สุนัขพันธุ์หายาก

1. สุนัขพันธุ์หายาก
สุนัขมีต้นกาเนิดมาจากสุนัขป่ามนุษย์แถบขั้วโลกเหนือนามันมาเลี้ยงเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว
เชื่อกันว่า สุนัขป่าตัวแรกนั้น เกิดขึ้นเมื่อ 100 ล้านปีก่อน การอพยพข้ามถิ่นและทวีปต่างๆ
ทาให้สุนัขมีหลายสายพันธุ์ ชาวจีนมีความเชื่อว่าสุนัขที่ชื่อ Fuมีความซื่อสัตย์ และนาความเจริญมาให้
เป็นสุนัขคล้ายพันธุ์ปักกิ่ง “อนูบิส” ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าอียิปต์ที่ตัวเป็นคน หัวเป็นสุนัข
และเชื่อว่าสามารถส่งวิญญาณมนุษย์ได้ สุนัขพันธุ์ที่เรียกได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ต้นตระกูลคือพันธุ์สุนัขทองที่มี
อยู่อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ต่อมามีสุนัขป่าอีกพันธุ์หนึ่งที่มนุษย์นามาเลี้ยงมีชื่อภาษาละตินว่า
Conis Lupees ซึ่งแปลว่าสุนัขป่า สุนัขป่าชนิดนี้จะเชื่องกว่าสุนัขธรรมดา มีขนยาว หางเป็นแผง หูตั้ง
กระดูกแก้มโหนก และหางของมันจะเอนขึ้นข้างบน มีนิสัยรักอิสระกว่าสุนัขทอง
สุนัขป่านี้เมื่อมาอยู่กับมนุษย์ก็ผสมพันธุ์กับสุนัขทอง ออกลูกหลานสืบมาเป็นสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย
พันธุ์สุนัขที่เห็นทุกวันนี้ได้รับเชื้อสายมาจากสุนัขพันธุ์ทองเกือบทั้งหมด การค้นคว้าวิจัยและศึกษาเรื่องราวข
องสุนัข ได้มีขึ้นในประเทศอังกฤษ ในแถบยุโรปและอเมริกา แล้วจึงแพร่หลายไปในส่วนต่าง ๆของโลก
ในสหรัฐอเมริกาได้มีการจัดตั้งเป็นสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขขึ้นในปี ค.ศ. 1878 (พ.ศ. 2421)
สุนัขพันธุ์แท้ชนิดแรกที่ได้จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาคือ สุนัขพันธุ์อิงลิชเซทเตอร์
ในประเทศอังกฤษได้มีการรวบรวมกันตั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขขึ้นเช่นกันในปี ค.ศ. 1859 (พ.ศ. 2402)
ในครั้งแรกสมาคมนี้ได้รับรองให้จดทะเบียนสุนัขพันธุ์แท้ได้ 40 สายพันธุ์
และได้จัดวิธีการรับรองสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อความเหมาะสมถึง 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1881(พ.ศ. 2424)
สมาคมนี้ได้ให้การรับรองพันธุ์แท้ต่างๆ รวมเป็นจานวน 46พันธุ์
การแก้ไขเพิ่มเติมการรับรองเป็นสุนัขพันธุ์แท้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อปี ค.ศ. 1974(พ.ศ. 2417)
ได้มีสุนัขที่ให้การรับรองทั้งหมด 100 สายพันธุ์สาหรับในประเทศไทยนั้น
ก็มีผู้สนใจการเลี้ยงสุนัขรวบรวมกันจัดตั้งสมาคมขึ้นเช่นกัน
โดยปรารถนาจะส่งเสริมบารุงและอานวยประโยชน์ให้แก่ผู้เลี้ยงสุนัขเหมือนกับต่างประเทศ โดยใช้ชื่อว่า
สมาคมผู้นิยมสุนัขแห่งประเทศไทย ได้ทาการจดทะเบียนตั้งสมาคมเมื่อปี ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498)
ถือเป็นการวางรากฐานในการเลี้ยงสุนัขขึ้นในประเทศไทยเป็นแห่งแรก
และตั้งใจที่จะให้เป็นประโยชน์แก่ผู้เลี้ยงสุนัขในประเทศไทยได้เช่นเดียวกับต่างประเทศ
ซึ่งในปัจจุบันพันธุ์สุนัขได้มีหลากหลายสายพันธุ์จึงมีสุนัขบางสายพันธุ์ที่หายากรวมถึงในประเทศไทยด้วย
มีดังนี้

2. Azawakh (อาซาวักค์)
ความเป็นมา : เป็นสุนัขที่มีถิ่นกาเนิดมาจากแถบแอฟริกา เป็นสุนัขขนสั้น ลาตัวยาว สูง ผอม ปราดเปรียว
มีนิสัยเป็นมิตร รักเจ้าของ หวงอาณาเขต เหมาะที่จะเลี้ยงไว้เฝ้ายาม จงรักภักดี และฉลาดเป็นกรด

3. Catalburun (ซาทาบูรอล)
ความเป็นมา :เป็นสุนัขนักล่าสายพันธุ์ตุรกี พอร์ยเตอร์ (Turkish Pointer) จงรักภักดี สอนง่าย เรียนรู้เร็ว
มีขากรรไกรที่แข็งแกร่งมีลักษณะพิเศษอยู่ที่จมูกที่แบ่งออกเป็นสองรู ซึ่งสามารถรับความรู้สึกของการได้กลิ่
นต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ซาทาบูรอลสามารถทนความร้อนและหนาวได้เป็นอย่างดี มีความสูงประมาณ 50
ซม. น้าหนักราว 20-25กก.
Tibetan Mastiff (ธิเบตัน มาสทิฟ)
ความเป็นมา :เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ใหญ่สุดๆ ทั่วโลกรู้จักในฉายา Big
Splash ลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์นี้คือซื่อสัตย์ สงบ และมีอัธยาศัยดี
มาสทิฟสายพันธุ์ธิเบตที่ตัวใหญ่ที่สุดเมื่อยืนจะสูง 31 นิ้ว และมีน้าหนักมากสุดสูงถึง 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว

4. Carolina Dog (แคโรไลนา)
ความเป็นมา : แคโรไลนา หรืออีกชื่อหนึ่งคือ หมาป่าอเมริกัน
เป็นสุนัขสายพันธุ์หายากที่มีต้นกาเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกาลักษณะเด่นคือ เป็นสุนัขที่มีความลาด
แข็งแกร่ง หูตั้งชัน รูปร่างสมส่วน ปรับตัวกับสภาพอากาศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
ไม่แนะนาให้เลี้ยงในอพาร์ตเม้นท์เพราะสุนัขพันธุ์นี้ชอบพื้นที่โล่งกว้าง
Peruvian Inca Orchid
ความเป็นมา : เป็นสุนัขไร้ขนหน้าตาแปลกสายพันธุ์เก่าแก่จากประเทศเปรู จะเรียกว่าไม่มีขนเลยก็ไม่ใช่
มันมีขนบางเบาอยู่บริเวณ ขา บนหัว หู และปลายหาง เหมาะสาหรับเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน
เป็นสุนัขที่นอบน้อมรักเด็ก แต่เป็นสุนัขที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว
และไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่

5. Fila Brasileiro (ฟิล่าบราซิลเลียโร่)
ความเป็นมา : เป็นน้องหมาหายากสัญชาติบราซิลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุนัขพันธุ์ดุที่สุดในโลก
น้องหมาพันธุ์นี้มีพลังงานสูง สงบ มีความมั่นใจ สามารถปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆได้ดี ฉลาด กล้าหาญ
อดทน รักเด็ก มักใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน รูปร่างสูงใหญ่
ซึ่งเจ้าของต้องมีความเป็นผู้นาและสามารถควบคุมสุนัขได้
Stabyhoun (สเตบี้ฮาวน์)
ความเป็นมา : เป็นสุนัขที่มีต้นกาเนิดที่ประเทศเนเธอแลนด์ มีนิสัยอ่อนโยน ฉลาด
มีจมูกไวต่อสิ่งแปลกปลอมรอบตัวจึงถูกนามาใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้านและจับหนู ส่วนมากมีสีขาวดา
และขาวน้าตาล ส่วนสีส้มและขาวเป็นสีที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว ปัจจุบันมีสุนัขสายพันธุ์นี้เหลืออยู่ประมาณ
2,000 ตัว

6. Tosa (โดสะ)
ความเป็นมา : เป็นสุนัขสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่ถือว่าหายากมากๆ รูปร่างสง่า ขนสั้นสีน้าตา
เป็นสุนัขที่มีกาลังมากจึงถูกนามาใช้ในการต่อสู้ ผจญภัย และเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี
Thai Ridgeback (ไทยหลังอาน)
ความเป็นมา : เป็นสุนัขสัญชาติไทยที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
และถือว่าเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวนั่นก็คือ ขนที่ขึ้นย้อนแนวทอดจากท้ายขึ้นไปตามแนวเส้นหลัง
ไทยหลังอานมีลาตัวยาวกว่าความสูงที่ไหล่เล็กน้อย กล้ามเนื้อชัดเจน ขนสั้นและเรียบ ว่องไว
กระฉับกระเฉง ร่าเริง ฉลาด ซื่อสัตย์ เเข็งเเรงเเละมีนิสัยที่มุ่งมั่น

7. Chinook (ชินุค)
ความเป็นมา : หนึ่งในสายพันธุ์อเมริกันอย่างแท้จริง Chinook ได้รับการพัฒนาในช่วงต้นทศวรรษ 1900
เป็นสุนัขลากเลื่อน มีความเป็นมิตรที่ดี และมีความสามารถในการทางานได้หลากหลายรูปแบบ
Saluki(ซาลูกิ)

8. ความเป็นมา : ซาลูกิมีถิ่นกาเนิดในประเทศอียิปต์ ในฐานะสุนัขของราชวงศ์แห่งอียิปต์
พวกเขาเป็นสุนัขที่ได้รับความชื่นชมและภาคภูมิใจว่ามีรูปร่างที่สง่างามมาก
เฉกเช่นรูปลักษณ์ของกษัตริย์ฟาโรห์ แต่เดิมชาวอาหรับนาซาลูกิไปใช้ล่ากวาง เนื่องจากพวกเขาทนกับ
สภาพอากาศแบบทะเลทราย ได้ดี สายตาว่องไว มีความสามารถในการล่าสัตว์ ซึ่งในปีค.ศ. 1840
ได้มีการนาเข้าซาลูกิยังประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก โดยถูกนาไปเลี้ยงไว้เพื่อล่ากระต่ายป่า