2. Should (ชู๊ดฺ) แปลว่า น่าจะ ควรจะ
เป็ นการแนะนาแล้วจะทาไม่ทาก็ได้ ไม่ร้ายแรงอะไร แต่ก็ควรทา
มีโครงสร้างประโยค ดังนี้
subject + should + infinitive +…
การใช้ Should
3. ตัวอย่าง เช่น
You should finish your work now.
= คุณควรทำงำนให้เสร็จเดี๋ยวนี้นะ (เดี๋ยวเจ้ำนำยว่ำเอำ)
She should see the doctor.
= หล่อนควรไปพบแพทย์นะ (เพรำะว่ำไม่สบำย)
John, you should come out of the water now!
= จอน คุณควรจะขึ้นมำจำกน้ำเดี๋ยวนี้นะ
Tom should go to bed earlier. He goes to bed very
late and he’s always tired.
= ทอม ควรจะเข้ำนอนให้เร็ว เขำเข้ำนอนดึกมำกและเขำก็เพลียเสมอ ๆ
4. การใช้ should ในรูป ปฏิเสธ
มีโครงสร้างประโยค ดังนี้
หรือใช้ย่อเป็ น shouldn’t
subject + should not+ infinitive +…
5. ตัวอย่าง เช่น
I think Kanda shouldn’t often buy some new clothes.
= ฉันคิดว่ำกำนดำไม่ควรซื้อเสื้อผ้ำใหม่ อยู่บ่อย ๆ
You watch TV all the time.
You shouldn’t watch TV so much.
= คุณดูโทรทัศน์ตลอดเวลำเลยนะ คุณไม่ควรจะดูโทรทัศน์มำกจนเกินไป
Ramed shouldn’t tell his girlfriend top secret.
= รำเมศ ไม่ควรจะบอกควำมลับสุดยอดกับแฟนของเขำ
6. must (มัสทฺ) แปลว่า ต้อง คือ ไม่ใช่แค่ต้อง “แต่จาเป็ นต้อง” ใช้เมื่อ
ต้องการ บังคับให้เกิดการกระทาตามกฎกติกา เป็ นความจาเป็ นหลีกเลี่ยง
ไม่ได้ หากมีการหลีกเลี่ยงเกิดขึ้นก็จะต้องถูกลงโทษ หรือมีผลร้ายตามมา
มีโครงสร้างประโยค ดังนี้
การใช้ Must
subject + must + infinitive +…
7. ตัวอย่างเช่น
I’ve got toothache. I must go to the dentist.
= ฉันปวดฟัน ฉันต้องไปหาหมอฟัน
In England, you must drive on the left-hand side
of the road.
= ในประเทศอังกฤษ คุณจะต้องขับรถทางซ้ายมือของถนน
Natapat must be quiet ,
because it is the rule here.
= ณฐภัทรจะต้องเงียบเพราะเป็นกฎของที่นี่
8. การใช้ must ในรูป ปฏิเสธ
มีโครงสร้างประโยค ดังนี้
หรือใช้ย่อเป็ น mustn’t
subject + must not+ infinitive +…
9. ตัวอย่าง เช่น
Kittipong mustn’t smoke in public places.
= กิตติพงศ์ต้องไม่สูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ
(= ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ)
You mustn't talk in the classroom.
= (คุณต้องไม่คุยในห้องเรียน)
• You mustn't take photos.
= คุณต้องไม่ถ่ายรูป
(= ห้ามถ่ายรูป)
10. Need (นี๊ดฺ) แปลว่า ต้องการ เป็ นสิ่งที่ต้องการ หรือเป็ นความจาเป็ นที่ขาด
ไม่ได้ คาว่า want นั้นเป็ นความต้องการที่เป็ นความปรารถนา หรือเป็ น
ความต้องการทั่วๆ ไป
การใช้ Need มีอยู่ 3 แบบ ดังนี้
1. การใช้ Need แบบ main verb (กริยาแท้) เป็ นการต้องการอะไร
มากๆ
มีโครงสร้างประโยค ดังนี้
subject + need(s) + to infinitive / noun +…
การใช้ Need
11. ตัวอย่าง เช่น
I need to take medicine because I'm sick.
= (ฉันจาเป็นต้องกินยาเพราะฉันไม่สบาย)
I need to tell that I love you.
= (ฉันจาเป็นต้องบอกรักคุณให้ได้)
(ถ้าไม่ได้บอก รักคุณ ฉันอาจจะตาย)
My mom needs glasses for reading.
= (แม่ต้องการแว่นตา เพื่ออ่านหนังสือ)
12. 2. การใช้ Need แบบ modal verb
มีโครงสร้างประโยค ดังนี้
เช่น
They needn’t smoke. เขาไม่ต้องการสูบบุหรี่
She need hardly work. หล่อนแทบจะไม่ต้องการทางาน
Need you go abroad? คุณต้องการไปต่างประเทศไหม?
subject + need + infinitive without to +…
13. 3. การใช้ Need + Ving เป็ นแบบ main verb
มีโครงสร้างประโยค ดังนี้
need doing รูป ing หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าแท้จริงแล้วมันให้
ความหมายในเชิง passive หรือถูกกระทา
เช่น
The house needed cleaning. = บ้านจาเป็ นต้องได้รับการทาความสะอาด
Does the engine need checking? = เครื่องยนต์จาเป็ นต้องได้รับการ
ตรวจสอบหรือเปล่า
subject + need(s) + Ving +…
20. • We ________ try to eat papaya salad.
• If you lazy, you _______ wash your dish.
• You look tired. You ______ go to bed now.
• We’re late!! We ______ hurry!!
• We’ve got plenty time. We _______ hurry.
• You ________ go out at night.