More Related Content
More from Thongkum Virut (20)
พรรคการเมือง
- 2. แต่ความจริงนั้น เครื่องมือสร้างประชาธิปไตย คือนโยบาย
รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือรักษาผลสาเร็จของนโยบาย
และเป็ นอุปกรณ์ช่วยเหลือการปฏิบัตินโยบาย
หมายความว่านโยบายที่ถูกต้องเป็ นเครื่องมือสร้างประชาธิปไตย
และเมื่อสร้างสาเร็จโดยพื้นฐานแล้ว
ก็ใช้รัฐธรรมนูญรักษาประชาธิปไตยนั้นไว้
และช่วยเหลือในการดาเนินนโยบายพัฒนาประเทศต่อไป
ผู้ยึดถือนโยบายและรัฐธรรมนูญคือพรรคการเมือง และดังนั้น
ทั้งนโยบายและรัฐธรรมนูญจึงเป็นผลของพรรคการเมือง
หาใช่พรรคการเมืองเป็ นผลของรัฐธรรมนูนแต่อย่างใดไม่
แต่การที่พรรคการเมืองจะสร้างระบอบประชาธิปไตยให้สาเร็จไ
ด้ต้องเป็ นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง
และพรรคการเมืองที่เข้มแข็งต้องไม่ใช่พรรคการเมืองที่เกิดจากรัฐธร
รมนูญเท่านั้น
เพราะพรรคการเมืองเช่นนั้นจะเป็ นได้แต่เพียงพรรคนักการเมืองหรื
อพรรคสภา
คือพรรคที่รวบรวมนักการเมืองเพื่อแข่งขันเลือกตั้งเป็ นสาคัญ
พรรคชนิดนี้ไม่สามารถสร้างระบอบประชาธิปไตยได้
พรรคที่เข้มแข็งคือพรรคมวลชน(Mass Party)
ไม่ใช่พรรคนักการเมืองหรือพรรคสภา
พรรคมวลชนย่อมมีนโยบายสอดคล้องกับความต้องการของประชาช
น และมีการจัดตั้งองค์การอย่างเป็ นระบบ
เพื่อเป็ นพลังให้บรรลุผลสาเร็จตามนโยบาย
พรรคมวลชนที่มีความสัมพันธ์ภายในอย่างเป็ นระบบ
รวมกับความสัมพันธ์อย่างเป็นระบบระหว่างพรรคเหล่านั้น
อาจจะเป็ นพรรคฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้าน คือระบบพรรค
- 3. ระบบพรรคดังกล่าว คือผู้สร้างระบอบประชาธิปไตย
ฉะนั้นถ้าจะสร้างระบอบประชาธิปไตยให้สาเร็จ
ก็ต้องสร้างระบบพรรคที่เข้มแข็ง
เมื่อพรรคการเมืองยังคงเป็ นแต่เพียงพรรคนักการเมืองหรือพร
รคสภา ก็ยังไม่มีระบบพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง
และเมื่อยังไม่มีระบบพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง
ก็ยังไม่มีผู้สร้างประชาธิปไตย เมื่อยังไม่มีผู้สร้างประชาธิปไตย
การสร้างประชาธิปไตยก็ยังเป็ นไปไม่ได้
อีกประการหนึ่ง อธิปไตยของปวงชน
ไม่สามารถจะเป็ นจริงขึ้นได้แต่โดยเพียงเลือกผู้แทนและตั้งรัฐบาล
ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะกาหนดให้เลือกผู้แทนและตั้งรัฐบาลทั้งระดับชาติ
และระดับท้องถิ่น ไว้อย่างดีสักเพียงใดก็ตาม
การที่จะให้อธิปไตยของปวงชนตามรัฐธรรมนูญเป็ นความจริงขึ้นมาไ
ด้นั้น
ต้องอาศัยกิจกรรมทางการเมืองและทางการจัดตั้งของประชาชนเอง
โดยมีระบบพรรคการเมืองที่ถูกต้องเป็ นผู้ดาเนินการ
ถ้ากล่าวโดยรูปธรรมผู้สร้างระบอบประชาธิปไตย คือ
พรรคประชาธิปไตย พรรคประชาธิปไตย ก็คือ
พรรคที่เป็ นผู้แทนของประชาชนนั่นเองพรรค(Party) หรือ
พรรคการเมือง (Political Party) หรือ พรรคมวลชน (Mass
Party)
ไม่หมายถึงแต่เฉพาะพรรคตามกฎหมายพรรคการเมืองบ้านเราในปั
จุบันเท่านั้น
ที่สาคัญหมายถึงพรรคตามธรรมชาติซึ่งได้แก่คณะบุคคลที่ดาเนินกิจก
รรมทางการเมืองภายใต้นโยบายเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มชนไม่ว่าจ
ะเป็ นกลุ่มชนส่วนน้อย หรือกลุ่มชนส่วนใหญ่หรือประชาชนทั่วไป
คณะบุคคลที่เป็ นผู้แทนทางการเมืองของประชาชน
คือพรรคประชาธิปไตยไม่ว่าในประเทศไทยหรือในนานาประเทศ
- 4. ผู้สร้างระบอบประชาธิปไตย คือพรรคประชาธิปไตยทั้งสิ้น
พรรคอื่นๆ ไม่สามารถสร้างระบอบประชาธิปไตยได้ เช่น
พรรคคอมมิวนิสต์โฆษณาว่าจะสร้างระบอบประชาธิปไตย
แท้จริงเป็ นการหลอกประชาชนเพื่อนาไปสร้างระบอบคอมมิวนิสต์เมื่
อก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475
มีพรรคประชาธิปไตยอยู่ 2 พรรคคือ
พรรคของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งประกอบด้วยรัชกาลที่ 7 กับผู้ร่วมงานไม่กี่คนขอเรียกง่ายๆ ว่า
“พรรค ร.7” และพรรคราษฎร ซึ่งเรียกชื่อว่า “คณะราษฎร” พรรค
ร.7 มีอานาจรัฐอยู่ในกามือ
คณะราษฎรไม่มีอานาจรัฐและพยายามจะยึดอานาจแต่พรรคร.7
ดาเนินการช้าไป คณะราษฎรยึดอานาจเสียก่อน
ดังพระราชหัตถเลขาลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2475 ตอนหนึ่งว่า
“ข้าพเจ้าตั้งใจดีต่อราษฎร
และได้คิดที่จะให้พระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินแก่ราษฎรอยู่แล้ว
หากแต่ล่าช้าไปไม่ทันกาล”รัชกาลที่ 7
ทรงร่วมมือกับคณะราษฎรอย่างเต็มที่
เพราะทรงมีพระราชดาริอยู่ก่อนแล้วว่าที่จะสร้างระบอบประชาธิปไต
ย แต่แล้วก็ทรงทราบว่าหลักการไม่ตรงกัน
ดังพระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งว่า “ครั้นเมื่อข้าพเจ้ากลับไปกรุงเทพฯ
แล้ว และได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่หลวงประดิษฐ์ฯ
ได้นามาให้ข้าพเจ้าลงนาม ข้าพเจ้าก็รู้สึกทันทีว่า
หลักการของผู้ก่อการกับหลักการของข้าพเจ้านั้น ไม่พ้องกันเสียแล้ว”
ต่อมาจึงเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่าง ร.7 กับคณะราษฎร
และไม่สามารถตกลงกันได้ในที่สุดต้องทรงสละพระราชสมบัติ
จากนั้นคณะราษฎรจึงดาเนินการสร้างระบอบประชาธิปไตยตามนโย
บายของตนโดยลาพัง
(ข้อมูลจากแฟ้ มเอกสารท่านอาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร )
Cr: thongkrm_virut@yahoo.com