อาชีวะอาเซียนรวมเป็นหนึ่งเดียว

1. 1
อาชีวะอาเซียนรวมเป็นหนึ่งเดียว
“การอาชีวศึกษา” ถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นสาคัญและนโยบายเร่งด่วน ทั้งบนเวทีการประชุมผู้นาทางการศึกษาอาเซียนและ
ในเวทีการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ชาติ เห็นตรงกันว่า การ
อาชีวศึกษา เป็นเครื่องมือสาคัญในการผลิตและัันนากาลังคนช่างีมมือ เัื่อรองรับการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนใน
ปลายปมนี้ โจทย์ใหญ่ คือ การผลิตและัันนากาลังคนให้มีคุณภาั ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน อย่างเัียงัอกับความ
ต้องการของแต่ละประเทศ และของภูมิภาคโดยรวม สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จึงได้ร่วมกับ สานักงาน
เลขาธิการรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีเมส) และบริติช เคานซิล จัดประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านอาชีวศึกษา
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศคู่ค้าที่สาคัญ ภายใต้หัวข้อ “การสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ัร้อมประสานมั่นสู่
สากล” ขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้บริหารการอาชีวศึกษาจากประเทศเมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน
ฟิลิปปินส์ ลาว กัมัูชา ติมอร์เลสเต จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และ ไทย เข้าร่วมระดมความคิดเห็น หลัง
การประชุมอย่างเข้มข้นที่ประชุมได้มีมติออก “แถลงการณ์ร่วม เชียงใหม่ เัื่อการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ัร้อม
ประสานมั่นสู่สากล ด้านเทคนิคและอาชีวศึกษาและการีึกอบรม หรือ TVET แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 7 ข้อ” คือ 1. ให้มี
กิจกรรมเัื่อความร่วมมือ ในด้านการตรวจสอบ แลกเปลี่ยนัันนาการด้าน TVET ในเรื่องการประกันคุณภาัการศึกษาทั้งใน
ระดับชาติ และตามกรอบคุณวุนิการศึกษาของประเทศสมาชิกซีมีโอ โดยยึดตามกรอบคุณวุนิอ้างอิงอาเซียน หรือ AQRF 2.
ให้จัดตั้งสมาัันธ์เทคนิคและอาชีวศึกษาและการีึกอบรมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ สมาัันธ์ SEA-TVET เัื่อ
เป็นกลไกสาคัญสาหรับนักเรียนต่างชาติ กิจการการแลกเปลี่ยนบุคลากรการศึกษา ัร้อมการมีส่วนร่วมจาก

2. 2
ภาคอุตสาหกรรม 3. ให้สาขาวิชาและภาคอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว เป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีความสาคัญเป็น
อันดับแรก ในการดาเนินกิจกรรมนาร่อง สาหรับภาควิชาและอุตสาหกรรมที่มีความสาคัญรองลงมา ได้แก่ สาขาอิเล็กทรอนิกส์
สาขาแมคคาโทรนิค สาขาการผลิต สาขาเกษตร สาขาประมง และ สาขาการก่อสร้าง ซึ่งจะมีกิจกรรมความร่วมมือในลาดับ
ถัดไป 4. ให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ทรััยากรการศึกษา รวมทั้งการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ อุปกรณ์การเรียนการสอน สื่อ
ความรู้ต่าง ๆ โดยมีเว็บไซต์ www.seatvet.seameo.org เป็นเวทีหลัก ในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน 5. ให้
จัดทาแผนผังอาชีั ด้าน TVET ตามภูมิศาสตร์ัื้นที่ เัื่อเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมและองค์กรต่าง ๆ เัื่อลดปัญหาการ
ขาดแคลนแรงงาน ัร้อมทั้งสร้างเสริมให้เกิดการสร้างงานในอนาคตในภูมิภาค 6. ส่งเสริมองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น Green
TVET เทคโนเัอนัว นวัตกรรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษาและการีึกอบรม รวมถึง การีึกอบรมครู คณาจารย์และบุคลากร
การศึกษา การีึกอบรมให้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 7. ให้มีการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีในภูมิภาค
ของบุคลากรการศึกษา นักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาและการีึกอบรม รวมถึงีมมือแรงงาน ทั้งในระดับสถาบันกับสถาบัน และ
ในภาคอุตสาหกรรม เัื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ TVET ดร.ชัยัฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า แถลงการณ์ร่วมเชียงใหม่ ทั้ง 7 ข้อสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของทุกประเทศที่เป็นไปใน
ทิศทางเดียวกัน ซึ่งข้อตกลงร่วมทุกข้อล้วนเป็นประโยชน์ต่อการัันนากาลังคนของทุกประเทศ ให้ผลิตได้ตามความัร้อม ตาม
ศักยภาัของตนเอง ในมาตรฐานคุณภาัที่ใกล้เคียงกัน สามารถทางานได้ทั้งในประเทศของตนเอง และประเทศเัื่อนบ้าน ที่
สาคัญการประชุมครั้งแรกนี้ได้ก่อให้เกิดเครือข่ายการทางานในระดับผู้บริหารการอาชีวศึกษา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการัันนากาลัง
แรงงานของภูมิภาคในอนาคต ผลที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ นอกจากบรรลุเป้าหมายใหญ่เกิดข้อตกลงร่วมที่มุ่งไปสู่
ความเป็นหนึ่งเดียวของอาชีวศึกษาอาเซียนแล้ว ยังเป็นเวทีให้เด็กอาชีวศึกษาของไทยได้โชว์ศักยภาั โดย น.ส.ภาวิณี หมู่ศิริ
เลิศ นักประชาสัมัันธ์ชานาญการ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ประสานงานด้านต่างประเทศ เล่าอย่างภาคภูมิใจว่า การจัดประชุมใหญ่
ระดับนานาชาติครั้งนี้ ถือว่าจัดได้สมบูรณ์มาก ทั้ง ๆ ที่ทุกกิจกรรม ตั้งแต่การจัดห้องประชุม กิจกรรมต้อนรับ การเป็นี่าย
เลขานุการของผู้เข้าร่วมประชุมจากแต่ละประเทศ ใช้บุคลากร ครู และนักศึกษาในสังกัด สอศ.ทั้งหมด ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมต่าง
ก็ชื่นชม และเห็นถึงศักยภาัของเด็กอาชีวะไทย ที่มีความมั่นใจในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ กระตือรือร้นในการให้บริการ
และัร้อมที่จะก้าวสู่การทางานในระดับนานาชาติ การรวมเป็นหนึ่งเดียวของอาชีวศึกษาอาเซียน นอกจากจะทาให้เกิด
ความเข้มแข็งในการสร้างบุคลากรป้อนให้แก่ภูมิภาคแล้ว เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นปัจจัยสาคัญ ในการเัิ่มัลังอานาจการ
ต่อรองของอาเซียนกับเครือข่ายอื่น ๆ ในระดับโลกด้วย.
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/journal/article/503008