More Related Content
Similar to งานนำเสนอ1 (20)
งานนำเสนอ1
- 2. • โครงการพระราชดาริฝนหลวง เป็ นโครงการทีก่อกาเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณ ทีทรง
่ ่
ห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถินทุรกันดาร ทีตองประสบปญ
่ ่ ้ ั
• หาขาดแคลนน้า เพืออุปโภคบริโภค และเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งซึงมี
่ ่
สาเหตุมาจาก ความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝน
เริมต้นล่าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติหรือฝนทิงช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจ
่ ้
ในการเสด็จพระราชดาเนินเยียมพสกนิกร ในทุกภูมภาคอย่างต่อเนื่อง สม่าเสมอนับแต่เสด็จ
่ ิ
ขึนเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ จนตราบเท่าทุกวันนี้ ทรงพบเห็นว่าภาวะแห้งแล้ง ได้ทวีความถี่
้
และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงยิงขึนตามลาดับ เพราะนอกจากความผันแปร และคลาดเคลื่อน
่ ้
่
ของฤดูกาลตามธรรมชาติแล้ว การตัดไม้ทาลายปา ยังเป็ นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทาง
ธรรมชาติเปลียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร ในทุกภาคของ
่ ่
ประเทศ ทาความเสียหายแก่เศรษฐกิจโดยรวมของชาติเป็ นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี
- 3. • ตามเส้นทางทีเคยเสด็จพระราชดาเนิน ทังภาคพืนดิน ทางอากาศยานดังกล่าว ทรง
่ ้ ้
สังเกตเห็นว่ามีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกัน จนเกิดเป็ นฝนได้
เป็ นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิงช่วงระยะยาวทัง ๆ ทีเป็ นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคานึงว่า น่าจะมี
้ ้ ่
มาตรการทางวิทยาศาสตร์ ทีจะช่วยให้เมฆเหล่านันก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็ นฝนได้ ทรง
่ ้
เชือมันว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมอากาศ และภูมประเทศของประเทศไทยซึงตังอยู่
่ ่ ิ ิ ่ ้
ในภูมภาคเขตร้อน และอยูในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุม
ิ ่
ตะวันตกเฉียงใต้ซงเป็ นฤดูฝน และเป็ นฤดูเพาะปลูกประจาปีของประเทศไทย จะสามารถดัด
่ึ
แปรสภาพอากาศ ให้เกิดเป็ นฝนตกได้ อย่างแน่นอน
- 4. • ตามทีทรงเล่าไว้ใน RAINMAKING STORY จาก พ.ศ. 2498 เป็ นต้นมา ทรง
่
ศึกษาค้นคว้า และวิจยทางเอกสาร ทังด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และมีการดัดแปรสภาพ
ั ้
อากาศ ซึงทรงรอบรู้ และเชียวชาญ เป็ นทียอมรับทังใน และต่างประเทศ จนทรงมันพระทัย
่ ่ ่ ้ ่
จึงพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ ์ เทวกุล ผูเ้ ชียวชาญในการวิจยประดิษฐ์ทางด้าน
่ ั
เกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนัน ในปีถดมา และทรงพระกรุณา
้ ั
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางทีจะทาให้เกิดการทดลองปฏิบตการในท้องฟ้าให้
่ ั ิ
เป็ นไปได้
- 5. • จนกระทังถึงปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จดตังหน่วยบิน ปราบศัตรูพชกรมการข้าว
่ ั ้ ื
และพร้อมทีจะให้การสนับสนุ น ในการสนองพระราชประสงค์ ม.ร.ว.เทพฤทธิ ์ เทวกุล จึงได้นาความ
่
ขึนกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบว่า พร้อมทีจะดาเนินการ ตามพระราชประสงค์แล้ว ดังนันในปี
้ ่ ้
เดียวกันนันเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทาการทดลองปฏิบตการจริงในท้องฟ้าเป็ นครังแรก เมือ
้ ั ิ ้ ่
วันที่ 1-2 กรกฎาคม 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตังให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ ์ เทวกุล เป็ น
้
ผูอานวยการโครงการ และหัวหน้าคณะปฏิบตการทดลอง เป็ นคนแรก และเลือกพืนทีวนอุทยานเขา
้ ั ิ ้ ่
ใหญ่เป็ นพืนทีทดลองเป็ นแห่งแรก โดยทดลองหยอดก้อนน้ าแข็งแห้ง (dry ice หรือ solid
้ ่
carbondioxide) ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์น้ิว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่
ลอยกระจัดกระจายอยูเหนือพืนทีทดลองในขณะนัน ทาให้กลุมเมฆ ทดลองเหล่านัน มีการ
่ ้ ่ ้ ่ ้
เปลียนแปลงทางฟิสกส์ของเมฆอย่างเห็นได้ชดเจน เกิดการกลันรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอด
่ ิ ั ่
สูงขึนเป็ นเมฆฝนขนาดใหญ่ ในเวลาอันรวดเร็วแล้วเคลือนตัวตามทิศทางลม พ้นไปจากสายตา ไม่
้ ่
สามารถสังเกตได้ เนื่องจากยอดเขาบัง แต่จากการติดตามผลโดยการสารวจทางภาคพืนดิน และได้รบ
้ ั
รายงานยืนยันด้วยวาจาจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสูพนทีทดลองวนอุทยานเขาใหญ่ในทีสด นับเป็ น
่ ้ื ่ ุ่
นิมตหมายบ่งชีให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็ นสิงทีเป็ นไปได้
ิ ้ ่ ่
- 6. • วิธการทาฝนหลวง
ี
• 1. เทคโนโลยีฝนหลวง
• เทคโนโลยีฝนหลวงเป็ นเทคนิค หรือ วิชาการทีเกียวกับการดัดแปลงสภาพอากาศ โดยเน้นการทาฝน เพือ
่ ่ ่
เพิมปริมาณฝนตก (Rain enhancement) และ/หรือ เพือให้ฝนตกกระจายอย่างสม่าเสมอ (Rain
่ ่
redistribution) สาหรับป้องกันหรือบรรเทาภาวะแห้งแล้งทีเกิดจากฝนแล้ง หรือฝนทิงช่วงนัน เป็ นวิชาการที่
่ ้ ้
ใหม่สาหรับประเทศไทยและของโลก ข้อมูลหลักฐาน (evidence) ทีใช้พสจน์ยนยัน เพือให้เกิดการยอมรับใน
่ ิู ื ่
ระดับนักวิชาการและผูบริหารระดับสูง ถึงผลปฏิบตการฝนหลวงทังทางด้านกาย -
้ ั ิ ้
• ภาพ (Physic) และด้านสถิติ (Statistic) มีน้อยมาก ดังนัน ในระยะแรกเริมของการทดลองและวิจย กรรมวิธี
้ ่ ั
การปฏิบตการฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว จึงได้ทรงติดตามผลการวางแผนการทดลองปฏิบตการ การ
ั ิ ่ ั ั ิ
สังเกตจากรายงานแทบทุกครังโดยใกล้ชด ทรงหาความรูและประสบการณ์จากนักวิชาการทีทรงคุณวุฒทางด้านอุตุนิ -
้ ิ ้ ่ ิ
• ยมวิทยา โดยได้รบสังให้เชิญ พล.ร.ท.สนิท เวสารัชนันท์ ร.น. อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา พล.ร.ต.พิณ พันธุทวี ร.น.
ั ่
พร้อมด้วยนักวิชาการอื่นๆ มาเป็ นคณะทางานถวาย -ความคิดเห็น วิเคราะห์ผลปฏิบตการทีทางคณะปฏิบตการฝน
ั ิ ่ ั ิ
หลวง ได้ทดลองสังเกตผลการเปลียนแปลงแล้ว ทารายงานเสนอเป็ นประจา
่
• 2. กรรมวิธการทาฝนหลวง
ี
• ั ั
กรรมวิธการทาฝนหลวงในประเทศไทยทีใช้เป็ นหลักในปจจุบน สรุปได้ ดังนี้
ี ่
- 7. • ขันตอนทีหนึ่ง : ก่อเมฆ
้ ่
• เป็ นการดัดแปรสภาพอากาศเพือเร่งหรือเสริมการเกิดเมฆ โดยการโปรยสารเคมีผล
่
ละเอียดของเกลือโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ทีระดับความสูง 7,000 ฟุต ในท้องฟ้าโปร่งใส
่
ทีมความชืนสัมพัทธ์ไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ผงของเกลือโซเดียมคลอไรด์ ซึงมีคุณสมบัติ
่ ี ้ ่
ในการดูดความชืนได้ดี จะทาหน้าทีเสริมประสิทธิภาพของแกนกลันตัวในบรรยากาศ
้ ่ ่
(Cloud Condensation Nuclei) เรียกย่อว่า CCN ทาให้กระบวนการ
ดูดซับความชืนในอากาศให้กลายเป็ นเม็ดน้าเกิดเร็วขึนกว่าธรรมชาติ และเกิดกลุ่มเมฆ
้ ้
จานวนมาก ซึงเมฆเหล่านี้จะพัฒนาเป็ นเมฆก้อนใหญ่ในเวลาต่อมา
่
- 8. • ขันตอนทีสอง : เลียงให้อวน
้ ่ ้ ้
• เป็นการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อเร่งหรือเสริมการเพิมขนาดของเมฆและขนาดของเม็ดน้ าในก้อนเมฆ จะปฏิบตการเมือเมฆทีก่อตัว
่ ั ิ ่ ่
จากขันตอนที่ 1 หรือเมฆเดิมทีมอยูตามธรรมชาติ ก่อยอดสูงถึงระดับ 10,000 ฟุต โดยการโปรยสารเคมีผลแคลเซียมคลอไรด์ (
้ ่ ี ่
เข้าไปในกลุ่มเมฆทีระดับ 8,000 ฟุต ผงแคลเซียมคลอไรด์ซงมีคุณสม
่ ่ ่ึ
• บัตดดความชืนได้ดี จะดูดซับความชืนและเม็ดน้ าขนาดเล็กในก้อนเมฆให้กลายเป็นเม็ดน้ าขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันจะเกิดปฏิกรยาคาย
ิ ู ้ ้ ิิ
ความร้อน ซึงเป็นคุณสมบัตเฉพาะของสารแคลเซียมคลอไรด์เมือละลายน้ า ความร้อนทีเกิดขึนจะเพิมอัตราเร็วของกระแสอากาศไหลขึน
่ ิ ่ ่ ่ ้ ่ ้
( ้ ่ ้ ้ ่ ่ ้ ั
ในก้อนเมฆ ทังขนาดเม็ดน้ าทีโตขึนและความเร็วของกระแสอากาศไหลขึนทีเพิมขึน จะเป็ นปจจัยเร่งกระบวนการชนกันและ
รวมตัวกัน ( ของเม็ดน้า ทาให้เม็ดน้าขนาดใหญ่จานวนมากเกิดขึนในก้อนเมฆ
้
และยอดเมฆพัฒนาตัวสูงขึน ้
• ในขันนี้ เมฆจะมีขนาดใหญ่ขนและก่อยอดสูงขึนไปได้มากน้อยแค่ไหน ขึนอยูกบการทรงตัวของบรรยากาศในแต่ละวัน ซึงแบ่ง
้ ้ึ ้ ้ ่ ั ่
ออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ในบางวันเมฆจะไม่สามารถก่อยอดสูงเกินระดับอุณหภูมจุดเยือกแข็ง ( 0 องศาเซลเซียส) หรือประมาณ 18,000
ิ
ฟุต เรียกว่า เมฆอุ่น ( ในบางวันเมฆจะสามารถก่อยอดขึนไปสูงกว่าระดับอุณหภูมจุดเยือกแข็ง เช่น ถึงระดับ 20,000
้ ิ
ฟุต เรียกว่า เมฆเย็น ( ซึงภายในยอดเมฆจะประกอบด้วยเม็ดน้ าเย็นจัด (
่ ทีม ี
่
อุณหภูมต่าถึง - 8 องศาเซลเซียส
ิ
• ขันตอนทีสาม : โจมตี
้ ่
• เป็นการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อเร่งให้เมฆเกิดเป็นฝน ซึงสามารถกระทาได้ 3 วิธ ี ขึนอยูกบคุณสมบัตของเมฆ และชนิดของ
่ ้ ่ ั ิ
เครืองบินทีมอยู่ ดังนี้
่ ่ ี
- 9. • วิธท่ี 1 "โจมตีเมฆอุ่น แบบแซนด์วช"
ี ิ
• ถ้าเป็นเมฆอุ่น เมือเมฆแก่ตว ยอดเมฆจะอยูทระดับ 10,000 ฟุต หรือสูงกว่าเล็กน้อย และเคลื่อนตัวเข้าสูพนทีเป้าหมาย จะทาการ
่ ั ่ ่ี ่ ้ื ่
โจมตีโดยวิธ ี คือ ใช้เครือง บิน 2 เครือง เครืองหนึ่งโปรยผงโซเดียมคลอไรด์ (
่ ่ ่ ทับยอดเมฆ หรือไหล่เมฆทีระดับ
่
9,000 ฟุต หรือ ไม่เกิน 10,000 ฟุต อีกเครืองหนึ่งโปรยผงยูเรีย (
่ ทีฐานเมฆ ทามุมเยืองกัน 45 องศา เมฆจะเริมตกเป็นฝนลงสู่
่ ้ ่
พืนดิน
้
• วิธท่ี 2 "โจมตีเมฆเย็น แบบธรรมดา"
ี
• ถ้าเป็นเมฆเย็นและมีเครืองบินเมฆเย็นเพียงเครืองเดียว เมือเมฆเย็นพัฒนายอดสูงขึนเลยระดับ 20,000 ฟุต ไปแล้ว จะทาการโจมตี
่ ่ ่ ้
โดยการยิงพลุสารเคมี ซิลเวอร์ไอโอไดด์ ( เข้าสู่ยอดเมฆ ทีระดับความสูงประมาณ 21,500 ฟุต ซึงมีอุณหภูมระหว่าง -8 ถึง 12 องศา
่ ่ ิ
เซลเซียส มีกระแสอากาศไหลขึนสูงกว่า 1,000 ฟุตต่อนาที และมีปริมาณน้าเย็นจัดไม่ตากว่า 1 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึงเป็นเงือนไข
้ ่ ่
เหมาะสม อนุภาคของสาร จะทาหน้าทีเป็นแกนเยือกแข็ง (
่ และเมือสัมผัสกับเม็ดน้าเย็นจัดในบอดเมฆ จะทาให้เม็ด
่
น้าเหล่านันกลายเป็ นน้ าแข็งและคายความร้อนแฝงออกมา ซึงความร้อนดังกล่าวจะเป็ นพลังงานผลักดันให้ยอดเมฆเจริญสูงขึนไปอีก และมี
้ ่ ้
การชักนาอากาศชืนเข้าสู่ฐานเมฆเพิมขึน ในขณะเดียวกันเม็ดน้าทีกลายเป็นน้าแข็ง จะมีความดันไอทีผวต่ากว่าเม็ดน้ าเย็นจัด ทาให้ ไอน้า
้ ่ ้ ่ ่ ิ
ระเหยจากเม็ดน้ าไปเกาะทีเม็ดน้ าแข็ง และเม็ดน้าแข็งจะเจริญเติบโตได้เร็วเป็ นก้อนน้ าแข็งทีมน้ าหนักเพิมขึน และจะล่วงหล่นลงสู่ เบืองล่าง
่ ่ ี ่ ้ ้
ซึงจะละลายเป็นเม็ดน้ าฝน เมือผ่านชันอุณหภูมเิ ยือกแข็งลงมาทีฐานเมฆ และเกิดเป็นฝนตกลงสู่พนดิน
่ ่ ้ ่ ้ื
• วิธท่ี 3 "โจมตีเมฆเย็น แบบซูเปอร์แซนด์วช"
ี ิ
- 10. • หากเป็ นเมฆเย็น และมีเครืองบินครบทังชนิดเมฆอุนและเมฆเย็น เมือเมฆเย็นพัฒนายอดสูงขึนเลย
่ ้ ่ ่ ้
ระดับ 20,000 ฟุต ไปแล้ว จะทาการโจมตีโดยการผสมผสานวิธท่ี 1 และ 2 ในเวลาเดียวกัน กล่าวคือ
ี
เครืองบินเมฆเย็นจะยิงพลุสารเคมี ซิลเวอร์ไอโอไดด์ (
่ เข้าสูยอดเมฆ ทีระดับความสูงประมาณ
่ ่
21,500 ฟุต ส่วนเครืองบินเมฆอุน 1 เครือง จะโปรยสารเคมีโซเดียมคลอไรด์ทระดับไหล่เมฆ
่ ่ ่ ่ี
(ประมาณ 9,000 - 10,000 ฟุต) และเครืองบินเมฆอุนอีก 1 เครือง จะโปรยสารเคมีผงยูเรียทีระดับชิด
่ ่ ่ ่
ฐานเมฆ ทามุมเยืองกัน 45 องศา วิธการนี้จะทาให้ประสิทธิภาพในการเพิมปริมาณน้ าฝนสูงยิงขึน
้ ี ่ ่ ้
และเทคนี้โปรดเกล้าฯ ให้เรียกชือว่า
่ ขันตอนทีส่ี : เพิมฝน
้ ่ ่
• การโจมตีเมฆในขันตอนที่ 3 ทังสามวิธี อาจจะทาให้ฝนใกล้จะตกหรือเริมตกแล้ว ขันตอนที่ 4
้ ้ ่ ้
นี้ จะเร่งการตกของฝนและเพิมปริมาณน้ าโดยการโปรยเกล็ดน้ าแข้งแห้ง (
่ ทีระดับใต้ฐาน
่
เมฆประมาณ 1,000 ฟุต เกล็ดน้ าแข็งแห้งซึงมีอุณหภูมต่าถึง -78 องศาเซลเซียส จะปรับอุณหภูมของ
่ ิ ิ
บรรยากาศระหว่างฐานเมฆกับพืนดินให้เย็นลง ทาให้ฐานเมฆยิงลดระดับต่าลง ฝนจะตกในทันที หรือ
้ ่
ทีตกอยูแล้ว จะมีอตราการตกของฝนสูงขึน ลดอัตราการระเหยของเม็ดฝนขณะล่วงหล่นลงสูพนดิน
่ ่ ั ้ ่ ้ื
และทาให้ฝนตกต่อเนื่องเป็ นเวลานานขึนและหนาแน่นยิงขึน
้ ่ ้
- 11. • ขันตอนทีส่ี : เพิมฝน
้ ่ ่
• การโจมตีเมฆในขันตอนที่ 3 ทังสามวิธ ี อาจจะทาให้ฝนใกล้จะตกหรือเริมตกแล้ว ขันตอนที่ 4 นี้ จะเร่งการตกของฝนและเพิม
้ ้ ่ ้ ่
ปริมาณน้าโดยการโปรยเกล็ดน้ าแข้งแห้ง ( ทีระดับใต้ฐานเมฆประมาณ 1,000 ฟุต เกล็ดน้าแข็งแห้งซึงมีอุณหภูมต่าถึง -78
่ ่ ิ
องศาเซลเซียส จะปรับอุณหภูมของบรรยากาศระหว่างฐานเมฆกับพืนดินให้เย็นลง ทาให้ฐานเมฆยิงลดระดับต่าลง ฝนจะตกในทันที หรือที่
ิ ้ ่
ตกอยูแล้ว จะมีอตราการตกของฝนสูงขึน ลดอัตราการระเหยของเม็ดฝนขณะล่วงหล่นลงสู่พนดิน และทาให้ฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลานานขึน
่ ั ้ ้ื ้
และหนาแน่นยิงขึน
่ ้
• 3. กรรมวิธการทาฝนหลวง
ี
• การออกปฏิบตการแต่ละครัง จะดาเนินการเมือได้รบการร้องเรียนจากกลุ่มเกษตรกร, สมาชิกสภาผูแทนราษฎร, ผูว่าราชการจังหวัด
ั ิ ้ ่ ั ้ ้
หรือประสานงานโดยตรงกับคณะปฏิบตการฝนหลวง
ั ิ
• ภาคเหนือ สนามบิน จ.แพร่, สนามบิน จ.เชียงใหม่
• ภาคอีสาน สนามบินกองบิน 1 จ.นครราชสีมา, สนามบิน จ.ขอนแก่น
• ภาคกลาง สนามบินกองบิน 2 จ.ลพบุร,ี สนามบินกองบิน 4 จ.นครสวรรค์
• ภาคใต้ตอนบน สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน, สนามบินค่ายธนัรตน์ อ.ปราณบุร ี หรือสนามบินกองบิน 53 จ.ประจวบคีรขนธ์
ั ี ั