More Related Content More from Wannarat Kasemsri More from Wannarat Kasemsri (20) งานนำเสนอลิ้งค์ สัตว์ (1)2. สัตว์สงวน 15 ชนิดได้แก่
นกเจ้าฟ้ าหญิงสิรินธร
PSEUDOCHELIDON
SIRINTARAE
แรด
RHINOCEROS
SONDAICUS
กระซู่
DICERORHINUS
SUMATRENSIS
กูปรีหรือโคไพร
BOS SAUVELI
ควายป่ า
BUBALUS BUBALIS
ละองหรือละมั่ง
CERVUS ELDI
NEXTBACK HOME
3. สัตว์สงวน 15 ชนิดได้แก่ (ต่อ)
สมันหรือเนื้อสมัน
CERVUS
SCHOMBURKI
กวางผา
NAEMORHEDUS
GRISEUS
นกแต้วแล้วท้องดา
PITTA GURNEYI
นกกระเรียน
GRUS ANTIGONE
แมวลายหินอ่อน
PARDOFELIS
MARMORATA
สมเสร็จ
TAPIRUS INDICUS
เก้งหม้อ
MUNTIACUS FEAI
พะยูนหรือหมูน้า
DUGONG
DUGON
เลียงผา,เยือง,กูรา,โครา
CAPRICORNIS
SUMATRAENSIS
NEXTBACK HOME
4. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2557
ชื่อโครงงาน สัตว์ป่ าสงวน
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1. นางสาว ศิริญาณี ลิ้มทองเจริญ เลขที่ 25 ชั้น ม.6 ห้อง 6
2.นางสาว วรรณรัตน์ เกษมศรี เลขที่ 42 ชั้น 6 ห้อง 6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2557
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
6. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ปัจจุบันสัตว์ป่าสงวนเป็นสัตว์หายาก, ใกล้จะสูญพันธุ์ หรืออาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว จึงจาเป็นต้องมีบทบัญญัติ
เข้มงวดกวดขัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่สัตว์ป่าที่ยังมีชีวิตอยู่หรือซากสัตว์ป่า ต่อมาเมื่อสถานการณ์ของสัตว์ป่า
ในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป สัตว์ป่าหลายชนิดมีแนวโน้มถูกคุกคามเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก จึงได้คิดจะนาเสนอ
เกี่ยวกับสัตว์ที่เราอาจจะไม่ได้เคยพบเจอ ไม่เคยรู้จักและเป็นการสะท้อนถึงปัญหาที่เราควรจะรู้ เพื่ออนุรักษ์เหล่านี้ให้
ยังคงอยู่ในธรรมชาติ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อต้องการเสนอแนวคิดเกี่ยวกับอนุรักษ์สัตว์ป่า
2.เพื่อที่จะได้รู้จักสัตว์ที่มีแนวโน้มใกล้จะสูญพันธุ์
3.เพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นของธรรมชาติ ที่เกิดจากฝีมือคน
4.เพื่อเป็นสื่อการศึกษาแก่ผู้สนใจ
ขอบเขตโครงงาน
-สามารถนาแนวคิดเหล่านี้มาร่วมอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่ า
-ทาให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ
8. ลำดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดำห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงำน *
2 ศึกษำและค้นคว้ำข้อมูล * * *
3 จัดทำโครงร่ำงงำน *
4 ปฏิบัติกำรสร้ำงโครงงำน * * * *
5 ปรับปรุงทดสอบ *
6 กำรทำเอกสำรรำยงำน *
7 ประเมินผลงำน *
8 นำเสนอโครงงำน *
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
11. หมายถึง
สัตว์ป่าสงวน หมายถึง สัตว์ป่าที่หายาก กาหนดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนและ
คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๐๓ จานวน ๙ ชนิด เป็นสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด ได้แก่ แรด
กระซู่ กูปรี ควายป่า ละองหรือละมั่ง สมัน เนื้อทราย เลียงผา และกางผา สัตว์ป่าสงวนเหล่านี้
หายาก หรือใกล้จะสูญพันธุ์หรืออาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
NEXTBACK HOME
13. ลักษณะ
นกนางแอ่นที่มีลาตัวยาว๑๕ เซนติเมตร สีโดยทั่วไปมีสีดาเหลือบเขียวแกมฟ้าโคนหางมีแถบสีขาว ลักษณะเด่นได้แก่ มีวงสี
ขาวรอบตา ทาให้ดูมีดวงตาโปนโตออกมาจึงเรียกว่านกตาพองนกที่โตเต็มวัย มีแกนขนหางคู่กลางยื่นยาวออกมา๒เส้น
NEXTBACK HOME
15. สถานภาพ
นกชนิดนี้สารวจพบครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑จังหวัดนครสวรรค์หลังจากการค้นพบครั้งแรกแล้วมีรายงานพบ
อีก ๓ ครั้ง แต่มีเพียง ๖ ตัวเท่านั้นนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร เป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ.
๒๕๓๕
HOME
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์
มีอยู่น้อยมากเพราะเป็นนกชนิดที่โบราณที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันแต่ละปีในฤดูหนาวจะถูกจับไปพร้อมๆกับนกนางแอ่นชนิด
อื่น นอกจากนี้ที่พักนอนในฤดูหนาวคือ ดงอ้อ และพืชน้าอื่นๆที่ถูกทาลายไปโดยการทาการประมงการเปลี่ยนหนองบึงเป็นนา
ข้าว และการควบคุมระดับน้าในบึงเพื่อการพัฒนาหลายรูปแบบสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดผลเสียต่อการคงอยู่ของพืชน้าและต่อนก
เจ้าฟ้าหญิงสิรินธรมาก
BACK
17. ลักษณะ
แรดจัดเป็นสัตว์จาพวกมีกีบ คือมีเล็บ ๓ เล็บทั้งเท้าหน้าและเท้าหลังตัวโตเต็มวัยมีความสูงที่ไหล่ ๑.๖-๑.๘ เมตร น้าหนักตัว
๑,๕๐๐-๒,๐๐๐กิโลกรัม แรดมีหนังหนาและมีขนแข็งขึ้นห่างๆสีพื้นเป็นสีเทาออกดาส่วนหลังมีส่วนพับของหนัง ๓ รอย
บริเวณหัวไหล่ด้านหลังของขาคู่หน้า และด้านหน้าของขาคู่หลังแรดตัวผู้มีนอเดียวยาวไม่เกิน ๒๕ เซนติเมตรส่วนตัวเมียจะ
เห็นเป็นเพียงปุ่มนูนขึ้นมา
NEXTBACK HOME
19. เขตแพร่กระจาย
แรดมีเขตกระจายตั้งแต่ประเทศบังคลาเทศพม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนามลงไปทางแหลมมลายูสุมาตรา และชวา ปัจจุบันพบ
น้อยมากจนกล่าวได้ว่าเกือบจะหมดไปจากผืนแผ่นดินใหญ่ของทวีปเอเชียแล้วเชื่อว่ายังอาจจะมีคงเหลืออยู่บ้างทางเทือกเขา
ตะนาวศรีและในป่าลึกตามแนวรอยต่อจังหวัดระนองพังงาและสุราษฎร์ธานี
สถานภาพ
ปัจจุบันแรดจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน ๑๕ ชนิดของประเทศไทยและจัดอยู่ในAppendix 1 ของอนุสัญญา
CITES ทั้งยังเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ตามU.S.Endanger Species
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์
เช่นเดียวกับแรดที่พบบริเวณอื่นๆ ที่พบในประเทศไทยถูกล่าและทาลายอย่างหนักเพื่อต้องการนอหรือส่วนอื่นๆเช่น กระดูก
เลือด ฯลฯ ซึ่งมีคุณค่าสูงยิ่งเพื่อใช้ในการบารุงและยาอื่นๆนอกจากนี้บริเวณป่าที่ราบที่แรดชอบอาศัยอยู่ก็หมดไปกลายเป็น
บ้านเรือนและเกษตรกรรมจนหมด
HOMEBACK
21. ลักษณะ
กระซู่เป็นสัตว์จาพวกเดียวกับแรด แต่มีลักษณะลาตัวเล็กกว่าตัวโตเต็มวัยมีความสูงที่ไหล่ ๑-๑.๕ เมตร น้าหนักประมาณ
๑,๐๐๐ กิโลกรัมมีหนังหนาและมีขนขึ้นปกคลุมทั้งตัวโดยเฉพาะในตัวที่มีอายุน้อยซึ่งขนจะลดน้อยลงเมื่อมีอายุมากขึ้น สีลาตัว
โดยทั่วไปออกเป็นสีเทา คล้ายสีขี้เถ้าด้านหลังลาตัว จะปรากฏรอยพับของหนังเพียงพับเดียวตรงบริเวณด้านหลังของขาคู่หน้า
กระซู่ทั้งสองเพศมีนอ๒ นอ นอหน้ามีความยาวประมาณ ๒๕ เซนติเมตรส่วนนอหลังมีความยาวไม่เกิน ๑๐ เซนติเมตรหรือ
เป็นเพียงตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมีย
NEXTBACK HOME
22. อุปนิสัย
กระซู่ปีนเขาได้เก่ง มีประสาทรับกลิ่นดีมากออกหากินในเวลากลางคืน อาหาร ได้แก่พวกใบไม้และผลไม้ป่าบางชนิด
ปกติกระซู่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์หรือตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน ตกลูกครั้งละ๑ ตัว มีระยะตั้งท้อง๗-๘
เดือน ในที่เลี้ยงกระซู่มีอายุยืน ๓๒ปี
ที่อยู่อาศัย
กระซู่อาศัยอยู่ตามป่าเขาที่มีความหนารกทึบ ลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่าในตอนปลายฤดูฝนซึ่งในระยะนั้นมีปรักและน้าอยู่
ทั่วไป
NEXTBACK HOME
23. เขตแพร่กระจาย
กระซู่มีเขตแพร่กระจายตั้งแต่แคว้นอัสสัมในประเทศอินเดีย บังคลาเทศ พม่า ไทยเวียดนาม มลายู สุมาตรา และบอเนียวในประเทศ
ไทยมีรายงานว่าพบกระซู่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหลายแห่งได้แก่ ภูเขียวจังหวัดชัยภูมิ เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ห้วยขาแข้ง
จังหวัดอุทัยธานีทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี และคลองแสง จังหวัดสุราษฏร์ธานีและในบริเวณอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง
ได้แก่ แก่งกระจานจังหวัดเพชรบุรีและเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลาและบริเวณป่ารอยต่อระหว่างประเทศกับมาเลเซีย
สถานภาพ
ปัจจุบันกระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน ๑๕ ชนิดของประเทศไทย อนุสัญญา CITES จัดไว้ใน Appendix I
และ U.S. Endanger Species Act จัดไว้ในพวกที่ใกล้จะสูญพันธุ์
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์
กระซู่ปัจจุบันใกล้จะสูญพันธุ์ไปจากโลก เนื่องจากถูกล่าเพื่อเอานอและอวัยวะทุกส่วนของตัวซึ่งมีฤทธิ์ในทางเป็นยา กระซู่จึง
ถูกล่าอยู่เนืองๆประกอบกับกระซู่มีอยู่ในธรรมชาติน้อยและประชากรแต่ละกลุ่มและแม้แต่กลุ่มเดียวกันก็อยู่ห่างกันมากไม่มี
โอกาสจับคู่ขยายพันธุ์ได้
HOMEBACK
25. ลักษณะ
กูปรีเป็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับ กระทิงและวัวแดงเมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่ไหล่ ๑.๗-๑.๙ เมตร น้าหนัก ๗๐๐-๙๐๐
กิโลกรัมตัวผู้มีขนาดลาตัวใหญ่กว่าตัวเมียมาก สีโดยทั่วไปเป็นสีเทาเข้มเกือบดา ขาทั้ง ๔มีถุงเท้าสีขาวเช่นเดียวกับกระทิง ใน
ตัวผู้ที่มีอายุมากจะมีเหนียงใต้คอยาวห้อยลงมาจนเกือบจะถึงดินเขากูปรีตัวผู้กับตัวเมียจะแตกต่างกันโดยเขาตัวผู้จะโค้งเป็นวง
กว้าง แล้วตีวงโค้งไปข้างหน้าปลายเขาแตกออกเป็นพู่คล้ายเส้นไม้กวาดแข็งตัวเมียมีเขาตีวงแคบแล้วม้วนขึ้นด้านบนไม่มีพู่ที่
ปลายเข
NEXTBACK HOME
26. อุปนิสัย
อยู่รวมกันเป็นฝูง ๒-๒๐ ตัว กินหญ้า ใบไม้ดินโป่งเป็นครั้งคราวผสมพันธุ์ในราวเดือนเมษายน ตั้งท้องนาน๙ เดือนจะพบ
ออกลูกอ่อนประมาณเดือนธันวาคมและมกราคมตกลูกครั้งละ ๑ตัว
ที่อยู่อาศัย
ปกติอาศัยอยู่ตามป่าโปร่งที่มีทุ่งหญ้าสลับกับป่าเต็งรังและในป่าเบญจพรรณที่ค่อนข้างแล้ง
NEXTBACK HOME
27. เขตแพร่กระจาย
กูปรีมีเขตแพร่กระจายอยู่ในไทย เวียดนาม ลาวและกัมพูชา
สถานภาพ
ประเทศไทยมีรายงานว่าพบกูปรีอยู่ตามแนวเทือกเขาชายแดนไทย-กัมพูชาและลาวเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕มีรายงานพบกูปรีใน
บริเวณเทือกเขาพนมดงรักกูปรีจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน๑๕ชนิดของประเทศไทย และอยู่ในAppendix
I ตามอนุสัญญาCITES
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์
ปัจจุบันกูปรีเป็นสัตว์ป่าที่หายากกาลังใกล้จะสูญพันธุ์หมดไปจากโลกเนื่องจากการถูกล่าเป็นอาหารและสภาวะสงครามใน
แถบอินโดจีนซึ่งเป็นแหล่งอาศัยเฉพาะกูปรีทาให้ยากในการอยู่ร่วมกันในการอนุรักษ์กูปรี
HOMEBACK
29. ลักษณะ
ควายป่าเป็นสัตว์ชนิดเดียวกับ ควายบ้าน แต่มีลาตัวขนาดลาตัวใหญ่กว่ามีนิสัยว่องไว และดุร้ายกว่าควายบ้านมาก ตัวโตเต็มวัย
มีความสูงที่ไหล่เกือบ ๒ เมตรน้าหนักมากกว่า ๑,๐๐๐ กิโลกรัม สีลาตัวโดยทั่วไปเป็นสีเทาหรือสีน้าตาลดา ขาทั้ง ๔ สีขาวแก่
หรือสีเทาคล้ายใส่ถุงเท้าสีขาวด้านล่างของลาตัวเป็นลายสีขาวรูปตัววี (V ) ควายป่ามีเขาทั้ง ๒เพศเขามีขนาดใหญ่กว่าควาย
เลี้ยง วงเขากางออกกว้างโค้งไปทางด้านหลังด้านตัดขวางเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายเขาเรียวแหลม
NEXTBACK HOME
30. อุปนิสัย
ควายป่าชอบออกหากินในเวลาเช้า และเวลาเย็น อาหารได้แก่ พวกใบไม้หญ้าและหน่อไม้หลังจากกินอาหารอิ่มแล้วควาย
ป่าจะนอนเคี้ยวเอื้องตามพุ่มไม้หรือนอนแช่ปรักโคลนตอนช่วงกลางวัน ควายป่าจะอยู่ร่วมกันเป็นฝูงฤดูผสมพันธุ์อยู่ราวๆ
เดือนตุลาคมและพฤศจิกายนตกลูกครั้งละ ๑ ตัว ตั้งท้องนาน ๑๐เดือน เท่าที่ทราบควายป่ามีอายุยืน ๒๐-๒๕ปี
NEXT
เขตแพร่กระจาย
ควายป่ามีเขตแพร่กระจายจากประเทศเนปาลและอินเดียไปสิ้นสุดทางด้านทิศตะวันออกที่ประเทศเวียดนามในประเทศไทย
ปัจจุบันมีควายป่าเหลืออยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งจังหวัดอุทัยธานี
BACK HOME
33. ลักษณะ
เป็นกวางที่มีขนาดโตกว่าเนื้อทราย แต่เล็กกว่ากวางป่าเมื่อโตเต็มวัยมีความสูงที่ไหล่ ๑.๒-๑.๓ เมตร น้าหนัก ๑๐๐-๑๕๐
กิโลกรัมขนตามตัวทั่วไปมีสีน้าตาลแดงตัวอายุน้อยจะมีจุดสีขาวตามตัวซึ่งจะเลือนกลายเป็นจุดจางๆเมื่อโตเต็มที่ในตัวเมีย แต่
จุดขาวเหล่านี้จะหายไปจนหมดในตัวผู้ตัวผู้จะมีขนที่บริเวณคอยาว และมีเขาและเขาของละองจะมีลักษณะต่างจากเขากวาง
ชนิดอื่นๆ ในประเทศไทยซึ่งที่กิ่งรับหมาที่ยื่นออกมาทางด้านหน้าจะทามุมโค่งต่อไปทางด้านหลังและลาเขาไม่ทามุมหักเช่นที่
พบในกวางชนิดอื่นๆ
NEXTBACK HOME
35. เขตแพร่กระจาย
ละองแพร่กระจายในประเทศอินเดียพม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเกาะไหหลาในประเทศไทยอาศัยอยู่ในบริเวณ
เหนือจากคอคอดกระขึ้นมา
สถานภาพ
มีรายงานพบเพียง๓ ตัว ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานีละอง ละมั่งจัดเป็นป่าสงวนชนิดหนึ่งใน ๑๕
ชนิดของประเทศไทย และอนุสัญญาCITES จัดอยู่ในAppendix
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์
ปัจจุบันละอง ละมั่งกาลังใกล้จะสูญพันธุ์หมดไปจากประเทศไทยเนื่องจากสภาพป่าโปร่งซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยถูกบุกรุกทาลาย
เป็นไร่นา และที่อยู่อาศัยของมนุษย์ทั้งยังถูกล่าอย่างหนักนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
HOMEBACK
45. ลักษณะ
เป็นนกขนาดเล็ก ลาตัวยาว ๒๑ เซนติเมตร จัดเป็นนกที่มีความสวยงามมากนกตัวผู้มีส่วนหัวสีดา ท้ายทอยมีสีฟ้าประกายสดใส
ด้านหลังสีน้าตาลติดกับอกตอนล่างและตอนใต้ท้องที่มีดาสนิทนกตัวเมียมีสีสดใสน้อยกว่าโดยทั่วไปสีลาตัวออกน้าตาลเหลือง
ไม่มีแถบดาบนหน้าอกและใต้ท้องนกอายุน้อยมีหัวและคอสีน้าตาลเหลืองส่วนอกใต้ท้องสีน้าตาลทั่วตัวมีลายเกล็ดสีดา
NEXTBACK HOME
49. ลักษณะ
เป็นนกขนาดเล็ก ลาตัวยาว ๒๑ เซนติเมตร จัดเป็นนกที่มีความสวยงามมากนกตัวผู้มีส่วนหัวสีดา ท้ายทอยมีสีฟ้าประกายสดใส
ด้านหลังสีน้าตาลติดกับอกตอนล่างและตอนใต้ท้องที่มีดาสนิทนกตัวเมียมีสีสดใสน้อยกว่าโดยทั่วไปสีลาตัวออกน้าตาลเหลือง
ไม่มีแถบดาบนหน้าอกและใต้ท้องนกอายุน้อยมีหัวและคอสีน้าตาลเหลืองส่วนอกใต้ท้องสีน้าตาลทั่วตัวมีลายเกล็ดสีดา
NEXTBACK HOME
53. ลักษณะ
แมวลายหินอ่อนเป็นแมวป่าขนาดกลาง น้าหนักตัวเมื่อโตเต็มที่ ๔-๕ กิโลกรัมใบหูเล็กมนกลมมีจุดด้านหลังใบหู หางยาวมีขน
หนาเป็นพวงเด่นชัดสีขนโดยทั่วไปเป็นสีน้าตาลอมเหลืองมีลายบนลาตัวคล้ายลายหินอ่อนด้านใต้ท้องจะออกสีเหลืองมากกว่า
ด้านหลังขาและหางมีจุดดาเท้ามีพังผืดยืดระหว่างนิ้วนิ้วมีปลอกเล็บสองชั้นและเล็บพับเก็บได้ในปลอกเล็บทั้งหมด
NEXT
BACK HOME
55. เขตแพร่กระจาย
แมวป่าชนิดนี้มีเขตแพร่กระจายตั้งแต่ประเทศเนปาลสิกขิม แคว้นอัสสัมประเทศอินเดีย ผ่านทางตอนเหนือของพม่า ไทย อิน
โดจีน ลงไปตลอดแหลมมลายูสุมาตราและบอร์เนียว
สถานภาพ
แมวลายหินอ่อนจัดเป็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่งใน ๑๕ ชนิดของประเทศไทย และอนุสัญญาCITES จัดอยู่ในAppendix I
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์
เนื่องจากแมวลายหินอ่อนเป็นสัตว์ที่หาได้ยากและมีปริมาณในธรรมชาติค่อนข้างต่าเมื่อเทียบกับแมวป่าชนิดอื่นๆจานวนจึง
น้อยมากและเนื่องจากถิ่นที่อยู่อาศัยถูกทาลายและถูกล่าหรือจับมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีราคาสูงจานวนแมวลายหินอ่อนจึงน้อยลง
ด้านชีววิทยาของแมวป่าชนิดนี้ยังรู้กันน้อยมาก
HOMEBACK
57. ลักษณะ
สมเสร็จเป็นสัตว์กีบคี่ เท้าหน้ามี ๔ เล็บ และเท้าหลังมี ๓ เล็บจมูกและริมฝีปากบนยื่นออกมาคล้ายงวงตามีขนาดเล็ก ใบหูรูป
ไข่ หางสั้นตัวเต็มวัยมีน้าหนัก ๒๕๐-๓๐๐กิโลกรัม ส่วนหัวและลาตัวเป็นสีขาวสลับดาตั้งแต่ปลายจมูกตลอดท่อนหัวจนถึง
ลาตัว บริเวณระดับหลังของขาคู่หน้ามีสีดาท่อนกลางตัวเป็นแผ่นขาว ส่วนบริเวณโคนหางลงไปตลอดขาคู่หลัง จะเป็นสีดา
ขอบปลายหูและริมฝีปากขาว ลูกสมเสร็จลาตัวมีลายเป็นแถบดูลายพร้อยคล้ายลูกแตงไทย
NEXTBACK HOME
71. เขตแพร่กระจาย
เลียงผามีเขตแพร่กระจาย ตั้งแต่แคว้นแคชเมียร์มาตามเทือกเขาหิมาลัยจนถึงแคว้นอัสสัม จีนตอนใต้พม่า อินโดจีน มลายู
และสุมาตราในประเทศไทยพบอาศัยอยู่ตามภูเขาสูงในหลายภูมิภาคของประเทศเช่น เทือกเขาตะนาวศรีเทือกเขาถนนธงชัย
เทือกเขาเพชรบูรณ์ และภูเขาทั่วไปในบริเวณภาคใต้รวมทั้งบนเกาะในทะเลที่อยู่ไม่ห่างจากแผ่นดินใหญ่มากนัก
สถานภาพ
เลียงผาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน ๑๕ ชนิดของประเทศไทยและอนุสัญญาCITES จัดเรียงผาไว้ใน
Appendix I
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์
ในระยะหลังเลียงผามีจานวนลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการล่าอย่างหนักเพื่อเอาเขา กระดูก และน้ามันมาใช้ทายาสมาน
กระดูกและพื้นที่หากินของเลียงผาลดลงอย่างรวดเร็วจากการทาการเกษตรตามลาดเขาและบนพื้นที่ที่ไม่ชันจนเกินไป
HOMEBACK