SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
ปัญหาทางด้านการเมืองและปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเพราะ
ประเทศไทยไม่เคยมีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนตามราโชบายล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗
และปัญหาพื้นฐานต่างๆไม่เคยได้รับการแก้ไข
ปัญหาทางด้านการเมืองและปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
เพราะประเทศไทยไม่เคยมีการปกครองแบบประชาธิปไตย
ปัญหาเป็นตายของประเทศไทยคือปัญหาความเห็นเรียกเป็นศัพท์บาลีว่าปัญหาทิฏฐิ
เรียกเป็นศัพท์สันสกฤตว่าปัญหาทฤษฎีเรียกเป็นศัพท์อังกฤษว่า Theoretical problem
ดูผิวเผินความเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยในชีวิตของคนเราแต่ตามความเป็นจริงผลดีหรือผลร้ายทั้งหลายในมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือประเทศชาติมีต้นเหตุมาจากความเห็นถูกหรือความเห็นผิดสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ
ทฤษฎีถูกหรือทฤษฎีผิดRighttheory หรือWrong theory ทั้งสิ้น
พระพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลแรกในโลกที่ค้นพบบทบาทอันสาคัญเป็นเอกของความเห็น
ซึ่งทรงบัญญัติความเห็นถูกหรือสัมมาทิฏฐิไว้เป็นข้อแรกของมัชฌิมาปฏิปทาข้อเท็จจริงพิสูจน์ให้เห็นอย่างแน่นอนแล้วว่า
การปฏิบัติไปสู่โมกษธรรมนั้นถ้าปราศจากความควบคุมโดยสัมมาทิฏฐิเสียแล้ว
ไม่ว่าจะประกอบด้วยความเพียรแก่กล้าเพียงใดก็ล้มเหลวทั้งสิ้น
กิจกรรมทางโลกก็อยู่ในกฎนี้เช่นเดียวกันผัวเมียอยู่กันเป็นสุขหรือฆ่าตัวตาย
มีมูลเหตุมาจากความเห็นถูกหรือความเห็นผิดสหรัฐช่วยอินโดจีนด้วยทฤษฎีโดมิโนที่ผิด
แทนที่อินโดจีนจะเป็นประชาธิปไตยกลายเป็นคอมมิวนิสต์ความวุ่นวายการประท้วงในกัมพูชาจนป่านนี้ยังมีให้เห็นอยู่
เพราะความขัดแย้งทางทฤษฎีในพรรคคอมมิวนิสต์เขมรและเพราะความเห็นผิดของประเทศต่างๆรวมทั้งสหประชาชาติ
ที่เคยเข้าไปแก้ปัญหาฉะนั้นกล่าวตามภาษาวิชาการพระพุทธเจ้าเป็นบุคคลแรกในโลก
ที่ทรงค้นพบความสาคัญเป็นเอกของทฤษฎี
บางประเทศพัฒนาภายใต้ทฤษฎีที่ถูกบรรลุความไพบูลย์และประชาชนพ้นจากความจน
บางประเทศพัฒนาภายใต้ทฤษฎีที่ผิดแม้จะมีความไพบูลย์แต่ยิ่งพัฒนายิ่งยากจน
อย่างเช่นอิหร่านสมัยพระเจ้าซาห์ปาเลวีพัฒนาเสียจริงถึงขนาด"ปฏิวัติเขียว"และเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
แต่วินาศโดยไม่ทันรู้ตัวการพัฒนาประเทศชนิดนี้เหมือนคนมีโรคร้ายบางอย่างที่อยู่สบายดี
แต่ไม่เร็วก็ช้ามันจะแแสดงอาการและคร่าชีวิตแน่นอน
ประเทศไทยพัฒนามากว่าครึ่งศตวรรษภายใต้ทฤษฎี"ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย"ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ผิด
เพราะกลับตาลปัตรกับความเป็นจริงและมาถึงเดี๋ยวนี้ยิ่งผิดซ้าสองถึงกับเห็นกันไปว่าประชาธิปไตยเป็นสิ่งไม่ดี
ถามว่าทาไมคนกรุงเทพมาเลือกตั้งแต่ละครั้งมีผู้ออกมาใช้สิทฺธิ 24กว่าเปอร์เซ็นต์ตอบว่าเพราะเบื่อประชาธิปไตย
ล่าสุดพากันคัดค้านการเลือกตั้งถึงกับล้มตายกันหลายคนทั้งเจ้าหน้าที่ตารวจและประชาชน
ทั่วโลกเขาเห็นประชาธิปไตยเป็นของดีกันทั้งนั้นเขาเอาประชาธิปไตยกันทั้งนั้น
แม้แต่สหภาพโซเวียตยังพยายามเปลี่ยนคอมมิวนิสต์เป็นประชาธิปไตยมีแต่บ้านเราแห่งเดียวเห็นว่าประชาธิปไตยไม่ดี
เบื่อประชาธิปไตยไม่เอาแล้วประชาธิปไตยนี่คือทฤษฎีผิดซ้าสองต่อจากประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งสาหรับประเทศหนึ่งแล้วจะมีอะไรอีกที่น่ากลัวกว่านี้
แต่ยังเป็นโชคดีของประเทศไทยเพราะทฤษฎีถูกยังมีอยู่คือทฤษฎีตามพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัวในพระราชบันทึกเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่26 ธันวาคม2477 ว่า
"การปกครองที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้เป็นลัทธิเผด็จการทางอ้อมๆ"
การปกครองลัทธิเผด็จการทางอ้อมๆก็คือไม่ใช่การปกครอบแบบเผด็จการทางตรงเช่นคณะทหารหรือ Juntaเป็นต้น
สาหรับบ้านเราใช้ระบบรัฐสภาเป็นรูปการปกครองของระบอบเผด็จการ
จึงเรียกได้ว่าเป็นการปกครองระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา(ไม่ใช่จานวนส.ส.ของซีกรัฐบาลซึ่งเป็นวาทกรรม)
เรียกย่อว่าระบอบเผด็จการรัฐสภาตามที่เรียกันโดยทั่วไปก็คือการปกครองลัทธิเผด็จการทางอ้อมๆนั่นเอง
เราคนไทยเราคงลืมกันแล้วว่าเรามีพระบิดาแห่งประชาธิปไตยในประเทศไทย
คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูหัวซึ่งสืบทอดโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจขั้นตอนสุดท้าย
ในพระบรมราโชบายสถาปนาการปกครองแบบประชาธิปไตยของพระมหากษัตริย์ไทยแต่ล้ม
เหลวเพราะถูกยึดอานาจเสียก่อน
มีผู้กล่าวว่าการที่สมเด็จพระปกเกล้าทรงต่อสู้กับคณะราษฎรจนถึงกับต้องทรงสละราชสมบัตินั้น
เป็๋นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของศักดินาไทยแต่สัจธรรมคือพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ตั้งแต่รัชกาลที่ 5
ถึงรัชกาลที่7 ทรงเป็นผู้สถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยผู้สร้างประชาธิปไตยในประเทศไทย
แต่สาเร็จเพียงขั้นตอนแรกคือยกเลิกรัฐเจ้าครองนคร(Feudal State) และสถาปนารัฐแห่งชาติ(NationalState)
ขึ้นแทนและในขณะที่กาลังจะเปลี่ยนแปลงรัฐแห่งชาติที่เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือเผด็จการแบบเก่า
ให้เป็นรัฐแห่งชาติที่เป็นประชาธิปไตยก็ถูกคณะราษฎรทาลายแผนพระราชดารินั้นเสีย
โดยโค่นระบอบเผด็จการสมบูรณาญาสิทธิราชย์ลงแล้วสร้างระบอบเผด็จการคณาธิปไตยหรือ Oligarchy
ในรูปของระบอบเผด็จการรัฐสภา(รูปการปกครอง)ขึ้นแทนซึ่งสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันแต่ก่อนที่จะอธิบายข้อนี้ต่อไป
ขอย้าคาว่า"ศักดินา"ตามความที่กระผมเคยอธิบายไว้ในคาชี้แจงฉบับแรกๆว่าคาว่าศักดินานั้นไม่ใช่ Feudalism
ในภาษาอังกฤษซึ่งเดิมเราแปลว่าระบบเจ้าครองนครนั้นถูกต้องแล้วเพราะศักดินาหมายความถึงสิทธิในที่นา
ซึ่งคนไทยทุกคนมีตั้งแต่พระมหาอุปราชลดหลั่นกันลงมาจนถึงยาจกวณิพก
ยกเว้นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวไม่มีศักดินาแต่คาว่าระบบเจ้าครองนครออกจะเยิ่นเย้อกระผมจึงขอทับศัพท์ว่า
"ฟิวดัล"การกล่าวว่าพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ของเรา
ทรงเป็นผู้สถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือสร้างประชาธิปไตยนั้น
ดูเหมือนจะขัดความรู้สึกของหลายคนซึ่งยึดถือว่าพระเจ้าแผ่นดินสมบูรณาญาสิทธิราชย์คือเสาหลักของระบบฟิวดัล
และจะต้องต่อต้านประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุดอย่างพระเจ้าแผ่นดินในยุโรปเช่นพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ
พระเจ้าหลุยส์ที่16 แห่งฝรั่งเศสพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียเป็นต้น
มีเรื่องเกร็ดซึ่งเพื่อนสนิทคนหนึ่งเล่าให้กระผมฟังแต่ที่นามาถ่ายทอดนี้ไม่ใช่เพื่อวิจารณ์หรือโจมตี
หากเพื่อประกอบการศึกษาทฤษฎีเท่านั้นคือเมื่อเสร็จสงครามอินโดจีนใหม่ๆคนไทยคณะหนึ่งเดินทางไปสหภาพโซเวียต
ระหว่างสนทนากับชาวโซเวียตคนหนึ่งถึงปัญหาการปฏิวัติในประเทศไทย
คนหนึ่งในคณะพูดว่าการปฏิวัติประชาธิปไตยในประเทศไทยก็เหมือนการปฏิวัติประชาธิปไตยในรัสเซีย
(คือการปฏิวัติประชาธิปไตยของพวกประชาธิปไตยซึ่งเกิดขึ้นก่อนการปฏิวัติสังคมนิยมของพวกคอมมิวนิสต์ราว 8เดือน
และในการปฏิวัติประชาธิปไตยครั้งนั้นมีการสาเร็จโทษพระเจ้าซาร์นิโคลัสพระราชินี
และราชโอรสราชธิดาอย่างโหดร้ายทารุณด้วย)คือจะต้องโค่นสถาบันพระมหากษัตริย์
การปฏิวัติประชาธิปไตยจึงจะสาเร็จได้ ขาวโซเวียตผู้นั้นแย้งว่า"สหายพระเจ้าแผ่นไทยกับพระเจ้าซาร์ ไม่เหมือนกัน"
ทาให้คนนั้นในคณะเงียบ
เดี๋ยวนี้แม้แต่ผู้ต่อต้านประชาธิปไตยและยืนหยัดรักษาระบอบเผด็จการรัฐสภาบ้านเราบางคน
โดยยืนยันว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว
ยังถือว่าการปฏิวัติประชาธิปไตยในประเทศไทยคือการทาลายสถาบันพระมหากษัตริย์แทนที่จะรับความจริงว่า
การปฏิวัติประชาธิปไตยในประเทศไทยคือเงื่อนไขอันจาเป็นที่สุดสาหรับการรักษา
ความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์หมายความว่า
บุคคลซ้ายสุดกับบุคคลขวาสุดมีทฤษฎีตรงกันในการต่อต้านประชาธิปไตย
คาว่าการปฏิวัติประชาธิปไตยหรือDemocraticRevolution นั้นเป็นศัพท์เทคนิคหรือTechnical term
หมายความถึงการเปลี่ยนแปลงระบอบเผด็จการเป็นระบอบประชาธิปไตย
เรียกอีกนัยหนึ่งว่าการสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือสร้างประชาธิปไตย
ซึ่งบางประเทศกระทาโดยวิธีรุนแรงบางประเเทศกระทาโดยวิธีสันติที่รุนแรงที่สุดคือการปฏิวัติประชาธิปไตยในฝรั่งเศส
ซึ่งเรียกว่ามหาปฏิวัติฝรั่งเศสหรือGreat FrenchRevolution เมื่อปี 1789 การปฏิวัติประชาธิปไตยสันติวิธีคือในญี่ปุ่น
ในอินเดีย และในประเทศไทยซึ่งทรงกระทาโดยรัชกาลที่5สาเร็จขั้นตอนแรกและโดยรัชกาลที่7ขั้นตอนสุดท้าย
แต่ล้มเหลวเพราะถูกยึดอานาจเสียก่อน
กระผมเคยอ่านพบในหนังสือสรรพนิพนธ์ของเลนินผู้ซึ่งไม่เอาลัทธิประชาธิปไตย
เอาลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างเดียวเป็นบทความสั้นๆซึ่งเลนินเขียนไว้ว่า
ญี่ปุ่นเป็นประเทศตะวันออกประเทศเดียวที่สร้างประชาธิปไตยสาเร็จใครไม่เชื่อไปค้นอ่านดูก็ได้
ญี่ปุ่นเป็นประเทศตะวันออกประเทศเดียวที่สร้างประชาธิปไตยสาเร็จนั้นเป็นความจริงและข้อเท็จจริง
ไม่ว่าพวกคอมมิวนิสต์พวกเผด็จการหรือพวกประชาธิปไตยต้องยอมรับทั้งสิ้น
แล้วใครเล่าเป็นผู้สร้างประชาธิปไตยญี่ปุ่นสาเร็จ?
ใครก็รู้ว่าคือสมเด็จพระจักรพรรดิมัตซูฮิโตพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ของญี่ปุ่น
ซึ่งเมื่อทรงสร้างประชาธิปไตยสาเร็จก็ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญของการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยซึ่งสมบูรณ์ด้วยความมั่นคงตลอดกาลของสถาบันพระมหากษัตริย์ญี่ปุ่น
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดารงพระราชฐานะ"ปิยมหาราช"
และในปัจจุบันถึงกับเป็นเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ทีเดียว
เหตุสาคัญที่สุดเพราะทรงริเริ่มสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยมาพร้อมๆกับสมเด็จพระจักรพรรดิมัตซูฮิโต
และสาเร็จเพียงขั้นตอนแรกเพราะเสด็จสวรรคตเสียกลางคันแต่เรื่องนี้พวกเราไม่ใคร่จะพูดถึงกัน
เราถวายราชสดุดีแด่สมเด็จพระปิยมหาราชในพระราชกรณียกิจเป็นเอนกประการ
แต่มักจะละเว้นพระราชกรณียกิจอันสาคัญสูงสุดคือการสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยสาเร็จในขั้นตอนแรก
ซึ่งเป็นพระราชคุณูปการสูงสุดแก่ประเทศชาติเช่นเดียวกับสมเด็จพระจักรพรรดิมัตซูฮิโตแห่งญี่ปุ่น
การปฏิวัติประชาธิปไตยในรัสเซียสาเร็จโทษพระเจ้าซาร์ ในฝรั่งเศสสาเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่16
ในอังกฤษสาเร็จโทษพระเข้าชาลส์ที่1ในประเทศยุโรปอื่นๆก็ทานองเดียวกันคือพระเจ้าแผ่นดินทรงขัดขวาง
แม้ว่าจะไม่ถึงกับสาเร็จโทษก็ตามแต่ทรงประณี่ประนอมและสนับสนุนประชาธิปไตยภายหลัง
แต่ในญี่ปุ่นและในประเทศไทยพระเจ้าแผ่นดินกลับทรงเป็นผู้กระทาการปฏิวัติประชาธิปไตยเอง
เรื่องมันเป็นอย่างไรกันต้องอธิบายกันยาวขอยกไปไว้ในคาชี้แจงฉบับต่อๆไป
ในที่นี้ขอนาเอาแต่ความจริงและข้อเท็จจริงมาเสนอไว้ก่อนเพื่อให้เห็นว่าคนที่พูดว่า
การที่สมเด็จพระปกเกล้าทรงต่อสู้กับคณะราษฎรจนถึงกับต้องทรงสละราชสมบัติเป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของศักดินานั้น
มีความเข้าใจกลับตาลปัตรกับความจริงและข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิงอย่างไร
สมเด็จพระปกเกล้าทรงเป็นบุคคลเดียวและบุคคลแรกที่ประกาศว่าการปกครองภายหลัง 24มิถุนายน2475
เป็นการปกครองลัทธิเผด็จการมีแต่นักประชาธิปไตยที่แท้จริงและนักวิชาการทางการเมืองชั้นยอดเท่านั้น
ที่จะประกาศออกมาเช่นนี้ได้ นักการเมืองและนักวิชาการสมัยนี้เกือบจะไม่มีสักคนที่จะกล้าพูดว่า
การปกครองปัจจุบันเป็นการปกครองระบอบเผด็จการอย่างดีก็เพียงแต่ใช้คาว่า"เผด็จการ"ลอยๆหรือ
"ประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์""ประชาธิปไตยยังไม่พัฒนา"ถึงอย่างไรก็ต้องบอกว่าเป็นประชาธิปไตยไว้ก่อน
เพิ่งจะไม่กี่วันมานี้เองที่มี่คอลัมนิสต์ตั้งข้อสงสัยขึ้นว่าการปกครองปัจจุบันของเราเป็นระบอบอะไร?
ในขณะที่สมเด็จพระปกเกล้าทรงประกาศทันทีหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองว่าเป็นระบอบเผด็จการ
และเมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเราไม่กล้าพูดว่าประชาชนเบื่อหน่ายระบอบเผด็จการ
แต่กลับไปสร้างความสับสนหนักขึ้นด้วยการพูดว่าประชาชนเบื่อหน่ายประชาธิปไตยทั้งๆ
ที่ในโลกนี้ประชาธิปไตยคือชีวิตจิตใจของประชาชนโดยเฉพาะคนไทยซึ่งมี"รักความเป็นไท"เป็นลักษณะประจาชาติ
ในด้านวิชาการกระผมเคยกราบทูลถามพระเจ้าวรวงค์เธอกรมหมื่นราธิปพงศประพันธ์ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า
"ท่านวรรณ"และเป็นอาจารย์เมื่อกระผมเรียนอยู่จุฬาฯว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยคืออะไร?
ทรงตอบทันทีว่าคืออานาจอธิปไตยของปวงชนและเสรีภาพของบุคคลต่างกับนักวิชาการสมัยนี้
ซึ่งมักจะบอกว่านายกฯเลือกตั้งเป็นระบอบประชาธิปไตยนอกจากอาจารย์กระมลทองธรรมชาติคนเดียวที่พูดตรงกับ
"ท่านวรรณ"ทั้งๆ ที่กระผมรู้สึกว่าเสด็จในกรมพระองค์นั้นทรงเป็นนักวิชาการทางประชาธิปไตยชั้นยอดอยู่แล้ว
แต่เมื่อนึกไปถึงพระราชนิพนธ์และพระราชหัตถเลขาเชิงวิชาการทางประชาธิปไตยของสมเด็จพระปกเกล้าดังเช่น
"ข้าพเจ้าได้พูดไว้นานแล้วว่าข้าพเจ้าจะยอมสละอานาจของข้าพเจ้าให้แก่ราษฎรทั้งปวง
แต่ไม่สมัครใจที่จะสละอานาจให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือคณะใดคณะหนึ่ง
เว้นแต่จะรู้แน่ว่าเป็นความประสงค์ของประชาชนทันแท้จริงเช่นนั้น""เป็นการยึดอานาจกันเฉยๆ"
"เป็นแค่เปลี่ยนตัวเปลี่ยนคณะกันเท่านั้น""ผลร้ายของการปกครองแบบ Absolute มิได้เสื่อมคลาย"
"เป็นการเสียเวลาและเป็นการเสี่ยงภัยให้แก่ประเทศโดยใช่ที่"ทรงเรียก Absolute monarchy ว่า
"สมบูรณาญาสิทธิ์ของพระเจ้าแผ่นดิน"และเรียกOligarchy ว่า"สมบูรณาญาสิทธิ์ของคณะ"ช่วยให้เห็นจินตภาพง่ายขึ้น
ทรงวิจารณ์รัฐธรรมนูญของคณะราษฎรในมาตราซึ่งเป็นหัวใจของระบอบการปกครองว่า"เป็นการเขียนเพื่อตบตา
เพื่อหลอกกันเล่นเท่านั้นเอง"และข้อสาคัญที่สุดคือ
ทรงกาหนดแผนพระราชดาริเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย
โดยทรงตั้งสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวเรียกว่า"สภากรรมการองคมนตรี"เพื่อใช้เป็นระยะผ่าน(Periodof transition)
ในการโอนอานาจจากพระมหากษัตริย์ให้แก่ประชาชน
ตามทฤษฎีและหลักนโยบายที่ถูกต้องของการปฏิวัติประชาธิปไตยที่ใช้ปฏิบัติกัน
ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างสันติวิธีที่เป็นแบบฉบับคือในญี่ปุ่นและพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านนั้น
ถ้าเป็นเรื่องสาคัญมักจะทรงเป้ นภาษาอังกฤษเพื่อความแม่นยา
ทั้งอรรถและพยัญชนะและตามพระราชหัตถเลขากล่าวถึงพระราชนิพนธ์เรื่อง
พระบรมราชาธิบายแก้ไขการปกครองแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้เมื่อพ.ศ. 2470 ว่า
"ได้ทรงเรียบเรียงรอบคอบที่สุดแสดงให้เห็นชัดว่า
สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงมีพระปรีชารอบรู้ในรัฐประศาสน์ประเพณีการปกครองของไทยอย่างเก่าเป็นอย่างดี
และส่วนประเพณีการปกครองอย่างที่นิยมกันอยู่ในทวีปยุโรป
ได้ทรงศึกษาทราบหลักการโดยตลอด.......การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้รัฐบาลในประเทศสยามได้ทาไปโดยราบคาบ
เพราะเรโวลูชั่นของเรานั้นพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้ทรงริเริ่มประกอบกับพระเจ้าเแผ่นดิน
พระองค์นั้นทรงพระปรีชาสามารถยิ่งกว่าผู้ใดหมดในเวลานั้น....."เหล่านี้เป็นต้น
กระผมรู้สึกว่าไม่เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นเช่นนี้
แท้จริงก็คือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเองด้วย
และกระผมรู้สึกว่าไม่มีนักวิชาการทางการเมืองผู้ใดในสมัยเดียวกันจะเทียบเคียงกับสมเด็จพระปกเกล้าได้เลย
และจะพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นสาคัญที่สุดจึงบอกกล่าวแก่เพื่อนฝูงอยู่เสมอว่า
ถ้าอยากรู้ประชาธิปไตยต้องกลับไปสู่รัชกาลที่7แต่บุคคลประเภทที่ถือว่า"เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของศักดินา"
กลับพูดว่า"เขียนเองไม่เป็นคนอื่นเขียนให้ทั้งนั้น"
ความผิดพลาดทางทฤษฎีที่สาคัญที่สุดของคณะราษฎรคือไม่เชื่อสมเด็จพระปกเกล้าที่ตรัสว่า
การปกครองที่คณะราษฎรสร้างขึ้นเป็นการปกครองลัทธิเผด็จการทางอ้อมๆ
คณะราษฎรอ้างว่า
การยึดอานาจไม่ใช่เป็นการช่วงชิงแต่ทาไปเพราะไม่รู้ว่าสมเด็จพระปกเกล้ากาลังจะพระราชทานรัฐธรรมนูญ
ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คณะราษฎรจะไม่รู้ เพราะข่าวแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่ปลายปี 2474
ว่าสมเด็จพระปกเกล้าจะทรงเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยกระผมก็รู้เมื่อเรียนอยู่ม.8ปีนั้น
แต่ถึงจะไม่รู้มาก่อนคณะราษฎรก็ได้รู้จากพระราชดารัสของสมเด็จพระปกเกล้า
ว่าการปกครองที่สร้างขึ้นนั้นไม่ถูกต้องเป็นระบอบเผด็จการเป็นสมบูรณาญาสิทธิของคณะหรือOligarchy
และทรงแนะนาให้แก้ไขโดยสถาปนาการปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นแทนเสีย
แต่คณะราษฎรก็...ไม่ยอมเชื่อฟังและปฏิบัติตามเลยคงเดินหน้าต่อไปในการสร้างการปกครองระบอบเผด็จการรัฐสภา
และมีการบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิดมากขึ้นเป็นลาดับ
ว่าการปกครองระบอบเผด็จการรัฐสภาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย
จนกลายเป็นความผิดพลาดทางทฤษฎีที่เป็นปัญหาเป็นตายของชาติอยู่ในปัจจุบัน
เพราะไม่มีใครเชื่อทฤษฎีที่ถูกต้องของสมเด็จพระปกเกล้าที่ว่าการปกครองปัจจุบันเป็นลัทธิเผด็จการทางอ้อมๆ
แต่กลับพากันเชื่อทฤษฎีที่ผิดของคนอื่นที่ว่าการปกครองปัจจุบันเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ดูเหมือนจะมีแต่กระผมคนเดียวที่เชื่อทฤษฎีของสมเด็จพระปกเกล้ามาตลอดว่าประเทศไทยตั้งแต่"24 มิถุนา"
เป็นต้นมามีการปกครองลัทธิเผด็จการทางอ้อมๆและพยายามอธิบายมาตลอดให้ผู้คนเชื่อทฤษฎีนี้ของพระองค์ท่าน
แต่ก็ทาได้ยากอย่างที่สุดและเต็มไปด้วยความเสี่ยงภัย
จึงเห็นได้ว่าไม่ใช่ผู้คนไม่เชื่อกระผมอย่างที่คุณ"สร้อยเพชร"เขียนไว้ แต่ไม่เชื่อรัชกาลที่ 7
การที่คนไทยโดยเฉพาะคือนักการเมืองและนักวิชาการไม่เชือรัชกาลที่7 ในทฤษฎีประชาธิปไตย
คืออันตรายถึงขั้นเป็นตายของประเทศชาติ"พฤษภาทมิฬพฤษภาเลือด"คือตัวอย่างหลังสุด
กระผมขอเรียกร้องพี่น้องชาวไทยให้กลับไปสู่รัชกาลที่7กันเสียโดยเร็วเถิด
2. เพื่อประกอบการพิจารณาปัญหานี้กระผมขอนาเอาบทความในนิตยสาร"วัฏจักรการเมือง"ฉบับที่ 52 4-10 มิถุนายน
2536 มาเสนอดังนี้
ประเทศไทยไม่เคยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
คาชี้แจงจากประเสริฐทรัพย์สุนทร
กระผมขอเรียนชี้แจงต่อบทความเรื่อง"ว่าด้วย"หลัก"บางอย่างของประชาธิปไตย"โดยคุณวิสุทธิโพธิแท่นใน
"วัฏจักรการเมือง"ฉบับที่ 52 4-10 มิ.ย. 36 ซึ่งกรุณาเสนอต่อกระผมโดย"ถือว่าเป็น"การแลกเปลี่ยน"
ความคิดเห็นจากผู้มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติด้วยกันก็แล้วกัน"
กระผมขอเรียนว่ากระผมเสนอความเห็นนอกจากเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้ว
ยังมีความมุ่งหมายสาคัญเพื่อให้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนั้นได้ข้อยุติในปัญหาประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด
เพื่อนาข้อยุติที่ถูกต้องไปใช้ให้ได้ผลทางปฏิบัติเพราะประเทศไทยภายใต้ภาวะด้อยพัฒนา
ซึ่งฉาบหน้าไว้ด้วยความเจริญสมัยใหม่และตกต่าลงถึงระดับที่คนไทยส่วนใหญ่กาลังจะอยู่กันไม่ได้นี้
ต้องการแก้ปัญหาของชาติให้ตกไปโดยด่วนข้อมูลจากเอกสารของธนาคารโลกในนิตยสาร The Economistฉบับล่าสุด
15-21 พ.ค.93 ช้างล่างนี้สอดคล้องกับความจริงของสถานการณ์ที่ประเทศชาติและประชาชนเผชิญอยู่:-
"แม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมาเร็วๆนี้ความจนพิสูจน์ให้เห็นว่าจะขจัดได้ยากอย่างดื้อด้าน
เอกสารศึกษา6ประเทศเอเชียตะวันออกสรุปว่า
ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ล้มเหลวในการกระทาบุกรุกที่สาคัญต่อความจนในทศวรรษ 1980 (ดูตาราง)
ซึ่งตรงกับคาชี้แจงของกระผมในฉบับที่8 ว่าคนไทยจนที่สุดทั้งที่ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ที่สุดและเศรษฐกิจเติบโต7
กว่า%โดยอ้างคากล่าวอันถือได้ว่าเป็นสุภาษิตของพล.อ.เกรียงศักดิ์
ฉะนั้นกระผมจึงขอความร่วมมือมายังคุณวิสุทธิดาเนินการเพื่อให้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ได้ข้อยุติที่ถูกต้องในปัญหาประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุดดูเพิ่มเติม
เพราะว่าการแก้ปัญหาของประเทศเราภายใต้สภาวการณ์ที่ดารงอยู่
จะต้องเริ่มต้นด้วยการทาประเทศให้เป็นประชาธิปไตยหรือทาให้บทรัฐธรรมนูญที่ว่า
"ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย"ได้ประจักษ์เป็นจริง
ถ้าไม่เริ่มต้นจากจุดนี้แล้วการแก้ปัญหาของชาติก็จะเป็นไปไม่ได้
และจะเริ่มต้นจากจุดนี้ได้จะต้องได้ข้อยุติที่ถูกต้องในปัญหาประชาธิปไตย.
(สิ่งที่อาจารย์สอนและให้ทาความเข้าใจ
เพื่อนาไปใช้ในการสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นให้ได้ในประเทศไทย)
Cradit:อาจารย์ประเสริฐทรัพย์สุนทร
Edit:thongkrm_virut@yahoo.com

More Related Content

Viewers also liked (7)

My Work
My WorkMy Work
My Work
 
BNY Mellon Presentation 01.25.16
BNY Mellon Presentation 01.25.16BNY Mellon Presentation 01.25.16
BNY Mellon Presentation 01.25.16
 
2016 حركة فتح والبحث عن الغيمات الماطرة
 2016 حركة فتح والبحث عن الغيمات  الماطرة 2016 حركة فتح والبحث عن الغيمات  الماطرة
2016 حركة فتح والبحث عن الغيمات الماطرة
 
Circular 1-2016-firmada-personas-jurídicas
Circular 1-2016-firmada-personas-jurídicasCircular 1-2016-firmada-personas-jurídicas
Circular 1-2016-firmada-personas-jurídicas
 
Erlaxazioa
ErlaxazioaErlaxazioa
Erlaxazioa
 
Harness the Power of Commission
Harness the Power of CommissionHarness the Power of Commission
Harness the Power of Commission
 
Understanding Your Group Life Insurance Benefit
Understanding Your Group Life Insurance BenefitUnderstanding Your Group Life Insurance Benefit
Understanding Your Group Life Insurance Benefit
 

More from Thongkum Virut

ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
Thongkum Virut
 
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
Thongkum Virut
 

More from Thongkum Virut (20)

งานวิจัย
งานวิจัยงานวิจัย
งานวิจัย
 
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
 
All10
All10All10
All10
 
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทยบิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
 
ข้าว
ข้าวข้าว
ข้าว
 
การปกครองของไทยในสมัยโบราณ
การปกครองของไทยในสมัยโบราณการปกครองของไทยในสมัยโบราณ
การปกครองของไทยในสมัยโบราณ
 
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
 
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
 
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
 
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริหนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
 
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
 
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทรประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
 
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
 
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการสหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
 
ประวัติรัฐหวู
ประวัติรัฐหวูประวัติรัฐหวู
ประวัติรัฐหวู
 
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกเหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
 
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
 
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตยเรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
 
คู่ขัดแย้งในสังคมไทย
คู่ขัดแย้งในสังคมไทยคู่ขัดแย้งในสังคมไทย
คู่ขัดแย้งในสังคมไทย
 
ระบอบเผด็จการรัฐสภา
ระบอบเผด็จการรัฐสภาระบอบเผด็จการรัฐสภา
ระบอบเผด็จการรัฐสภา
 

ปัญหาทางด้านการเมือง และปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะ