หลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภท จัดทำโดย ด . ช . ชัพวิชญ์ รัตนชมภู เลขที่  2  ม .3/3 ด . ช . ธีรวุฒิ  เลาสัตย์  เลขที่  8  ม .3/3 ด . ช . วงศธร  เสียงใส  เลขที่  13  ม .3/3 ด . ช . ศุภกิตติ์  เมืองวงค์  เลขที่  14  ม .3/3 ด . ช . เอกวรุฬห์ แสนสี  เลขที่  17  ม .3/3 เสนอ อาจารย์ จิราภรณ์  ไชยมงคล กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนฟากกว๊านวิทยาคม
เครื่องใช้ไฟฟ้า  หมายถึง  เครื่องมือที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปต่างๆที่ต้องการ  เช่น พลังงานความร้อน พลังงานเสียง พลังงานกล พลังงานเคมี
1 .  เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง   หลอดไฟเป็น อุปกรณ์ที่ใช้เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสงสว่าง เช่น หลอดไฟฟ้า หลอดไฟที่ใช้อยู่กันตามบ้านทั่วไปมี  2   ชนิด คือ หลอดไฟธรรมดา และหลอดเรืองแสง
ประเภทหลอดไฟธรรมดา หลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา  มีหลอดแบบมีไส้หรือหลอดแบบธรรมดาลักษณะของหลอดประกอบด้วยหลอดเป็นรูปกระเปาะแก้วใสมีไส้หลอดบบรรจุอยู่ภายใน
หลักการทำงานของหลอดไฟฟ้าธรรมดา หลอดไฟธรรมดา ทำงานด้วยอาศัยหลักการของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านไส้หลอดที่มีความต้านทานสูง พลังงานความไฟฟ้าจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจนทำให้ไส้หลอดร้อนจัดจนเปล่งแสงออกมาได้
หลอดไฟเรืองแสงหรือฟลูออเรสเซนต์ ( Fluorescent lamp )   ประกอบด้วยลวดเผาร้อน  ( Heater )  สองชุด บรรจุอยู่ที่ปลายสองข้างหลอดแก้ว ซึ่งฉาบด้วยสารเรืองแสงภายในหลอดแก้วบรรจุไอปรอท เมื่อเผาลวดให้ร้อนด้วยกระแสไฟฟ้า มันจะขับอิเล็กตรอนออกมาออรอบๆ ตัวมันทั้งสองเมื่อต่อลวดร้อนทั้งสองเข้ากับแรงดันประมาณ ๒๐๐ โวลต์ อิเล็กตรอนที่ถูกขับออกมานี้จะวิ่งจากลวดร้อนข้างลบ ไปยังอีกข้างหนึ่งซึ่งเป็นบวก
  หลักการทำงานของหลอดเรืองแสง     เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านไอปรอทจะคายพลังงานไฟฟ้าให้อะตอมไอปรอท ทำให้อะตอมของไอปรอทอยู่ในสภาวะถูกกระตุ้น ( excitedstate )  และอะตอมของปรอทจะคายพลังงานออกมาเพื่อลดระดับพลังงาน  ในรูปของรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งอยู่ในช่วงของแสงที่มองไม่เห็น เมื่อรังสีนี้กระทบสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ที่ผิวหลอด สารเรืองแสงจะเปล่งแสงสีต่างๆตามชนิดของสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ในหลอดนั้น
ข้อดีของหลอดเรืองแสง   1 .  เมื่อให้พลังงานไฟฟ้าเท่ากันจะให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไฟฟ้าแบบธรรมดาประมาณ  4    เท่า และมีอายุการใช้งานนานกว่าหลอดไฟฟ้าธรรมดาประมาณ  8   เท่า          2 .  อุณหภูมิของหลอดไม่สูงเท่ากับหลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา          3 .  ถ้าต้องการแสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้าธรรมดา จะใช้วัตต์ที่ต่ำกว่า จึงเสียค่าไฟฟ้าน้อยกว่า
ข้อเสียของหลอดเรืองแสง   1 .  เมื่อติดตั้งจะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าหลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา เพราะต้องใช้แบลลัสต์และสตาร์ตเตอร์ เสมอ          2 .  หลอดเรืองแสงมักระพริบเล็กน้อยไม่เหมาะในการใช้อ่านหนังสือ
อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อให้หลอดเรืองแสงทำงาน   1 .  สตาร์ตเตอร์  ( starter )  ทำหน้าที่เป็นสวิตซ์อัตโนมัติในขณะหลอดเรืองแสง ยังไม่ติดและหยุดทำงานเมื่อหลอดติดแล้ว 2.   แบลลัสต์  ( Ballast )  ทำหน้าที่เพิ่มความต่างศักย์ เพื่อให้หลอดไฟเรืองแสงติดในตอนแรกและทำหน้าที่ ควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอด ให้ลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว
2. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน   เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน  เป็นเครื่องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน โดยใช้หลักการคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านขดลวดตัวนำที่มีความต้านทานสูงๆ ลวดตัวนำนั้นจะร้อนจนสามารถนำความร้อนออกไปใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อนมาก จึงสิ้นเปลี่ยน พลังงานไฟฟ้า มากเมื่อเปรียบกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ มื่อใช้ในเวลาที่เท่ากัน     ฉะนั้นขณะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้พลังงานความร้อนจึงควร ใช้ด้วยความระมัดระวัง  ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เช่น เตารีด หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า กาต้มน้ำ เครื่องต้มกาแฟ เตาไฟฟ้า ฯลฯ
หลักการทำงานของไมโครเวฟไฟฟ้า ไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากถึง  2,450   ล้านรอบต่อวินาที มีลักษณะคล้ายกับคลื่นวิทยุ แต่มีความถี่ที่สั้นกว่า หัวใจสำคัญของเตาไมโครเวฟ คือตัวแม็กนิตรอน ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นไมโครเวฟซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพราะคลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่น มิใช่รังสี จึงไม่กระจายและสะสมในร่างกายมนุษย์
3.   เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทพลังงานกล   เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล   เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงงานกล เช่น พัดลม   เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น สว่านไฟฟ้า เป็นต้น
ส่วนประกอบที่สำคัญ   มอเตอร์  ( moter )  เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล คือ เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวด จะเกิดการเหนี่ยวนำให้เกิดอำนาจแม่เหล็ก   และจะดึงดูดกับขั้วแม่เหล็กในมอเตอร์ ทำให้ขดลวดหมุน เกิดพลังงานกลขึ้น มอเตอร์จะหมุนเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับ
4.   เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานเสียง   การทำงานของโทรศัพท์มือถือก็คือภายในเครื่องโทรศัพท์มือถือจะมีชุดกำเนิด ความถี่ซึ่งเป็นความถี่วิทย 1 ชุด และเมื่อเราเปล่งคำพูดไส่ไมโครโฟนของ โทรศัพท์ สัญญาญเสียงที่เราพูดออกไปก็จะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นไฟฟ้าจากนั้นจะ ถูกส่งไปผสมกับคลื่นความถี่ที่โทรศัพท์ผลิตออกมาหลักการก็คือ คล้ายๆกันกับ ให้คลื่นเสียงของเราขี่คลื่นที่โทรศัพท์ผลิตออกมาแล้วแพร่กระจายไปในอากาศ สู่ชุมสายของโทรศัพท์ต่อไป ซึ่งคลื่นความถี่ในปัจจุบันั้นก็มีมากมายหลาย คลื่น ซึ่งแต่ละคลืนนั้นก็มีผู้ให้บริการเป็นรายๆไป
วีธีประหยัด ไม่ควรพูดโทรศัพท์นานเกินไป ไม่ควรฟังเพลงมากเกิน
บรรณานุกรม www.google.co.th

งานครูแหว..

  • 1.
    หลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภท จัดทำโดย ด. ช . ชัพวิชญ์ รัตนชมภู เลขที่ 2 ม .3/3 ด . ช . ธีรวุฒิ เลาสัตย์ เลขที่ 8 ม .3/3 ด . ช . วงศธร เสียงใส เลขที่ 13 ม .3/3 ด . ช . ศุภกิตติ์ เมืองวงค์ เลขที่ 14 ม .3/3 ด . ช . เอกวรุฬห์ แสนสี เลขที่ 17 ม .3/3 เสนอ อาจารย์ จิราภรณ์ ไชยมงคล กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนฟากกว๊านวิทยาคม
  • 2.
  • 3.
    1 . เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง หลอดไฟเป็น อุปกรณ์ที่ใช้เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสงสว่าง เช่น หลอดไฟฟ้า หลอดไฟที่ใช้อยู่กันตามบ้านทั่วไปมี 2 ชนิด คือ หลอดไฟธรรมดา และหลอดเรืองแสง
  • 4.
  • 5.
    หลักการทำงานของหลอดไฟฟ้าธรรมดา หลอดไฟธรรมดา ทำงานด้วยอาศัยหลักการของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านไส้หลอดที่มีความต้านทานสูงพลังงานความไฟฟ้าจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจนทำให้ไส้หลอดร้อนจัดจนเปล่งแสงออกมาได้
  • 6.
    หลอดไฟเรืองแสงหรือฟลูออเรสเซนต์ ( Fluorescentlamp ) ประกอบด้วยลวดเผาร้อน ( Heater ) สองชุด บรรจุอยู่ที่ปลายสองข้างหลอดแก้ว ซึ่งฉาบด้วยสารเรืองแสงภายในหลอดแก้วบรรจุไอปรอท เมื่อเผาลวดให้ร้อนด้วยกระแสไฟฟ้า มันจะขับอิเล็กตรอนออกมาออรอบๆ ตัวมันทั้งสองเมื่อต่อลวดร้อนทั้งสองเข้ากับแรงดันประมาณ ๒๐๐ โวลต์ อิเล็กตรอนที่ถูกขับออกมานี้จะวิ่งจากลวดร้อนข้างลบ ไปยังอีกข้างหนึ่งซึ่งเป็นบวก
  • 7.
      หลักการทำงานของหลอดเรืองแสง   เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านไอปรอทจะคายพลังงานไฟฟ้าให้อะตอมไอปรอท ทำให้อะตอมของไอปรอทอยู่ในสภาวะถูกกระตุ้น ( excitedstate ) และอะตอมของปรอทจะคายพลังงานออกมาเพื่อลดระดับพลังงาน  ในรูปของรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งอยู่ในช่วงของแสงที่มองไม่เห็น เมื่อรังสีนี้กระทบสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ที่ผิวหลอด สารเรืองแสงจะเปล่งแสงสีต่างๆตามชนิดของสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ในหลอดนั้น
  • 8.
    ข้อดีของหลอดเรืองแสง 1 . เมื่อให้พลังงานไฟฟ้าเท่ากันจะให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไฟฟ้าแบบธรรมดาประมาณ 4   เท่า และมีอายุการใช้งานนานกว่าหลอดไฟฟ้าธรรมดาประมาณ 8 เท่า         2 . อุณหภูมิของหลอดไม่สูงเท่ากับหลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา         3 . ถ้าต้องการแสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้าธรรมดา จะใช้วัตต์ที่ต่ำกว่า จึงเสียค่าไฟฟ้าน้อยกว่า
  • 9.
    ข้อเสียของหลอดเรืองแสง 1 . เมื่อติดตั้งจะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าหลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา เพราะต้องใช้แบลลัสต์และสตาร์ตเตอร์ เสมอ         2 . หลอดเรืองแสงมักระพริบเล็กน้อยไม่เหมาะในการใช้อ่านหนังสือ
  • 10.
    อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อให้หลอดเรืองแสงทำงาน 1 .  สตาร์ตเตอร์ ( starter )  ทำหน้าที่เป็นสวิตซ์อัตโนมัติในขณะหลอดเรืองแสง ยังไม่ติดและหยุดทำงานเมื่อหลอดติดแล้ว 2.   แบลลัสต์ ( Ballast )  ทำหน้าที่เพิ่มความต่างศักย์ เพื่อให้หลอดไฟเรืองแสงติดในตอนแรกและทำหน้าที่ ควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอด ให้ลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว
  • 11.
    2. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน  เป็นเครื่องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน โดยใช้หลักการคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านขดลวดตัวนำที่มีความต้านทานสูงๆ ลวดตัวนำนั้นจะร้อนจนสามารถนำความร้อนออกไปใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อนมาก จึงสิ้นเปลี่ยน พลังงานไฟฟ้า มากเมื่อเปรียบกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ มื่อใช้ในเวลาที่เท่ากัน    ฉะนั้นขณะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้พลังงานความร้อนจึงควร ใช้ด้วยความระมัดระวัง  ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เช่น เตารีด หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า กาต้มน้ำ เครื่องต้มกาแฟ เตาไฟฟ้า ฯลฯ
  • 12.
    หลักการทำงานของไมโครเวฟไฟฟ้า ไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากถึง 2,450 ล้านรอบต่อวินาที มีลักษณะคล้ายกับคลื่นวิทยุ แต่มีความถี่ที่สั้นกว่า หัวใจสำคัญของเตาไมโครเวฟ คือตัวแม็กนิตรอน ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นไมโครเวฟซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพราะคลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่น มิใช่รังสี จึงไม่กระจายและสะสมในร่างกายมนุษย์
  • 13.
    3.   เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทพลังงานกล เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล   เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงงานกล เช่น พัดลม   เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น สว่านไฟฟ้า เป็นต้น
  • 14.
    ส่วนประกอบที่สำคัญ มอเตอร์ ( moter )  เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล คือ เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวด จะเกิดการเหนี่ยวนำให้เกิดอำนาจแม่เหล็ก   และจะดึงดูดกับขั้วแม่เหล็กในมอเตอร์ ทำให้ขดลวดหมุน เกิดพลังงานกลขึ้น มอเตอร์จะหมุนเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับ
  • 15.
    4.   เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานเสียง การทำงานของโทรศัพท์มือถือก็คือภายในเครื่องโทรศัพท์มือถือจะมีชุดกำเนิด ความถี่ซึ่งเป็นความถี่วิทย 1 ชุด และเมื่อเราเปล่งคำพูดไส่ไมโครโฟนของ โทรศัพท์ สัญญาญเสียงที่เราพูดออกไปก็จะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นไฟฟ้าจากนั้นจะ ถูกส่งไปผสมกับคลื่นความถี่ที่โทรศัพท์ผลิตออกมาหลักการก็คือ คล้ายๆกันกับ ให้คลื่นเสียงของเราขี่คลื่นที่โทรศัพท์ผลิตออกมาแล้วแพร่กระจายไปในอากาศ สู่ชุมสายของโทรศัพท์ต่อไป ซึ่งคลื่นความถี่ในปัจจุบันั้นก็มีมากมายหลาย คลื่น ซึ่งแต่ละคลืนนั้นก็มีผู้ให้บริการเป็นรายๆไป
  • 16.
  • 17.