Minerals
- 3. แร่ ( Mineral) ธาตุหรือสารประกอบอนินทรีย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ มีสูตรเคมีและสมบัติอื่นๆ ที่แน่นอนหรือเปลี่ยนแปลงได้ในวงจำกัด ฟลูออไรต์ CaF 2 แคลไซต์ CaCO 3 อะซูไรต์ Cu 3 (CO 3 ) 2 (OH) 2 ควอตซ์ Si O 2 ทองแดง Cu
- 4. แร่ ( Minerals) แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ 1. แร่ประกอบหิน ( Rock Forming Minerals) 2. แร่เศรษฐกิจ (Economic Minerals)
- 5. หมายถึง แร่ต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของหินและใช้เป็นหลักในการจำแนกชนิดของหินด้วย แร่ประกอบหินที่สำคัญได้แก่ ควอตซ์ เฟลด์สปาร์ โอลิวีน ไมกา แอมฟิโบล ไพรอกซีน และ แคลไซต์ แร่เฟล์ดสปาร์ แร่ควอตซ์ แร่สีเข้ม หินแกรนิต แร่ประกอบหิน (Rock Forming Minerals)
- 6. แร่เศรษฐกิจ (Economic Minerals) หมายถึง แร่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ หรือ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท 1. แร่โลหะ (Metallic Minerals) 2. แร่อโลหะ (Non-metallic Minerals) หรือ แร่อุตสาหกรรม ( Industrial Minerals) แร่กาลีนา แร่เฮมิมอร์ไฟต์ แร่แบไรต์
- 11. คือ แร่ที่มีธาตุโลหะเป็นส่วนประกอบ สำคัญ สามารถนำไปถลุงหรือแยกเอาโลหะในแร่มาใช้ประโยชน์ เช่น แร่ทองคำ ดีบุก สังกะสี เหล็ก เงิน ตะกั่ว ฯลฯ 1. แร่โลหะ (Metallic Minerals) แร่ไพไรต์ แร่ทองแดง แร่ทองคำ
- 13. คือ วัสดุที่มีกำเนิดมาจากการทับถมตัวของพวก พืช สัตว์ และอินทรียสารอื่นๆ จนสลายตัวและเกิดปฏิกิริยากลายเป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติ นิยมจัดเป็นแร่โดยอนุโลม ได้แก่ ถ่านหิน หินน้ำมัน น้ำมันดิบ และ ก๊าซธรรมชาติ 3. แร่เชื้อเพลิง (Mineral Fuels) ถ่านหิน หินน้ำมัน
- 14. คือ แร่หรือหินที่มีคุณค่า ความสวยงาม หรือเมื่อนำมาเจียระไน ตัด ฝน หรือขัดมันแล้วสวยงาม เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องประดับได้ โดยต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ สวยงาม ทนทานและหายาก โดยทั่วไปสามารถจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ เพชร (Diamond) และพลอย (Coloured Stones) 4. แร่รัตนชาติ (Gems หรือ Gemstones) อำพัน บุษราคัม ทับทิม
- 15. กรวด หิน ดิน ทราย เกิดจากการผุพังของหินเดิม อาจเป็นหินอัคนี หินชั้นหรือหินแปรและ ประกอบด้วยแร่ชนิดหนึ่งหรือหลายชนิด มักนำมาใช้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นวัสดุก่อสร้าง 5. กรวด หิน ดิน ทราย ( Gravel, Rock, Soil, Sand) หินแกรนิตสีแดง หินทราย กรวด
- 16. การจำแนกแร่โดยอาศัยส่วนประกอบทางเคมี 1. ธาตุธรรมชาติ (Native Elements) 2. ซัลไฟด์ (Sulphides) 3. ซัลโฟซอลต์ (Sulphosalt) 4. ออกไซต์ (Oxide) 5. แฮไลต์ (Halide) 6. คาร์บอเนต (Carbonate) 7. ซัลเฟต (Sulphates) 8. ทังสเตต (Tungstates) 9. ฟอสเฟต (Phosphates) 10. ซิลิเกต ( Silicate)
- 19. รูปผลึก (Habits) เป็นรูปร่างภายนอกของแร่ชนิดต่างๆ ที่มองเห็นได้ มักจะเกิดเป็นผลึกและมีการเติบโตขยายออกเป็นรูปร่างเห็นเด่นชัดเฉพาะตัว เช่น การ์เนต พบเป็นลักษณะรูปแบบกลมคล้ายลูกตะกร้อ สปิเนลพบในลักษณะแบบแปดหน้ารูปปิรามิด ควอตซ์พบในลักษณะแบบหกเหลี่ยม การ์เนต ควอตซ์ สปิเนล
- 21. สี (Colour) แร่แต่ละชนิดอาจมีสีเดียว หรือหลายสีขึ้นอยู่กับชนิดแร่ประมาณของมลทิน ทำให้ใช้สีเป็นตัวบ่งบอกชนิดได้ แต่ต้องพิจารณาคุณสมบัติอื่นๆ ประกอบ เช่น แร่ฟลูออไรต์ (Fluorite) อาจมีสีม่วง เขียว อะซูไรต์ แบไรต์ ฟลูออไรต์ แคลไซต์ เบริล ควอตซ์ สีม่วง ทัวร์มาลีน
- 22. สีผงละเอียด ( Streak) สีผงละเอียดของแร่มักจะต่างกับสีของตัวแร่เอง สมารถทดสอบได้ โดยนำแร่ไปขูดหรือขีดบนแผ่นกระเบื้องที่ไม่เคลือบ หรือ แผ่นขูดสี (streak plate) แร่ฮีมาไทต์ สีน้ำตาลแดง สีดำ แคลโคไพไรต์ ไพโรลูไซต์ สีขาว ทัลก์ ฟลูออไรต์ สีเหลือง ออร์พิเมนต์ ซัลเฟอร์
- 23. แนวแตกเรียบ ( Cleavage) ไมกา เป็นลักษณะรอยแตกของแร่ที่เกิดขื้นในแนวระนาบเรียบเนื่องจากโครงสร้างอะตอมภายในผลึก รอยแตก แบบนี้จะขนานไปตามผิวหน้าของแร่ ออร์โทเคลส กาลีนา ฟลูออไรต์ แคลไซต์
- 25. รอยแตก ( Fracture) รอยแตกของแร่ที่ไม่มีทิศทางแน่นอน และพื้นผิวรอยแตกไม่เป็นระนาบเรียบ แต่มีลักษณะต่างๆ กัน 1. รอยแตกโค้งเว้า ( Conchoidal) 2. รอยแตกแบบเสี้ยน (Splintery) 3. รอยแตกหยักแหลม (Hackly) 4. รอยแตกขรุขระ (Uneven) 5. รอยแตกเรียบ (Even) ควอตซ์ ยิปซัม ทองแดง โรโดโครไซต์ คาลซิโดนี
- 26. ควอตซ์ วาวแก้ว กาลีนา วาวโลหะ ความวาว ( Luster) เป็นลักษณะที่สามารถพบได้บนผิวแร่เนื่องจากการตกกระทบและเกิดการสะท้อนของแสง การตกกระทบและการสะท้อนของแสง แสงตกกระทบ แสงสะท้อน วาวแบบอโลหะ ( Non - metallic luster) วาวแบบโลหะ ( Metallic luster)
- 27. ความแข็ง (Hardness) เป็นความทนทานของแร่ต่อการขูดขีด สามารถจำได้ตามลำดับความแข็งมาตรฐาน เรียกว่า Moh’s Scale Hardness ทัลก์ ยิปซัม แคลไซต์ ฟลูออไรต์ อะพาไทต์ ออร์โทเคลส ควอตซ์ โทแพช คอรันดัม เพชร 4 2 3 6 5 1 7 8 9 10
- 28. สเกลความแข็งของโมล ค่าความแข็ง แร่ วัตถุที่ใช้ทดสอบ 1 ทัลก์ ปลายนิ้ว 2 ยิปซัม เล็บ 3 แคลไซต์ เหรียญบาท 4 ฟลูออไรต์ มีดพก 5 อพาไทต์ กระจก 6 ออร์โทเคลส เหล็กกล้า 7 ควอรซต์ กระเบื้อง 8 โทปาส - 9 คอรันดัม ( พลอย ) - 10 เพชร -
- 29. การเรืองแสง ( Fluorescence) เป็นคุณสมบัติของแร่บางชนิดที่มีการเรืองแสดงเมื่ออยู่ภายใต้แสงอัลตราไวโอเลตหรือเอกซเรย์ หรือ แคโทดเรย์จะเรืองแสง เรียกว่า Fluorescent วิลเลไมต์ ( สีเขียว ) แคลไซต์ ( สีส้ม ) สแคโพไลต์ ( สีทอง ) ฟลูออไรต์
- 33. การตรวจดูการละลายในกรด ใช้ตรวจดูการละลาย สีของสารละลาย และผลของการละลายด้วยซึ่งจะทำให้รู้ว่าเป็นแร่ชนิดใด เช่น พวกเหล็กส่วนมากจะให้สารละลายสีเหลืองหรือเหลืองน้ำตาล พวกทองแดงจะให้สีฟ้าหรือสีเขียวโดยใช้ตัวอย่างกรดเข้มข้นต่างๆ ได้แก่ กรดเกลือ (HCl) กรดดินประสิว (HNO 3 ) กรดกำมะถัน (H 2 SO 4 ) เป็นต้น แร่บด แต่ละโมเลกุลของแร่หรือสารประกอบ NaCl การแตกตัวของอิออนซึ่งจะให้สีที่ต่างกัน
- 34. การตรวจด้วยเปลวไฟ ท่อเป่าแล่น ( blow pipe) ใช้เปลวไฟมีกำลังร้อนแรงประมาณ 120 - 1,500 ซ ในการพ่นสู่เศษชิ้นแร่หรือ ผงแร่ ซึ่งแร่จะแสดงการเพิ่มและลดของเปลวไฟที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับส่วนประกอบทางเคมีของแร่ เปลวไฟลดออกซิเจน (reducing flame) เปลวไฟเพิ่มออกซิเจน (oxidizing flame) แร่ แร่ ตะเกียง ท่อเป่าแล่น ท่อเป่าแล่น ตะเกียง
- 35. การตรวจดูเปลวไฟ แร่ทองแดง ให้เปลวไฟ สีน้ำเงิน แร่โปแตสเซียม ให้เปลวไฟ สีม่วง แร่โซเดียม ให้เปลวไฟ สีเหลือง แร่สตรอนเตียม ให้เปลวไฟ สีแดง แร่ แร่เมื่อเผาไฟจะแสดงสีของเปลวไฟที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับส่วนประกอบทางเคมีของแร่ชนิดนั้นๆ ตะเกียง