหนด โดยไม่ต้องเสีย
ค่าใช้จ่าย แต่อย่างใด
(ยกเว้นโรค 16 ข้อ)
3. เงินค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่าย
จริง แต่ไม่เกิน 35,000 บาท
ต่อครั้ง หากมีอาการหนัก ได้
เพิ่มอีก 50,000 บาท รวม
85,000 บาท หรือไม่เกิน
200,000 บาท

60. ข้อเปรียบเทียบ
ระหว่างกองทุนประกันสังคมกับกองทุนเงินทดแทน
กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน
4. ได้รับเงินทดแทนการ ขาด
รายได้ กรณีที่ต้องหยุดงาน
ในอัตราร้อยละ 50 ของ
ค่าจ้าง ครั้งละ ไม่เกิน 90
วัน ปีหนึ่ง ไม่เกิน 180
วัน
4. ได้รับเงินทดแทน ในกรณี
ที่ต้องหยุดงานในอัตรา
ร้อยละ 60 ของค่าจ้าง ไม่
เกิน 365 วัน

61. ข้อเปรียบเทียบ
ระหว่างกองทุนประกันสังคมกับกองทุนเงินทดแทน
กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน
5. การสูญเสียอวัยวะ ไม่ได้
ค่าสูญเสียอวัยวะ
5. กรณีสูญเสียอวัยวะ จ่าย
ให้ร้อยละ 60 ของค่าจ้าง
เป็นระยะเวลา ไม่เกิน
10 ปี

62. ข้อเปรียบเทียบ
ระหว่างกองทุนประกันสังคมกับกองทุนเงินทดแทน
กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน
6. กรณีทุพพภาพ ได้เงิน
ทดแทนร้อยละ 50 ของ
ค่าจ้างตลอดชีวิต และค่า
รักษาพยาบาล เดือนละไม่
เกิน 2,000 บาท ตลอด
ชีวิต
6. กรณีทุพพลภาพ ได้เงิน
ทดแทน ร้อยละ 60 ของ
ค่าจ้าง เป็นระยะเวลา ไม่
เกิน 15 ปี

63. ข้อเปรียบเทียบ
ระหว่างกองทุนประกันสังคมกับกองทุนเงินทดแทน
กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน
7. กรณีตาย ได้ค่าทาศพ
40,000 บาท เงิน
สงเคราะห์ ร้อยละ 50
ของค่าจ้าง คูณด้วย 3 ปี
หรือ 10 ปี
7. กรณีตาย ได้รับค่าทาศพ
100 เท่า คูณด้วยค่าจ้าง
ขั้นต่ารายวันสูงสุด
เงินทดแทนอีก ร้อยละ 60
เป็นระยะเวลา 8 ปี

88. หวังว่าสิ่งที่บรรยายมาทั้งหมด
จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน
ขอบคุณครับ
สวัสดี