1. อาสาสมัครสาธารณสุข ( อสม . ช ) เพื่อดูแลสุขภาพ อย่างมืออาชีพ นายแพทย์สุรศักดิ์ โควสุภัทร์ นายแพทย์ 9 ด้านเวชกรรมป้องกัน หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลหนองคาย

2. สธ . เร่งเติมความรู้ โรค 5 โรคร้าย ให้อสม . ทั่วไทย หวังใช้เป็นอาวุธ ต่อสู้ภัย

3. กระทรวงสาธารณสุข เร่งอบรมเติมความรู้เรื่องโรคเรื้อรัง “ มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรค หัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ” ภัยใกลัตัวคนไทยยุคใหม่ ทำให้คนไทยเสียชีวิตปีละกว่า 1 แสนคน โดยมะเร็งนำมาเป็นอันดับ 1 เพื่อให้อสม . ทั่วประเทศ รู้เท่าทันและเป็นแกนนำรณรงค์สู้ภัย หวังลดจำนวนคนป่วย - ตายน้อยลง

5. คนไทยเสียชีวิตจาก 5 โรคนี้จำนวน 1 แสนกว่าคน โดยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงเป็นอันดับ 1 ปีละ 50,000 คน จึงต้องเร่งอบรมพัฒนาความรู้ อสม . ให้ครบทั้ง 8 แสนคนทั่วประเทศ ในปี 2551

6. เพื่อให้อสม . รู้เท่าทันโรคและสามารถเป็นแกนนำเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนใน หมู่บ้านตามชนบท ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศร้อยละ 80 เนื่องจากโรคดังกล่าวขณะนี้ได้ระบาดไปถึงชนบท ทั้งคนจนและคนรวย

7. นายแพทย์วัลลภกล่าวว่า ในการอบรม อสม . รุ่น 2 นี้ เน้นหนักเรื่องโรคมะเร็งที่พบบ่อย ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชาย และโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านมในผู้หญิง เพื่อร่วมกันรณรงค์ครั้งใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศ ในระหว่างวันที่ 25 - 30 พฤศจิกายน 2550

8. เน้นให้ความรู้การป้องกันโรคมะเร็งทุกชนิด และตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในสตรีอายุ 35 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นมะเร็งชนิดเดียวที่สามารถตรวจพบได้ง่าย และกระตุ้นเตือนให้ผู้หญิงทุกคนเห็นความสำคัญของการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน เพื่อค้นหาสิ่งผิดปกติและไปรับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งมีโอกาสรักษาหายขาดสูง ลดการเสียชีวิตจากโรคนี้ลงได้

9. สธ . เร่งติดอาวุธสมองอสม . สู้ภัย “ โรควิถีชีวิต ” ต้นเหตุคนไทยตายปีละเกือบ แสนคน กระทรวงสาธารณสุข เร่งอบรมเพิ่มความรู้ อสม . ทั่วประเทศรุ่นที่ 2 อีก 300,000 คน ติดอาวุธสมองสู้ภัยกับ โรควิถีชีวิต ได้แก่ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็ง

10. * โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็ง * คนไทยตายปีละเกือบ 1 แสนคน หรือเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด * ทำให้คนทั่วโลกเสียชีวิตปีละ 35 ล้านคน หรือร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด

11. ขณะนี้ทั่วโลก มีโรคใหม่เกิดขึ้น เรียกว่า โรควิถีชีวิต ซึ่งไม่ได้เกิดจาก การติดเชื้อโรค แต่เกิดมาจากสาเหตุ การใช้วิถีชีวิตที่ ไม่ถูกต้อง ได้แก่ ความอ้วน ขาดการออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และ กินผักผลไม้น้อย

12. ทำให้ป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง และโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้น ทั้งประเทศที่ร่ำรวยและยากจน ในคนไทยพบตาย ปีละเกือบ 1 แสนคน หรือเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวน ผู้เสียชีวิตทั้งหมด

13. ในระดับโลกพบว่าการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว แซงโรคติดเชื้อ เช่น โรคเอดส์ มาลาเรียไปแล้ว 2 เท่าตัว

14. องค์การอนามัยโลกระบุว่าใน ปี 2548 ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิต จากโรควิถีชีวิต 35 ล้านคน หรือ ร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด 58 ล้านคน หากไม่เร่งแก้ไข คาดว่าใน ปี 2558 จะมี ผู้เสียชีวิต จากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 17 หรือประมาณ 41 ล้านคน

15. กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ตรวจวัดความดันโลหิตคนไทยอายุ 35 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวน 24 ล้านคน เมื่อวันที่ 2 - 8 กันยายน 2550 ได้เกือบ 22 ล้านคน พบเป็นโรค 2.4 ล้านคน นับว่าเป็นการค้นหาผู้ป่วยครั้งใหญ่ที่สุดในโลก

16. ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเข้ารักษาในสถานพยาบาล ของกระทรวงสาธารณสุข ประมาณ 1 - 1.1 ล้านคน แสดงว่าการรณรงค์ครั้งที่ผ่านมาช่วยให้คนอีก 1.3 - 1.4 ล้านคน ได้รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้และได้รับการดูแลรักษาทันที สามารถป้องกันการเสียชีวิต หรือเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต จากโรค หลอดเลือดสมองแตกหรือตีบได้

17. หลังจากอบรมรุ่นที่ 2 แล้ว จะให้อสม . รณรงค์ ตรวจมะเร็งเต้านม ในผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศ ในวันที่ 25 - 30 พฤศจิกายน 2550 เนื่องจากโรคมะเร็งเต้านม พบมากอันดับ 2 ในผู้หญิง รองจากมะเร็ง ปากมดลูก

18. แต่ปัญหาหลักในการรักษามะเร็งเต้านม พบว่า ได้ผลไม่ค่อยดี เนื่องจากร้อยละ 80 มักมาพบแพทย์ช้า เซลล์มะเร็งลุกลาม ทำให้เสียชีวิตปีละเกือบ 2,000 คน

19. แต่หากผู้หญิงมีการตรวจ เต้านม เป็นประจำทุกเดือน ก็จะพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ และรักษาได้ผล มีโอกาสหายขาด สูงถึงร้อยละ 80 - 90

20. ดัชนีครอบครัวอบอุ่น ลดลง 66.9 % ( ปี 45 ) 58.7 % ( ปี 49 ) อัตราการหย่าร้าง เพิ่มขึ้น 4.9 คู่ ต่อ 1,000 ครัวเรือน

21. เด็กเร่ร่อนถูกทอดทิ้ง เพิ่มขึ้น 35.11 ต่อแสน ( ปี 44 ) 48.99 ต่อแสน ( ปี 49) ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง เพิ่มขึ้น 3.6 % ( ปี 37 ) และ 7.5 % ( ปี 49 )

22. The world is a dangerous place to live in , not only because of the people who do evil ,but also because of the people who just only watch and see. “ Albert Einstein”

23. สังคมที่เลวร้ายลงทุกวันนี้ ไม่ใช่พราะคนชั่วทำความเลวเท่านั้น แต่สาเหตุที่สำคัญกว่าคือ คนดีได้แต่จดจดจ้องจ้องไม่ทำอะไร “ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ”