SlideShare a Scribd company logo
1 of 9
บทที่ 2

                     เอกสารที่เกี่ยวข้อง

       ในการจัดทำาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก
(WebBlog) ด้วย Wordpress
 เรื่อง GPRS อัจฉริยะแห่งการเชื่อมต่อ นี้ ผู้จัดทำาโครงงานได้
ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

     2.1 ความสำาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและ
อินเทอร์เน็ต
     2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
     2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)

2.1 ความสำาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
      เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำาคัญต่อการพัฒนาประเทศ
ในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น
1. การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในด้านการค้นคว้าศึกษา
แหล่งข้อมูล ทำาให้การศึกษาง่ายขึ้นและ
ไร้ขีดจำากัด ผู้เรียนมีความสะดวกในการค้นคว้าวิจัย
2. การดำารงชีวิตประจำาวัน ทำาให้มีความสะดวกคล่องตัวและ
รวดเร็วในการทำากิจกรรมต่าง ๆ ทีเกิดขึ้นใน
                                 ่

ชีวิตประจำาวัน สามารถทำางานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้
หรือทำางานใช้เวลาน้อยลง
3. การดำาเนินธุรกิจ ทำาให้มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจมากขึ้น ทำาให้
ต้องมีการพัฒนาองค์กรเพื่อให้ทันกับข้อมูล
ข่าวสารอยู่ตลอดเวลา อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อ
เนื่อง
4. อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีการ
ติดต่อสื่อสารที่เจริญก้าวหน้าทันสมัย รวดเร็ว
ถูกต้องและทำาให้เป็นโลกที่ไร้พรมแดน
5. ระบบการทำางานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อสามารถทำางานได้มาก
ขึ้น งานบางอย่างมนุษย์ทำาไม่ได้ก็ใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยทำางานแทนซึ่งได้ผลถูกต้องรวดเร็ว
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องประกอบด้วย
1. ฮาร์ดแวร์ Hardware
2. ซอฟต์แวร์ Software
3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการให้บริการข้อมูลและติดต่อสื่อสาร
พื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วยส่วนประกอบ ดังนี้
1. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่
1. ฮาร์ดแวร์ Hardware
2. ซอฟต์แวร์ Software
3. ข้อมูล Data
4. บุคลากร People
2. โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบและผู้ใช้งาน
Programmer,System Analyst และ User
เป็น บุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในงานคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์
มีหน้าที่เขียนโปรแกรมตามที่นักวิเคราะห์ได้ออกแบบไว้ ส่วนผู้ใช้
จะเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อทิศทางในการพัฒนาเทคโนโลยีทาง
คอมพิวเตอร์มากที่สุด
3. หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยแสดงผลและ
หน่วยเก็บข้อมูล
หน่วยรับข้อมูล ทำาหน้าที่รบโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์
                             ั
หน่วยประมวลผล ทำาหน้าทีประมวลผลและควบคุมการทำางานของ
                               ่
ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
หน่วยแสดงผล ทำาหน้าทีแสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลข้อมูล
                           ่
หน่วยเก็บข้อมูล ทำาหน้าที่เก็บข้อมูลที่รอการประมวลผล และเก็บ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลในระหว่างทีรอส่งไปยังหน่วย
                                           ่
แสดงผล
4. การจัดการข้อมูล ซึ่งหมายถึงแฟ้มข้อมูล
5. การประมวลผล ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
1. การรวมบรวมข้อมูล
2. การประมวลผล
3. การดูแลรักษา
เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่าง ๆ
1. เทคโนโลยีระบบสารสนเทศ เป็นระบบการจัดการสารสนเทศที่
ทำาหน้าทีไม่วาจะเป็นการบันทึก การแก้ไข การทำารายงาน งาน
          ่  ่
บัญชี งานลงทะเบียน ระบบสารสนเทศจะช่วยให้องค์กรมีความ
สะดวกรวดเร็วในการทำางานและยังช่วยเป็น ข้อมูลในการตัดสินใจ
ด้วย
2. เทคโนโลยีระบบเครือข่าย เป็นระบบเทคโนโลยีที่นยมใช้กัน
                                                      ิ
มากในปัจจุบัน มีประโยชน์ ดังนี้
1. สามารถติดต่อถึงกันได้ด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)
2. จัดเก็บข้อมูลไว้รวมในที่เดียวกัน ผู้อยู่ห่างไกลก็สามารถดึง
ข้อมูลนั้นไปใช้ได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาใน การเดินทาง
3. องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณด้านอุปกรณ์ เพราะระบบ
เครื่อข่ายสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้
4. สามารถทำางานร่วมกันได้หรือทำางานโดยใช้เอกสารชุดเดียวกัน
3. เทคโนโลยีสำานักงานอัตโนมัติ เป็นระบบการทำางานที่ใช้ระบบ
การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำานักงาน ซึ่งมีผลทำาให้
1. พนักงานสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทางจดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์ (E - mail)
2. สามารถบันทึกแฟ้มเอกสารหรืองานพิมพ์เก็บไว้ และสามารถนำา
มาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ง่าย
3. การออกแบบงานต่าง ๆ ทำาได้งายสะดวกรวดเร็วและใช้งานได้
                                  ่
ง่าย
4. มีระบบฝากข้อความเสียง (Voice Mail)
5. การประชุมทางไกล (Vedio Teleconference)
4. เทคโนโลยีช่วยสอน CAI ได้รบความนิยมเป็นอย่างมาก
                                ั
โรงเรียนและสถานศึกษาก็เริ่มมีการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน
สำาเร็จรูปขึ้นมาใช้ และมีผลดีกับนักเรียนที่จะได้สื่อการเรียนการ
สอนที่ทันสมัยและมีความน่าสนใจ มากขึ้น
การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ
1. การนำามาประยุกต์ใช้งาน จะต้องคำานึงถึงผลที่จะได้รับและผลก
ระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย
2. การวางแผนที่ดี เพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะ
สมกับงานและเพื่อประโยชน์สูงสุดที่ควรจะได้รบ    ั
3. มาตรฐานการใช้งาน ควรจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล ไม่ปล่อย
ปละละเลยหรือใช้ในทางที่ผิด
4. การลงทุน ควรคำานึงถึงงบประมาณและผลประโยชน์ที่ได้รบ        ั
ด้วย หากประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนก็ควรที่จะปรับ
แผนการเสียใหม่
5. การจัดการข้อมูล ต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลซำ้าซ้อน ควรมีการ
แบ่งปันข้อมูลเพื่อให้การทำางานร่วมกันมีการติดต่อสร้างความ
สัมพันธ์ กัน
6. การรักษาความปลอดภัยของระบบ การใช้เทคโนโลยีรวมกัน        ่
ต้องมีการดูแลให้สิทธิแก่ผู้ใช้ภายในขอบเขตของแต่ละคน
ข้อที2.
      ่
1.เพื่อใช้ในการจัดเก็บข้อมูลที่มากๆให้เป็นระบบเเละค้นหาได้งาย   ่
2.เพื่อให้เราจัดระบบชีวิตประจำาวันของเราให้เป็นระบบ
ที่มา http://learnersin.th/blog/wasana/2510/259724

2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
     2.2.1 ความหมายของ Social Media
          คำาว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึงในทีนี้จะหมายถึง
                                          ่    ่
สังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบัน

คำาว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ
วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น

ดังนั้นคำาว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มี
การตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่าย
อินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิ
สัมพันโต้ตอบกันได้นั่นเอง

พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์
หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือ สัมพันธ์กัน จากเดิมเรามี
เว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละ
คนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บ
พัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ที่เรียกว่า web
application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ทีมี ่
การโต้ตอบกับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบ
กันได้ผ่านหน้าเว็บ


   2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social
Media

            Social Network คือการที่ผู้คนสามารถทำาความรู้จัก
และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซต์ที่
เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้
ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่างของเว็บประเด็นที่เป็น Social Network
เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียกได้วาเป็น Social
                                          ่
Bookmark ทีได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ทีจะนำา
               ่                                           ่
มาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้งายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้
                                 ่
ผู้คนจะช่วยกันแนะนำา url ทีน่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะ
                            ่
มาช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนัน ๆ เป็นต้น
                                   ้



          2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media

  1.   Facebook (Social Network)
  2.   Youtube (Video Sharing)
  3.   Hi5 (Social Network)
  4.   Blogger (Blog)
5.  Wikipedia (Wiki)
  6. 4shared (File Sharing)
  7. mediafire (File Sharing)
  8. exteen (Blog)
  9. bloggang (Blog)
  10. multiply (Blog & Photo Sharing)




2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
       2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
             บล็อก (blog) เป็นคำารวมมาจากคำาว่า เว็บล็อก
(weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นใน
ลำาดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุด
ไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงค์ ซึ่ง
บางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้
จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้
เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่
เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำาให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบ
กลับโดยทันที คำาว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำากริยาได้ซึ่งหมายถึง
การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูก
เรียกว่า "บล็อกเกอร์"

บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก
โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การ
แสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่วา อาหาร ่
การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกทีถูกเขียน
                                                        ่
เฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารี
ออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจาก
นี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำาบล็อกของทางบริษท     ั
ขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อก
ออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทาง
ลูกค้าทีแสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
        ่

     2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก

           ประเภทของ Blog

1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่1.1. Linklog
บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิงก์ที่
เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคุณยังจำาผู้ให้กำาเนิดคำาว่า “บล็อก”
ที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของ
เขาคือตัวอย่างของ linklog นั่นเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะ
เป็นการรวมลิงก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะ
เจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิงก์ของเขา 1 – 2 ลิงค์ต่อโพสต์เท่านั้น
ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำาบล็อก
แบบไหน linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทำาบล็อกได้เป็นอย่าง
ดี1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้
เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนำาเสนอ และมักจะไม่
เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดย
เจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลยครับ 1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog
เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้
ว่าเป็นบล็อกที่นยมทำากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโต
                 ิ
ของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ทีทำาให้
                                                          ่
การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […]
2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal
Blog) นำาแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจำาวันของเจ้าของบล็อก
เป็นหลัก 2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกทีนำาเสนอข่าวเป็น
                                               ่
หลัก 2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกัน
เป็นกลุ่ม เช่น blognone.com2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog)
ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ 2.5 บล็อกเพื่อสิ่ง
แวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและ
การรักษาสิ่งแวดล้อม 2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่
วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/
blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น 2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment
Blog) บล็อกที่นำาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน
เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ 2.8 บล็อกเพื่อการ
ศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่าง
ประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความ
คิดกัน 2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นำาเสนอวิธี
การต่าง
http://witwang.blogspot.com/2007_07_01_archive.html




     2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก

     www.blogger.com

     www.exteen.com

     www.mapandy.com

     www.buddythai.com

     www.imigg.com



2.3.ป ร ะ วั ติ ข อ ง เ ว็ บ ไ ซ ต์ Wordpress
      WordPress คื อ โปรแกรม สำา เร็ จ รู ป ตั ว หนึ่ ง ที่ เ อาไว้
สำาหรับสร้าง บล็อก หรือ เว็บไซต์ สามารถใช้งานได้ฟรี ถูกจัดอยู่
ในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง
โปรแกรมสำาเร็จรูปที่มีไว้สำาหรับสร้างและบริหารจัดการเนื้อหาและ
ข้อมูลบนเว็บ ไซต์
WordPress ได้ รั บ การพั ฒ นาและเขี ย นชุ ด คำา สั่ ง มาจากภาษา
PHP (เป็ น ภาษาโปรแกรมมิ่ ง ตั ว หนึ่ ง ) ทำา งานบนฐานข้ อ มู ล
MySQL ซึ่ ง เป็ น โปรแกรมสำา หรั บ จั ดการฐานข้ อ มู ล มี ห น้ า ที่ เ ก็ บ
เรี ย กดู แก้ ไ ข เพิ่ ม และลบข้ อ มู ล การใช้ ง าน WordPress ร่ว ม
กับ MySQL อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานแบบ GNU General
Public License

WordPress ป ร า กฏ โ ฉ ม ค รั้ ง แ ร ก ใ น โ ล ก เ มื่ อ ปี พ .ศ . 2546
(2003) เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Matt Mullenweg และ Mike
Littlej มี เ ว็ บ ไ ซ ต์ ห ลั ก อ ยู่ ที่ http://wordpress.org แ ล ะ ยั ง มี
บริการ Free Hosting (พื้นที่สำา หรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก)
โดยขอใช้บริการได้ที่ http://wordpress.com

ปัจจุบันนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมี
ผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อกไปแล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น
ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็นเพราะ
ใช้งานง่าย ไม่จำา เป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง Programing มีรูปแบบ
ที่ ส วยงาม อี ก ทั้ ง ยั ง มี ผู้ พั ฒ นา Theme (รู ป แบบการแสดงผล)
และ Plugins (โปรแกรมเสริม) ให้เลือกใช้ฟรีอย่างมากมาย

นอกจากนี้ สำาหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้
เราได้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษาองค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ทีอยู่ภายใน  ่
สำา หรับพัฒนาต่อยอด หรือ นำา ไปสร้าง Theme และ Plugins ขึ้น
มาเองได้ อี ก ด้ ว ย หนำา ซำ้า ยั ง มี รุ่ น พิ เ ศษ คื อ WordPress MU
สำา หรับไว้ให้ผู้นำา ไปใช้ สามารถเปิดให้ บริก ารพื้ นที่ทำา เว็บบล็ อก
เป็นของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมาสมัครขอร่วมใช้บริการในการสร้าง
เว็บบล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรือที่เรียกว่า Sub-Domain

จากที่ไ ด้ เ กริ่ น นำา ไปในบทความนี้ คงจะทำา ให้ รู้ จั ก และได้ ท ราบ
ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็ น ม า ร ว ม ถึ ง ค ว า ม ห ม า ย กั น ไ ป บ้ า ง แ ล้ ว ว่ า
WordPress คือ อะไร ในบทความหน้า เราจะได้เริ่มเรียนรู้ถึงรูป
แบบ และวิธีการใช้งาน ไปจนถึงการเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ต่อไป

More Related Content

Viewers also liked (10)

00 ส่วนนำ1.docเสร็จแล้ว
00 ส่วนนำ1.docเสร็จแล้ว00 ส่วนนำ1.docเสร็จแล้ว
00 ส่วนนำ1.docเสร็จแล้ว
 
ส่วนนำ1
ส่วนนำ1ส่วนนำ1
ส่วนนำ1
 
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงานบทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 
ส่วนนำ1
ส่วนนำ1ส่วนนำ1
ส่วนนำ1
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
บทที่ 5 สรุปผล ข้อเสนอแนะ
บทที่ 5 สรุปผล ข้อเสนอแนะบทที่ 5 สรุปผล ข้อเสนอแนะ
บทที่ 5 สรุปผล ข้อเสนอแนะ
 
ส่วนนำ1
ส่วนนำ1ส่วนนำ1
ส่วนนำ1
 
Typical electronic
Typical electronicTypical electronic
Typical electronic
 

Similar to บทที่2

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องM'suKanya MinHyuk
 
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4shopper38
 
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4shopper38
 
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4shopper38
 
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์teerarat55
 
แบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างแบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างKanistha Chudchum
 
แบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างแบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างKanistha Chudchum
 
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์teerarat55
 

Similar to บทที่2 (20)

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
 
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
 
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
แบบนำเสนอโครงงานเรื่องไมโครโพรเซสเซอร์5.4
 
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
แบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างแบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่าง
 
แบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างแบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่าง
 
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
โครงงาน ฮาร์ดดิสก์
 
งาน
งานงาน
งาน
 
งาน
งานงาน
งาน
 
งาน
งานงาน
งาน
 
งาน
งานงาน
งาน
 
งาน
งานงาน
งาน
 
งาน
งานงาน
งาน
 
งาน
งานงาน
งาน
 

More from IShadow' Leo'os

More from IShadow' Leo'os (10)

บทที่7
บทที่7บทที่7
บทที่7
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 
บทที่7
บทที่7บทที่7
บทที่7
 
บทที่5
บทที่5บทที่5
บทที่5
 
บทที่4
บทที่4บทที่4
บทที่4
 
บทที่3
บทที่3บทที่3
บทที่3
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรม
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 

บทที่2

  • 1. บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่อง GPRS อัจฉริยะแห่งการเชื่อมต่อ นี้ ผู้จัดทำาโครงงานได้ ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความสำาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและ อินเทอร์เน็ต 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.1 ความสำาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำาคัญต่อการพัฒนาประเทศ ในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น 1. การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในด้านการค้นคว้าศึกษา แหล่งข้อมูล ทำาให้การศึกษาง่ายขึ้นและ ไร้ขีดจำากัด ผู้เรียนมีความสะดวกในการค้นคว้าวิจัย 2. การดำารงชีวิตประจำาวัน ทำาให้มีความสะดวกคล่องตัวและ รวดเร็วในการทำากิจกรรมต่าง ๆ ทีเกิดขึ้นใน ่ ชีวิตประจำาวัน สามารถทำางานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ หรือทำางานใช้เวลาน้อยลง 3. การดำาเนินธุรกิจ ทำาให้มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจมากขึ้น ทำาให้ ต้องมีการพัฒนาองค์กรเพื่อให้ทันกับข้อมูล ข่าวสารอยู่ตลอดเวลา อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อ เนื่อง 4. อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีการ ติดต่อสื่อสารที่เจริญก้าวหน้าทันสมัย รวดเร็ว
  • 2. ถูกต้องและทำาให้เป็นโลกที่ไร้พรมแดน 5. ระบบการทำางานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อสามารถทำางานได้มาก ขึ้น งานบางอย่างมนุษย์ทำาไม่ได้ก็ใช้ คอมพิวเตอร์ช่วยทำางานแทนซึ่งได้ผลถูกต้องรวดเร็ว ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องประกอบด้วย 1. ฮาร์ดแวร์ Hardware 2. ซอฟต์แวร์ Software 3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการให้บริการข้อมูลและติดต่อสื่อสาร พื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วยส่วนประกอบ ดังนี้ 1. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ 1. ฮาร์ดแวร์ Hardware 2. ซอฟต์แวร์ Software 3. ข้อมูล Data 4. บุคลากร People 2. โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบและผู้ใช้งาน Programmer,System Analyst และ User เป็น บุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในงานคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์ มีหน้าที่เขียนโปรแกรมตามที่นักวิเคราะห์ได้ออกแบบไว้ ส่วนผู้ใช้ จะเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อทิศทางในการพัฒนาเทคโนโลยีทาง คอมพิวเตอร์มากที่สุด 3. หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยแสดงผลและ หน่วยเก็บข้อมูล หน่วยรับข้อมูล ทำาหน้าที่รบโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ั หน่วยประมวลผล ทำาหน้าทีประมวลผลและควบคุมการทำางานของ ่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด หน่วยแสดงผล ทำาหน้าทีแสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลข้อมูล ่ หน่วยเก็บข้อมูล ทำาหน้าที่เก็บข้อมูลที่รอการประมวลผล และเก็บ ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลในระหว่างทีรอส่งไปยังหน่วย ่ แสดงผล 4. การจัดการข้อมูล ซึ่งหมายถึงแฟ้มข้อมูล
  • 3. 5. การประมวลผล ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน 1. การรวมบรวมข้อมูล 2. การประมวลผล 3. การดูแลรักษา เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่าง ๆ 1. เทคโนโลยีระบบสารสนเทศ เป็นระบบการจัดการสารสนเทศที่ ทำาหน้าทีไม่วาจะเป็นการบันทึก การแก้ไข การทำารายงาน งาน ่ ่ บัญชี งานลงทะเบียน ระบบสารสนเทศจะช่วยให้องค์กรมีความ สะดวกรวดเร็วในการทำางานและยังช่วยเป็น ข้อมูลในการตัดสินใจ ด้วย 2. เทคโนโลยีระบบเครือข่าย เป็นระบบเทคโนโลยีที่นยมใช้กัน ิ มากในปัจจุบัน มีประโยชน์ ดังนี้ 1. สามารถติดต่อถึงกันได้ด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) 2. จัดเก็บข้อมูลไว้รวมในที่เดียวกัน ผู้อยู่ห่างไกลก็สามารถดึง ข้อมูลนั้นไปใช้ได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาใน การเดินทาง 3. องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณด้านอุปกรณ์ เพราะระบบ เครื่อข่ายสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ 4. สามารถทำางานร่วมกันได้หรือทำางานโดยใช้เอกสารชุดเดียวกัน 3. เทคโนโลยีสำานักงานอัตโนมัติ เป็นระบบการทำางานที่ใช้ระบบ การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำานักงาน ซึ่งมีผลทำาให้ 1. พนักงานสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (E - mail) 2. สามารถบันทึกแฟ้มเอกสารหรืองานพิมพ์เก็บไว้ และสามารถนำา มาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ง่าย 3. การออกแบบงานต่าง ๆ ทำาได้งายสะดวกรวดเร็วและใช้งานได้ ่ ง่าย 4. มีระบบฝากข้อความเสียง (Voice Mail) 5. การประชุมทางไกล (Vedio Teleconference) 4. เทคโนโลยีช่วยสอน CAI ได้รบความนิยมเป็นอย่างมาก ั โรงเรียนและสถานศึกษาก็เริ่มมีการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน
  • 4. สำาเร็จรูปขึ้นมาใช้ และมีผลดีกับนักเรียนที่จะได้สื่อการเรียนการ สอนที่ทันสมัยและมีความน่าสนใจ มากขึ้น การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ 1. การนำามาประยุกต์ใช้งาน จะต้องคำานึงถึงผลที่จะได้รับและผลก ระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย 2. การวางแผนที่ดี เพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะ สมกับงานและเพื่อประโยชน์สูงสุดที่ควรจะได้รบ ั 3. มาตรฐานการใช้งาน ควรจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล ไม่ปล่อย ปละละเลยหรือใช้ในทางที่ผิด 4. การลงทุน ควรคำานึงถึงงบประมาณและผลประโยชน์ที่ได้รบ ั ด้วย หากประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนก็ควรที่จะปรับ แผนการเสียใหม่ 5. การจัดการข้อมูล ต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลซำ้าซ้อน ควรมีการ แบ่งปันข้อมูลเพื่อให้การทำางานร่วมกันมีการติดต่อสร้างความ สัมพันธ์ กัน 6. การรักษาความปลอดภัยของระบบ การใช้เทคโนโลยีรวมกัน ่ ต้องมีการดูแลให้สิทธิแก่ผู้ใช้ภายในขอบเขตของแต่ละคน ข้อที2. ่ 1.เพื่อใช้ในการจัดเก็บข้อมูลที่มากๆให้เป็นระบบเเละค้นหาได้งาย ่ 2.เพื่อให้เราจัดระบบชีวิตประจำาวันของเราให้เป็นระบบ ที่มา http://learnersin.th/blog/wasana/2510/259724 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.2.1 ความหมายของ Social Media คำาว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึงในทีนี้จะหมายถึง ่ ่ สังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบัน คำาว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น ดังนั้นคำาว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มี การตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่าย
  • 5. อินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิ สัมพันโต้ตอบกันได้นั่นเอง พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์ หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือ สัมพันธ์กัน จากเดิมเรามี เว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละ คนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บ พัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ทีมี ่ การโต้ตอบกับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบ กันได้ผ่านหน้าเว็บ 2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media Social Network คือการที่ผู้คนสามารถทำาความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซต์ที่ เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่างของเว็บประเด็นที่เป็น Social Network เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียกได้วาเป็น Social ่ Bookmark ทีได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ทีจะนำา ่ ่ มาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้งายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้ ่ ผู้คนจะช่วยกันแนะนำา url ทีน่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะ ่ มาช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนัน ๆ เป็นต้น ้ 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media 1. Facebook (Social Network) 2. Youtube (Video Sharing) 3. Hi5 (Social Network) 4. Blogger (Blog)
  • 6. 5. Wikipedia (Wiki) 6. 4shared (File Sharing) 7. mediafire (File Sharing) 8. exteen (Blog) 9. bloggang (Blog) 10. multiply (Blog & Photo Sharing) 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog) บล็อก (blog) เป็นคำารวมมาจากคำาว่า เว็บล็อก (weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นใน ลำาดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุด ไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงค์ ซึ่ง บางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้ เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่ เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำาให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบ กลับโดยทันที คำาว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำากริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูก เรียกว่า "บล็อกเกอร์" บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การ แสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่วา อาหาร ่ การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกทีถูกเขียน ่ เฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารี ออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจาก นี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำาบล็อกของทางบริษท ั ขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อก
  • 7. ออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทาง ลูกค้าทีแสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ่ 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก ประเภทของ Blog 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิงก์ที่ เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคุณยังจำาผู้ให้กำาเนิดคำาว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของ เขาคือตัวอย่างของ linklog นั่นเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะ เป็นการรวมลิงก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะ เจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิงก์ของเขา 1 – 2 ลิงค์ต่อโพสต์เท่านั้น ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำาบล็อก แบบไหน linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทำาบล็อกได้เป็นอย่าง ดี1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้ เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนำาเสนอ และมักจะไม่ เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดย เจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลยครับ 1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ ว่าเป็นบล็อกที่นยมทำากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโต ิ ของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ทีทำาให้ ่ การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […] 2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นำาแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจำาวันของเจ้าของบล็อก เป็นหลัก 2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกทีนำาเสนอข่าวเป็น ่ หลัก 2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกัน เป็นกลุ่ม เช่น blognone.com2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ 2.5 บล็อกเพื่อสิ่ง แวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและ
  • 8. การรักษาสิ่งแวดล้อม 2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่ วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/ blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น 2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นำาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ 2.8 บล็อกเพื่อการ ศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่าง ประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความ คิดกัน 2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นำาเสนอวิธี การต่าง http://witwang.blogspot.com/2007_07_01_archive.html 2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก www.blogger.com www.exteen.com www.mapandy.com www.buddythai.com www.imigg.com 2.3.ป ร ะ วั ติ ข อ ง เ ว็ บ ไ ซ ต์ Wordpress WordPress คื อ โปรแกรม สำา เร็ จ รู ป ตั ว หนึ่ ง ที่ เ อาไว้ สำาหรับสร้าง บล็อก หรือ เว็บไซต์ สามารถใช้งานได้ฟรี ถูกจัดอยู่ ในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรมสำาเร็จรูปที่มีไว้สำาหรับสร้างและบริหารจัดการเนื้อหาและ ข้อมูลบนเว็บ ไซต์
  • 9. WordPress ได้ รั บ การพั ฒ นาและเขี ย นชุ ด คำา สั่ ง มาจากภาษา PHP (เป็ น ภาษาโปรแกรมมิ่ ง ตั ว หนึ่ ง ) ทำา งานบนฐานข้ อ มู ล MySQL ซึ่ ง เป็ น โปรแกรมสำา หรั บ จั ดการฐานข้ อ มู ล มี ห น้ า ที่ เ ก็ บ เรี ย กดู แก้ ไ ข เพิ่ ม และลบข้ อ มู ล การใช้ ง าน WordPress ร่ว ม กับ MySQL อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานแบบ GNU General Public License WordPress ป ร า กฏ โ ฉ ม ค รั้ ง แ ร ก ใ น โ ล ก เ มื่ อ ปี พ .ศ . 2546 (2003) เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Matt Mullenweg และ Mike Littlej มี เ ว็ บ ไ ซ ต์ ห ลั ก อ ยู่ ที่ http://wordpress.org แ ล ะ ยั ง มี บริการ Free Hosting (พื้นที่สำา หรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริการได้ที่ http://wordpress.com ปัจจุบันนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมี ผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อกไปแล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็นเพราะ ใช้งานง่าย ไม่จำา เป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง Programing มีรูปแบบ ที่ ส วยงาม อี ก ทั้ ง ยั ง มี ผู้ พั ฒ นา Theme (รู ป แบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริม) ให้เลือกใช้ฟรีอย่างมากมาย นอกจากนี้ สำาหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้ เราได้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษาองค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ทีอยู่ภายใน ่ สำา หรับพัฒนาต่อยอด หรือ นำา ไปสร้าง Theme และ Plugins ขึ้น มาเองได้ อี ก ด้ ว ย หนำา ซำ้า ยั ง มี รุ่ น พิ เ ศษ คื อ WordPress MU สำา หรับไว้ให้ผู้นำา ไปใช้ สามารถเปิดให้ บริก ารพื้ นที่ทำา เว็บบล็ อก เป็นของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมาสมัครขอร่วมใช้บริการในการสร้าง เว็บบล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรือที่เรียกว่า Sub-Domain จากที่ไ ด้ เ กริ่ น นำา ไปในบทความนี้ คงจะทำา ให้ รู้ จั ก และได้ ท ราบ ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็ น ม า ร ว ม ถึ ง ค ว า ม ห ม า ย กั น ไ ป บ้ า ง แ ล้ ว ว่ า WordPress คือ อะไร ในบทความหน้า เราจะได้เริ่มเรียนรู้ถึงรูป แบบ และวิธีการใช้งาน ไปจนถึงการเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ต่อไป