2. PARAGRAPH 1
•OVER THE COURSE OF THE PAST FORTY YEARS,
NO COUNTRY ON EARTH HAS CUT ITS ALCOHOL
CONSUMPTION MORE THAN FRANCE. ในระยะสี่สิบ
ปีที่ผ่านมา ไม่มีประเทศ ไหนในโลกลดการบริโภคแอ
ลกอฮอลมากไปกว่าฝรั่งเศส
3. •WHILE CONSUMPTION OF BEER AND SPIRITS
HAS STAYED BASICALLY STEADY, THE PER
CAPITA CONSUMPTION OF WINE FELL FROM 20
LITRES IN 1962 TO ABOUT 8 IN 2001. ในขณะที่
การดื่มเบียร์และเหล้าค่อนข้างจะคงที่ การบริโภคไวน์ต่อ
หัวลดลงจากคนละ 20 ลิตรในปี 1962 เป็ นคนละ 8 ลิตร
ในปี 2001.
4. •IN GLASSES OF WINE, THAT TRANSLATES INTO
ABOUT 235 PER PERSON PER YEAR, DOWN
FROM ABOUT 425. ถ้านับเป็ นแก้วแล้ว นั่นหมายความ
ว่า เดี๋ยวนี้ คนฝรั่งเศสดื่มไวน์กันประมาณ 235 แก้วต่อ
คนต่อปี ลดลงจากเดิมที่เคยดื่มกันคนละ 425 แก้วต่อปี
5. •AND IT’S PROJECTED TO DROP EVEN FURTHER
AND FASTER IN THE FUTURE. แล้วก็คาดกันว่ามันจะ
ลดลงไปยิ่งขึ้นและโดยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต
6. •THE THREE MAIN REASONS FOR THE
REDUCTION IN FRENCH WINE CONSUMPTION
ARE AS FOLLOWS. เหตุผลสาคัญสามประการที่การ
บริโภคไวน์ของฝรั่งเศสลดลงมีดังนี้
7. PARAGRAPH 2
•ONE REASON FOR THE DWINDLING WINE
CONSUMPTION IS THE ACCELERATION OF THE
FRENCH MEAL. เหตุผลหนึ่งที่การบริโภคไวน์ของ
ฝรั่งเศสลดลงก็คือมื้ออาหารฝรั่งเศสเร่งรีบขึ้น
8. • IN 1978, THE AVERAGE FRENCH MEAL LASTED
82 MINUTES. ในปี 1978 ชาวฝรั่งเศสใช้เวลา 82 นาที
กินอาหารมื้อหนึ่ง ๆ โดยเฉลี่ย
9. •THAT GAVE DINERS PLENTY OF TIME FOR A
HALF-CARAFE, IF NOT A BOTTLE. เวลาขนาดนั้นทา
ให้คนกินมีเวลาเยอะแยะที่จะดื่มไวน์ได้ครึ่งขวดเสิร์ฟเลย
ถ้าไม่ได้ดื่มทั้งขวด
10. •TODAY, THE AVERAGE FRENCH MEAL HAS BEEN
SLASHED DOWN TO 38 MINUTES – AND IT’S
MORE LIKELY THAN A MEAL ANYWHERE ELSE IN
EUROPE TO INCLUDE MCDONALD’S BURGERS
AND FRIES. ทุกวันนี้มื้ออาหารฝรั่งเศสใช้เวลาโดย
เฉลี่ยลดลงเหลือแค่ 38 นาที – แล้วยังเป็ นไปได้อีก
มากกว่าที่ไหน ๆ ในยุโรปที่ว่ามื้ออาหารนั้นจะมีเบอร์เกอร์
และมันทอดของแมคโดนัลด์รวมอยู่ด้วย
11. •WINE IS A VICTIM OF THE DISAPPEARANCE OF
THE LEISURELY MEAL. ไวน์เป็ นผู้รับเคราะห์จากการที่
การกินอาหารเป็ นมื้อสบาย ๆ หายไป
12. •IT IS NOT THE TARGET OF THE CHANGE, BUT
THE DECLINE IN WINE CONSUMPTION IS A BY-
PRODUCT OF THE EMERGENCE OF THE FASTER,
MORE MODERN, ON-THE-GO LIFE STYLE. มัน
ไม่ได้เป็ นเป้ าหมายของการเปลี่ยนแปลง แต่ที่การบริโภค
ไวน์ลดลงเป็ นผลข้างเคียงของชีวิตที่ไม่อยู่นิ่ง สมัยใหม่
ขึ้น รวดเร็วขึ้นที่เกิดขึ้น
13. •HAVING RESISTED CHANGE FOR CENTURIES,
FRANCE IS BECOMING MORE MODERN, AND
OLD WORLD HABITS ARE GIVING WAY NOW AT
A RAPID RATE. หลังจากที่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
มาเป็ นเวลาหลาย ๆ ศตวรรษ ฝรั่งเศสก็กาลังทันสมัยขึ้น
และนิสัยความคุ้นเคยในโลกใบเก่าก็กาลังหลีกทางไป
อย่างรวดเร็ว
14. PARAGRAPH 3
•A SECOND REASON FOR THE WINE DECLINE IS
A NATIONAL SAFETY CAMPAIGN, MAINLY
FOCUSED ON ROAD SECURITY. เหตุผลที่สองที่การ
บริโภคไวน์ของฝรั่งเศสลดลง ก็คือการรณรงค์เรื่องความ
ปลอดภัยระดับชาติ ซึ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยบนท้อง
ถนนเป็ นหลัก
15. •AS OF 2004, THERE WERE ABOUT 10,000
DEATHS PER YEAR FROM ALCOHOL-RELATED
TRAFFIC ACCIDENTS IN THE EUROPEAN UNION,
WITH FRANCE HAVING ONE OF THE WORST
RATES PER CAPITA. ตามข้อมูลเมื่อปี 2004 มีการตาย
เนื่องจากอุบัติเหตุการจราจรซึ่งมีแอลกอฮอลเกี่ยวข้อง
อยู่ด้วยประมาณ 10,000 รายต่อปีในสหภาพยุโรป
16. WHILE THE U.S. HAS RAISED ITS DRINKING AGE TO
21, WHICH EXPERTS AGREE HAS SAVED TENS OF
THOUSANDS OF LIVES, FRANCE HASN’T SERIOUSLY
CONSIDERED RAISING ITS DRINKING AGE – 16.
ในขณะที่สหรัฐอเมริกาเพิ่มอายุคนที่จะดื่มสุราได้ (ตาม
กฎหมาย) เป็ น 21 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องกันว่าได้
ช่วยชีวิตคนไว้เป็ นหมื่น ๆ คน ฝรั่งเศสยังไม่ได้คิดอย่างจริงจัง
ว่าจะเพิ่มอายุคนที่ดื่มสุราได้ (ซึ่งในฝรั่งเศสคืออายุ) – 16
17. HOWEVER, THE MINISTRY OF TRANSPORTATION DID
CRACK DOWN ON DRUNK DRIVERS IN RECENT YEARS,
AND ALSO LAUNCHED A PUBLIC EDUCATION CAMPAIGN
DESIGNED TO WARN PEOPLE OF THE EFFECTS OF
DRIVING WHILE INTOXICATED. อย่างไรก็ตาม กระทรวง
คมนาคมได้กาจัดพวกเมาแล้วขับในระยะหลาย ๆ ปีที่เพิ่งผ่านมานี้
และยังได้เริ่มดาเนินการรณรงค์การให้ความรู้แก่ประชาชน ซึ่งจัด
ขึ้นเพื่อเตือนให้พวกเขารู้ถึงผลลัพธ์ของการขับรถขณะที่เมาสุรา
18. •DRIVERS PAID SO MUCH ATTENTION THAT WINE
MANUFACTURERS, WHOSE PROFITS ARE
SLUMPING, SUED THE GOVERNMENT – AND
LAUNCHED A COUNTEROFFENSIVE TO HAVE WINE
CLASSIFIED AS A FOOD. บรรดาคนขับรถก็ให้ความใส่ใจ
เรื่องนี้อย่างมากขนาดที่บรรดาผู้ผลิตไวน์ที่ผลกาไรของ
ตนเองกาลังลดลงฮวบฮาบฟ้ องร้องรัฐบาล – แล้วก็
ดาเนินการรุกต้านให้มีการจัดไวน์ให้อยู่ในประเภทอาหาร
19. •THAT WOULD NOT ONLY ELIMINATE PRINTED
HEALTH WARNINGS ON WINE BOTTLES BUT
RADIO AND TV ADVERTISING FOR WINE
WOULD BE DEREGULATED. ซึ่งถ้าทาอย่างนั้นแล้ว
ไม่เพียงแต่จะกาจัด (ไม่ต้องพิมพ์) คาเตือนที่พิมพ์ไว้บน
ขวดไวน์ได้แล้ว การโฆษณาไวน์ทางวิทยุและโทรทัศน์ก็
จะไม่ต้องถูกควบคุมอีกต่อไป
20. PARAGRAPH 4
•THE THIRD REASON THE FRENCH ARE
DRINKING LESS WINE IS THE GREATER DEGREE
OF HEALTH CONSCIOUSNESS THAT THEY FEEL.
เหตุผลที่สามที่ชาวฝรั่งเศสดื่มไวน์น้อยลงก็คือการที่พวก
เขาตระหนักเรื่องสุขภาพมากขึ้น
21. •IN 2007, ONE QUINTESSENTIALLY FRENCH
HABIT, SMOKING IN PUBLIC PLACES, WAS
BANNED DUE TO CONCERNS ABOUT THE RISKS
FROM SECONDHAND SMOKE. ในปี 2007 นิสัย
สาคัญอย่างหนึ่งของชาวฝรั่งเศสซึ่งคือการสูบบุหรี่ในที่
สาธารณะถูกห้าม เนื่องจากความกังวลเรื่องความเสี่ยง
จากการได้รับควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบ
22. •CONCERNS ABOUT THE ADVERSE HEALTH
EFFECTS OF DRINKING ALCOHOL HAVE
LIKEWISE LED TO A SHARP DECREASE IN
CONSUMPTION. ในทานองเดียวกัน ความกังวลเรื่อง
ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงของการดื่มแอลกอฮอลที่มีต่อสุขภาพ
ได้นาไปสู่การบริโภคแอลกอฮอลที่ลดลง
23. •SOME 70 PERCENT OF THE FRENCH
POPULATION NOW NEITHER DRINK NOR
SMOKE. ประมาณ ร้อยละ 70 ของชาวฝรั่งเศสปัจจุบัน
ไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่
24. PARAGRAPH 5
•IN CONCLUSION, A FEW FACTORS HAVE
CERTAINLY CONTRIBUTED TO THE DOWNWARD
TRENDS IN FRENCH WINE CONSUMPTION. กล่าว
โดยสรุป มีปัจจัยสองสามประการแน่ ๆ ที่มีส่วนทาให้การ
บริโภคไวน์ของฝรั่งเศสมีแนวโน้มลดลง
25. •MOREOVER, IT LOOKS LIKE FRANCE CANNOT COUNT
ON THE NEXT GENERATION TO SAVE THE WINE
INDUSTRY EITHER, AS THE IMMIGRANTS COMING TO
FRANCE IN THE LAST FEW DECADES HAVE LARGELY
BEEN MUSLIM, AND PRACTICING MUSLIMS DRINK NO
ALCOHOL. นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าฝรั่งเศสจะไปพึ่งพาคนรุ่น
ต่อไปให้ช่วยอุตสาหกรรมไวน์เอาไว้ก็ไม่ได้ เนื่องจากผู้อพยพ
ที่มาฝรั่งเศสในทศวรรษหลัง ๆ นี้ส่วนใหญ่เป็ นมุสลิม และมุสลิมที่
ปฏิบัติตามหลักศาสนาก็จะไม่ดื่มแอลกอฮอล
26. •IF ANYTHING, THE GROWING MUSLIM
POPULATION COULD EXACERBATE THE
PROBLEM, AND LAND NOW USED FOR
VINEYARDS COULD GAIN MORE VALUE IF USED
FOR HOUSING. ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นละก็ ประชากร
มุสลิมที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจจะทาให้ปัญหายิ่งแย่หนักเข้าไป
อีก และที่ดินซึ่งขณะนี้ใช้ทาไร่องุ่นอาจจะมีค่ามากขึ้น
หากใช้เป็ นที่อยู่อาศัย