ระเบียบวิธีวิจัย
- 2. เคนเน็ธ โกลสไตน์ (Kennenth S. Goldstein,1964) :
นักคติชนวิทยาควรจะเรียนรู้แนววิจัยต่างๆ ให้กว้างขวางที่สุด
เท่าที่จะมากได้ เพื่อที่จะได้ไม่จากัดตนเองอยู่เฉพาะแนวใดแนวเดียว
หรือวิธีการเก็บข้อมูลภาคสนามวิธีใด วิธีเดียว แต่สามารถ
ที่จะเลือกใช้วิธีการและแนววิเคราะห์วิจัยที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุด
ให้ความเข้าใจสิ่งที่ศึกษาได้กว้างลึกซึ้งที่สุด
- 3. ข้อควรตระหนักในการศึกษาวิจัยและการเก็บข้อมูล
แนวการศึกษาวิจัยแต่ละแนว วิธีการเก็บข้อมูลแต่ละวิธี สามารถให้ข้อมูล
และคาตอบได้ตามที่ผู้วิจัยได้ตั้งเป้าหมายไว้เท่านั้น เช่น หากก่อนเก็บข้อมูล
ในสนามได้ตั้งเป้าหมายไว้แต่เพียงว่า ต้องการจะบรรยายเกี่ยวกับคติชนที่พบ
และเก็บได้ในสนาม ข้อมูลที่ได้จะเป็ นข้อมูลประเภทบรรยาย
(descriptive data) เท่านั้น และเมื่อขาดการวางประเด็น
การตั้งปัญหา ตั้งคาถาม ตั้งสมมุติฐานไว้ก่อนการศึกษาเก็บข้อมูลในสนาม
ข้อมูลที่เก็บมาได้ก็มักจะขาดข้อมูลที่จะให้คาตอบต่อประเด็น หรือคาถาม
อันน่าที่จะเป็นสมมุติฐาน น่าที่จะเป็นเป้าหมายการวิจัย โดยที่ผู้วิจัย
อาจมองข้าม ไม่ทันได้ตระหนักถึงความสาคัญของข้อมูลในประเด็นดังกล่าว
- 4. SCIENTIFIC INQUIRY – การเก็บข้อมูลอย่างเป็นวิชาการ
ขั้นตอนการเก็บข้อมูล
๑. การวางประเด็นของเรื่องในรูปแบบของการตั้งสมมติฐาน
๒. การวิเคราะห์แผนการเก็บข้อมูล
๓. การเก็บข้อมูล
๔. การวิเคราะห์ข้อมูล
๕. การเสนอผลวิจัย
๖. การสร้างสมมติฐานจากผลการวิจัยเพื่อใช้เป็นเป้าหมาย หรือเป็นประเด็นสาหรับ
โครงการวิจัยอื่นต่อไป
- 7. ๑.กำรวำงประเด็นของเรื่องในรูปแบบของกำรตั้งสมมติฐำน
เมื่อตั้งสมมติฐำนแล้ว ผู้เก็บข้อมูลควรวำงแนวควำมคิดของตนเองไว้ให้เป็น
กลำง ไม่ควรมีอคติเข้ำข้ำงสมมติฐำนที่ตั้งไว้ ซึ่งจะมีผลทำให้พยำยำม
ทดสอบพิสูจน์ว่ำสมมติฐำนที่ตั้งไว้นั้นสอดคล้องกับข้อมูลควำมเป็นจริงใน
ภำคสนำม ผู้วิจัยควรพยำยำมตรวจสอบข้อมูล สังเกตพฤติกรรม เหตุกำรณ์
และสอบถำมผู้ให้ข้อมูล รวมทั้งพยำยำมวิเครำะห์ค้นคว้ำว่ำมีข้อมูลที่คัดค้ำน
สมมติฐำนหรือไม่ อย่ำงไร
ในกรณีที่เข้ำไปเก็บข้อมูลในสังคมหรือหมู่บ้ำนที่ไม่คุ้นเคย ผู้เก็บข้อมูล
จำเป็นจะต้องค้นคว้ำในห้องสมุดหรือตำมเว็บไซต์เพื่อค้นหำข้อมูล แนวคิด
หรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น เพื่อนำมำเป็นพื้นฐำนของกำรตั้ง
สมมตฐำน
- 8. ๑. สถานที่ที่จะดาเนินงานวิจัย
- เก็บข้อมูลจากสถานที่ใดบ้าง และสถานที่นั้นมีลักษณะเฉพาะอย่างไร
๒. กาหนดเวลาสาหรับเก็บข้อมูล
- จะใช้เวลาในการเก็บข้อมูลภาคสนามนานเท่าใด
๓. ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง
- มีข้อมูลอื่นใด ที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ และจะค้นคว้าเพิ่มเติมได้ที่ใด
- 10. ๓. วิธีการเก็บข้อมูล
• ๓.๒ หลักการในการสัมภาษณ์
๑. ใช้คาพูดที่เข้าใจง่าย
๒. งดเว้นการใช้ศัพท์ทางวิชาการ
๓. ตามเรื่อง เพราะผู้พูดบางคนอาจพูดเก่ง ขี้อาย พูดน้อย ไม่นัดแสดงความ
คิดเห็น
๔. หากผู้ถูกสัมภาษณ์ไม่สะดวกใจให้มีการบันทึกเทป ผู้สัมภาษณ์ต้องมี
วิธีการบันทึกข้อมูลที่ได้สัมภาษณ์ให้ได้ข้อมูลครบถ้วน
๕. หากมีการบันทึกเสียงด้วยเครื่องมือต่างๆ ผู้สัมภาษณ์ควรเปิดสิ่งที่บันทึก
ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ฟังด้วย
- 11. ๓. วิธีการเก็บข้อมูล
๓.๓ จรรยาบรรณของผู้วิจัย
๓.๓.๑ หากผู้ให้ข้อมูลไม่เต็มใจที่จะให้มีการบันทึกข้อมูลไว้เป็นลายลักษณ์
อักษรหรือบันทึกเสียงด้วยเครื่องมือต่างๆ ผู้วิจัยควรเคารพสิทธิ์ของผู้ให้
ข้อมูล และปฏิบัติตามคาร้องขอ
๓.๓.๒ ผู้เก็บข้อมูลต้องบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับที่มาของข้อมูล ต้องระบุ
ชื่อและบันทึกรายละเอียดที่จาเป็นและเกี่ยวข้องกับผู้ให้ข้อมูลให้ครบถ้วน
เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้ให้ข้อมูล
๓.๓.๓ หากทาโครงการวิจัยเกี่ยวข้องกับทั้งชุมชน ทั้งหมู่บ้าน ทุกคนใน
หมู่บ้านนั้นมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าตนเป็นเป้าหมายการวิจัย มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าหัวข้อ
วิจัยคืออะไร และเมื่อวิจัยเสร็จแล้ว ผลวิจัยจะถูกนาไปใช้อย่างไร
- 12. ๓. วิธีการเก็บข้อมูล
๓.๓.๔ เมื่อทางานวิจัยเสร็จแล้ว หรือเก็บข้อมูลเขียนเป็นรายงานแล้ว
ควรส่งรายงานหรือผลการวิจัยกลับไปยังชุมชนหรือหมู่บ้านที่ผู้วิจัย
เข้าไปเก็บข้อมูล ถ้าชุมชนนั้นไม่มีห้องสมุด ให้ส่งกลับไปที่กานัน
ผู้ใหญ่บ้าน ครูใหญ่ เป็นต้น
๓.๓.๕ ผู้ให้ข้อมูลและชุมชนที่ศึกษา มีสิทธิ์ที่จะรับรู้ว่า เรื่องที่เขา
ถ่ายทอด ปัญหาที่เขาเปิดเผยให้ฟัง ได้รับการเสนอหรือวิเคราะห์
ตีความถูกต้องหรือไม่ เขาเห็นด้วยหรือไม่ ยิ่งเป็นประวัติศาสตร์จาก
คาบอกเล่าหรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิต เกียรติยศชื่อเสียง ยิ่งต้งอ
ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
- 13. ๓. วิธีการเก็บข้อมูล
๓.๓.๖ ทัศนคติของผู้วิจัยเกี่ยวกับบทบาทของตนเองขณะที่เก็บข้อมูล
ภาคสนามเป็นตัวแปรที่สาคัญยิ่ง
๓.๓.๗ ผู้วิจัยควรเข้าไปทาการวิจัยด้วยทัศนคติที่ว่า ตนคือผู้ที่
ต้องการเรียนรู้ เป็นผู้ศึกษา เป็นผู้ไม่รู้ ไม่ใช่ผู้คงแก่เรียนที่รู้ดีแล้ว
เพราะหากรู้ดีแล้ว ก็ไม่ต้องเข้าไปศึกษาวิจัย
๓.๓.๘ ผู้วิจัยต้องมีความละเอียดอ่อน เอาใจเขามาใส่ใจเรา เคารพ
สิทธิ์ของผู้ให้ข้อมูล มีจรรยาบรรณ
๓.๓.๙ ต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้โดยไม่ให้เกิด
ผลกระทบต่อผู้อื่น
- 14. ๑. กล้องถ่ายรูป
๒. เครื่องมือสาหรับบันทึกเสียง – ภาพเคลื่อนไหว
๓. แบบฟอร์มบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับภาพถ่าย หรือ เสียงที่บันทึก หรือภาพ
เหตุการณ์ที่บันทึกไว้
- 15. ผู้เก็บข้อมูล................................... เทป/ภาพถ่ายเลขที่...............................
ชื่อผู้ให้ข้อมูล/ชื่อเหตุการณ์.........................................................................
ข้อมูลประกอบหน้า/เรื่อง...................ภาพ/เสียงประกอบเลขที่.....................
วันเดือนปีที่บันทึก......................................เวลาที่บันทึก..............................
สถานที่เก็บข้อมูล........................................................................................
ฉาก/โอกาสที่แสดง......................................................................................
ข้อมูลเพิ่มเติม/ข้อสังเกต..............................................................................
ข้อมูลอื่นที่อาจเกี่ยวข้อง................................................................................
- 17. ที่มาของข้อมูล
วรรณี วิบูลย์สวัสดิ์ แอนเดอร์สัน (บรรณาธิการ). พื้นถิ่นพื้นฐาน:
มิติใหม่ของคติชนวิทยาและวิถีชีวิตสามัญของ “พื้นบ้าน
พื้นเมือง. กรุงเทพฯ: ศิลปวัฒนธรรม, ๒๕๓๑. หน้า ๙๐-
๑๐๔.