SlideShare a Scribd company logo
1 of 40
ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทเรียงความ ระดับมัธยมศึกษา
รางวัลชนะเลิศ นางสาววรรณ์ฐิตา พวงจันทร์แดง
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา บ้านเลขที่ 77/306 ซอยรามอินทรา 8
ถนนรามอินทรา
แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพฯ 10220
เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ
เป็นเวลากว่าหลายสิบล้านปีแล้วที่โลกหรือดาวเคราะห์สีนำ้าเงิน
ของพวกเรา ได้ถือกำาเนิดขึ้นมาในระบบสุริยจักรวาลแห่งนี้ และเราก็
คงได้เรียนรู้มาในเรื่องราวเดียวกันว่า เมื่อแรกเริ่มที่โลกกำาเนิดขึ้นนั้น
มีเพียงความร้อน ไอนำ้า และพื้นผิวที่แห้งแล้ง ไร้ซึ่งชีวิตและจิต
วิญญาณใดๆ แต่เมื่อเวลาผ่านๆไปล้าน, สิบล้านปี สิ่งต่างๆ ก็ค่อยๆ
เจริญเติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จากจุลชีวันเล็กๆ ก็กลายเป็นสัตว์
ใหญ่น้อยหลายเภทพันธุ์ จากร่องนำ้าเล็กๆ ก็ไหลมารวมกันกลายเป็น
แม่นำ้าสายใหญ่ จากสิ่งมีชีวิตเขียวๆแค่ไม่กี่ชนิด ก็หยั่งรากลึก พัฒนา
มาเป็นหมู่แมกไม้หลายชนิดหลายพรรณ สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ หลอมรวม
เข้าหากัน กลายเป็นวิถีชีวิต เป็นสังคมหนึ่งที่สามารถเรียกรวมกันได้
ว่า “ ”ธรรมชาติ
แน่นอนว่า กาลเวลาจะนำาพามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ใหม่ๆ
หลายสิ่งหลายอย่างแต่ถึงกระนั้น คงยากที่จะปฏิเสธว่า การ
เปลี่ยนแปลงวิถีชีวติของทั้งมนุษย์และสัตว์ในแต่ละยุคแต่ละสมัย จะ
ไม่มีคำาว่า “ ”ธรรมชาติ มาเป็นตัวแปร เมื่อมนุษย์สำานึกตัวได้ว่าตนต่าง
จากสัตว์ในแต่ละชาญฉลาดกว่าสัตว์มนุษย์จึงเริ่มสร้างกลุ่มสังคมกลุ่ม
ใหญ่ เริ่มเอกเปลือกไม้ ใบไม้มาห่อหุ้มปกปิดร่างกาย เริ่มสร้างอาวุธ
สร้างไม้หรือหินเพื่อใช้ป้องกันตัวและหาอาหาร เริ่มเสาะหาหรือ
สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยจากอันตราย และเมื่อมนุษย์ได้รับบาด
เจ็บหรือป่วยไข้ ก็คิดหาสูตรยาต่างๆ เพื่อใช้รักษาและยื้อชีวิตของเผ่า
พันธุ์ตน เมื่อเริ่มเบื่อที่จะเสาะแสวงหา มนุษย์ก็เริ่มสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้น
มาด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์ หรือการเพาะปลูก ดังนั้น
“ ”ธรรมชาติ จึงประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายอย่างที่อยู่ร่วมและ
รวมกันเป็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องห่วงโซ่
อาหาร ระบบนิเวศ และระบบการพึ่งพาอาศัย แน่นอนว่า ส่วนประกอบ
ที่อาศัยอยู่ใน “ ”ธรรมชาติ นั้นมีอยู่หลายร้อยหลายพันหลายหมื่น
หลายแสนเภทพันธ์ แต่ถ้าจะแบ่งแยกให้เข้าใจโดยง่ายแล้วละก็ คงจะ
แบ่งได้เป็น “ ”สิ่งมีชีวิตจำาพวกสัตว์และสิ่งมีชีวิตจำาพวกพืชนั่นเอง
และ “ ”พืช หรือ “ ”พรรณไม้ นั้น ก็มีอยู่หลายชนิด หลายสาย
พันธุ์ มีทั้งที่เป็นพืชบกและพืชนำ้า มีทั้งที่เป็นไม้ดอกไม้ผล แยกได้เป็น
แบบยืนต้นและแบบล้มลุก รวมทั้งยังแยกตามการดำารงชีวิตได้เป็นแบบ
พึงพาตนเองและแบบกาฝาก เราทุกคนล้วนทราบกันดีว่าเจ้าสิ่งมีชีวิต
จำาพวกนี้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ
พืชพรรณไม้เหล่านี้ไม่มีต่อม หรือระบบประสาท หรืออวัยวะที่ใช้รับ
ความรู้สึก แต่พืชก็สามารถบ่งบอก หรือเตือน หรือแสดงสัญญาณ
อาการบางอย่างให้เราได้รับรู้ รับทราบ เช่น การที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี
และหล่นร่วงก็เป็นสัญญาณของการเริ่มฤดูกาลใหม่, การเจริญเติบโร
ของพืชบางชนิดที่จะขึ้นในเฉพาะบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ทั้งนี้พรรณไม้
ยังถือเป็นสัญลักษณ์ในด้านความเชื่อและความนึกคิด รวมทั้งเป็นลัญ
ลักษณ์ที่แสดงเอกลักษณ์ หรือภาพรวมของสิ่งต่างๆ ด้วยเช่นเวลาที่เรา
พูดถึงซากุระ เราก็จะคิดถึงสภาพอากาศหนาวๆ ที่มีหิมะตกและเลยคิด
ไปถึงประเทศญี่ปุ่น หรือ้าจะพูดถึงถิ่นเมเปิ้ลสีแดงก็จะต้องคิดถึง
ประเทศแคนาดาและชาวพุทธหลายคนก็มีความเชื่อและศรัทธาในต้น
พระศรีมหาโพธิ์อันเป็นที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปัจจุบันเชื่อ
ว่าปลูกอยู่ที่ประเทศศรีลังกา อย่างนี้เป็นต้น
นอกจากจะแสดงสัญญาณหรือชี้ให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์
ความโดดเด่นต่างๆ แล้วพรรณไม้ยังมีส่วนเกี่ยว้องกับวิถีชีวิต ความ
เป็นอยู่ในหลายๆ ด้าน หลายๆ แง่มุนของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง
ที่อยู่อาศัยอย่างเรือน หรือการสร้างยานพาหนะเดินทางอย่างเรือหรือ
เกวียน การนำาผลผลิตต่างๆ จากพืชพรรณไม้มาเป็นอาหาร เป็นยา
รักษาโรค หรือแม้กระทั่งนำามาเป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกายและตัว
บ้าน ให้เกิดความจรรโลงตาจรรโลงใจ นอกจากนี้ พรรณไม้ดอก
หลายชนิด ยังถูกนำ้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์วรรณกรรม
วรรณคดีไทยอีกหลายเรื่อง ดังจะเห็นได้จากบทชมไม้ในกาพย์เห่เรือ
ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ที่ว่า “อัญชันคิดอัญชัน คิ้วเป็นมันกันเชิด
”ปลาย หรือการครำ่าครวญของตัวเอกในวรรณคดีหลายเรื่องที่มักจะ
เปรียบนางอันเป็นที่รักกับดอกไม้ต่างๆ “หรือแม้กระทั่งกาพย์เห่ชม
เครื่องคาวหวานของรัชกาลที่ 2 ที่มีชื่อของผลไม้ที่แปรรูปเป็นของ
หวานสอดแทรกอยู่อีกหลายชนิด นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า
คนไทยมีวิถีชีวิต และมีความคิด จิตสำานึกที่แน่นแฟ้นกับ “ ”ธรรมชาติ
และ “ ”พรรณไม้ อย่างไร
ไม่เพียงแต่จะช่วยเอื้อประโยชน์ในเชิงปัจจัยการดำารงชีวติ
เท่านั้น แค่ “ ”พรรณไม้ ยังมีส่วนสำาคัญในการสร้างอาชีพให้กับมนุษย์
อีกด้วย เช่น การนำาสมุนไพรมาเพาะเลี้ยงและส่งขายเป็ยารักษาโรค
ซึ่งปัจจุบันสมุนไพรไทยก็กำาลังจะตีตลาดเป็น “ ”ยาโบราณ ที่สามารถ
รักษาโรคสมัยใหม่ได้ชะงัดนัก, การเพาะปลูกพืชไร่อย่าง ข้าวโพด
หรืออ้อย พืชสวนอย่าง ส้ม ทุเรียน ลำาใย ที่ช่วยสร้างอาชีพให้กับพี่
น้องเกษตรกร และกลุ่มแรงงานรับจ้างทั่วไป, การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
ที่เป็นที่มาของผ้าไหมไทยที่มีความงดงามระดับโลก หรือการปลูกชา
ปลูกดอกไม้ ปลูกพืชผลการเกษตร แทนการปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง
โครงการจากพระราชดำาริของสมเด็จย่าและพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์ให้คนไทยได้ใช้ ได้บริโภคสิ่งที่
สร้างขึ้นจากทรัพยากไทย ฝีมือคนไทย และเป็นการเสริมสร้างอาชีพ
ให้กับพี่น้องชนชาวเขาของเราด้วย
เมื่อกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือในหลวงของปวง
ชนชาวไทยแล้ว ก็ขอกล่าวถึงโครงการในพระราชดำาริของพระองค์
ท่านและพระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติพรรณไม้ เช่น โครงการกิจกรรมพรรณไม้งาม
สวนหลวง ร.9 เน้นการเผยแพร่พรรณไม้หลากหลายชนิดจากทั่วโลก
ไว้ในผู้สนใจได้ศึกษา โครงการศูนย์ศึกษาและพัฒนาป่าชายเลน
ยะหริ่งจังหวัดปัตตานี ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนในพื้นที่รับรู้และร่วมกัน
อนุรักษ์ป่าชายเลนที่นับวันจะเหลือน้อยลงไปทุกที หรือโครงการปลูก
หญ้าแฝก โครงการป่ารักนำ้าในพระราชดำาริของสมเด็จพระนางเจ้า
พระบรมราชินีนาถ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ผลิตผลจากธรรมชาติมา
ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติด้วยกันอย่างดินและนำ้า และโครงการที่
นักเรียนหลายๆ โรงเรียนคงจะรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับ “โครงการ
”สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ในพระราชดำาริของสมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนับสนุนและส่งเสริมให้โรงเรียน
ต่าง ๆ เช่นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสาธิตปทุมวัน หรือ
โรงเรียนสาธิตจุฬา ปลูกต้นไม้ทั้งที่หายากและหาได้ทั่วไปไว้รอบๆ
บริเวณโรงเรียน และได้บูรณาการนำาพรรณไม้เหล่านั้นมาเป็นสื่อใน
การจัดการเรียนการสอนของนักเรียนในโรงเรียน และนอกจาก
โครงการต่างๆ แล้ว พระราชพิธีที่มีมาตั้งแต่โบราณกลายอย่างพระ
ราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือพิธีทำาขวัญ หรือพิธีทำาขวัญ
ข้าวนั้นก็เป็นพระราชพิธีสำาคัญอีกอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความ
เอาใจใส่ในการดูแลพืชพรรณที่ให้คุณประโยชน์กับเราด้วย
ปัจจุบัน เทคโนโลยียังเข้ามามีส่วนในการเพาะปลูกและดัดแปลง
พันธุ์ไม้ด้วยเช่นกัน ดังที่เคยเป็นข่าวที่น่ายินดีเมื่อหลายปีก่อน ที่นาย
ประดิษฐ์ คำาเพิ่มพูล เกษตรกรชาวอุดรธานีได้คิดค้นพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์
ใหม่ที่ให้ทั้งความสวยงามและกลิ่นหอมแบบไทยๆ ที่มีชื่อว่า “อุดรชัน
”ไฌน์ ที่มีการนำาไปสกัดออกมาเป็นนำ้าหอมแบบไทยๆ หรือความ
สำาเร็จระดับโลกของชาติญี่ปุ่น ที่ร่วมมือกับองค์กรของออสเตรเลีย
คิดค้นกุหลายแห่งความฝึนของใครหลายคนอย่างกุหลาบสีนำ้าเงินขึ้น
มาได้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงงานที่สามารถรวบรวมพรรณไม้ที่หายาก
ในธรรมชาติและเป็นสิ่งที่ค้นพบใหม่ในธรรมชาติจากทั่วโลก เช่น
งานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมา หรือการดัดแปลง
พันธุกรรมของพืชผลทางการเกษตรอีกหลายชนิด ที่เหล่านักวิจัยร่วม
มือกันคิดค้นเพื่อให้ได้พืชผลทางการเกษตรที่มีคุณค่าใหม่ๆ เหมาะสม
สำาหรับมนุษย์เราต่อไป
อย่างไรก็ตาม มนุษย์ควรมีการศึกษา ค้นคว้าหาวิธีการเรียนรู้
อย่างเหมาะสมในการนำาธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับ
สังคม รวมทั้งหาทางฟื้นฟูธรรมชาติและพรรณไม้ให้มีความสมดุล
เพียงพอสำาหรับระบบนิเวศอันสมบูรณ์ ก่อนที่มนุษย์จะไม่มีพรรณไม้ใน
ธรรมชาติไว้ให้ชื่นชม และไม่มีอากาศดีๆ ที่บริสุทธิ์พอสำาหรับการ
หายใจดังเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต
เพื่อขจัดปัญหาที่กล่าวมาในข้างต้นนี้ นักอนุรักษ์ นักวิจัยและ
บุคลากรมากมายในหลากหลายสถาบันก็ได้ร่วมกันตั้งคำาถามและ
ค้นหาคำาตอบ รวมทั้งหาเหตุผลเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา เพื่อการ
ปรับปรุงแผนงาน นโยบายและแนวทางหลายๆ แนว แต่ถึงอน่างนั้นใน
ปัจจุบัน เราก็ยังคงพบเห็นข่าวคราวเกี่ยวกับโลกของเรา ที่ได้รับผลก
ระทบกระเทือนหลายๆ อย่างจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติและ
การกระทำาของเราเอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาตและการกระ
ทำาเหล่านั้นก็ได้สร้างความเดือดร้อนนานับประการ ไม่ว่าจะเป็นเหตกา
รณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของโลกปัจจุบัน เช่นวาตภัยที่
รุนแรง สถานการณ์นำ้าท่วม ภาวะโลกร้อนและความแห้งแล้ง การเกิด
ไฟป่า แผ่นดินไว ความเสียหายของปะการังในท้องทะเล หรือแม้
กระทั่งภาวะขยะล้นเมือง ซึ่งล้วนแต่นำามาซึ่งความสูญเสียทั้งทาง
ธรรมชาติและชีวิตของมนุษย์ในธรรมชาติที่อาจไม่หลงเหลือความ
สดใส ความสมดุลอีกได้ในเวลาอันใกล้นี้
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว พวกเรา... ชาวโลกควรตระหนักได้ว่า
“ ”ธรรมชาติ และ “ ”พรรณไม้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับมนุษย์ ดังนั้น เรา
ควรเร่งหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ และปลูกฝัง ส่งเสริม รวมทั้งสนับสนุน
ให้กลุ่มบุคคลทุกเพศ ทุกวัยใส่ใจในการอนุรักษ์พืชพรรณไม้ใน
ธรรมชาติและรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่รอบตัวของเรา เพราะ
การแก้ปัญหาที่ดีไม่ควรเป็การแก้ปัญหาที่ปลายสาเหตุ แต่ควรเป็นการ
แก้ที่ต้นสาเหตุของปัญหานั้นๆ การรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นกับธรรม
ชาตและสิ่งแวดล้อมด้วยการอนุรักษ์ ในชั้นแรกๆ อาจเป็นเพียงแค่การ
“ ”เยียวยาเบื้องต้น เป็นต้นว่า การรณรงค์ให้ปลูกต้อนไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่
สีเขียวให้กับโลกอย่างน้อยคนละ 1 ต้นการคัดแยกขยะเพื่อลดมลพิษ
ทางอากาศและให้ธรรมชาติมีปอดที่สมบูรณ์ในการสร่างออกซิเจนที่ดี
ให้กับพืชพรรณและมวลมนุษยชาติ การรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าในการบร
รุสิ่งของ การรณรงค์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนพลังงานของ
ธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเห็นคุณค่าของสิ่งที่มี
อยู่ในธรรมชาตอย่างสูงสุด การรณรงค์จัดทำาสวนสุขภาพ สวนหย่อม
เพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนและรวบรวมพืชพรรณไม้นานานับชนิด เป็น
หมวดหมู่ไว้ให้เป็นแหล่งการศึกษาเรียนรู้ของชุมชน นักเรียน
นักศึกษา การรณรงค์นำาปาล์มมาใช้เป็นวัตถุดิบสำาคัญในการลด
พลังงานด้านเชื้อเพลิงที่ต้องนำาเข้ามา ตลอดจนการณรงค์อนุรักษ์
รักษาต้นนำ้า ลำาธารที่เป็นแหล่งอู่ข้าวอู่นำ้าหล่อเลี้ยงชีวิตของธรรมชาติ
ในพื้นที่ภูเขา ต้นนำ้าและลำาธารสายต่างๆ เพื่อให้รักษาโครงสร้างของ
ระบบนิเวศที่สมดุล สะอาดต่อไป และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง
แค่ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องมีการพึ่งพาอาศัยพรรณไม้ใน
ธรรมชาติมาเป็นตัวหลักในการดำารงชีวิตของมนุษย์ในสังคมโลกยุคไร้
พรมแดนทั้งสิ้น ถ้าการอนุรักษ์เป็นเพียงการกระทำาแค่ชั่วครั้ง ชั่วคราว
ไม่ดำาเนินไปอย่างต่อเนื่อง ก็ควรเตรียมใจไว้ได้เลยว่า ในอนาคตอัน
ใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่สิบปีนี้ ลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปของเรา อาจรู้จัก
“ ”พรรณไม้ และ “ ”ธรรมชาต จากหน้ากระดาษบางๆ ไม่กี่สิบหน้า และ
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าอนาคตของโลกและมนุษยชาติ
อาจจะจบลงพร้อมๆ กับการร่วงหล่นของใบไม้ใบสุดท้ายก็ได้ใครจะ
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นางสาวธัญลักษณ์ เอกจิตร
โรงเรียนเบญจมราชูทิศ 58/11 ซอย 4 ตำาบลคลองนารายณ์
อำาเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ
ผื่นแผ่นดินที่เขียวขจี ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์
สายนำ้าน้อยใหญ่ไหลจากที่สูงลงมาหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวติที่อยู่ด้านล่าง
ความหลากหลายของพรรณไม้ นำาความชุ่มฉำ่าและความอุดมสมบูรณ์
มาสู่ผืนป่า รวมถึงประโยชน์นานานัปการที่มนุษย์จะหาได้จากความ
หลากหลายทางพรรณไม้ในป่าเหล่านี้ มนุษย์ใช้ประโยชน์จากพรรณ
ไม้ในธรรมชาติมาเป็นเวลาช้านาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังคงไว้ซึ่งความ
อุดมสมบูรณ์ของป่าไว้เหมือนเดิม เพราะสมัยก่อนมนุษย์ใช้ประโยชน์
ทางพรรณไม้เพื่อการดำารงชีวิตในประวันเสียส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน
ภาพต่างๆ เหล่านี้เริ่มเลือนรางจางหายไปจากผืนแผ่นดินไทยในทีละ
เล็กละน้อย เมื่อมีการเหลื่อมลำ้า เข้ามายึดครองป่าไม้ เพื่อสร้างมูลค่า
ให้กับตนเอง อีกทั้งมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ทำาให้ป่าไม้
ถูกตัดโค่นลง พรรณไม้หลากหลายพันธุ์ถูกทำาลายลงอย่างไร้ค่า ความ
สุขเล็กๆ น้อยๆ บนการเหยียบยำ้าทำาลายพรรณไม้ในธรรมชาติ มา
บัดนี้ ภาพความสวยงามและความสมดุลของระบบนิเวศทางธรรมชาติ
หลงเหลือเพียงแค่ร่องรอยของการทำาลายที่ไม่มีวันหมดสิ้น ความเขียว
ขจีของพรรณไม้ เหลือเพียงความแห้งแล้งดินที่เคยอุดมสมบูรณ์เหลือ
เพียงดินที่แห้งกร้าน หากทุกคนยังเพิกเฉยไม่สนใจยังคงทำาลาย
พรรณไม้เรื่อยไป สิ่งที่หลงเหลือให้แก่ลูกหลายรุ่นต่อไป คงเป็นแค่
เพียงความแห้งแล้งและความเสื่อมโทรมทางธรรมชาติเป็นแน่
ธรรมชาติเป็นแหล่งเกิดพรรณไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นพืชสุมน
ไพร พืชเศรษฐกิจสามารถสร้างรายได้ให้กับมนุษย์ได้ จะเห็นว่า
พรรณไม้เหล่านี้ล้วนมีความสำาคัญต่อการดำารงชีวิตของมนุษย์ทั้งทาง
ตรงและทางอ้อม หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่ต้องอาศัยและใช้
ประโยชน์จากพรรณไม้ในธรรมชาติ อันได้แก่ประโยชน์ทางด้าน
ปัจจัย 4 อย่างคือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยตลอดจนยารักษา
โรค สิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถหาได้ง่ายจากธรรมชาติ ไม่ต้องสิ้นเปลือง
เงินทองเพราะธรรมชาติได้สรรสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เราได้ใช้ประโยชน์
ได้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น หากทว่าต้องรู้จักใช้อย่างรอบคอบและใช้ให้
เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น พรรณไม้ในธรรมชาติ
ส่วนใหญ่มักจะให้ประโยชน์มากกว่าให้โทษ ความอุดมสมบูรณ์ของ
พรรณไม้จะบ่งบอกถึงความคงอยู่ของทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจาก
พรรณไม้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ความสมดุลของระบบนิเวศ
ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับจำานวนของสิ่งที่มีชีวิต แต่ยังขึ้นอยู่กับความอุดม
สมบูรณ์ของพรรณไม้ด้วย สองสิ่งนี้ต้องอยู่ควบคู่กันเสมอ มนุษย์เองก็
เป็นสิ่งมีชีวิตพวกหนึ่งที่ต้องพึ่งพาพรรณไม้ในธรรมชาติเพื่อการดำารง
ชีวิตและการทำากิจกรรมในแต่ละวัน
ในอดีตนั้นประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นแหล่งที่มี
พรรณไม้อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของโลก ผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ล้วนเต็ม
ไปด้วยพรรณไม้หลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายชนิดและมีจำานวน
มากกระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ แต่ในปัจจุบัน เป็นที่น่าตกใจ เพราะว่า
จำานวนพรรณไม้มีจำานวนลดลงกว่าเดิมจนแทบจะอยู่ในเขตที่อันตราย
นั่นก็เพราะว่ามีสาเหตุมาจากความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน
โลกของเรามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความก้าวหน้าทาง
เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม มีผลต่อการดำารงชีวิตของมนุษย์เพิ่มมาก
ขึ้น และอีกสาเหตุหนึ่ง คือ การเพิ่มขึ้นของประชากรโลกอย่างรวดเร็ว
ทำาให้เกิดความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เพิ่มมากขึ้น
การลุกลำ้าทำาลายไม้เพื่อสร้างที่อยู่อาศัย พรรณไม้จึงถูกทำาลายลงใน
เวลาอันรวดเร็ว รวมถึงยังส่งผลให้ พรรณไม้บางชนิดถึงกับใกล้จะสูญ
พันธุ์ในเลยที่เดียว สิ่งเดียวที่จะช่วยให้พรรณไม้ที่สวยงามคงอยู่กับผืน
แผ่นดินไทยให้นานๆ คือการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชเหล่านั้นเอาไว้
ดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น พรรณไม้บางชนิดใกล้ที่จะสูญพันธุ์ การ
อนุรักษ์พันธ์กรรมพืชจึงเป็นทางเลือกทางเดียวที่จะช่วยให้พรรณไม้
เหล่านั้นอยู่เคียงคู่กับผืนป่าไทยไปนานๆ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกัน
การสูญเสียอันเนื่องมาจากการผันแปรทางพันธุกรรม ซึ่งนับว่าเป็นการ
สูญเสียที่ควรจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะเสี่ยงต่อการที่เราจะสูญเสีย
คุณค่าของพันธุกรรมเหล่านั้น รวมถึงยีนต์ที่แข็งแรงของพรรณไม้ ดัง
ที่เห็นในปัจจุบัน สภาพภูมิอากาศของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
เวลาทั้งปัญหาโลกร้อน อุทกภัย รวมถึงภัยทางธรรมชาติในรูปแบบ
ต่างๆ ล้วนเป็นปัญหาที่สำาคัญที่ส่งผลให้พืชมีความเสี่ยงต่การ
เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมหรือการผ่าเหล่านั่นเอง พันธุกรรมพืชนับ
ว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและมีความสำาคัญต่อการปรับปรุงพันธุ์พืช
ในอนาคต จะช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของพืชนั้น
ได้ ทั้งยังช่วยให้พรรณพืชมีความแข็งแรง มีความต้านทานโรคสูง
และสามารถปรับตัวให้เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนได้เป็น
อย่างดี จะช่วยให้ประเทศไทยมีพรรณไม้อยู่ควบคู่กับการดำารงชีวิต
ของมนุษย์และเป็นมรดกทางธรรมชาติของไทยตลอดไป อีกทั้งการ
อนุรักษ์ไว้ซึ่งพันธุกรรมพืช มีความสำาคัญอย่างยิ่งยวดต่อชีวิตและ
ความเป็นอยู่ของประชากรในอนาคต
แด่ทว่าการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใด
หน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากประชากรคนไทย
ทุกๆ คน เพราะเพียงแต่สองมือไม่เพียงพอที่จะช่วยฟื้นฟูความอุดม
สมบูรณ์ให้กลับมาสู่ธรรมชาติได้โดยเร็ว แต่หากเป็นหลายมือของคน
หลายๆ คนช่วยเหลือ ก็จะสามารถพลกฟื้นความอุดมสมบูรณ์ได้โดย
ง่าย เพราะทุกคนล้วนแค่เป็นผู้ใช้ประโยชน์จากพรรณไม้แทบทั้งสิ้น
เยาวชนถือว่าเป็นคนที่สำาคัญที่มีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้
หากเยาวชนเหล่านี้ได้รับความรู้ เห็นความสำาคัญและคุณค่าของ
พรรณไม้ ย่อมทำาให้เยาวชนมีจิตสำานึกที่ดีต่อการช่วยกันอนุรักษ์
พันธุกรรมพืช และเกิดการหวงแหนในพรรณไม้รวมถึงรู้จักนำาไปใช้
ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป
มนุษย์ใช้ประโยชน์จากพรรณไม้มาก็มาก แต่สิ่งที่มนุษย์
ตอบแทนคุณค่าของพรรณไม้ คือการทำาลายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ธรรมชาติพรรณไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์ มาบัดนี้หลงเหลือเพียงตำาราเล่ม
น้อยๆ ที่ให้ศึกษาเฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น เพราะพรรณไม้เหล่านั้น
ได้ถูกทำาลายจนแทนจะหมดสิ้นแล้ว กลายเป็นพรรฯไม้ที่หายาก และ
พรรณไม้คงจะสูญพันธุ์ไปแน่ หากไม่มีการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชเอาไว้
ด้วยความร่วมมือของประชาชนคนไทยทุกคนในการตั้งมั่นที่จะช่วย
กันรักษาอนุรักษ์ไว้ซึ่งพันธุกรรมพืชจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่จะช่วยให้
ประเทศไทยได้ธรรมชาติพรรณไม้ที่สวยงามกลับคืนมา
ประเทศไทยนับว่าโชคดีกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งมีป่าไม้ที่มีความ
อุดมสมบูรณื รวมทั้งมีเจ้าฟ้าอนุรักษ์พันธุกรรมพืช นั่นคือ สมเด็จพระ
เทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนพระทัยและทรงห่วงใย
ในเรื่องการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช รวมถึงการปกปักรักษาพันธุกรรม
พืช จนนำามาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและพรรณ
ไม้มาโดยตลอด ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นคนไทยคนหนึ่ง อาศัยและใช้
ประโยชน์จากพรรณไม้ในธรรมชาติมาเป็นเวลาช้านาน จึงควรร่วมมือ
ร่วมใจในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชนั้น เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์
ของพรรณไม้ คืนสู่ผืนป่าแห่งผืนแผ่นดินไทยและเพื่อความยั่งยืนต่อ
ไปในอนาคต ดังคำาพูดที่ว่า “ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ใน
”ธรรมชาติ
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายปวรุตม์ บุญประเสริฐ
โรงเรียนวชิรวิทย์ 200/13 หมู่ที่ 13 ถนนสายเกาะกลาง ตำาบลท่าวัง
ตาล
อำาเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 50140
เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ
พรรณไม้หรือพืชพรรณในธรรมชาติ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เคยอุดม
สมบูรณ์มากในประเทศไทยแต่ในปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ที่เคยมี
หายไปไหน มนุษย์เรารู้จักแต่การใช้ประโยชน์ แต่ไม่รู้จักรักษาสิ่งที่
เป็นประโยชน์เหล่านั้นเอาไว้ ทำาให้สิ่งที่สวยงามและมีคุณค่าเหล่านี้
ต้องสูญหายและลดจำานวนลงเป็นจำานวนมากจะมีหนทางใดที่จะทำาให้
มนุษย์เห็นความสำาคัญและใส่ใจที่จะดูแลรักษาอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่า
นี้ให้คงอยู่กัยชีวิตมนุษย์ตลอดไป
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทรัพยากรป่าไม้ของประเทศไทยมี
การเปลี่ยนแปลงไปมากหากลองมองย้อนไปในอดีต จะพบภาพป่าไม้ที่
มีความอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้เป็นแหล่งกำาเนิดชีวิตและวิถีชีวิตความเป็น
อยู่ของมนุษย์อีกทั้งเป็นแหล่งกำาเนิดต้นนำ้าลำาธารให้ความชุ่มชื่นหล่อ
เลี้ยงฝืนดิน และเป็นแหล่งทรัพยากรมหาศาลสร้างความสมดุลให้กับ
สภาพแวดล้อม ความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ก่อให้เกิดความหลากหลาย
ทางชีวภาพทั้งพรรณไม้และสัตว์ป่า ประเทศไทยมีลักษณะป่าไม้ที่
หลากหลายอันได้แก่ ป่าผลัดใบ ป่าเขตร้อน ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ
เป็นต้น ป่าเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้นานานพันธุ์ที่มี
คุณค่าและมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ในปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ที่
เคยมีลดลงไปอย่างน่าใจหาย โดยฝีมือของภัยธรรมชาติเอง และฝีมือ
ของมนุษย์ แต่การทำาลายโดยมนุษย์เลวร้ายกว่าธรรมชาติมาก เพราะ
เป็นการทำาลายที่ต่อเนื่องและยาวนาน การทำาลายโดยการใช้
ประโยชน์จากธรรมชาติโดยไม่รู้จักคุณค่าที่แท้จริงจนเกินความ
สามารถที่ธรรมชาติจะฟื้นตัวได้ทัน ไม่มีการอนุรักษ์ดูแลรักษา หรือ
การปลูกทดแทน ทำาให้ในปัจจุบันผืนป่าของไทยลดน้อยลงไปทุกที ส่ง
ผลให้พันธุ์ไม้ที่มีคุณค่าที่อยู่ตามธรรมชาติน้อยลง บางชนิดสูญพันธุ์
ไปอย่างน่าเสียดาย
ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลให้ป่าไม้ในประเทศไทยมีจำานวน
ลดลงไปเรื่อยๆ สืบเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระบบ
เศรษฐกิจแบบทุนนิยม ที่หวังเพียงประโยชน์และผลกำาไรของเจ้าของ
กิจการเท่านั้น ไม่ยอมตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะปัญหา
ใหญ่ที่ทั่วโลกกำาลังเผชิญ นั่นคือปัญหาภาวะโลกร้อน อาจเป็นที่สงสัย
กันว่าปัญหาทรัพยากรป่าไม้ของไทยเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อนได้
อย่างไรเพราะทรัพยากรป่าไม้ของไทย คือหนึ่งในทรัพยากรป่าของ
โลก เพราะป่าไม้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน ซึ่งก็คือ ภาวะที่
โลกถูกปกคลุมด้วยก๊าซเรือนกระจำามีปริมาณมากเกินสมดุลของ
ธรรมชาติ ก๊าซเรือนกระจกกักเก็บความร้อน ไม่ให้สะท้อนออกนอกผิว
โลกทำาให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสุงขึ้น ส่วนประกอบหลักของก๊าซเรือน
กระจำาคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต้นไม้สามารถดูดซับก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ด้วยขบวนการสังเคราะห์แสงโดยเฉพาะต้นไม้ที่มี
ลำาต้นสุงใหญ่ มีจำานวนมากในป่าไม้ของประเทศไทยหากป่าไม้ของ
ไทยมีความอุดมสมบูรณ์ก็จะมีส่วนลดภาวะโลกร้อนได้มาก ต้นไม้ชนิด
อื่นก็สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่มากเท่าต้นไม้
ใหญ่
ในการที่ต้นไม้ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วคายก๊าซ
ออกซิเจนออกมาส่งผลให้มนุษย์ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ สดชื่น ในเวลา
กลางวัน เมื่อมนุษย์ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง
อีกทั้งต้นไม้ยังให้ร่มเงา และความร่มรื่นให้บรรยากาศบริเวณนั้นน่าอยู่
นอกจากนั้นมนุษย์เราใช้ต้นไม้ในการสร้างที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัย
ก่อน ไม่ใช่มนุษย์เท่านั้นที่ใช้ประโยชน์จากป่า สัตว์ก็เช่นเดียวกัน ป่า
ไม้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เป็นแหล่งอาหาร และวงจรชีวิตของมัน
ป่าไม้เป็นต้นกำาเนิดของสายนำ้า ต้นนำ้าลำาธารที่มนุษย์ใช้อุปโภคและ
บริโภคอยู่ทุกวันนี้ ความอุดมสมบูรณ์ของป่า ช่วยให้ฝนตกต้องตาม
ฤดูกาล เกษตรกรทำาไร่ ไถนาได้ตลอดปี
พืชพรรณแต่ละชนิด มีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ละส่วนของพืช
พรรณมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน เช่น ลำาต้น ดอกใบ รากและส่วนอื่นๆ
อีกมาก สามารถนำามาใช้ประโยนช์ให้ตรงต่อความต้องการ
พืชพรรณที่นิยมนำามาใช้ประโยชน์ มีทั้งพืชสมุนไพร เช่น ขิง ข่า
ตะไคร้ หรือ พืชผล เช่น ลำาไย มะม่วง หรือ พืชที่ให้ความสวยงาม
อย่างไม้ดอกไม้ประดับ เช่น กุหลาบ เฟืองฟ้า สาวน้อยปะแป้ง และยังมี
พืชบางชนิด ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก เช่น พืชจำาพวกพืชนำ้ามัน
ปาล์ม มะพร้าว สบู่ดำา และพืชพวกสิ่งทอ เช่น ปอ ฝ้าย เป็นต้น
นอกจากประโยชน์ทางตรงทางได้รับ ยังมีประโยชน์ทางอ้อม อันเนื่อง
มาจาก พืชพรรณต่างๆ มีอิทธิพลความหมาย ส่งผลต่อจิตใจมนุษย์ ใน
ขณะที่มนุษย์ไม้ทันได้สังเกต
ต้นไม้มีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ ทุกสถานที่ ที่มนุษย์อยู่อาศัย ไม่ว่า
จะเป็น บ้าน สถานที่ทำางาน สถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว มีต้นไม้
พืชพรรณต่างๆ อยู่ในทุกที่ ทั้งขี้นเองตามธรรมชาติ หรือที่มนุษย์ปลูก
ไว้มนุษย์เมื่อเห็นต้นไม้อยู่ทุกวัน กลายเป็นความรู้สึกเคยชิน และรู้สึก
ธรรมดาที่มีต้นไม้เหล่านี้อยู่ แต่หากลองคิดดูว่าถ้าไม่มีพืชพรรณเหล่า
นี้อยู่ จะรู้สึกอย่างไร เห็นเพียงผืนดินที่ว่างเปล่า มองไปทางใดก็มีแต่
ความแห้งแล้งดังนั้นต้นไม้จึงมีผลต่อจิตใจมนุษย์ พันธุ์ไม้แต่ละชนิด
ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ตามสีสัน และลักษณะรูปร่าง บางชนิดให้
สีสันสดใส บางชนิดให้ความรู้สึกสดชื่น ในแต่ละเทศกาล มนุษย์มักใช้
พืชพรรณเหล่านี้แทนคำาพูดในความหมายต่างๆ ทั้งในงานมงคล และ
งานอวมงคล พืชพรรณแต่ละชนิดมีความหมายในตัวของมัน หรือจะ
ใช้ประดับตกแต่งเพื่อความสวยงาม หากงานใดไม่มีดอกไม้หรือพืช
พรรณประดับตกแต่ง คงจะเป็นงานที่น่าหดหู่ไม่น้อย
พืชพรรณธรรมชาติมีประโยชน์ และมีคุณค่ามหาศาล ควรค่าแก่
การอนุรักษ์ไว้ มิเช่นนั้นพืชพรรณเหล่านี้คงสูญหายไป เหลือไว้เพียง
แค่ชื่อ มนุษย์จึงต้องร่วมมือกันอนุรักษ์รักษา พืชพรรณเหล่านี้เอาไว้
การอนุรักษ์ควรเริ่มจากการรัก และเข้าใจธรรมชาติ ปรึกษาวิธีการ
ดูแลรักษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการสร้างจิตสำานึกที่ดีด้านการ
อนุรักษ์ พันธุกรรมพืชให้เยาวชนได้มีโอกาสใกล้ชิดพืชพรรณไม้ เห็น
คุณค่าประโยชน์ความสวยงาม อันจะก่อให้เกิดความคิด ที่จะอนุรักษ์
พืชพรรณต่อไป ตามแนวพระราชดำาริพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรม
ราชกุมารี ในโครงการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เป็นการดำาเนินงาน
อิงรูปแบบของสวนพฤกษศาสตร์ โดยรวบรวมพันธุ์ไม้ที่มีชีวิต หา
แหล่งข้อมูลมีการศึกษาต่อเนื่อง มีการเก็บตัวอย่างพันธุ์ไม้รวบรวม
พันธุ์ไม้ท้องถิ่นเข้ามาปลูกรวบรวมไว้ในโรงเรียน มีการบันทึกรายงาน
ข้อมูล รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับพรรณไม้ มีมุมสำาหรับการ
ศึกษาค้นคว้า และการนำาไปใช้ประโยนช์เพื่อให้เยาวชนและ
ประชาชนทั่วไปเห็นความสำาคัญ เกิดความรักหวงแหน และรู้จักนำาไป
ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ทุกๆ คนยังสามารถช่วยกันสร้าง
จิตสำานึกและความรัก แก่พรรณไม้ได้โดยเริ่มจากที่บ้าน มองไปตามที่
ต่างๆ ที่มีพรรณไม้ ลองเข้าไปพูดคุยกับมัน ชื่นชม ความงามของ
พรรณไม้ในยามเช้า จะเห็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ความ
รักในพรรณไม้ จะเป็นผลที่ตามมา จากนั้นมั่นคอยดูแลรักษาให้ดี เมื่อ
ต้นไม้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ตัวผู้ดูแลย่อมมีความสุขตามแน่นอน
นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งความคิดที่จะช่วยสร้างจิตสำานึกที่ดี ในการอนุรักษ์
พรรณไม้ ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ไม่ยาก เกินความสามารถของมนุษย์ทุก
คน
การอนุรักษ์ไม่ได้เป็นเพียงการศึกษาหรือรับฟังข้อควรปฏิบัติ
เท่านั้น แต่การอนุรักษ์ต้องเป็นการลงมือปฏิบัติจริงโดยที่ไม้ต้องรอว่า
ใครคนใดจะเป็นคนทำา แต่ต้องเป็นทุกๆ คนที่จะต้องเริ่มต้นที่ตัวของตัว
เอง หากเราเองยังไม่เริ่มทำา แล้วใครกันจะเป็นคนทำา หรือจะรอให้พืช
พรรณเหล่านี้สูญพันธุ์ไปหมดเสียก่อน แล้วค่อยลงมือทำา
รางวัลชมเชย นางสาวช่อทิพย์ รักธรรม
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ บ้านเลขที่ 47 ตำาบลสระแก้ว
อำาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 80160
เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ
“ชมผกา จำาปา จำาปี กุหลาบ ราตรี พะยอม พังกาบ และ
กรรณิการ์ ลำาดวน นมแมว ซ่อนกลิ่น ยี่โถ ชงโค มณฑา สายหยุด
เฟื่องฟ้า ชบา และสร้อยทอง...” พรรณไม้ดอกของเมืองไทยจาก
บทเพลงข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพรรณไม้ทั้งหมดของเมืองไทย
เท่านั้นประเทศไทยนับได้ว่าเป็นประเทศ ประเทศหนึ่งซึ่งอยู่ในเขต
ร้อนขึ้น อันอุดมไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ด้วยความหลายกหลาย
ทางชีวภาพ ทำาให้มีพรรณไม้บามชนิดเกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย
เท่านั้น และยังอีกหลายชนิดที่ยังรอการค้นพบ
พืชจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างไปจากสิ่งที่มีชีวิตอีกประเภทหนึ่ง
นั่นคือสัตว์ พืชไม่มีเสียงร้อง ไม่สามารถที่จะส่งเสียงได้ พืชไม่มีจมูก
ไม่มีตา ไม่มีสมอง แต่พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่สัตว์ขาดไม่ได้ คุณสมบัติ
ประการหนึ่งของสัตว์และพืชที่เหมือนกันคือ ความสามารถในการ
สืบพันธุ์สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์จะมีสิ่งที่ถ่ายทอดลักษณะและ
คุณสมบัติเฉพาะจากพ่อแม่ หรือบรรพบุรุษ หรือที่เรียกว่าพันธุกรรม
โดยจะมีหน่วยถ่ายทอดพันธุ์กรรมคือ ยีน ยีนนี้จะมีอยู่บนโครโมโซม
ในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด พืชจะมีการสืบพันธุ์ที่แบ่งออกเป็น 2
ลักษณะ คือการสิบพันธุ์โดยอาศัยเพศ ซึ่งจัดอยู่ในระบบเดียวกับ
มนุษย์และสัตว์ชั้นสูง และการสืบพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศซึ่งจะมีอยู่ใน
สัตว์ชั้นตำ่าและพืชเท่านั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวพรรณไม้จึงง่ายต่อการ
ขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำานวน ที่สำาคัญพืชอยู่กับที่ไม่เคลื่อนที่ไปไหนได้
ง่ายๆ ดังเช่นสัตว์ ดังนั้นการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพืชจึงเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น
องค์การต่างๆ หลายองค์การจึงหันมาศึกาเกี่ยวกับธรรมชาติของพืช
เพื่อจะได้เป็นการอนุรักษ์พันธุ์พืช พรรณไม้ที่มีอยู่ และดัดแปลงพรรณ
ไม้ใหม่ๆ ขึ้นมา ทั้งนี้ก็จะได้เข้าใจถึงธรรมชาติของพรรณไม้มากยิ่ง
ขึ้น
หากกล่าวถึงประเด็นร้อนที่หลายคนให้ความสนใจและจับตามอง
ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นประเด็นภาวะโลกร้อน ตลอดระยะเวลาหลาย
พันปีที่ผ่านมา โลกใบนี้ต้องแบกรับมลพิษที่มนุษย์เป็นผู้ยัดเยียดให้
สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็หนีไม่พ้นมนุษย์ มีสาเหตุมากมายหลาย
สาเหตุที่ทำาให้โลกต้องเกิดการแปรเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นก๊าซเสียจาก
โรงงานอุตสาหกรรม รถยนต์ รถจักรยานยนต์ การใช้วัสดุที่ไม่ได้ทำา
จากธรรมชาติ การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างสิ้นเปลือง หรือแม้แต่ก๊าซที่
ออกมาจากสัตว์ประเภท วัว กระบือ แต่สิ่งสำาคัญที่สุดเป็นต้นเหตุให้
เกิดภาวะโลกร้อนก็คือ การตัดไม้ทำาลายป่า การทำาลายผู้ให้ร่มเงา
ทำาลายผู้ให้ออกซิเจน และทำาลายผู้พิทักษ์โลก ในปัจจุบันพบว่า
ประเทศมีพื้นที่ป่าไม้เหลืออยู่จริงๆ ไม่ถึง 20% จากปี 2504 ที่เริ่มมี
การจัดทำาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 พื้นที่ป่าไม้
ของประเทศไทยนั้นมีอยู่ราว 171 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 53.33%
ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าพื้นที่ป่าไม้ของไทยได้ลดลงไปมาก เมื่อ
พื้นที่ป่าไม้ลดลงพรรณไม้ที่มีอยู่ในธรรมชาติก็ลดลงไปด้วย จาก
พรรณพฤกษชาติทั้งหมดของประเทศไทยที่ตอนนี้มีมากกว่า 10,000
ชนิด สถานการณ์พรรณไม้ในปัจจุบัน กำาลังลดการสวนกระแส มีผู้คน
กลุ่มหนึ่งกำาลังพยายามค้นหาและร่วมกันอนุรักษ์พรรณไม้ที่มีอยู่ แต่มี
ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำาลังค้นหาและร่วมกันทำาลายด้วยความเห็นแก่ตัว ความ
เห็นแก่ตัวที่ส่งผลไปถึงเพื่อร่วมโลก ดังคำากล่าวที่ว่า “ไม่มีเรา
ธรรมชาติอยู่ได้ ”ไม่มีธรรมชาติเราอยู่ไม่ได้
พรรณไม้ในธรรมชาติ คำานี้ก็คงหมายถึง พรรณไม้ที่อยู่ในป่า ที่
อยู่ตามธรรมชาติของมันพืชเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ถือได้ว่าวิเศษณ์ เพราะ
พืชสามารถสร้างอาหารเองได้ และเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ควรค่าแก่การ
ศึกษาอย่างยิ่ง ด้วยความหลากหลายของพืช จึงยังมีพรรณไม้อีก
มากมายที่หลายคนยังไม่ได้พบเห็นแต่มีพรรณไม้หลายชนิด ที่มนุษย์
ได้นำาออกมาจากป่าและทำาการขยายพันธุ์ นอกจากขยายพันธุ์ให้ได้
ถูกที่เหมือนพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์แล้ว ยังมีการคิดค้น ตัดแปลงผสมข้าม
สายพันธุ์จนได้พรรณไม้แบบใหม่ขึ้นมาและได้รับความนิยม จนบาง
คนไม่ทราบเลยว่า พรรณไม้พันธุ์นี้แท้จริงแล้วคือพรรณไม้ชนิดใด
พรรณไม้บางชนิดเหมาะสมที่จะอยู่กับธรรมชาติของป่า เพื่อเป็นการ
รักษาระบบนิเวศน์ของป่าให้อุดมสมบูรณ์อยู่เสมอ การที่มีคนบุกรุกป่า
และนำาพรรณไม้บางชนิดออกมาจากป่านั้น นอกจากจะทำาลายระบบ
นิเวศน์ของป่าแล้ว ยังเป็นการทำาให้พรรณไม้ชนิดนั้นสูญพันธุ์อีกด้วย
เนื่องจากพรรณไม้บางชนิดไม่อาจปรับสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่ป่าได้
ทางที่ดีแล้วควรให้พรรณไม้ได้อยู่คู่กับผืนป่า เพื่อจะได้ขยายพันธุ์และ
เพิ่มจำานวนมากขึ้นต่อไป
มนุษย์สมัยดึกดำาบรรพ์รู้จักพืชเพราะรู้ว่ามีประโยชน์ บางชนิดที่
รับประทานได้ก็นำามารับประทาน บ้างก็ทำาเครื่องนุ่งห่ม บ้างก็ใช้ทำา
เป็นที่พักอาศัย แต่เมื่อการเวลาล่วงเลย มนุษย์ก็รู้จักปรับตัวเข้ากับ
ธรรมชาติและรู้จักใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมากขึ้น มนุษย์จึงคลุกคลี
และให้ความสำาคัญกับพืชพรรณมากขึ้นตามไปด้วย จากแค่ใช้
ประโยชน์จากพืชที่มีอยู่ได้หันมาทำาการเกษตร รู้จักวิธีการขยายพันธุ์
พืชอย่างง่าย จนถึงยุคปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามากมายใน
การขยายพันธุ์พืชให้ได้จำานวนมากและประหยัดเวลา เช่นการเพาะ
เลี้ยงเนื้อเยื่อ นับว่าเป็นความโชคดีของมนุษย์ที่ได้มีพรรณพืชเพิ่มขึ้น
มากอย่างรวดเร็ว พืชเหล่านั้นจะได้ช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์และเติมแต่ง
ความงดงามให้โลกใบนี้ หากมนุษย์หันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับ
ธรรมชาติ หันมาให้ความสนใจกับพรรณไม้ พรรณไม้เหล่านี้คงจะอยู่
คู่โลกไปอีนาน
หลายปีที่ผ่านมาพรรณไม้ของไทยถูกค้นพบเพิ่มมากขึ้น อย่าง
เช่น ปี 2550 ที่ผ่านมามีการค้นพบพืชพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยอีก
15 ชนิด หนึ่งในนั้นคือ กาฝากวงกลีบซึ่งได้รับพระราชทานนาม จาก
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นับเป็นความภูมารี
นับเป็นความภูมิใจอีกอย่างหนึ่งของคนไทย ที่ได้ค้นพบพรรณไม้ที่
ไม่มีที่ใดในโลกนอกจากผืนแผ่นดินไทย
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารีนับเป็นโครงการอีกโครงการหนึ่งที่ส่งเสริมการ
อนุรักษ์ การศึกษาค้นคว้าและการขยายพันธุ์พืชที่แปลกใหม่และที่มี
อยู่แล้วให้ได้รับการพัฒนาและคงอยู่ต่อไป โครงการอนุรักษ์
พันธุกรรมพืชนี้จัดตั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ 2539 จนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวลา
12 ปีแล้วสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงให้
ความสำาคัญกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง ดั่งพระราโชวาท
ที่ทรงตรัสไว้ ความหนึ่งว่า “ปัจจุบันงานโครงการฯ มิได้จำากัดเพียง
ศึกษาอนุรักษ์พันธุ์พืชเท่านั้น แต่ขยายวงกว้างถึงการศึกษาเพื่อ
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอื่นด้วยเช่น ดิน หิน แร่ และสิ่งมีชีวิตทุก
ประเภท ทุกสิ่งที่กล่าวมมล้วนแต่มีความเกี่ยวพันธุ์กัน สิ่งหนึ่งสิ่งใด
”ขาดไปก็จะกระทบต่อการดำารงอยู่ของชาติและประชาชน จากพระ
ราโชวาทดังกล่าวพระองค์ทรงให้ความสนพระทัยกับการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง เราในฐานะคนไทยคนหนึ่งหากมี
ความนึกคิดเพียงเสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่าน เชื่อได้เลยว่าไม่ช้าภาวะ
โลกร้อนที่หลายคนกำาลังวิตกอยู่ก็จะคลี่คลายอย่างแน่นอน
พรรณไม้จะยังคงอยู่คู่กับเมืองไทยไปอีกนานสักเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่
กับว่าคนในประเทศจะให้ความสำาคัญกับป่าไม้และพรรณไม้ได้มากแค่
ไหน ป่าไม้มิอาจอยู่ได้ตลอดไป หากชีวิตที่เหลืออยู่ของเรานี้ละเลย
และไม่ใยดีผู้ที่สามารถให้ชีวิตใหม่กับโลกใบนี้ได้ สักวันหนึ่งสิ่งที่
หลายคนคาดคิดเอาไว้ก็จะมาถึง นั้นก็คือนำ้าท่วมโลก เมื่อถึงวันนั้นก็
คงจะสายเกินไปที่จะกล่าวกับตัวเองว่า “ทำาไมฉันต้องฆ่าตัวเอง ด้วย
”การตัดไม้ทำาลายป่า
ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทเรียงความ ระดับอุดมศึกษา
รางวัลชนะเลิศ นางสาวสุธิญา พูนเอียด
สถานที่ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บ้านเลขที่ 196 หมู่ 2 ตำาบลท่าดี อำาเภอลานสกา
จังหวัดนครศรีธรรมราช รหัสไปรษณีย์ 80230
เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ
พรรณไม้ให้คุณค่ามหาศาล เด่นตระการชูช่อออกผลิตผล
ธรรมชาติวาดโลกงามยามยินยล กอปรสุขล้นเร่งสรรค์สร้าง
อย่างยืนยง
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “ ”มนุษย์ และ “ ”ธรรมชาติ ต่างเป็นส่วน
หนึ่งของกันและกัน ซึ่งมี “ ”ความเหมือนที่แตกต่าง คอยควบคุมและ
เสริมสร้างความสมดุล กล่าวคือ มนุษย์และธรรมชาติล้วนดำารงอยู่บน
โลกผืนเดียวกัน โดยธรรมชาติเป็น “ ”ผู้สร้าง เป็น “ ”ผู้ให้ สิ่งต่างๆ แก่
มนุษย์ และเป็นสิ่งที่อยู่ตามธรรมดา ไม่ต้องการปรุงแต่ง ในขณะที่
มนุษย์ คือ ผู้รับ และต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติโดยมิอาจหลีกเลี่ยง
อย่างไรก็ตาม ฐานะผู้รับของมนุษย์มิได้ทำาให้มนุษย์ดูแลรักษา
ธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งตอบแทนธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกัน
ข้าม มนุษย์กลับเป็นตัวการสำาคัญที่พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
จนได้ชื่อว่า “ ”ผู้ทำาลายธรรมชาติ อย่างเลือดเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
“ ”พรรณไม้ พวกเขาบางคนไม่เพียงมองไม่เห็นเสน่ห์อันงดงามน่า
ชื่นชมของพรรณไม้ หากแต่ยังมองไม่เห็นคุณประโยชน์ที่ยั่งยืนอีก
ด้วย จะเห็นได้ว่า มนุษย์คอยจับจ้องและแสวงหาแต่ผลประโยชน์ส่วน
ตน ซึ่งเป็นผลระยะสั้นเท่านั้น ภาพการตัดไม้ทำาลายป่าภาพแล้วภาพ
เล่าจึงเกิดขึ้นทั่วทุกมุนโลกอันเป็นผลมาจากจิตใจที่มีความปรารถนา
และความไม่รู้จักพอของมนุษย์เป็นตัวบงการ นอกจากนี้การตัดไม้
ทำาลายป่าดังกล่างยังเป็นปัจจัยสำาคัญอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิด
วิกฤติการณ์ “ ”ภาวะโลกร้อน รวมทั้งส่งผลให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติทวี
ความรุนแรงขึ้นเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงเวลาแล้วที่มนุษย์จะต้องทวง
คืน “ ”จิตสำานึกแห่งการอนุรักษ์ พรรณไม้ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมให้กลับ
คืนมา ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสายเกินไป
เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลาย
หลายทางชีวภาพ เปรียบเสมือน “ ”อู่ข้าวอู่นำ้า ที่หล่อเลี้ยงทั้งพลเมือง
ไทยและพลเมืองโลกมาอย่างนับเนื่อง จากความหลากหลายทางชนิด
พันธุ์พันธุกรรม ตลอดจนความจนความหลากหลายในระบบนิเวศ
ทำาให้ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยทรัพยากรนานา
ชนิด จนสามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศให้มาตั้งรกรากถิ่นฐาน
ทว่าในปัจจุบันการเพิ่มจำานวนประชากรอย่างรวดเร็วกลายเป็นแรง
ผลักดันให้เกิดการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ
ป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ประเภทต่างๆ ที่ดีที่สุดกลับถูก
คุกคามด้วยนำ้ามือของมนุษย์วันแล้ววันเล่า การกระทำาดังกล่าวจึง
ทำาให้พรรณไม้ที่มีอยู่ตามธรรมชาติร่อยหรอลง และแปรสภาพจาก
ความอุดมสมบูรณ์สู่ความเสื่อมโทรมอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำาให้ “ ”ธรรมชาติพรรณไม้ ต้องมี
การเปลี่ยนแปลงทางนิเวศวิทยาหรือถิ่นอาศัยรวมทั้ง “พรรณไม้ใน
”ธรรมชาติ ต้องมีปริมาณร่อยหรอลงอย่างมาก มีที่มาจากประโยชน์
ของพรรณไม้ที่มีต่อโลกและมวลมนุษยชาติ ประกอบกับการใช้
ประโยชน์อย่างไม่รู้จัก “ ”เพียงพอ ในปริมาณที่ควรจะเป็นอย่างถูกต้อง
เหมาะสม และ “ ”พอเพียง ต่อความจำาเป็นในชีวิตประจำาวันนั่นเอง
เนื่องจากพรรณไม้แต่ละชนิดไม่เพียงแต่เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ
ที่ใกล้ชิด มีความเกี่ยวพันกับการดำารงชีวิต และให้มนุษย์ได้อุปโภค
บริโภค หรือใช้สอยในหลากหลายด้านเท่านั้น หากแต่ยังสามารถ
สร้างอาชีพการป่าไม้ เก็บของป่า การขนส่งการอุตสาหกรรม การผลิต
ไม้แปรรูป ตลอดจนผลิตภัณฑ์สำาเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบจากไม้และของป่า
ยิ่งไปกว่านั้น การเร่งดำาเนินงานบางโครงการ เช่น การสร้างเขื่อน
ถนน และโรงไฟฟ้า ฯลฯ ได้ทำาให้มนุษย์รุกรานพื้นที่ป่าและพรรณไม้
นานาชนิดอย่างมิอาจหยุดยั้ง จนมนุษย์ลืมตระหนักว่าเหยียบยำ่าพื้นที่
ป่า หรือทำาลายพรรณไม้ โดยไม่มีการปลูกไม้ทดแทน หรือปลูกเพิ่มนั้น
วันหนึ่งลูกหลานของตน และชนรุ่นหลังอาจจะไม่มีโอกาสได้ใช้
ประโยชน์จากพรรณไม้ หรือแม้กระทั่งอาจไม่เห็นว่าพรรณไม้แต่ละ
ชนิด แต่ละประเภทนั้นมีลักษณะอย่างไร
จะเห็นได้ว่า พรรณไม้ชนิดต่างๆ ล้วนเป็นความสำาคัญ ความ
พิเศษ และคุณสมบัติเฉพาะในตัวทั้งโครงสร้าง และรูปลักษณ์ ไมว่าจะ
เป็น “ ”ไม้พืชสมุนไพร ที่ช่วยในการรักษาโรคมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล
ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญา และเอกลักษณ์ของชาติไทย อาทิ กุ่มนำ้า อัญชัน
สมอไทย ชะพลู ชุมเห็ดเทศ ผักโขมหนาม เตยหอม ขลู่ ข่า ไมยราบ
มะนาวเทศ และมะแว้งเครือ เป็นต้น “ไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ร่มเงา
อันเป็นพรรณไม้ที่สร้างความร่มรื่น บรรเทาความร้อนจากธรรมชาติ
จากความแออัด ลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ
ด้วยการสังเคราะห์แสง พร้อมๆ กับสามารถสร้างความรื่นรมย์ให้โลก
ด้วยความสวยงามควบคู่ไปกับกลิ่น สัมผัส และชื่ออันเป็นมงคล ที่เป็น
ทั้งที่เจริญตาเจริญใจ ที่ผ่อนคลายความเครียด ที่นั่งอ่านหนังสือ และ
เพิ่มความสดใสผสานศิลปะตามแบบธรรมชาติได้อย่างน่ามหัศจรรย์
อาทิบอนสี ถือเป็นราชินีแห่งไม้ประดับ บอนไซ เฟิร์น โพธิ์ กล้วยไม้
กระดังงาไทย กระดุมทองเลื้อย ชงโค กัลปพฤกษ์ ราตรี ยี่หุบ วาสนา
ชวนชม ช้องนาง นางแย้ม บานบุรี บานไม่รู้โรย การเวก กาหลา แก้ว
โกสน ขิงแดง จำาปี ปาริชาติ มะลิ พุดซ้อน ไม้ตระกูลาปาล์ม ไทรต่างๆ
หมากผู้หมากเมือ เฟื่องฟ้า และโมก เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
“ ”ราชพฤกษ์ หรือคูน หรือลมแล้ง อันเป็นต้นไม้ประจำาชาติไทยที่
สามารถบ่งบอกถึงความมีเอกราช และไม่เป็นทาสใครของชาติไทย
รวมถึง “ ”ไม้สวนป่าและไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ที่สร้างความหมายและ
ก่อความหวังให้สังคมมาทุกยุคทุกสมัยมากกว่าเป็นเพียงไม้ท้องถิ่นที่มี
อยู่ตามเดิม และเกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น หากแต่บางส่วนยังผลิต
ดอกออกผล บางส่วนเป็นสมุนไพร สามารถลดความร้อนความแห้ง
แล้ง ช่วยอุ้มนำ้า รักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยลดมลภาวะ ให้
ความชุ่มชื้น และช่วยให้มีบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่ดี อาทิ หมาก สัก
สารภี รัก หวาย มังคุด มะละกอ มะพร้าว มะขาม ตาลโตนด ตะเคียน
ทอง และจามจุรี เป็นต้น ไม่เพียงเท่านี้ “ ”ป่าชายเลน ซึ่งประกอบไป
ด้วยพรรณไม้สำาคัญๆ อาทิโกงกาง โปรงขาว ตาตุ่มทะเล ตะบูนขาว
ตะบูนดำา ปรงทะเล ลำาแพน ลำาพู และแสมดำา ตลอดจนพรรณไม้ใต้
ท้องทะเลยังช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ และความหลาก
หลายทางชีวภาพของสัตว์นำ้านานาชนิด ป่าชายเลนจึงเปรียบเสมือน
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang
Reang

More Related Content

Similar to Reang

โครงการช่วยเหลือเจือปัน
โครงการช่วยเหลือเจือปันโครงการช่วยเหลือเจือปัน
โครงการช่วยเหลือเจือปันPawitporn Piromruk
 
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขาโครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขาYves Rattanaphan
 
Newsletter pidthong vol.2
Newsletter pidthong vol.2Newsletter pidthong vol.2
Newsletter pidthong vol.2tongsuchart
 
รูปเล่มโครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
รูปเล่มโครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดีรูปเล่มโครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
รูปเล่มโครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดีอาภัสรา ยิ่งคำแหง
 
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”Tum Meng
 
หนังสือ มองเมืองจากมุมมองนักผังเมือง
หนังสือ มองเมืองจากมุมมองนักผังเมืองหนังสือ มองเมืองจากมุมมองนักผังเมือง
หนังสือ มองเมืองจากมุมมองนักผังเมืองFURD_RSU
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Tmw Pcy
 
Newsletter pidthong vol.7
Newsletter pidthong vol.7Newsletter pidthong vol.7
Newsletter pidthong vol.7tongsuchart
 
งานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางงานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางorawan155
 

Similar to Reang (12)

โครงการช่วยเหลือเจือปัน
โครงการช่วยเหลือเจือปันโครงการช่วยเหลือเจือปัน
โครงการช่วยเหลือเจือปัน
 
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขาโครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
 
Newsletter pidthong vol.2
Newsletter pidthong vol.2Newsletter pidthong vol.2
Newsletter pidthong vol.2
 
รูปเล่มโครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
รูปเล่มโครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดีรูปเล่มโครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
รูปเล่มโครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
 
34355599
3435559934355599
34355599
 
กระดาษกล้วย
กระดาษกล้วยกระดาษกล้วย
กระดาษกล้วย
 
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
 
หนังสือ มองเมืองจากมุมมองนักผังเมือง
หนังสือ มองเมืองจากมุมมองนักผังเมืองหนังสือ มองเมืองจากมุมมองนักผังเมือง
หนังสือ มองเมืองจากมุมมองนักผังเมือง
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
Newsletter pidthong vol.7
Newsletter pidthong vol.7Newsletter pidthong vol.7
Newsletter pidthong vol.7
 
งานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางงานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลาง
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 

Reang

  • 1. ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทเรียงความ ระดับมัธยมศึกษา รางวัลชนะเลิศ นางสาววรรณ์ฐิตา พวงจันทร์แดง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา บ้านเลขที่ 77/306 ซอยรามอินทรา 8 ถนนรามอินทรา แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพฯ 10220 เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ เป็นเวลากว่าหลายสิบล้านปีแล้วที่โลกหรือดาวเคราะห์สีนำ้าเงิน ของพวกเรา ได้ถือกำาเนิดขึ้นมาในระบบสุริยจักรวาลแห่งนี้ และเราก็ คงได้เรียนรู้มาในเรื่องราวเดียวกันว่า เมื่อแรกเริ่มที่โลกกำาเนิดขึ้นนั้น มีเพียงความร้อน ไอนำ้า และพื้นผิวที่แห้งแล้ง ไร้ซึ่งชีวิตและจิต วิญญาณใดๆ แต่เมื่อเวลาผ่านๆไปล้าน, สิบล้านปี สิ่งต่างๆ ก็ค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จากจุลชีวันเล็กๆ ก็กลายเป็นสัตว์ ใหญ่น้อยหลายเภทพันธุ์ จากร่องนำ้าเล็กๆ ก็ไหลมารวมกันกลายเป็น แม่นำ้าสายใหญ่ จากสิ่งมีชีวิตเขียวๆแค่ไม่กี่ชนิด ก็หยั่งรากลึก พัฒนา มาเป็นหมู่แมกไม้หลายชนิดหลายพรรณ สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ หลอมรวม เข้าหากัน กลายเป็นวิถีชีวิต เป็นสังคมหนึ่งที่สามารถเรียกรวมกันได้ ว่า “ ”ธรรมชาติ แน่นอนว่า กาลเวลาจะนำาพามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ใหม่ๆ หลายสิ่งหลายอย่างแต่ถึงกระนั้น คงยากที่จะปฏิเสธว่า การ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวติของทั้งมนุษย์และสัตว์ในแต่ละยุคแต่ละสมัย จะ ไม่มีคำาว่า “ ”ธรรมชาติ มาเป็นตัวแปร เมื่อมนุษย์สำานึกตัวได้ว่าตนต่าง จากสัตว์ในแต่ละชาญฉลาดกว่าสัตว์มนุษย์จึงเริ่มสร้างกลุ่มสังคมกลุ่ม ใหญ่ เริ่มเอกเปลือกไม้ ใบไม้มาห่อหุ้มปกปิดร่างกาย เริ่มสร้างอาวุธ สร้างไม้หรือหินเพื่อใช้ป้องกันตัวและหาอาหาร เริ่มเสาะหาหรือ สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยจากอันตราย และเมื่อมนุษย์ได้รับบาด เจ็บหรือป่วยไข้ ก็คิดหาสูตรยาต่างๆ เพื่อใช้รักษาและยื้อชีวิตของเผ่า พันธุ์ตน เมื่อเริ่มเบื่อที่จะเสาะแสวงหา มนุษย์ก็เริ่มสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้น มาด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์ หรือการเพาะปลูก ดังนั้น “ ”ธรรมชาติ จึงประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายอย่างที่อยู่ร่วมและ รวมกันเป็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องห่วงโซ่ อาหาร ระบบนิเวศ และระบบการพึ่งพาอาศัย แน่นอนว่า ส่วนประกอบ ที่อาศัยอยู่ใน “ ”ธรรมชาติ นั้นมีอยู่หลายร้อยหลายพันหลายหมื่น หลายแสนเภทพันธ์ แต่ถ้าจะแบ่งแยกให้เข้าใจโดยง่ายแล้วละก็ คงจะ แบ่งได้เป็น “ ”สิ่งมีชีวิตจำาพวกสัตว์และสิ่งมีชีวิตจำาพวกพืชนั่นเอง
  • 2. และ “ ”พืช หรือ “ ”พรรณไม้ นั้น ก็มีอยู่หลายชนิด หลายสาย พันธุ์ มีทั้งที่เป็นพืชบกและพืชนำ้า มีทั้งที่เป็นไม้ดอกไม้ผล แยกได้เป็น แบบยืนต้นและแบบล้มลุก รวมทั้งยังแยกตามการดำารงชีวิตได้เป็นแบบ พึงพาตนเองและแบบกาฝาก เราทุกคนล้วนทราบกันดีว่าเจ้าสิ่งมีชีวิต จำาพวกนี้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ พืชพรรณไม้เหล่านี้ไม่มีต่อม หรือระบบประสาท หรืออวัยวะที่ใช้รับ ความรู้สึก แต่พืชก็สามารถบ่งบอก หรือเตือน หรือแสดงสัญญาณ อาการบางอย่างให้เราได้รับรู้ รับทราบ เช่น การที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี และหล่นร่วงก็เป็นสัญญาณของการเริ่มฤดูกาลใหม่, การเจริญเติบโร ของพืชบางชนิดที่จะขึ้นในเฉพาะบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ทั้งนี้พรรณไม้ ยังถือเป็นสัญลักษณ์ในด้านความเชื่อและความนึกคิด รวมทั้งเป็นลัญ ลักษณ์ที่แสดงเอกลักษณ์ หรือภาพรวมของสิ่งต่างๆ ด้วยเช่นเวลาที่เรา พูดถึงซากุระ เราก็จะคิดถึงสภาพอากาศหนาวๆ ที่มีหิมะตกและเลยคิด ไปถึงประเทศญี่ปุ่น หรือ้าจะพูดถึงถิ่นเมเปิ้ลสีแดงก็จะต้องคิดถึง ประเทศแคนาดาและชาวพุทธหลายคนก็มีความเชื่อและศรัทธาในต้น พระศรีมหาโพธิ์อันเป็นที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปัจจุบันเชื่อ ว่าปลูกอยู่ที่ประเทศศรีลังกา อย่างนี้เป็นต้น นอกจากจะแสดงสัญญาณหรือชี้ให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ ความโดดเด่นต่างๆ แล้วพรรณไม้ยังมีส่วนเกี่ยว้องกับวิถีชีวิต ความ เป็นอยู่ในหลายๆ ด้าน หลายๆ แง่มุนของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง ที่อยู่อาศัยอย่างเรือน หรือการสร้างยานพาหนะเดินทางอย่างเรือหรือ เกวียน การนำาผลผลิตต่างๆ จากพืชพรรณไม้มาเป็นอาหาร เป็นยา รักษาโรค หรือแม้กระทั่งนำามาเป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกายและตัว บ้าน ให้เกิดความจรรโลงตาจรรโลงใจ นอกจากนี้ พรรณไม้ดอก หลายชนิด ยังถูกนำ้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์วรรณกรรม วรรณคดีไทยอีกหลายเรื่อง ดังจะเห็นได้จากบทชมไม้ในกาพย์เห่เรือ ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ที่ว่า “อัญชันคิดอัญชัน คิ้วเป็นมันกันเชิด ”ปลาย หรือการครำ่าครวญของตัวเอกในวรรณคดีหลายเรื่องที่มักจะ เปรียบนางอันเป็นที่รักกับดอกไม้ต่างๆ “หรือแม้กระทั่งกาพย์เห่ชม เครื่องคาวหวานของรัชกาลที่ 2 ที่มีชื่อของผลไม้ที่แปรรูปเป็นของ หวานสอดแทรกอยู่อีกหลายชนิด นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า คนไทยมีวิถีชีวิต และมีความคิด จิตสำานึกที่แน่นแฟ้นกับ “ ”ธรรมชาติ และ “ ”พรรณไม้ อย่างไร ไม่เพียงแต่จะช่วยเอื้อประโยชน์ในเชิงปัจจัยการดำารงชีวติ เท่านั้น แค่ “ ”พรรณไม้ ยังมีส่วนสำาคัญในการสร้างอาชีพให้กับมนุษย์ อีกด้วย เช่น การนำาสมุนไพรมาเพาะเลี้ยงและส่งขายเป็ยารักษาโรค ซึ่งปัจจุบันสมุนไพรไทยก็กำาลังจะตีตลาดเป็น “ ”ยาโบราณ ที่สามารถ
  • 3. รักษาโรคสมัยใหม่ได้ชะงัดนัก, การเพาะปลูกพืชไร่อย่าง ข้าวโพด หรืออ้อย พืชสวนอย่าง ส้ม ทุเรียน ลำาใย ที่ช่วยสร้างอาชีพให้กับพี่ น้องเกษตรกร และกลุ่มแรงงานรับจ้างทั่วไป, การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ที่เป็นที่มาของผ้าไหมไทยที่มีความงดงามระดับโลก หรือการปลูกชา ปลูกดอกไม้ ปลูกพืชผลการเกษตร แทนการปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง โครงการจากพระราชดำาริของสมเด็จย่าและพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์ให้คนไทยได้ใช้ ได้บริโภคสิ่งที่ สร้างขึ้นจากทรัพยากไทย ฝีมือคนไทย และเป็นการเสริมสร้างอาชีพ ให้กับพี่น้องชนชาวเขาของเราด้วย เมื่อกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือในหลวงของปวง ชนชาวไทยแล้ว ก็ขอกล่าวถึงโครงการในพระราชดำาริของพระองค์ ท่านและพระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติพรรณไม้ เช่น โครงการกิจกรรมพรรณไม้งาม สวนหลวง ร.9 เน้นการเผยแพร่พรรณไม้หลากหลายชนิดจากทั่วโลก ไว้ในผู้สนใจได้ศึกษา โครงการศูนย์ศึกษาและพัฒนาป่าชายเลน ยะหริ่งจังหวัดปัตตานี ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนในพื้นที่รับรู้และร่วมกัน อนุรักษ์ป่าชายเลนที่นับวันจะเหลือน้อยลงไปทุกที หรือโครงการปลูก หญ้าแฝก โครงการป่ารักนำ้าในพระราชดำาริของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ผลิตผลจากธรรมชาติมา ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติด้วยกันอย่างดินและนำ้า และโครงการที่ นักเรียนหลายๆ โรงเรียนคงจะรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับ “โครงการ ”สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ในพระราชดำาริของสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนับสนุนและส่งเสริมให้โรงเรียน ต่าง ๆ เช่นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสาธิตปทุมวัน หรือ โรงเรียนสาธิตจุฬา ปลูกต้นไม้ทั้งที่หายากและหาได้ทั่วไปไว้รอบๆ บริเวณโรงเรียน และได้บูรณาการนำาพรรณไม้เหล่านั้นมาเป็นสื่อใน การจัดการเรียนการสอนของนักเรียนในโรงเรียน และนอกจาก โครงการต่างๆ แล้ว พระราชพิธีที่มีมาตั้งแต่โบราณกลายอย่างพระ ราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือพิธีทำาขวัญ หรือพิธีทำาขวัญ ข้าวนั้นก็เป็นพระราชพิธีสำาคัญอีกอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความ เอาใจใส่ในการดูแลพืชพรรณที่ให้คุณประโยชน์กับเราด้วย ปัจจุบัน เทคโนโลยียังเข้ามามีส่วนในการเพาะปลูกและดัดแปลง พันธุ์ไม้ด้วยเช่นกัน ดังที่เคยเป็นข่าวที่น่ายินดีเมื่อหลายปีก่อน ที่นาย ประดิษฐ์ คำาเพิ่มพูล เกษตรกรชาวอุดรธานีได้คิดค้นพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์ ใหม่ที่ให้ทั้งความสวยงามและกลิ่นหอมแบบไทยๆ ที่มีชื่อว่า “อุดรชัน ”ไฌน์ ที่มีการนำาไปสกัดออกมาเป็นนำ้าหอมแบบไทยๆ หรือความ สำาเร็จระดับโลกของชาติญี่ปุ่น ที่ร่วมมือกับองค์กรของออสเตรเลีย
  • 4. คิดค้นกุหลายแห่งความฝึนของใครหลายคนอย่างกุหลาบสีนำ้าเงินขึ้น มาได้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงงานที่สามารถรวบรวมพรรณไม้ที่หายาก ในธรรมชาติและเป็นสิ่งที่ค้นพบใหม่ในธรรมชาติจากทั่วโลก เช่น งานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมา หรือการดัดแปลง พันธุกรรมของพืชผลทางการเกษตรอีกหลายชนิด ที่เหล่านักวิจัยร่วม มือกันคิดค้นเพื่อให้ได้พืชผลทางการเกษตรที่มีคุณค่าใหม่ๆ เหมาะสม สำาหรับมนุษย์เราต่อไป อย่างไรก็ตาม มนุษย์ควรมีการศึกษา ค้นคว้าหาวิธีการเรียนรู้ อย่างเหมาะสมในการนำาธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับ สังคม รวมทั้งหาทางฟื้นฟูธรรมชาติและพรรณไม้ให้มีความสมดุล เพียงพอสำาหรับระบบนิเวศอันสมบูรณ์ ก่อนที่มนุษย์จะไม่มีพรรณไม้ใน ธรรมชาติไว้ให้ชื่นชม และไม่มีอากาศดีๆ ที่บริสุทธิ์พอสำาหรับการ หายใจดังเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต เพื่อขจัดปัญหาที่กล่าวมาในข้างต้นนี้ นักอนุรักษ์ นักวิจัยและ บุคลากรมากมายในหลากหลายสถาบันก็ได้ร่วมกันตั้งคำาถามและ ค้นหาคำาตอบ รวมทั้งหาเหตุผลเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา เพื่อการ ปรับปรุงแผนงาน นโยบายและแนวทางหลายๆ แนว แต่ถึงอน่างนั้นใน ปัจจุบัน เราก็ยังคงพบเห็นข่าวคราวเกี่ยวกับโลกของเรา ที่ได้รับผลก ระทบกระเทือนหลายๆ อย่างจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติและ การกระทำาของเราเอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาตและการกระ ทำาเหล่านั้นก็ได้สร้างความเดือดร้อนนานับประการ ไม่ว่าจะเป็นเหตกา รณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของโลกปัจจุบัน เช่นวาตภัยที่ รุนแรง สถานการณ์นำ้าท่วม ภาวะโลกร้อนและความแห้งแล้ง การเกิด ไฟป่า แผ่นดินไว ความเสียหายของปะการังในท้องทะเล หรือแม้ กระทั่งภาวะขยะล้นเมือง ซึ่งล้วนแต่นำามาซึ่งความสูญเสียทั้งทาง ธรรมชาติและชีวิตของมนุษย์ในธรรมชาติที่อาจไม่หลงเหลือความ สดใส ความสมดุลอีกได้ในเวลาอันใกล้นี้ เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว พวกเรา... ชาวโลกควรตระหนักได้ว่า “ ”ธรรมชาติ และ “ ”พรรณไม้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับมนุษย์ ดังนั้น เรา ควรเร่งหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ และปลูกฝัง ส่งเสริม รวมทั้งสนับสนุน ให้กลุ่มบุคคลทุกเพศ ทุกวัยใส่ใจในการอนุรักษ์พืชพรรณไม้ใน ธรรมชาติและรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่รอบตัวของเรา เพราะ การแก้ปัญหาที่ดีไม่ควรเป็การแก้ปัญหาที่ปลายสาเหตุ แต่ควรเป็นการ แก้ที่ต้นสาเหตุของปัญหานั้นๆ การรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นกับธรรม ชาตและสิ่งแวดล้อมด้วยการอนุรักษ์ ในชั้นแรกๆ อาจเป็นเพียงแค่การ “ ”เยียวยาเบื้องต้น เป็นต้นว่า การรณรงค์ให้ปลูกต้อนไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่ สีเขียวให้กับโลกอย่างน้อยคนละ 1 ต้นการคัดแยกขยะเพื่อลดมลพิษ
  • 5. ทางอากาศและให้ธรรมชาติมีปอดที่สมบูรณ์ในการสร่างออกซิเจนที่ดี ให้กับพืชพรรณและมวลมนุษยชาติ การรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าในการบร รุสิ่งของ การรณรงค์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนพลังงานของ ธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเห็นคุณค่าของสิ่งที่มี อยู่ในธรรมชาตอย่างสูงสุด การรณรงค์จัดทำาสวนสุขภาพ สวนหย่อม เพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนและรวบรวมพืชพรรณไม้นานานับชนิด เป็น หมวดหมู่ไว้ให้เป็นแหล่งการศึกษาเรียนรู้ของชุมชน นักเรียน นักศึกษา การรณรงค์นำาปาล์มมาใช้เป็นวัตถุดิบสำาคัญในการลด พลังงานด้านเชื้อเพลิงที่ต้องนำาเข้ามา ตลอดจนการณรงค์อนุรักษ์ รักษาต้นนำ้า ลำาธารที่เป็นแหล่งอู่ข้าวอู่นำ้าหล่อเลี้ยงชีวิตของธรรมชาติ ในพื้นที่ภูเขา ต้นนำ้าและลำาธารสายต่างๆ เพื่อให้รักษาโครงสร้างของ ระบบนิเวศที่สมดุล สะอาดต่อไป และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง แค่ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องมีการพึ่งพาอาศัยพรรณไม้ใน ธรรมชาติมาเป็นตัวหลักในการดำารงชีวิตของมนุษย์ในสังคมโลกยุคไร้ พรมแดนทั้งสิ้น ถ้าการอนุรักษ์เป็นเพียงการกระทำาแค่ชั่วครั้ง ชั่วคราว ไม่ดำาเนินไปอย่างต่อเนื่อง ก็ควรเตรียมใจไว้ได้เลยว่า ในอนาคตอัน ใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่สิบปีนี้ ลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปของเรา อาจรู้จัก “ ”พรรณไม้ และ “ ”ธรรมชาต จากหน้ากระดาษบางๆ ไม่กี่สิบหน้า และ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าอนาคตของโลกและมนุษยชาติ อาจจะจบลงพร้อมๆ กับการร่วงหล่นของใบไม้ใบสุดท้ายก็ได้ใครจะ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นางสาวธัญลักษณ์ เอกจิตร โรงเรียนเบญจมราชูทิศ 58/11 ซอย 4 ตำาบลคลองนารายณ์ อำาเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
  • 6. เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ ผื่นแผ่นดินที่เขียวขจี ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์ สายนำ้าน้อยใหญ่ไหลจากที่สูงลงมาหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวติที่อยู่ด้านล่าง ความหลากหลายของพรรณไม้ นำาความชุ่มฉำ่าและความอุดมสมบูรณ์ มาสู่ผืนป่า รวมถึงประโยชน์นานานัปการที่มนุษย์จะหาได้จากความ หลากหลายทางพรรณไม้ในป่าเหล่านี้ มนุษย์ใช้ประโยชน์จากพรรณ ไม้ในธรรมชาติมาเป็นเวลาช้านาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังคงไว้ซึ่งความ อุดมสมบูรณ์ของป่าไว้เหมือนเดิม เพราะสมัยก่อนมนุษย์ใช้ประโยชน์ ทางพรรณไม้เพื่อการดำารงชีวิตในประวันเสียส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน ภาพต่างๆ เหล่านี้เริ่มเลือนรางจางหายไปจากผืนแผ่นดินไทยในทีละ เล็กละน้อย เมื่อมีการเหลื่อมลำ้า เข้ามายึดครองป่าไม้ เพื่อสร้างมูลค่า ให้กับตนเอง อีกทั้งมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ทำาให้ป่าไม้ ถูกตัดโค่นลง พรรณไม้หลากหลายพันธุ์ถูกทำาลายลงอย่างไร้ค่า ความ สุขเล็กๆ น้อยๆ บนการเหยียบยำ้าทำาลายพรรณไม้ในธรรมชาติ มา บัดนี้ ภาพความสวยงามและความสมดุลของระบบนิเวศทางธรรมชาติ หลงเหลือเพียงแค่ร่องรอยของการทำาลายที่ไม่มีวันหมดสิ้น ความเขียว ขจีของพรรณไม้ เหลือเพียงความแห้งแล้งดินที่เคยอุดมสมบูรณ์เหลือ เพียงดินที่แห้งกร้าน หากทุกคนยังเพิกเฉยไม่สนใจยังคงทำาลาย พรรณไม้เรื่อยไป สิ่งที่หลงเหลือให้แก่ลูกหลายรุ่นต่อไป คงเป็นแค่ เพียงความแห้งแล้งและความเสื่อมโทรมทางธรรมชาติเป็นแน่ ธรรมชาติเป็นแหล่งเกิดพรรณไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นพืชสุมน ไพร พืชเศรษฐกิจสามารถสร้างรายได้ให้กับมนุษย์ได้ จะเห็นว่า พรรณไม้เหล่านี้ล้วนมีความสำาคัญต่อการดำารงชีวิตของมนุษย์ทั้งทาง ตรงและทางอ้อม หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่ต้องอาศัยและใช้ ประโยชน์จากพรรณไม้ในธรรมชาติ อันได้แก่ประโยชน์ทางด้าน ปัจจัย 4 อย่างคือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยตลอดจนยารักษา โรค สิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถหาได้ง่ายจากธรรมชาติ ไม่ต้องสิ้นเปลือง เงินทองเพราะธรรมชาติได้สรรสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เราได้ใช้ประโยชน์ ได้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น หากทว่าต้องรู้จักใช้อย่างรอบคอบและใช้ให้ เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น พรรณไม้ในธรรมชาติ ส่วนใหญ่มักจะให้ประโยชน์มากกว่าให้โทษ ความอุดมสมบูรณ์ของ พรรณไม้จะบ่งบอกถึงความคงอยู่ของทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจาก พรรณไม้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ความสมดุลของระบบนิเวศ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับจำานวนของสิ่งที่มีชีวิต แต่ยังขึ้นอยู่กับความอุดม สมบูรณ์ของพรรณไม้ด้วย สองสิ่งนี้ต้องอยู่ควบคู่กันเสมอ มนุษย์เองก็
  • 7. เป็นสิ่งมีชีวิตพวกหนึ่งที่ต้องพึ่งพาพรรณไม้ในธรรมชาติเพื่อการดำารง ชีวิตและการทำากิจกรรมในแต่ละวัน ในอดีตนั้นประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นแหล่งที่มี พรรณไม้อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของโลก ผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ล้วนเต็ม ไปด้วยพรรณไม้หลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายชนิดและมีจำานวน มากกระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ แต่ในปัจจุบัน เป็นที่น่าตกใจ เพราะว่า จำานวนพรรณไม้มีจำานวนลดลงกว่าเดิมจนแทบจะอยู่ในเขตที่อันตราย นั่นก็เพราะว่ามีสาเหตุมาจากความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน โลกของเรามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม มีผลต่อการดำารงชีวิตของมนุษย์เพิ่มมาก ขึ้น และอีกสาเหตุหนึ่ง คือ การเพิ่มขึ้นของประชากรโลกอย่างรวดเร็ว ทำาให้เกิดความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เพิ่มมากขึ้น การลุกลำ้าทำาลายไม้เพื่อสร้างที่อยู่อาศัย พรรณไม้จึงถูกทำาลายลงใน เวลาอันรวดเร็ว รวมถึงยังส่งผลให้ พรรณไม้บางชนิดถึงกับใกล้จะสูญ พันธุ์ในเลยที่เดียว สิ่งเดียวที่จะช่วยให้พรรณไม้ที่สวยงามคงอยู่กับผืน แผ่นดินไทยให้นานๆ คือการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชเหล่านั้นเอาไว้ ดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น พรรณไม้บางชนิดใกล้ที่จะสูญพันธุ์ การ อนุรักษ์พันธ์กรรมพืชจึงเป็นทางเลือกทางเดียวที่จะช่วยให้พรรณไม้ เหล่านั้นอยู่เคียงคู่กับผืนป่าไทยไปนานๆ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกัน การสูญเสียอันเนื่องมาจากการผันแปรทางพันธุกรรม ซึ่งนับว่าเป็นการ สูญเสียที่ควรจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะเสี่ยงต่อการที่เราจะสูญเสีย คุณค่าของพันธุกรรมเหล่านั้น รวมถึงยีนต์ที่แข็งแรงของพรรณไม้ ดัง ที่เห็นในปัจจุบัน สภาพภูมิอากาศของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลาทั้งปัญหาโลกร้อน อุทกภัย รวมถึงภัยทางธรรมชาติในรูปแบบ ต่างๆ ล้วนเป็นปัญหาที่สำาคัญที่ส่งผลให้พืชมีความเสี่ยงต่การ เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมหรือการผ่าเหล่านั่นเอง พันธุกรรมพืชนับ ว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและมีความสำาคัญต่อการปรับปรุงพันธุ์พืช ในอนาคต จะช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของพืชนั้น ได้ ทั้งยังช่วยให้พรรณพืชมีความแข็งแรง มีความต้านทานโรคสูง และสามารถปรับตัวให้เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนได้เป็น อย่างดี จะช่วยให้ประเทศไทยมีพรรณไม้อยู่ควบคู่กับการดำารงชีวิต ของมนุษย์และเป็นมรดกทางธรรมชาติของไทยตลอดไป อีกทั้งการ อนุรักษ์ไว้ซึ่งพันธุกรรมพืช มีความสำาคัญอย่างยิ่งยวดต่อชีวิตและ ความเป็นอยู่ของประชากรในอนาคต แด่ทว่าการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากประชากรคนไทย ทุกๆ คน เพราะเพียงแต่สองมือไม่เพียงพอที่จะช่วยฟื้นฟูความอุดม
  • 8. สมบูรณ์ให้กลับมาสู่ธรรมชาติได้โดยเร็ว แต่หากเป็นหลายมือของคน หลายๆ คนช่วยเหลือ ก็จะสามารถพลกฟื้นความอุดมสมบูรณ์ได้โดย ง่าย เพราะทุกคนล้วนแค่เป็นผู้ใช้ประโยชน์จากพรรณไม้แทบทั้งสิ้น เยาวชนถือว่าเป็นคนที่สำาคัญที่มีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้ หากเยาวชนเหล่านี้ได้รับความรู้ เห็นความสำาคัญและคุณค่าของ พรรณไม้ ย่อมทำาให้เยาวชนมีจิตสำานึกที่ดีต่อการช่วยกันอนุรักษ์ พันธุกรรมพืช และเกิดการหวงแหนในพรรณไม้รวมถึงรู้จักนำาไปใช้ ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป มนุษย์ใช้ประโยชน์จากพรรณไม้มาก็มาก แต่สิ่งที่มนุษย์ ตอบแทนคุณค่าของพรรณไม้ คือการทำาลายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ธรรมชาติพรรณไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์ มาบัดนี้หลงเหลือเพียงตำาราเล่ม น้อยๆ ที่ให้ศึกษาเฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น เพราะพรรณไม้เหล่านั้น ได้ถูกทำาลายจนแทนจะหมดสิ้นแล้ว กลายเป็นพรรฯไม้ที่หายาก และ พรรณไม้คงจะสูญพันธุ์ไปแน่ หากไม่มีการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชเอาไว้ ด้วยความร่วมมือของประชาชนคนไทยทุกคนในการตั้งมั่นที่จะช่วย กันรักษาอนุรักษ์ไว้ซึ่งพันธุกรรมพืชจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่จะช่วยให้ ประเทศไทยได้ธรรมชาติพรรณไม้ที่สวยงามกลับคืนมา ประเทศไทยนับว่าโชคดีกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งมีป่าไม้ที่มีความ อุดมสมบูรณื รวมทั้งมีเจ้าฟ้าอนุรักษ์พันธุกรรมพืช นั่นคือ สมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนพระทัยและทรงห่วงใย ในเรื่องการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช รวมถึงการปกปักรักษาพันธุกรรม พืช จนนำามาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและพรรณ ไม้มาโดยตลอด ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นคนไทยคนหนึ่ง อาศัยและใช้ ประโยชน์จากพรรณไม้ในธรรมชาติมาเป็นเวลาช้านาน จึงควรร่วมมือ ร่วมใจในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชนั้น เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ ของพรรณไม้ คืนสู่ผืนป่าแห่งผืนแผ่นดินไทยและเพื่อความยั่งยืนต่อ ไปในอนาคต ดังคำาพูดที่ว่า “ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ใน ”ธรรมชาติ
  • 9. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายปวรุตม์ บุญประเสริฐ โรงเรียนวชิรวิทย์ 200/13 หมู่ที่ 13 ถนนสายเกาะกลาง ตำาบลท่าวัง ตาล อำาเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 50140 เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ พรรณไม้หรือพืชพรรณในธรรมชาติ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เคยอุดม สมบูรณ์มากในประเทศไทยแต่ในปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ที่เคยมี หายไปไหน มนุษย์เรารู้จักแต่การใช้ประโยชน์ แต่ไม่รู้จักรักษาสิ่งที่ เป็นประโยชน์เหล่านั้นเอาไว้ ทำาให้สิ่งที่สวยงามและมีคุณค่าเหล่านี้ ต้องสูญหายและลดจำานวนลงเป็นจำานวนมากจะมีหนทางใดที่จะทำาให้ มนุษย์เห็นความสำาคัญและใส่ใจที่จะดูแลรักษาอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่า นี้ให้คงอยู่กัยชีวิตมนุษย์ตลอดไป นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทรัพยากรป่าไม้ของประเทศไทยมี การเปลี่ยนแปลงไปมากหากลองมองย้อนไปในอดีต จะพบภาพป่าไม้ที่ มีความอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้เป็นแหล่งกำาเนิดชีวิตและวิถีชีวิตความเป็น อยู่ของมนุษย์อีกทั้งเป็นแหล่งกำาเนิดต้นนำ้าลำาธารให้ความชุ่มชื่นหล่อ เลี้ยงฝืนดิน และเป็นแหล่งทรัพยากรมหาศาลสร้างความสมดุลให้กับ สภาพแวดล้อม ความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ก่อให้เกิดความหลากหลาย ทางชีวภาพทั้งพรรณไม้และสัตว์ป่า ประเทศไทยมีลักษณะป่าไม้ที่ หลากหลายอันได้แก่ ป่าผลัดใบ ป่าเขตร้อน ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ
  • 10. เป็นต้น ป่าเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้นานานพันธุ์ที่มี คุณค่าและมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ในปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ที่ เคยมีลดลงไปอย่างน่าใจหาย โดยฝีมือของภัยธรรมชาติเอง และฝีมือ ของมนุษย์ แต่การทำาลายโดยมนุษย์เลวร้ายกว่าธรรมชาติมาก เพราะ เป็นการทำาลายที่ต่อเนื่องและยาวนาน การทำาลายโดยการใช้ ประโยชน์จากธรรมชาติโดยไม่รู้จักคุณค่าที่แท้จริงจนเกินความ สามารถที่ธรรมชาติจะฟื้นตัวได้ทัน ไม่มีการอนุรักษ์ดูแลรักษา หรือ การปลูกทดแทน ทำาให้ในปัจจุบันผืนป่าของไทยลดน้อยลงไปทุกที ส่ง ผลให้พันธุ์ไม้ที่มีคุณค่าที่อยู่ตามธรรมชาติน้อยลง บางชนิดสูญพันธุ์ ไปอย่างน่าเสียดาย ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลให้ป่าไม้ในประเทศไทยมีจำานวน ลดลงไปเรื่อยๆ สืบเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระบบ เศรษฐกิจแบบทุนนิยม ที่หวังเพียงประโยชน์และผลกำาไรของเจ้าของ กิจการเท่านั้น ไม่ยอมตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะปัญหา ใหญ่ที่ทั่วโลกกำาลังเผชิญ นั่นคือปัญหาภาวะโลกร้อน อาจเป็นที่สงสัย กันว่าปัญหาทรัพยากรป่าไม้ของไทยเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อนได้ อย่างไรเพราะทรัพยากรป่าไม้ของไทย คือหนึ่งในทรัพยากรป่าของ โลก เพราะป่าไม้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน ซึ่งก็คือ ภาวะที่ โลกถูกปกคลุมด้วยก๊าซเรือนกระจำามีปริมาณมากเกินสมดุลของ ธรรมชาติ ก๊าซเรือนกระจกกักเก็บความร้อน ไม่ให้สะท้อนออกนอกผิว โลกทำาให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสุงขึ้น ส่วนประกอบหลักของก๊าซเรือน กระจำาคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต้นไม้สามารถดูดซับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ด้วยขบวนการสังเคราะห์แสงโดยเฉพาะต้นไม้ที่มี ลำาต้นสุงใหญ่ มีจำานวนมากในป่าไม้ของประเทศไทยหากป่าไม้ของ ไทยมีความอุดมสมบูรณ์ก็จะมีส่วนลดภาวะโลกร้อนได้มาก ต้นไม้ชนิด อื่นก็สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่มากเท่าต้นไม้ ใหญ่ ในการที่ต้นไม้ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วคายก๊าซ ออกซิเจนออกมาส่งผลให้มนุษย์ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ สดชื่น ในเวลา กลางวัน เมื่อมนุษย์ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง อีกทั้งต้นไม้ยังให้ร่มเงา และความร่มรื่นให้บรรยากาศบริเวณนั้นน่าอยู่ นอกจากนั้นมนุษย์เราใช้ต้นไม้ในการสร้างที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัย ก่อน ไม่ใช่มนุษย์เท่านั้นที่ใช้ประโยชน์จากป่า สัตว์ก็เช่นเดียวกัน ป่า ไม้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เป็นแหล่งอาหาร และวงจรชีวิตของมัน ป่าไม้เป็นต้นกำาเนิดของสายนำ้า ต้นนำ้าลำาธารที่มนุษย์ใช้อุปโภคและ บริโภคอยู่ทุกวันนี้ ความอุดมสมบูรณ์ของป่า ช่วยให้ฝนตกต้องตาม ฤดูกาล เกษตรกรทำาไร่ ไถนาได้ตลอดปี
  • 11. พืชพรรณแต่ละชนิด มีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ละส่วนของพืช พรรณมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน เช่น ลำาต้น ดอกใบ รากและส่วนอื่นๆ อีกมาก สามารถนำามาใช้ประโยนช์ให้ตรงต่อความต้องการ พืชพรรณที่นิยมนำามาใช้ประโยชน์ มีทั้งพืชสมุนไพร เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ หรือ พืชผล เช่น ลำาไย มะม่วง หรือ พืชที่ให้ความสวยงาม อย่างไม้ดอกไม้ประดับ เช่น กุหลาบ เฟืองฟ้า สาวน้อยปะแป้ง และยังมี พืชบางชนิด ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก เช่น พืชจำาพวกพืชนำ้ามัน ปาล์ม มะพร้าว สบู่ดำา และพืชพวกสิ่งทอ เช่น ปอ ฝ้าย เป็นต้น นอกจากประโยชน์ทางตรงทางได้รับ ยังมีประโยชน์ทางอ้อม อันเนื่อง มาจาก พืชพรรณต่างๆ มีอิทธิพลความหมาย ส่งผลต่อจิตใจมนุษย์ ใน ขณะที่มนุษย์ไม้ทันได้สังเกต ต้นไม้มีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ ทุกสถานที่ ที่มนุษย์อยู่อาศัย ไม่ว่า จะเป็น บ้าน สถานที่ทำางาน สถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว มีต้นไม้ พืชพรรณต่างๆ อยู่ในทุกที่ ทั้งขี้นเองตามธรรมชาติ หรือที่มนุษย์ปลูก ไว้มนุษย์เมื่อเห็นต้นไม้อยู่ทุกวัน กลายเป็นความรู้สึกเคยชิน และรู้สึก ธรรมดาที่มีต้นไม้เหล่านี้อยู่ แต่หากลองคิดดูว่าถ้าไม่มีพืชพรรณเหล่า นี้อยู่ จะรู้สึกอย่างไร เห็นเพียงผืนดินที่ว่างเปล่า มองไปทางใดก็มีแต่ ความแห้งแล้งดังนั้นต้นไม้จึงมีผลต่อจิตใจมนุษย์ พันธุ์ไม้แต่ละชนิด ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ตามสีสัน และลักษณะรูปร่าง บางชนิดให้ สีสันสดใส บางชนิดให้ความรู้สึกสดชื่น ในแต่ละเทศกาล มนุษย์มักใช้ พืชพรรณเหล่านี้แทนคำาพูดในความหมายต่างๆ ทั้งในงานมงคล และ งานอวมงคล พืชพรรณแต่ละชนิดมีความหมายในตัวของมัน หรือจะ ใช้ประดับตกแต่งเพื่อความสวยงาม หากงานใดไม่มีดอกไม้หรือพืช พรรณประดับตกแต่ง คงจะเป็นงานที่น่าหดหู่ไม่น้อย พืชพรรณธรรมชาติมีประโยชน์ และมีคุณค่ามหาศาล ควรค่าแก่ การอนุรักษ์ไว้ มิเช่นนั้นพืชพรรณเหล่านี้คงสูญหายไป เหลือไว้เพียง แค่ชื่อ มนุษย์จึงต้องร่วมมือกันอนุรักษ์รักษา พืชพรรณเหล่านี้เอาไว้ การอนุรักษ์ควรเริ่มจากการรัก และเข้าใจธรรมชาติ ปรึกษาวิธีการ ดูแลรักษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการสร้างจิตสำานึกที่ดีด้านการ อนุรักษ์ พันธุกรรมพืชให้เยาวชนได้มีโอกาสใกล้ชิดพืชพรรณไม้ เห็น คุณค่าประโยชน์ความสวยงาม อันจะก่อให้เกิดความคิด ที่จะอนุรักษ์ พืชพรรณต่อไป ตามแนวพระราชดำาริพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ในโครงการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เป็นการดำาเนินงาน อิงรูปแบบของสวนพฤกษศาสตร์ โดยรวบรวมพันธุ์ไม้ที่มีชีวิต หา แหล่งข้อมูลมีการศึกษาต่อเนื่อง มีการเก็บตัวอย่างพันธุ์ไม้รวบรวม พันธุ์ไม้ท้องถิ่นเข้ามาปลูกรวบรวมไว้ในโรงเรียน มีการบันทึกรายงาน ข้อมูล รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับพรรณไม้ มีมุมสำาหรับการ
  • 12. ศึกษาค้นคว้า และการนำาไปใช้ประโยนช์เพื่อให้เยาวชนและ ประชาชนทั่วไปเห็นความสำาคัญ เกิดความรักหวงแหน และรู้จักนำาไป ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ทุกๆ คนยังสามารถช่วยกันสร้าง จิตสำานึกและความรัก แก่พรรณไม้ได้โดยเริ่มจากที่บ้าน มองไปตามที่ ต่างๆ ที่มีพรรณไม้ ลองเข้าไปพูดคุยกับมัน ชื่นชม ความงามของ พรรณไม้ในยามเช้า จะเห็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ความ รักในพรรณไม้ จะเป็นผลที่ตามมา จากนั้นมั่นคอยดูแลรักษาให้ดี เมื่อ ต้นไม้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ตัวผู้ดูแลย่อมมีความสุขตามแน่นอน นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งความคิดที่จะช่วยสร้างจิตสำานึกที่ดี ในการอนุรักษ์ พรรณไม้ ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ไม่ยาก เกินความสามารถของมนุษย์ทุก คน การอนุรักษ์ไม่ได้เป็นเพียงการศึกษาหรือรับฟังข้อควรปฏิบัติ เท่านั้น แต่การอนุรักษ์ต้องเป็นการลงมือปฏิบัติจริงโดยที่ไม้ต้องรอว่า ใครคนใดจะเป็นคนทำา แต่ต้องเป็นทุกๆ คนที่จะต้องเริ่มต้นที่ตัวของตัว เอง หากเราเองยังไม่เริ่มทำา แล้วใครกันจะเป็นคนทำา หรือจะรอให้พืช พรรณเหล่านี้สูญพันธุ์ไปหมดเสียก่อน แล้วค่อยลงมือทำา รางวัลชมเชย นางสาวช่อทิพย์ รักธรรม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ บ้านเลขที่ 47 ตำาบลสระแก้ว
  • 13. อำาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 80160 เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ “ชมผกา จำาปา จำาปี กุหลาบ ราตรี พะยอม พังกาบ และ กรรณิการ์ ลำาดวน นมแมว ซ่อนกลิ่น ยี่โถ ชงโค มณฑา สายหยุด เฟื่องฟ้า ชบา และสร้อยทอง...” พรรณไม้ดอกของเมืองไทยจาก บทเพลงข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพรรณไม้ทั้งหมดของเมืองไทย เท่านั้นประเทศไทยนับได้ว่าเป็นประเทศ ประเทศหนึ่งซึ่งอยู่ในเขต ร้อนขึ้น อันอุดมไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ด้วยความหลายกหลาย ทางชีวภาพ ทำาให้มีพรรณไม้บามชนิดเกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย เท่านั้น และยังอีกหลายชนิดที่ยังรอการค้นพบ พืชจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างไปจากสิ่งที่มีชีวิตอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือสัตว์ พืชไม่มีเสียงร้อง ไม่สามารถที่จะส่งเสียงได้ พืชไม่มีจมูก ไม่มีตา ไม่มีสมอง แต่พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่สัตว์ขาดไม่ได้ คุณสมบัติ ประการหนึ่งของสัตว์และพืชที่เหมือนกันคือ ความสามารถในการ สืบพันธุ์สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์จะมีสิ่งที่ถ่ายทอดลักษณะและ คุณสมบัติเฉพาะจากพ่อแม่ หรือบรรพบุรุษ หรือที่เรียกว่าพันธุกรรม โดยจะมีหน่วยถ่ายทอดพันธุ์กรรมคือ ยีน ยีนนี้จะมีอยู่บนโครโมโซม ในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด พืชจะมีการสืบพันธุ์ที่แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือการสิบพันธุ์โดยอาศัยเพศ ซึ่งจัดอยู่ในระบบเดียวกับ มนุษย์และสัตว์ชั้นสูง และการสืบพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศซึ่งจะมีอยู่ใน สัตว์ชั้นตำ่าและพืชเท่านั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวพรรณไม้จึงง่ายต่อการ ขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำานวน ที่สำาคัญพืชอยู่กับที่ไม่เคลื่อนที่ไปไหนได้ ง่ายๆ ดังเช่นสัตว์ ดังนั้นการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพืชจึงเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น องค์การต่างๆ หลายองค์การจึงหันมาศึกาเกี่ยวกับธรรมชาติของพืช เพื่อจะได้เป็นการอนุรักษ์พันธุ์พืช พรรณไม้ที่มีอยู่ และดัดแปลงพรรณ ไม้ใหม่ๆ ขึ้นมา ทั้งนี้ก็จะได้เข้าใจถึงธรรมชาติของพรรณไม้มากยิ่ง ขึ้น หากกล่าวถึงประเด็นร้อนที่หลายคนให้ความสนใจและจับตามอง ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นประเด็นภาวะโลกร้อน ตลอดระยะเวลาหลาย พันปีที่ผ่านมา โลกใบนี้ต้องแบกรับมลพิษที่มนุษย์เป็นผู้ยัดเยียดให้ สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็หนีไม่พ้นมนุษย์ มีสาเหตุมากมายหลาย สาเหตุที่ทำาให้โลกต้องเกิดการแปรเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นก๊าซเสียจาก โรงงานอุตสาหกรรม รถยนต์ รถจักรยานยนต์ การใช้วัสดุที่ไม่ได้ทำา จากธรรมชาติ การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างสิ้นเปลือง หรือแม้แต่ก๊าซที่ ออกมาจากสัตว์ประเภท วัว กระบือ แต่สิ่งสำาคัญที่สุดเป็นต้นเหตุให้ เกิดภาวะโลกร้อนก็คือ การตัดไม้ทำาลายป่า การทำาลายผู้ให้ร่มเงา
  • 14. ทำาลายผู้ให้ออกซิเจน และทำาลายผู้พิทักษ์โลก ในปัจจุบันพบว่า ประเทศมีพื้นที่ป่าไม้เหลืออยู่จริงๆ ไม่ถึง 20% จากปี 2504 ที่เริ่มมี การจัดทำาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 พื้นที่ป่าไม้ ของประเทศไทยนั้นมีอยู่ราว 171 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 53.33% ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าพื้นที่ป่าไม้ของไทยได้ลดลงไปมาก เมื่อ พื้นที่ป่าไม้ลดลงพรรณไม้ที่มีอยู่ในธรรมชาติก็ลดลงไปด้วย จาก พรรณพฤกษชาติทั้งหมดของประเทศไทยที่ตอนนี้มีมากกว่า 10,000 ชนิด สถานการณ์พรรณไม้ในปัจจุบัน กำาลังลดการสวนกระแส มีผู้คน กลุ่มหนึ่งกำาลังพยายามค้นหาและร่วมกันอนุรักษ์พรรณไม้ที่มีอยู่ แต่มี ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำาลังค้นหาและร่วมกันทำาลายด้วยความเห็นแก่ตัว ความ เห็นแก่ตัวที่ส่งผลไปถึงเพื่อร่วมโลก ดังคำากล่าวที่ว่า “ไม่มีเรา ธรรมชาติอยู่ได้ ”ไม่มีธรรมชาติเราอยู่ไม่ได้ พรรณไม้ในธรรมชาติ คำานี้ก็คงหมายถึง พรรณไม้ที่อยู่ในป่า ที่ อยู่ตามธรรมชาติของมันพืชเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ถือได้ว่าวิเศษณ์ เพราะ พืชสามารถสร้างอาหารเองได้ และเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ควรค่าแก่การ ศึกษาอย่างยิ่ง ด้วยความหลากหลายของพืช จึงยังมีพรรณไม้อีก มากมายที่หลายคนยังไม่ได้พบเห็นแต่มีพรรณไม้หลายชนิด ที่มนุษย์ ได้นำาออกมาจากป่าและทำาการขยายพันธุ์ นอกจากขยายพันธุ์ให้ได้ ถูกที่เหมือนพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์แล้ว ยังมีการคิดค้น ตัดแปลงผสมข้าม สายพันธุ์จนได้พรรณไม้แบบใหม่ขึ้นมาและได้รับความนิยม จนบาง คนไม่ทราบเลยว่า พรรณไม้พันธุ์นี้แท้จริงแล้วคือพรรณไม้ชนิดใด พรรณไม้บางชนิดเหมาะสมที่จะอยู่กับธรรมชาติของป่า เพื่อเป็นการ รักษาระบบนิเวศน์ของป่าให้อุดมสมบูรณ์อยู่เสมอ การที่มีคนบุกรุกป่า และนำาพรรณไม้บางชนิดออกมาจากป่านั้น นอกจากจะทำาลายระบบ นิเวศน์ของป่าแล้ว ยังเป็นการทำาให้พรรณไม้ชนิดนั้นสูญพันธุ์อีกด้วย เนื่องจากพรรณไม้บางชนิดไม่อาจปรับสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่ป่าได้ ทางที่ดีแล้วควรให้พรรณไม้ได้อยู่คู่กับผืนป่า เพื่อจะได้ขยายพันธุ์และ เพิ่มจำานวนมากขึ้นต่อไป มนุษย์สมัยดึกดำาบรรพ์รู้จักพืชเพราะรู้ว่ามีประโยชน์ บางชนิดที่ รับประทานได้ก็นำามารับประทาน บ้างก็ทำาเครื่องนุ่งห่ม บ้างก็ใช้ทำา เป็นที่พักอาศัย แต่เมื่อการเวลาล่วงเลย มนุษย์ก็รู้จักปรับตัวเข้ากับ ธรรมชาติและรู้จักใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมากขึ้น มนุษย์จึงคลุกคลี และให้ความสำาคัญกับพืชพรรณมากขึ้นตามไปด้วย จากแค่ใช้ ประโยชน์จากพืชที่มีอยู่ได้หันมาทำาการเกษตร รู้จักวิธีการขยายพันธุ์ พืชอย่างง่าย จนถึงยุคปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามากมายใน การขยายพันธุ์พืชให้ได้จำานวนมากและประหยัดเวลา เช่นการเพาะ เลี้ยงเนื้อเยื่อ นับว่าเป็นความโชคดีของมนุษย์ที่ได้มีพรรณพืชเพิ่มขึ้น
  • 15. มากอย่างรวดเร็ว พืชเหล่านั้นจะได้ช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์และเติมแต่ง ความงดงามให้โลกใบนี้ หากมนุษย์หันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับ ธรรมชาติ หันมาให้ความสนใจกับพรรณไม้ พรรณไม้เหล่านี้คงจะอยู่ คู่โลกไปอีนาน หลายปีที่ผ่านมาพรรณไม้ของไทยถูกค้นพบเพิ่มมากขึ้น อย่าง เช่น ปี 2550 ที่ผ่านมามีการค้นพบพืชพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยอีก 15 ชนิด หนึ่งในนั้นคือ กาฝากวงกลีบซึ่งได้รับพระราชทานนาม จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นับเป็นความภูมารี นับเป็นความภูมิใจอีกอย่างหนึ่งของคนไทย ที่ได้ค้นพบพรรณไม้ที่ ไม่มีที่ใดในโลกนอกจากผืนแผ่นดินไทย โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนับเป็นโครงการอีกโครงการหนึ่งที่ส่งเสริมการ อนุรักษ์ การศึกษาค้นคว้าและการขยายพันธุ์พืชที่แปลกใหม่และที่มี อยู่แล้วให้ได้รับการพัฒนาและคงอยู่ต่อไป โครงการอนุรักษ์ พันธุกรรมพืชนี้จัดตั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ 2539 จนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวลา 12 ปีแล้วสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงให้ ความสำาคัญกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง ดั่งพระราโชวาท ที่ทรงตรัสไว้ ความหนึ่งว่า “ปัจจุบันงานโครงการฯ มิได้จำากัดเพียง ศึกษาอนุรักษ์พันธุ์พืชเท่านั้น แต่ขยายวงกว้างถึงการศึกษาเพื่อ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอื่นด้วยเช่น ดิน หิน แร่ และสิ่งมีชีวิตทุก ประเภท ทุกสิ่งที่กล่าวมมล้วนแต่มีความเกี่ยวพันธุ์กัน สิ่งหนึ่งสิ่งใด ”ขาดไปก็จะกระทบต่อการดำารงอยู่ของชาติและประชาชน จากพระ ราโชวาทดังกล่าวพระองค์ทรงให้ความสนพระทัยกับการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง เราในฐานะคนไทยคนหนึ่งหากมี ความนึกคิดเพียงเสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่าน เชื่อได้เลยว่าไม่ช้าภาวะ โลกร้อนที่หลายคนกำาลังวิตกอยู่ก็จะคลี่คลายอย่างแน่นอน พรรณไม้จะยังคงอยู่คู่กับเมืองไทยไปอีกนานสักเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่ กับว่าคนในประเทศจะให้ความสำาคัญกับป่าไม้และพรรณไม้ได้มากแค่ ไหน ป่าไม้มิอาจอยู่ได้ตลอดไป หากชีวิตที่เหลืออยู่ของเรานี้ละเลย และไม่ใยดีผู้ที่สามารถให้ชีวิตใหม่กับโลกใบนี้ได้ สักวันหนึ่งสิ่งที่ หลายคนคาดคิดเอาไว้ก็จะมาถึง นั้นก็คือนำ้าท่วมโลก เมื่อถึงวันนั้นก็ คงจะสายเกินไปที่จะกล่าวกับตัวเองว่า “ทำาไมฉันต้องฆ่าตัวเอง ด้วย ”การตัดไม้ทำาลายป่า
  • 16. ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทเรียงความ ระดับอุดมศึกษา รางวัลชนะเลิศ นางสาวสุธิญา พูนเอียด สถานที่ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บ้านเลขที่ 196 หมู่ 2 ตำาบลท่าดี อำาเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช รหัสไปรษณีย์ 80230 เรื่อง ธรรมชาติพรรณไม้ : พรรณไม้ธรรมชาติ พรรณไม้ให้คุณค่ามหาศาล เด่นตระการชูช่อออกผลิตผล ธรรมชาติวาดโลกงามยามยินยล กอปรสุขล้นเร่งสรรค์สร้าง อย่างยืนยง คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “ ”มนุษย์ และ “ ”ธรรมชาติ ต่างเป็นส่วน หนึ่งของกันและกัน ซึ่งมี “ ”ความเหมือนที่แตกต่าง คอยควบคุมและ เสริมสร้างความสมดุล กล่าวคือ มนุษย์และธรรมชาติล้วนดำารงอยู่บน โลกผืนเดียวกัน โดยธรรมชาติเป็น “ ”ผู้สร้าง เป็น “ ”ผู้ให้ สิ่งต่างๆ แก่ มนุษย์ และเป็นสิ่งที่อยู่ตามธรรมดา ไม่ต้องการปรุงแต่ง ในขณะที่ มนุษย์ คือ ผู้รับ และต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติโดยมิอาจหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ฐานะผู้รับของมนุษย์มิได้ทำาให้มนุษย์ดูแลรักษา ธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งตอบแทนธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกัน
  • 17. ข้าม มนุษย์กลับเป็นตัวการสำาคัญที่พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม จนได้ชื่อว่า “ ”ผู้ทำาลายธรรมชาติ อย่างเลือดเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ ”พรรณไม้ พวกเขาบางคนไม่เพียงมองไม่เห็นเสน่ห์อันงดงามน่า ชื่นชมของพรรณไม้ หากแต่ยังมองไม่เห็นคุณประโยชน์ที่ยั่งยืนอีก ด้วย จะเห็นได้ว่า มนุษย์คอยจับจ้องและแสวงหาแต่ผลประโยชน์ส่วน ตน ซึ่งเป็นผลระยะสั้นเท่านั้น ภาพการตัดไม้ทำาลายป่าภาพแล้วภาพ เล่าจึงเกิดขึ้นทั่วทุกมุนโลกอันเป็นผลมาจากจิตใจที่มีความปรารถนา และความไม่รู้จักพอของมนุษย์เป็นตัวบงการ นอกจากนี้การตัดไม้ ทำาลายป่าดังกล่างยังเป็นปัจจัยสำาคัญอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิด วิกฤติการณ์ “ ”ภาวะโลกร้อน รวมทั้งส่งผลให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติทวี ความรุนแรงขึ้นเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงเวลาแล้วที่มนุษย์จะต้องทวง คืน “ ”จิตสำานึกแห่งการอนุรักษ์ พรรณไม้ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมให้กลับ คืนมา ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสายเกินไป เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลาย หลายทางชีวภาพ เปรียบเสมือน “ ”อู่ข้าวอู่นำ้า ที่หล่อเลี้ยงทั้งพลเมือง ไทยและพลเมืองโลกมาอย่างนับเนื่อง จากความหลากหลายทางชนิด พันธุ์พันธุกรรม ตลอดจนความจนความหลากหลายในระบบนิเวศ ทำาให้ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยทรัพยากรนานา ชนิด จนสามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศให้มาตั้งรกรากถิ่นฐาน ทว่าในปัจจุบันการเพิ่มจำานวนประชากรอย่างรวดเร็วกลายเป็นแรง ผลักดันให้เกิดการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ประเภทต่างๆ ที่ดีที่สุดกลับถูก คุกคามด้วยนำ้ามือของมนุษย์วันแล้ววันเล่า การกระทำาดังกล่าวจึง ทำาให้พรรณไม้ที่มีอยู่ตามธรรมชาติร่อยหรอลง และแปรสภาพจาก ความอุดมสมบูรณ์สู่ความเสื่อมโทรมอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำาให้ “ ”ธรรมชาติพรรณไม้ ต้องมี การเปลี่ยนแปลงทางนิเวศวิทยาหรือถิ่นอาศัยรวมทั้ง “พรรณไม้ใน ”ธรรมชาติ ต้องมีปริมาณร่อยหรอลงอย่างมาก มีที่มาจากประโยชน์ ของพรรณไม้ที่มีต่อโลกและมวลมนุษยชาติ ประกอบกับการใช้ ประโยชน์อย่างไม่รู้จัก “ ”เพียงพอ ในปริมาณที่ควรจะเป็นอย่างถูกต้อง เหมาะสม และ “ ”พอเพียง ต่อความจำาเป็นในชีวิตประจำาวันนั่นเอง เนื่องจากพรรณไม้แต่ละชนิดไม่เพียงแต่เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ที่ใกล้ชิด มีความเกี่ยวพันกับการดำารงชีวิต และให้มนุษย์ได้อุปโภค บริโภค หรือใช้สอยในหลากหลายด้านเท่านั้น หากแต่ยังสามารถ สร้างอาชีพการป่าไม้ เก็บของป่า การขนส่งการอุตสาหกรรม การผลิต ไม้แปรรูป ตลอดจนผลิตภัณฑ์สำาเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบจากไม้และของป่า ยิ่งไปกว่านั้น การเร่งดำาเนินงานบางโครงการ เช่น การสร้างเขื่อน
  • 18. ถนน และโรงไฟฟ้า ฯลฯ ได้ทำาให้มนุษย์รุกรานพื้นที่ป่าและพรรณไม้ นานาชนิดอย่างมิอาจหยุดยั้ง จนมนุษย์ลืมตระหนักว่าเหยียบยำ่าพื้นที่ ป่า หรือทำาลายพรรณไม้ โดยไม่มีการปลูกไม้ทดแทน หรือปลูกเพิ่มนั้น วันหนึ่งลูกหลานของตน และชนรุ่นหลังอาจจะไม่มีโอกาสได้ใช้ ประโยชน์จากพรรณไม้ หรือแม้กระทั่งอาจไม่เห็นว่าพรรณไม้แต่ละ ชนิด แต่ละประเภทนั้นมีลักษณะอย่างไร จะเห็นได้ว่า พรรณไม้ชนิดต่างๆ ล้วนเป็นความสำาคัญ ความ พิเศษ และคุณสมบัติเฉพาะในตัวทั้งโครงสร้าง และรูปลักษณ์ ไมว่าจะ เป็น “ ”ไม้พืชสมุนไพร ที่ช่วยในการรักษาโรคมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญา และเอกลักษณ์ของชาติไทย อาทิ กุ่มนำ้า อัญชัน สมอไทย ชะพลู ชุมเห็ดเทศ ผักโขมหนาม เตยหอม ขลู่ ข่า ไมยราบ มะนาวเทศ และมะแว้งเครือ เป็นต้น “ไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ร่มเงา อันเป็นพรรณไม้ที่สร้างความร่มรื่น บรรเทาความร้อนจากธรรมชาติ จากความแออัด ลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ ด้วยการสังเคราะห์แสง พร้อมๆ กับสามารถสร้างความรื่นรมย์ให้โลก ด้วยความสวยงามควบคู่ไปกับกลิ่น สัมผัส และชื่ออันเป็นมงคล ที่เป็น ทั้งที่เจริญตาเจริญใจ ที่ผ่อนคลายความเครียด ที่นั่งอ่านหนังสือ และ เพิ่มความสดใสผสานศิลปะตามแบบธรรมชาติได้อย่างน่ามหัศจรรย์ อาทิบอนสี ถือเป็นราชินีแห่งไม้ประดับ บอนไซ เฟิร์น โพธิ์ กล้วยไม้ กระดังงาไทย กระดุมทองเลื้อย ชงโค กัลปพฤกษ์ ราตรี ยี่หุบ วาสนา ชวนชม ช้องนาง นางแย้ม บานบุรี บานไม่รู้โรย การเวก กาหลา แก้ว โกสน ขิงแดง จำาปี ปาริชาติ มะลิ พุดซ้อน ไม้ตระกูลาปาล์ม ไทรต่างๆ หมากผู้หมากเมือ เฟื่องฟ้า และโมก เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ ”ราชพฤกษ์ หรือคูน หรือลมแล้ง อันเป็นต้นไม้ประจำาชาติไทยที่ สามารถบ่งบอกถึงความมีเอกราช และไม่เป็นทาสใครของชาติไทย รวมถึง “ ”ไม้สวนป่าและไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ที่สร้างความหมายและ ก่อความหวังให้สังคมมาทุกยุคทุกสมัยมากกว่าเป็นเพียงไม้ท้องถิ่นที่มี อยู่ตามเดิม และเกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น หากแต่บางส่วนยังผลิต ดอกออกผล บางส่วนเป็นสมุนไพร สามารถลดความร้อนความแห้ง แล้ง ช่วยอุ้มนำ้า รักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยลดมลภาวะ ให้ ความชุ่มชื้น และช่วยให้มีบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่ดี อาทิ หมาก สัก สารภี รัก หวาย มังคุด มะละกอ มะพร้าว มะขาม ตาลโตนด ตะเคียน ทอง และจามจุรี เป็นต้น ไม่เพียงเท่านี้ “ ”ป่าชายเลน ซึ่งประกอบไป ด้วยพรรณไม้สำาคัญๆ อาทิโกงกาง โปรงขาว ตาตุ่มทะเล ตะบูนขาว ตะบูนดำา ปรงทะเล ลำาแพน ลำาพู และแสมดำา ตลอดจนพรรณไม้ใต้ ท้องทะเลยังช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ และความหลาก หลายทางชีวภาพของสัตว์นำ้านานาชนิด ป่าชายเลนจึงเปรียบเสมือน