More Related Content
Similar to 2559คอมงานคู่2
Similar to 2559คอมงานคู่2 (20)
More from Gankorn Inpia (11)
2559คอมงานคู่2
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2559
ชื่อโครงงาน คนไทยกับการใช้ภาษาอังกฤษ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1. นางสาววิลาสินี ข่ายสุวรรณ์ เลขที่ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 11
2. นางสาวกรรกร อินเปี้ย เลขที่16 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2559
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1. นางสาววิลาสินี ข่ายสุวรรณ์ เลขที่ 2
2. นางสาวกรรกร อินเปี้ย เลขที่ 16
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
คนไทยกับการใช้ภาษาอังกฤษ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Tinglish
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาววิลาสินี ข่ายสุวรรณ์
นางสาวกรรกร อินเปี้ย
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2559
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
"เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถม แต่ทาไมภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง" เป็นคาถามที่
ได้ยินได้ฟังเป็นประจา กระทั่งกลายเป็นเหมือนเสียงราพึงไปในที่สุด เป็นเวลาไม่ใช่น้อย ถ้ารวมการศึกษา
ระดับอาชีวะเข้าไปด้วย นับ 20 ปี แต่นักศึกษาจานวนไม่น้อยใช้ภาษาอังกฤษได้แค่ระดับงูๆ ปลาๆ เด็ก
บางคนขยันมาก ถึงขนาดสามารถท่องพจนานุกรมได้ทั้งเล่ม ภาษาอังกฤษคาไหนแปลว่าอะไร ถามมา
สามารถตอบได้หมด แต่พอให้พูดกลับตกม้าตาย ไม่มีความกล้า พ่อแม่ยุคใหม่ที่มีฐานะจึงตัดปัญหาด้วย
การส่งลูกไปเรียนเมืองนอก และด้วยเหตุนี้ทาให้ปัจจุบันมีโรงเรียนอินเตอร์ โรงเรียนสองภาษาเกิดขึ้น
มากมาย เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยไม่ต้องส่งลูกไปเรียนให้ไกลหูไกลตาแล้วกับเด็กด้อยโอกาส พ่อแม่ไม่
มีเงินพอที่จะส่งเข้าโรงเรียนแพงๆ ช่องโหว่ของระบบการศึกษาของไทยว่า ส่วนหนึ่งมาจากค่านิยมของ
สังคมที่ให้ความสาคัญกับเรื่องของ "สถานะ" มากกว่าความสามารถ ทาให้เด็กไทยแข่งกันเรียนเพื่อให้ได้
ใบปริญญา เป็นใบเบิกทางสู่การมีหน้ามีตา มีหน้าที่การงานที่ดี
- 3. 3
ดังนั้น ถ้าเข้าใจหลักการการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อให้พูดได้ ฟังเข้าใจ เหมือนเจ้าของภาษา ไม่
ยากเลย ขอเพียงมีความตั้งใจ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การเรียน
ภาษาอังกฤษทาได้ง่ายขึ้น สามารถฝึกได้เองในทุกที่ทุกเวลา
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อเพิ่มโอกาสของการได้งานดีๆ และมีรายได้มากขึ้น การเรียนภาษาอังกฤษช่วยเพิ่มศักยภาพใน
การทางาน/หางาน
2. เพื่อช่วยให้เราได้เข้าใจมากขึ้น ว่าทาไมภาษาอังกฤษจึงสาคัญ และทาไมเราควรเรียนรู้เอาไว้
เพราะภาษาอังกฤษ ถูกใช้เป็นทางการในกว่า 53 ประเทศทั่วโลก มีคนกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก
พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ในแวดวงสื่อแล้ว ยังคงใช้ภาษาอังกฤษในการนาเสนอและ
ติดต่อสื่อสารเป็นหลัก ในอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษาหลักของโลก
อินเตอร์เน็ต
3. การเรียนรู้ภาษา จะช่วยให้เกิดความภูมิใจที่ได้เรียนและเข้าใจภาษาใหม่ๆ
4. เพื่อการเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ของประเทศนั้นผ่านภาษา โดยไม่ใช่ประเทศอังกฤษหรือ
สหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว
5. เพื่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ปัจจุบัน ประเทศไทยของเรากาลังก้าวสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อ
การติดต่อสื่อสารเป็นศูนย์กลางของความมั่นคงและพัฒนาประเทศ
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
การทาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ เรื่อง การใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง โดยรวบรวมข้อมูลจากการ
สารวจวิธีการฟัง พูด อ่าน เขียน จากเจ้าของภาษาที่ถูกต้อง
ศึกษาและใช้กระบวนการวิเคราะห์เชิงลึกควบคู่กับวิธีการต่างๆ เช่น สังเกตพฤติกรรม การ
สื่อสาร การสนทนา โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างนักเรียนไทย อาจารย์ วิทยากร หรือผู้รู้ นาความรู้
ประสบการณ์มาปรับปรุงแก้ไขและประยุกต์ใช้
ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาใช้เวลารวม 3 สัปดาห์
หลักการและเหตุผล (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
ในภาวะปัจจุบันที่อิทธิพลของโลกาภิวัฒน์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และยังจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
นั้นการเรียนรู้ภาษาของประเทศอื่นย่อมได้เปรียบในการทากิจการต่างๆ เพราะคงไม่มีใครจะติดต่อสื่อ
สารและรู้เรื่องได้ดีเท่ากับการพูดภาษาเดียวกัน เคยมีเรื่องเล่ากันเล่นว่าประเทศไทยที่ค้าขายสิงคโปร์
มาเลย์ ฮ่องกง ไต้หวัน ไม่ได้ก็เพราะว่ามาติดต่อกับประเทศไทยแล้วสื่อสารกันยังไม่ชัดเจนจึงต้องผ่านตัว
แทนที่รู้ภาษาดีกว่าเช่นสิงค์โป มาเลย์ ฮ่องกง ไต้หวัน หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์ก็ตาม ซึ่งเราจะเห็นว่าประเทศ
เหล่านั้นล้วนแล้วแต่ให้ความสาคัญกับการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษซึ่ง
เป็นภาษาที่อาจคิดได้ว่าเป็นภาษาสากล หลายประเทศประกาศให้เป็นภาษาราชการอีกภาษาหนึ่ง
- 4. 4
นอกจากภาษาของตัวเอง แน่นอนว่าประเทศที่ให้ความสาคัญกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นย่อม
ทราบดีว่า คนจะเรียนรู้ภาษาให้ซาบซึ้งสามารถใช้ภาษาเข้าสู่สังคมและวัฒนธรรม สามารถใช้ภาษาได้
อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสังคมวัฒนธรรมตามสถานการณ์ได้ในทุกทักษะของภาษา และโดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งผู้ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ดีจะมีโอกาสในการจ้างงาน และได้รับการสนับสนุน
ส่งเสริมในงานในหน้าที่ให้ยิ่งขึ้นไป มากกว่าผู้ที่ไม่มีทักษะทางภาษาเลย ดังตัวอย่างที่หน่วยงานห้างร้าน
บริษัทที่ประกาศรับพนังงาน แต่แนบท้ายด้วยคาว่ามีความสามารถทางภาษาที่สามารถติดต่อสื่อสารได้
นั่นก็คือต้องมีทักษะการฟังและการพูดเป็นอย่างน้อย
อันเนื่องจากภาษาอังกฤษมีการใช้กันทั่วโลกมากกว่าภาษาอื่นๆ มีการเรียนการสอนกันทั่วโลก
มากกว่าภาษาอื่นจึงคิดให้เป็นภาษาสากลที่ติดต่อสื่อสารได้ทั่วโลก การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
ประการแรกน่าจะใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ เช่นเดียวกับการที่
เราเรียนรู้ภาษาแรกจากพ่อแม่ พี่เลี้ยง เป็นการเรียนรู้แบบธรรมชาติ ไม่จาเป็นต้องท่องศัพท์ แปล หรือ รู้
หลักไวยากรณ์ ดังนั้นการเรียนการสอนในระดับเริ่มเรียนรู้ภาษานั้น คงต้องเน้นการมีส่วนร่วมทางภาษา
ให้มากที่สุด คือผู้เรียนต้องเรียนรู้จากการฟังและพูดอย่างเป็นธรรมชาติจนเกิดทักษะ เริ่มจากการพูดใน
ชีวิตประจาวันในครอบครัว แล้วค่อยขยายออกไปสู่โลกภายนอกมากขึ้น เพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ใน
การศึกษาขั้นสูงขึ้น การสอนทักษะการพูดและการฟังจึงเป็นสิ่งสาคัญยิ่ง และผู้สอนอันเป็นต้นแบบ
จะต้องพัฒนาความรู้ทางภาษาให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาให้มากที่สุด มิฉะนั้นแล้วจะเข้าลักษณะแม่ปู
สอนลูกให้เดินให้ตรง ในเรื่องนี้ปัจจุบันแม้จะแก้ได้บ้างโดยอาศัยเทคโนโลยี ที่บันทึกเสียงการพูดคุย การ
ออกเสียงที่ถูกต้องไว้ แล้วก็ตาม แต่การแสดงความรู้สึก แสดงอารมณ์ที่เกี่ยวข้องนั้นก็ยังต้องใช้เจ้าของ
ภาษามาเป็นผู้สอนถึงจะทาให้เกิดการเรียนรู้ทางภาษาได้เร็ว การสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ จะสื่อสาร
กันได้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องฟังรู้เรื่องก่อนแล้วจึงจะทาให้สามารถพูดโต้ตอบได้ หรือพูดได้ พูดเป็น หรือใช้
เป็น และเป็นประโยชน์
นอกจากการโต้ตอบแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศกันก็คงรวมไปถึงการเล่าเรื่อง บรรยาย แสดง
ความคิด ความเห็น ความรู้สึก วิพากษ์วิจารณ์ ซึงก็ต้องมีการประเมินที่ได้ยินได้ฟังมา จากการวิเคราะห์
สังเคราะห์อีกทีหนึ่ง จึงถือว่าสุดยอดในการเรียนรู้ทางภาษา และจากที่ประเทศเรากาลังประสบกับภาวะ
วิกฤติทางเศรษฐกิจ ตากเศรษฐกิจกระแสโลก และวิกฤติการเมือง กาเรียนรู้ภาษาให้แตกฉานก็เป็นการ
ช่วยบรรเทาภาวะทางเศรษฐกิจในขณะนี้ได้ อันเนื่องมาจากที่รัฐบาลประกาศให้การท่องเที่ยวเป็นวาระ
แห่งชาติ การเข้าใจเรียนรู้ภาษาต่างประเทศจะทาให้การติดต่อสื่อสารกับชาวต่างประเทศที่จะเข้ามา
ท่องเที่ยวประเทศไทยดีขึ้น เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจให้เข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น
สถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ น่าจะมีส่วนส่งเสริม ช่วยเหลือประเทศในแง่นี้ได้
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
___________________________________________________________________