Submit Search
Upload
Act3
•
0 likes
•
154 views
P
Piyawat Katewongsa
Follow
รำลาบิค:ประจวบคีรีขันธ์
Read less
Read more
Sports
Report
Share
Report
Share
1 of 13
Download now
Download to read offline
Recommended
PLAYLIST Questto|Nó #1
PLAYLIST Questto|Nó #1
Questtono
Trial2222
Trial2222
arjumand
El mundo al anochecer
El mundo al anochecer
rosaclara18
Fwdoffertacasetteditipoabitabile
Fwdoffertacasetteditipoabitabile
guestc429f8
My Resume
My Resume
Ivan Chin
Jesse Mccartney
Jesse Mccartney
yaira2
elie wiesel
elie wiesel
desireem3
Nevera BOSCH KGN36VL21
Nevera BOSCH KGN36VL21
Alsako Electrodomésticos
Recommended
PLAYLIST Questto|Nó #1
PLAYLIST Questto|Nó #1
Questtono
Trial2222
Trial2222
arjumand
El mundo al anochecer
El mundo al anochecer
rosaclara18
Fwdoffertacasetteditipoabitabile
Fwdoffertacasetteditipoabitabile
guestc429f8
My Resume
My Resume
Ivan Chin
Jesse Mccartney
Jesse Mccartney
yaira2
elie wiesel
elie wiesel
desireem3
Nevera BOSCH KGN36VL21
Nevera BOSCH KGN36VL21
Alsako Electrodomésticos
Act20
Act20
Piyawat Katewongsa
Act19
Act19
Piyawat Katewongsa
Act18
Act18
Piyawat Katewongsa
Act17
Act17
Piyawat Katewongsa
Act16
Act16
Piyawat Katewongsa
Act16
Act16
Piyawat Katewongsa
Act15
Act15
Piyawat Katewongsa
Act14
Act14
Piyawat Katewongsa
Act13
Act13
Piyawat Katewongsa
Act12
Act12
Piyawat Katewongsa
Act11
Act11
Piyawat Katewongsa
Act10
Act10
Piyawat Katewongsa
Act9
Act9
Piyawat Katewongsa
Act8
Act8
Piyawat Katewongsa
Act7
Act7
Piyawat Katewongsa
Act6
Act6
Piyawat Katewongsa
Act5
Act5
Piyawat Katewongsa
Intro
Intro
Piyawat Katewongsa
Act4
Act4
Piyawat Katewongsa
Act2
Act2
Piyawat Katewongsa
More Related Content
More from Piyawat Katewongsa
Act20
Act20
Piyawat Katewongsa
Act19
Act19
Piyawat Katewongsa
Act18
Act18
Piyawat Katewongsa
Act17
Act17
Piyawat Katewongsa
Act16
Act16
Piyawat Katewongsa
Act16
Act16
Piyawat Katewongsa
Act15
Act15
Piyawat Katewongsa
Act14
Act14
Piyawat Katewongsa
Act13
Act13
Piyawat Katewongsa
Act12
Act12
Piyawat Katewongsa
Act11
Act11
Piyawat Katewongsa
Act10
Act10
Piyawat Katewongsa
Act9
Act9
Piyawat Katewongsa
Act8
Act8
Piyawat Katewongsa
Act7
Act7
Piyawat Katewongsa
Act6
Act6
Piyawat Katewongsa
Act5
Act5
Piyawat Katewongsa
Intro
Intro
Piyawat Katewongsa
Act4
Act4
Piyawat Katewongsa
Act2
Act2
Piyawat Katewongsa
More from Piyawat Katewongsa
(20)
Act20
Act20
Act19
Act19
Act18
Act18
Act17
Act17
Act16
Act16
Act16
Act16
Act15
Act15
Act14
Act14
Act13
Act13
Act12
Act12
Act11
Act11
Act10
Act10
Act9
Act9
Act8
Act8
Act7
Act7
Act6
Act6
Act5
Act5
Intro
Intro
Act4
Act4
Act2
Act2
Act3
1.
รำ�ลาบิคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคกลาง
2.
พื้นที่ต้นแบบของกิจกรรม: เทศบาลตำ�บลทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มาของกิจกรรม
เทศบาลตำ�บลทับสะแกเป็นองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีพืชผลที่ ทำ�รายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากมะพร้าว นอกจากมะพร้าว จะเป็นพืชผลที่สร้างรายได้แล้ว ยังนำ�มาแปรรูปเป็น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อีกมากมาย และในพื้นที่เทศบาลได้ มีการนำ�เอากะลามะพร้าวมาประกอบกิจกรรมการแสดง และการรำ�กะลาอีกด้วย การรำ�กะลาเป็นการแสดงรำ� พื้นบ้านของชาวทับสะแก โดยนำ�กะลามะพร้าวแห้ง มาขัดให้มันและตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อใช้ประกอบ จังหวะเพลง การรรำ�กะลาเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอด กันมาจากครั้งอดีต มีท่าเคลื่อนไหวร่างกายที่อ่อนช้อย สวยงามใช้ทุกส่วนของร่างกายในการแสดงอย่าง สอดคล้องรับกับดนตรีที่บรรเลง ถือว่าเป็นการออกกำ�ลัง กายอย่างหนึ่ง ในอดีตการรำ�กะลาเป็นกิจกรรมรื่นเริง ที่ชาวบ้านนิยมทำ�กันในวันว่างเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ และสร้างความสนุกสนานสามัคคีในชุมชน เทศบาล ตำ�บลทับสะแก จึงมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้ประชาชน รุ่นหลังได้ออกกำ�ลังกายเพื่อสุขภาพ ผสมผสานกับ การอนุรักษ์วัฒนธรรม ภูมิปัญญาชาวบ้านต่างๆ เอา ไว้จึงได้จัดทำ�”โครงการมหกรรมรำ�ลาบิคเพื่อสุขภาพ และอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น” โดยการนำ�เอารูปแบบ และท่าทางการรำ�กะลามาประยุกต์ให้เป็นรูปแบบการ ออกกำ�ลังกายที่เหมาะสมสำ�หรับทุกเพศทุกวัยและ เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงได้พิจารณาการนำ� ท่ารำ�กะลามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม สำ�หรับใช้เป็น ท่าออกกำ�ลังกายสำ�หรับเด็ก เยาวชน ประชาชนและ ผู้สูงอายุ อีกทั้งยังเป็นการผ่อนคลายความเครียด ได้อีกทางหนึ่ง แนวทางการดำ�เนินกิจกรรม การดำ�เนินกิจกรรม “รำ�ลาบิค” นั้น หลังจาก ได้รับการอนุมัติจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ก็ได้จัดให้มีการประชุมคณะทำ�งานของเทศบาลตำ�บล ทับสะแก ร่วมกับคณะกรรมการชุมชนทั้ง 10 ชุมชนที่ อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบ พร้อมทำ�การประชาสัมพันธ์ กิจกรรมดังกล่าวให้ประชาชนรับทราบ หลังจากเสร็จ สิ้นกิจกรรมการประชุม ตัวแทนของแต่ละชุมชนจึง ทำ�การสรรหาผู้มีความรู้ และเชี่ยวชาญในการออก กำ�ลังกาย และภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อมาเป็นวิทยากร ฝึกสอนประชาชนในพื้นที่ของตน และต่อด้วยการฝึก อบรมกิจกรรมให้กับประชาชน เมื่อถึงกำ�หนดเวลาตาม แผนดำ�เนินกิจกรรมโครงการ จึงจัดให้มีหมหกรรมรำ� ลาบิคเพื่อสุขภาพและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นขึ้น ทั้งนี้ทางผู้ดำ�เนินการโครงการได้วางแผนที่จะจัดให้มี กิจกรรมดังกล่าวในทุกปี เพื่อให้ประชาชนในชุมชน มีความรัก สามัคคี และร่วมอนุรักษ์สืบสานศิลปะ วัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป เป้าหมาย: ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน ทุกเพศทุกวัยออกกำ�ลังกายในรูปแบบแอโรบิคประยุกต์ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ควบคู่กับการปลูกจิตสำ�นึก ให้รักวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยการดำ�เนิน งานร่วมกันของภาคีเครือข่ายส่งเสริมสุขภาพและกีฬา ประโยชน์ 1. ประชาชนใส่ใจเรื่องสุขภาพ และออกกำ�ลังกาย มากขึ้น 2. มีจิตสำ�นึกดี และความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น 3. เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคนในชุมชน 4. ประชาชนในชุมชนและท้องถิ่นมีความรัก สามัคคีต่อกัน 5. สามารถสร้างแกนนำ�ต้นแบบที่สามารถถ่ายทอด การออกกำ�ลังกาย และเผยแพร่ให้แก่ผู้ที่สนใจ เวลาที่ใช้เล่น: ประมาณ 60 นาที อุปกรณ์: 1. กะลาผ่าซีก 2 ชิ้น ต่อผู้เล่น 1 คน 2. เพลงประกอบท่าเต้น 3. สนาม/พื้นที่โล่งๆ 4. ผ้าขาวม้า จำ�นวนผู้เล่น: ไม่จำ�กัดจำ�นวน รำ�ลาบิค
3.
การรำ�ลาบิค ถือเป็นกีฬาพื้นบ้านชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการรำ�กะลากับการ ออกกำ�ลังกายแบบแอโรบิก โดยใช้เพลงดนตรีประกอบ ท่าเต้นที่มีจังหวะสนุกสนานและมีเนื้อร้องบอกเล่า ความเป็นมาของตำ�บลทับสะแก
จึงทำ�ให้เกิดความ ภาคภูมิใจของคนในตำ�บลนี้จนนำ�มาซึ่งการประยุกต์ จนได้ท่ารำ�ทั้งหมด 34 ท่า ซึ่งในแต่ละท่านั้นเกิดจาก การนำ�วิถีชีวิตของคนพื้นบ้านมาประกอบเป็นท่าทางการ เคลื่อนไหวโดยใช้ทุกส่วนของร่างกายที่สอดคล้องกับดนตรี ที่บรรเลง ผสมผสานกับการอนุรักษ์วัฒนธรรม และ ภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อๆ กันมา ซึ่งเริ่มตั้งแต่การขุดดิน การปลูกหน่อมะพร้าว การรดน้ำ�ให้ปุ๋ย เมื่อมะพร้าวโต จะใช้ลิงกังหรือตะขอในการเก็บเกี่ยวผล ใช้หลาวเหล็ก ในการปอก และใช้กระต่ายในการขูด ส่วนกะลา มะพร้าวนำ�มาใช้ประโยชน์ได้นานาชนิด ท่าเริ่มต้น ก่อนเข้าเนื้อร้อง ผู้รำ�จะยืนตัวตรง มือ 2 ข้างเท้าสะเอว ปลาย เท้าห่างกันพอประมาณ เมื่อดนตรีเริ่มบรรเลง ผู้รำ� จะยืนโยกไปมาอยู่กับที่ เริ่มจากขวาไปซ้ายสลับกันไป มาจำ�นวน 5 ครั้ง จากนั้น ผู้รำ�จะยื่นแขนขวาออกไป ข้างหน้าในลักษณะเหยียดตรง มือหงายขึ้น แล้วตาม ด้วยการเหยียดแขนซ้ายออกไป ใช้ฝ่ามือซ้ายประกบ ลงบนฝ่ามือขวาโดยการคว่ำ�มือซ้ายลงบนมือขวาอยู่ใน ท่าลักษณะคล้ายการดัดนิ้วมือ พร้อมกับโยกตัวไปมา ตามจังหวะเพลงที่บรรเลง จากนั้นจะเป็นท่าการสลับ แขนโดยการใช้มือขวาวางคว่ำ�ลงบนฝ่ามือซ้าย พร้อม กับโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลง 1. รูปภาพท่ายืนตรง มือท้าวเอว โยกตัวไปมา ซ้ายและขวา 2. ยื่นแขนไปข้างหน้าให้แขนตึง จากนั้นใช้มือ ซ้ายกดปลายนิ้วมือขวา ย่อตัวเล็กน้อยในขณะโยกตัว ไปมา 3. ยื่นแขนไปข้างหน้าให้แขนทั้งสองข้างตึง จากนั้นใช้มือขวากดปลายนิ้วมือซ้าย ย่อตัวลงเล็กน้อย โยกตัวไปมา ท่าเต้นเมื่อเข้าเนื้อร้อง ท่าที่ 1 ผู้รำ�ยืนตัวตรงขาชิดกัน ยกมือพนม บริเวณหน้าอกพร้อมกับก้มไหว้ 1 ครั้ง 25
4.
ท่าที่ 2 ผู้รำ�ยืนตัวตรง
ปลายเท้าห่างกันเพียง เล็กน้อย มือ 2 ข้างเท้าเอว พร้อมกับโยกตัวไปมา สลับกันเริ่มจากขวาไปซ้ายทำ�สลับกันไปเรื่อยๆ ใน ขณะโยกตัวให้ย่อตัวลงเล็กน้อย ท่าที่ 3 ท่านี้จะคล้ายๆ กับการชกลม ผู้รำ�ยืน ตัวตรง เท้าห่างกันเล็กน้อย เหยียดแขนไปข้างหน้า สลับขวาซ้ายอย่างละครั้งเริ่มจากขวาและไปซ้าย ในขณะยืดแขนไปข้างหน้าให้ย่อตัวเล็กน้อย (เต้นท่า นี้จนกว่าจะเข้าเนื้อร้อง) ท่าที่ 4 ผู้รำ�ยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้น พร้อมกับ ตั้งข้อศอกให้ขนานกับลำ�ตัว จากนั้นยกข้อศอกชิดกัน กางเข้าและออกสลับกัน เท้าทั้ง 2 ขยับไปตามจังหวะ แบบยกแล้วชิดสลับกันไปมาเมื่อแขนทั้ง 2 ข้าง กางเข้าหากัน 26
5.
ท่าที่ 5 ผู้รำ�ยกแขนลงให้แขนทั้ง
2 ข้างตั้งฉาก กับลำ�ตัว จากนั้นให้ขยับแขนทั้ง 2 ข้างไปข้างหลัง และข้างหน้าพร้อมๆ กัน เท้าทั้ง 2 ข้างขยับไปมา โดยการยกแล้วชิดสลับกัน ตามจังหวะเพลง ท่าที่ 6 ท่าขุดดิน ผู้รำ�บิดลำ�ตัวไปทางซ้าย เล็กน้อย พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายออกไปด้านข้าง ตาม ด้วยเท้าขวาในลักษณะยกแล้วชิด พร้อมกับเหวี่ยงแขน ทั้งสองข้างออกไปข้างลำ�ตัวพร้อมๆ กันคล้ายกับ ท่าขุดดิน พร้อมกับออกเสียง ท่าที่ 7 ท่าปลูกหน่อมะพร้าว ผู้รำ�ก้มตัวลง เล็กน้อย ยื่นแขนทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า โดย หงายฝ่ามือขึ้น พร้อมกับส่ายไปมาซ้ายและขวา ตามจังหวะดนตรี โดยใช้การก้าวเท้าในลักษณะของ การยกแล้วชิด ท่าที่ 8 ท่ากลบดิน ในท่านี้เป็นท่ารำ�ต่อเนื่องจาก ท่าที่ 7 เรียกว่า “ท่ากลบดิน” เมื่อนำ�มะพร้าวลงหลุม แล้วจะต้องทำ�การกลบดิน ท่านี้มีลักษณะคล้ายกับ ท่าปลูกมะพร้าวทั้งการเคลื่อนไหวของร่างกายและ การก้าวเท้า แตกต่างกันเพียงการหงายฝ่ามือขึ้น ให้ เปลี่ยนเป็นคว่ำ�มือลงพร้อมกับส่ายไปมาตามจังหวะ ดนตรีและการก้าวเท้าในลักษณะของการยกแล้วชิด สลับกัน (เท้าซ้ายชิดเท้าขวา, เท้าขวาชิดเท้าซ้าย) 27
6.
ท่าที่ 9 ในท่านี้ผู้รำ�กลับมายืนตัวตรง
ให้แขน ทั้ง 2 ข้างตั้งฉากกัน จากนั้นให้ขยับแขนทั้ง 2 ข้าง ไปข้างหน้าและหลังพร้อมๆ กัน โดยที่เท้าทั้ง 2 ข้าง ขยับไปมาโดยการยกแล้วชิดสลับกัน ตามจังหวะเพลง (เต้นท่านี้จนกว่าจะเข้าเนื้อร้อง) ท่าที่ 10 ท่ารดน้ำ� ผู้รำ�หันเฉียงไปทางซ้าย เล็กน้อยพร้อมเหวี่ยงแขนทั้ง 2 ข้างจากฝั่งขวาออกไป ข้างลำ�ตัวทางฝั่งซ้ายพร้อมๆ กันเป็นลักษณะของ การเหวี่ยงแล้วดึงกลับมาในตำ�แหน่งเดิน ตามจังหวะ การก้าวเท้า ท่าที่ 11 ผู้รำ�ยกแขนลงให้แขนทั้ง 2 ข้างตั้งฉาก กับลำ�ตัว (คล้ายๆท่าขับมอเตอร์ไซค์) จากนั้นให้ขยับ แขนทั้ง 2 ข้างไปข้างหน้าและหลังพร้อมๆกัน เท้า ทั้ง 2 ข้างขยับไปมาจากซ้ายไปขวาและขวามาซ้าย โดยการยกแล้วชิดสลับกัน ตามจังหวะเพลง ท่าที่ 12 ท่านี้มีลักษณะคล้ายกับท่าวิ่งไปข้าง หน้าและเดินถอยหลัง ผู้รำ�อยู่ในท่าตัวตรง มองไป ข้างหน้า จากนั้นให้ก้าวเท้าขวานำ�ไปข้างหน้า 1 ก้าว แล้วถอยไปข้างหลัง 1 ก้าวโดยใช้เท้าขวาเช่นกันเป็น ท่าของการเดินหน้าและถอยหลังก้าวตามจังหวะดนตรี แขนทั้ง 2 ข้างแกว่งขึ้นลง คล้ายๆ กับท่าวิ่ง ท่าก้าวเท้าไปข้างหน้า (ใช้เท้าขวานำ�) ท่าก้าวเท้าไปข้างหลัง (ใช้เท้าขวาก้าวไปข้างหลัง) 28
7.
ท่าที่ 13 ท่าสอยมะพร้าว
ในท่านี้จะเป็นท่า ต่อเนื่องจากท่าที่ 12 ซึ่งมีลักษณะการก้าวเท้าคล้ายกับ ท่าวิ่ง ซึ่งท่านี้ก็เช่นเดียวกันยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ เดียวกันนี้ โดยที่ผู้รำ�ก้าวเท้าขวานำ�ไปข้างหน้า 1 ก้าวให้เท้าซ้ายยกส้นเท้าเล็กน้อย ลักษณะเดียวกับ การโน้มตัวไปข้างหน้า เมื่อก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า พร้อมกันให้ยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมาพร้อมกับกำ�มือ ไว้โดยให้ตำ�แหน่งมือขวาอยู่สูงกว่ามือซ้ายเยื้องกัน เล็กน้อย คล้ายๆ กับการจับไม้เพื่อสอยมะพร้าวจาก ที่สูง พร้อมกับร้องดังๆ ว่า....เฮ้ จากนั้นโยกตัวถอย ไปข้างหลัง 1 ก้าวโดยใช้เท้าขวาขยับไปทางด้านหลัง ทำ�สลับไปมาจากหลังไปหน้าและหน้ามาหลัง *การก้าวเท้าในท่านี้ให้ใช้เท้าขวานำ�ก่อนทุกครั้ง ทั้งการเดินหน้าและถอยหลัง* ท่าที่ 14 ท่าปอกมะพร้าว ในท่านี้จะเป็นท่าต่อ เนื่องจากท่าที่ 13 ซึ่งมีลักษณะการก้าวเท้าคล้ายกับ ท่าวิ่งเช่นเดียวกัน คือ ก้าวท้าวขวานำ�ไปข้างหน้า 1 ก้าว โดยให้เท้าซ้ายยกส้นเท้าเล็กน้อยเป็นลักษณะ ของการทิ้งน้ำ�หนักไปข้างหน้า ทำ�พร้อมกับยื่นมือ ทั้งสองข้างออกไปให้อยู่ระดับอก โดยให้ฝ่ามือทั้งสองข้าง คว่ำ�ลง ปลายนิ้วงองุ้มเล็กน้อย กดฝ่ามือทั้งสอง ข้างลงและยกขึ้นอย่างรวดเร็ว 2 ครั้ง จากนั้นให้ใช้ ขาขวาถอยกลับไปทางด้านหลัง 1 ก้าว ทำ�สลับไปมา ทั้งหน้าและหลังเช่นนี้อย่างต่อเนื่องตามจังหวะเพลง ท่าที่ 15 ผู้รำ�ยืนตัวตรง ให้ปลายเท้าห่างกันเล็กน้อย มือทั้งสองข้างเท้าสะเอว ส่ายสะโพกไปมา โดยไม่ขยับ เท้าทั้งสองข้าง (ส่ายสะโพกโดยการยืนอยู่กับที่) 29
8.
ท่าที่ 16 ท่าขูดมะพร้าว
ผู้รำ�ยืนตัวตรง ให้ปลายเท้า ห่างกันเล็กน้อย ส่ายสะโพกไปมา โดยให้เท้าทั้งสอง ข้างอยู่กับที่ คว่ำ�ฝ่ามือทั้งสองข้างลงจากนั้นนำ�มา ประสานกันโดยใช้มือขวาทับมือซ้าย พร้อมกับหัน หน้าไปทางขวา กดข้อมือลงและยกขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างละ 2 ครั้ง จากนั้นให้ผู้รำ�หันไปทางซ้าย ทำ�ท่า ลักษณะเดียวกันกับทางขวา ทำ�สลับไปมาทั้งขวาและ ซ้ายไปเรื่อยๆ ท่าที่ 17 (ใช้กะลาเป็นอุปรณ์ประกอบการเต้นรำ�) เมื่อทำ�การขูดมะพร้าวแล้ว จะเหลือกะลา ผู้รำ�หยิบ กะลาที่ทำ�การผ่าซีกจำ�นวน 2 ซีกมาใช้เป็นอุปกรณ์ ประกอบการเต้นที่เรียกว่า “การเซิ้งกะลา” โดยใช้ มือซ้ายและมือขวาถือกะลาอย่างละซีก เอาด้านนอก กะลาหันเข้าหาลำ�ตัว ย่ำ�เท้าอยู่กับที่สลับซ้ายและขวา นำ�กะลามาไว้ในตำ�แหน่งบริเวณสะโพก จากนั้น ผู้รำ�จะเซิ้งกะลาโดยควงกะลาแบบหมุนวนเป็นวงกลม ไปข้างหน้า ตามจังหวะเพลง เต้นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าเนื้อเพลงจึงจะเปลี่ยนท่าเต้น ท่าที่ 18 ผู้รำ�ยืนตรงขาชิดกัน นำ�มือที่ถือกะลา ไว้ทั้งสองข้างมาพนมไว้ระดับอก จากนั้นผู้รำ�จะโน้มตัว ทำ�ท่าสวัสดี 1 ครั้ง ท่าที่ 19 ผู้รำ�ยืนตัวตรง ย่ำ�เท้าอยู่กับที่ตามจังหวะ เพลง นำ�กะลาที่อยู่ในมือทั้งสองข้างมากระทบกัน โดยการยกแขนซ้ายและขวาขึ้นและลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้กะลาเกิดการกระทบกันจนเกิดเสียง จากนั้น ผู้รำ�จะเดินย่ำ�เท้าไปเรื่อยๆเพื่อแปรขบวน โดยนำ�กะลา มากระทบกันให้เกิดเสียงตามจังหวะเพลง 30
9.
ท่าที่ 20 ผู้รำ�เดินก้าวเท้าไปตามจังหวะเพลง ในลักษณะการยกแล้วชิด
เริ่มจากการยกเท้าซ้ายไป ชิดเท้าขวา ในขณะที่เท้าชิดกัน ผู้รำ�จะเอียงลำ�ตัว เล็กน้อย ยกกะลาขึ้นมาอยู่ในตำ�แหน่งระหว่างหัวไหล่ กับกกหูเพื่อนำ�มากระทบกันจนเกิดมีเสียง เมื่อก้าว เท้าซ้ายให้เอียงตัวไปทางขวา ศรีษะเอียงตามลำ�ตัว (ท่าคล้ายๆ กับการเอาหูไปใกล้ๆ กะลาเพื่อฟังเสียง กะลากระทบกัน) การเต้นท่านี้หลักการจำ�ง่ายๆ คือ เมื่อก้าวเท้าเพื่อยกชิดให้เอียงลำ�ตัวไปในทิศทางตรงกัน ข้ามกับข้างที่ยก เช่น เมื่อยกเท้าขวาไปชิดเท้าซ้ายให้ เอียงตัวไปทางซ้าย พร้อมกับเคาะกะลา ในตำ�แหน่งเดิม ท่าที่ 21 ผู้รำ�ยืนย่ำ�เท้าอยู่กับที่ แบบสลับเท้า ซ้ายและขวาพร้อมกับโยกตัวไปมา เมื่อยกเท้าข้างใด ผู้รำ�จะนำ�กะลามาเคาะฝั่งนั้น เช่น ยกเท้าซ้าย ก็จะ นำ�กะลามาเคาะฝั่งซ้าย ท่าที่ 22 ผู้รำ�จับคู่หันหน้าเข้าหากัน ย่ำ�เท้า อยู่กับที่ ยกแขนซ้ายขวาขึ้นลงสลับกัน พร้อมกับ เคาะกะลาตามจังหวะเพลง 31
10.
ท่าที่ 23 ในท่านี้จะเป็นการจับคู่กับผู้ที่รำ�ด้วยกัน โดยการหันหน้าเข้าหากัน
ในขั้นแรกให้ผู้รำ�ย่ำ�เท้า อยู่กับที่ จากนั้นผู้รำ�จะก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า 1 ก้าว เพื่อเดินหน้าเข้าหากัน ในจังหวะนั้นผู้รำ�จะยกกะลา มากระทบกันกับคู่รำ�ของตนเอง โดยให้ส่วนนอกสัมผัส กันจนเกิดเสียง เท้าซ้าย ยกส้นเท้าขึ้นเล็กน้อยคล้ายๆ กับการทิ้งน้ำ�หนักตัวไปทางด้านหน้า เมื่อผู้รำ�ทั้งคู่นำ� กะลามากระทบกันจนเกิดเสียงแล้ว ก็จะยกเท้าขวา ถอยไปด้านหลัง 1 ก้าวพร้อมกัน โดยให้เท้าขวาอยู่ ต่ำ�กว่าเท้าซ้ายทิ้งระยะห่างกัน 1 ก้าว ในจังหวะที่ ก้าวถอยหลัง ผู้รำ�จะนำ�กะลามากระทบกันตรงบริเวณ ก้นของตนเอง 1 ครั้ง จากนั้นจะใช้เท้าขวาก้าวไป ข้างหน้า 1 ก้าวพร้อมกับนำ�กะลาของตนเองไปกระทบ กับคู่ของตนที่อยู่ตรงหน้า ทำ�เช่นนี้สลับกันไปเรื่อยๆ ท่าที่ 24 ผู้รำ�กลับมายืนในท่าปกติโดยไม่จับคู่ พร้อมกับย่ำ�เท้าอยู่กับที่ ในระหว่างที่ย่ำ�เท้านั้นผู้รำ�จะ เคาะกะลาตามจังหวะเพลง โดยการใช้แขนขวาและ แขนซ้ายสลับขึ้นลงตามจังหวะของเพลง ให้ส่วนนอก ของกะลาทั้งสองอันกระทบกันจนเกิดเสียง ท่าที่ 25 ในท่านี้ผู้รำ�จะต้องฝึกการก้าวเท้าเดิน หน้าและถอยหลังโดยเริ่มที่เท้าขวาเป็นจังหวะที่ 1 ทุกครั้ง เมื่อผู้รำ�ก้าวเท้าขวาออกไปข้างหน้า 1 ก้าว ให้เท้าซ้ายยกส้นเท้าเล็กน้อย พร้อมกันนี้ในจังหวะที่ ก้าวเท้าขวาสัมผัสกับพื้น ผู้รำ�จะต้องชูแขนทั้ง 2 ข้าง ขึ้นเหนือศรีษะพร้อมกับนำ�กะลามากระทบกันจนเกิด เสียง 1 ครั้ง จากนั้นผู้รำ�จะใช้เท้าขวาถอยหลังไป 1 ก้าว ให้ตำ�แหน่งเท้าขวาอยู่ต่ำ�กับเท้าซ้ายโดยเว้น ระยะประมาณ 1 ก้าว ในจังหวะที่เท้าขวาสัมผัสกับพื้น ผู้รำ�จะนำ�กะลามากระทบกันจนเกิดเสียงตรงเวณบริเวณ ก้น 1 ครั้ง ทำ�อย่างนี้สลับกันไปเรื่อยๆ ท่าที่ 26 ในท่านี้ผู้รำ�จะย่ำ�เท้าอยู่กับที่ ในระหว่าง ที่ย่ำ�เท้านั้นก็จะเคาะกะลาตามจังหวะเพลงไปด้วย โดยการใช้แขนขวาและแขนซ้ายสลับขึ้นลงตามจังหวะ ของเพลง ให้ส่วนนอกของกะลาทั้งสองอันกระทบกัน จนเกิดเสียง 32
11.
ท่าที่ 27 ผู้รำ�ยกเข่าขึ้นและลง
สลับกันทั้งซ้าย และขวา จากนั้นจะใช้กะลามากระทบกันตามจังหวะ ของเพลงที่บรรเลง สลับไปมาทั้งซ้ายและขวา เมื่อ ผู้รำ�ยกเข่าซ้ายขึ้นก็จะนำ�กะลามากระทบกันบริเวณ ทางฝั่งด้านซ้าย ในขณะที่กะลากระทบกันผู้รำ�จะใช้ การเอียงลำ�ตัวไปด้วยเพื่อให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ท่าที่ 28 ผู้รำ�ย่ำ�เท้าอยู่กับที่ พร้อมกับเคาะกะลา ตามจังหวะเพลง โดยใช้การหมุนควงกะลาไปข้างหน้า ให้ด้านนอกของกะลาทั้งสองอันมากระทบกันจนเกิด เสียง ท่าที่ 29 ในท่านี้ผู้รำ�จะต้องเตะเท้าไปข้างหน้า สลับไปมาทั้งซ้ายและขวาข้างละ 1 ครั้ง พร้อมกับ ยกแขนขึ้นเหนือศรีษะ และกางแขนเข้า-ออกสลับ กัน คล้ายๆ กับท่าโบกมือไปมา ในจังหวะที่กางแขน เข้า ผู้รำ�จะใช้กะลามากระทบกันจนเกิดเสียงดัง 1 ครั้ง พร้อมกับเตะเท้าออกไปข้าง หน้า 1 ครั้ง เมื่อ ผู้รำ�กางแขนออกซึ่งจะเป็นจังหวะเดียวกับการดึงเท้า ข้างที่เตะกลับจะเป็นจังหวะของการสลับเปลี่ยนเท้า หลักการจำ�อย่างง่าย เมื่อกะลากะทบกัน 1 ครั้ง ให้เตะขาออกไป 1 ครั้ง เมื่อกางแขนออกจะเป็นการ ทำ�ในจังหวะการสลับเปลี่ยนเท้า ท่าที่ 30 ผู้รำ�ย่ำ�เท้าอยู่กับที่ พร้อมกับเคาะกะลา ตามจังหวะเพลง โดยใช้การหมุนควงกะลาไปข้างหน้า ให้แขนทั้สองข้างสลับขึ้นและลงตามจังหวะเพลง ใช้ ด้านนอกของกะลาทั้งสองอันมากระทบกันจนเกิดเสียง ท่าที่ 31 ผู้รำ�ในท่านี้จะต้องใช้การสืบเท้าไปด้าน ข้างสลับกันทั้งซ้ายและขวาข้างละ สองจังหวะ โดย ใช้เท้าอีกข้างขยับตามไปทางด้านข้าง ท่านี้จะคล้ายๆ กับการสไลด์ตัวไปด้านข้าง จากนั้นในระหว่างการสืบ เท้าจะต้องใช้มือทั้งสองข้างกางเข้าและออกไปด้านข้าง ลำ�ตัว เพื่อให้กะลามากระทบกันในจังหวะเท้าชิด ทำ�ให้ เกิดเสียงตามจังหวะของการสืบเท้าด้วย ท่าการเคลื่อนไหวร่างกายไปทางขวา ให้ผู้รำ�สืบเท้าขวาไปทางขวา 1 ครั้ง ตามด้วย เท้าซ้ายสืบตามมา 1 ก้าว จากนั้นผู้รำ�จะวางเท้า ซ้ายลงในตำ�แหน่งชิดกับเท้าขวา เหมือนกับการยก แล้วชิด ในขณะที่เท้าชิดกันผู้รำ�จะนำ�กะลามากระทบกัน 1 ครั้ง เมื่อเท้าทั้งสองข้างชิดติดกันแล้ว ผู้รำ�จะสืบเท้า ขวาออกไปทางขวาอีก 1 ครั้งซึ่งเป็นการสืบเท้าจังหวะ ที่ 2 ในระหว่างนี้ผู้รำ�จะทำ�พร้อมกับกางแขนออกไป ข้างลำ�ตัว จากนั้นจะสืบเท้าซ้ายตามมาเพื่อยกแล้วชิด 33
12.
เท้าขวาในขณะที่เท้าชิดกัน ผู้รำ�จะนำ�กะลามากระทบ กันจนเกิดเสียง 1
ครั้ง ในการรำ�ท่านี้ผู้รำ�จะต้องฟัง จังหวะในเพลงบรรเลงประกอบด้วย ท่าการเคลื่อนไหวร่างกายไปทางซ้าย ให้ผู้รำ�สืบเท้าซ้ายไปทางซ้าย 1 ครั้ง ตามด้วย เท้าขวาสืบตามมา 1 ก้าว จากนั้นผู้รำ�จะวางเท้า ขวาลงในตำ�แหน่งชิดกับเท้าซ้าย เหมือนกับการยก แล้วชิด ในขณะที่เท้าชิดกันผู้รำ�จะนำ�กะลามากระ ทบกันจนเกิดเสียง 1 ครั้ง เมื่อเท้าทั้งสองข้างชิดติด กันแล้ว ผู้รำ�จะสืบเท้าซ้ายออกไปทางซ้ายอีก 1 ครั้ง ซึ่งเป็นการสืบเท้าจังหวะที่ 2 ในระหว่างนี้ผู้รำ�จะทำ� พร้อมกับกางแขนออกไปข้างลำ�ตัว จากนั้นจะสืบเท้าขวา ตามมาเพื่อยกแล้วชิด เมื่อเท้าขวาชิดกับเท้าซ้ายแล้ว ผู้รำ�จะนำ�กะลามากระทบกัน 1 ครั้ง ในท่านี้ผู้รำ� จะต้องทำ�สลับไปมาทั้งทางซ้ายและขวาโดยใช้การ สืบเท้าออกไปด้านข้างอย่างละ 2 จังหวะ โดยการทำ� สลับอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ท่าที่ 32 ผู้รำ�ย่ำ�เท้าอยู่กับที่ พร้อมกับเคาะกะลา ตามจังหวะเพลง หรือการเซิ้งกะลา โดยใช้การหมุน ควงกะลาไปข้างหน้าให้แขนทั้สองข้างสลับขึ้นและ ลงตามจังหวะเพลง ใช้กะลากระทบกันจนเกิดเสียง ตามจังหวะเพลง ท่าที่ 33 ผู้รำ�ย่ำ�เท้าอยู่กับที่ หมุนตัวไปทางขวา เล็กน้อย จากนั้นนำ�กะลามาเคาะกะลา และหมุนตัว ไปทางซ้าย นำ�กะลามาเคาะตามตามจังหวะเพลง ทำ�สลับกันไปเรื่อยๆ 34
13.
ท่าที่ 34 ผู้รำ�ยืนตรง
กางแขนออก บิดตัวไปทาง ขวา แล้วหมุนตัวกลับมาทางซ้าย หันกลับมาทำ�ท่า สวัสดี 35
Download now