เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติมคอมพิวเตอร์ ชุด เติมฝันงานสวยด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2010 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่องที่ 1 แนะนำโปรแกรม Microsoft Word 2010
เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติมคอมพิวเตอร์ ชุด เติมฝันงานสวยด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2010 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่องที่ 1 แนะนำโปรแกรม Microsoft Word 2010
3. สารบัญ
ระบบปฏิบัติการ.....................................................................................................................................................1
Microsoft Windows........................................................................................................................................1
ประวัติของ Microsoft Windows.................................................................................................................1
Linux..............................................................................................................................................................16
ประวัติของ Linux.......................................................................................................................................16
Android..........................................................................................................................................................18
ประวัติ Android.........................................................................................................................................18
ระบบไฟล์............................................................................................................................................................23
File allocation Table (FAT)........................................................................................................................23
New Technology File System (NTFS) ......................................................................................................23
High Performance File System (HPFS).....................................................................................................24
Extended File Allocation Table (exFAT).................................................................................................24
Linux file system ext2................................................................................................................................24
Linux file system ext3................................................................................................................................24
Linux file system ext4................................................................................................................................25
บรรณานุกรม.......................................................................................................................................................26
4. 1
ระบบปฏิบัติการ
Microsoft Windows
ประวัติของ Microsoft Windows
Microsoft Windows เป็นระบบปฏิบัติการ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Microsoft เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2528 และครอง
ความนิยมในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มากกว่า 90% ของการใช้งานทั่วโลก ที่มาของ Microsoft Windows
นั้นเกิดมาจากในเดือนมิถุนายน 2523 บิล เกตส์ และ พอล แอลแลน ได้ว่าจ้าง สตีฟ บัลเมอร์ อดีตเพื่อนร่วมชั้น
เรียนจากฮาร์วาร์ดของ บิล เกตส์ ให้มาช่วยพวกเขาดาเนินกิจการของบริษัท ในเดือนต่อมา IBM ได้เข้ามาติดต่อ
Microsoft เกี่ยวกับโปรเจ็กต์ที่ชื่อว่า "Chess" ด้วยเหตุนี้ Microsoft จึงได้หันมาให้ความสาคัญกับระบบปฏิบัติการ
ใหม่ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการ หรือสั่งงานฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์และยังทาหน้าที่เชื่อมช่องว่างระหว่าง
ฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์กับโปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลผลคา และยังเป็นพื้นฐานสาหรับการสั่งงาน
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย พวกเขาตั้งชื่อระบบปฏิบัติการใหม่นี้ว่า "MS‑DOS"การวางจาหน่ายพีซีของ IBM ที่ใช้
MS‑DOS ในปี 2524 ถือเป็นการเปิดตัวภาษาใหม่ให้สาธารณชนทั่วไปรู้จัก การพิมพ์ “C:” และคาสั่งที่เป็นรหัส
ต่างๆ เริ่มกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการทางานประจาวัน ผู้คนเริ่มรู้จักปุ่มแบคสแลช ()MS‑DOS ใช้งานได้ดี แต่ก็ยัง
เข้าใจได้ยากสาหรับผู้ใช้หลายๆ คน ทาให้มีความต้องการที่จะสร้างระบบปฏิบัติการที่ดีกว่านี้ ด้วยเหตุนี้จึงทาให้
Microsoft Windows ถือกาเนิดขึ้น
5. 2
รุ่นของ Microsoft Windows
Windows 1.0
ภาพหน้าจอ Windows 1.0
Windows 1.0 เป็นสภาวะการทางานรุ่นแรกของวินโดวส์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.
2528 มีสภาวะการทางานแบบ 16 บิต ที่เรียกว่า สภาวะการทางาน (Operating Environments) เพราะ
Windows 1.0 ยังไม่มีความสามารถทางานได้ด้วยตัวเอง จาเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการเฉพาะแยกต่างหาก
(ระบบปฏิบัติการดังกล่าวคือ ดอส) ซึ่งวินโดวส์จะทาหน้าที่เพียงการติดต่อกับผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้ป้อนคาสั่งใดๆ วินโดวส์
จะไปเรียกใช้ฟังก์ชันต่างๆ จากดอส เมื่อได้ผลการทางานออกมา วินโดวส์จะแสดงผลออกมายังผู้ใช้อีกทีหนึ่ง
สามารถเรียกได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการ แต่เป็นตัวแสดงผลส่วนหน้าของดอส ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน
คอมพิวเตอร์ง่ายกว่าการติดต่อกับดอสโดยตรง และตั้งแต่รุ่นแรก วินโดวส์เป็นคู่แข่งกับ แมคอินทอช ผลิตภัณฑ์
ลักษณะคล้ายกันจากบริษัท แอปเปิลคอมพิวเตอร์ แต่ในช่วงแรก ภาพการแข่งขันยังไม่ชัดเจนนัก
Windows 1.0 อยู่ในระยะการสนับสนุนของไมโครซอฟท์จนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2544
Windows 2.0
ภาพหน้าจอ Windows 2.0
Windows 2.0 เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 2.0 ยังต้องอาศัยดอส แต่มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นมาก
เมื่อเทียบกับ 1.0 เช่น สามารถเปิดหลายโปรแกรมซ้อนกันได้ และมีโปรแกรม ไมโครซอฟท์ เวิร์ด (Word) และ
เอกซ์เซล (Excel) และได้มีปุ่ม Minimize, Maximize และปุ่มลัดอื่นๆ ขึ้นเป็นครั้งแรก ในช่วงของ Windows 2.0
วินโดวส์กับแมคอินทอชมีความใกล้เคียงกันมาก จนเกิดคดีฟ้องร้องกันของบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ 2 แห่ง คือ
6. 3
ไมโครซอฟท์ และ แอปเปิล Windows 2.0 ยังไม่ประสบความสาเร็จมากนัก แต่ก็ถือว่ามีกระแสตอบรับ และการ
สนับสนุนจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มากขึ้นกว่ารุ่น 1.0 และอยู่ในการสนับสนุนของไมโครซอฟท์จนถึง 31 ธันวาคม
พ.ศ. 2544
Windows 2.1
ภาพหน้าจอ Windows 2.1
Windows 2.1 เปิดตัวในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 ยังเป็นสภาวะการทางานที่ต้องอาศัยดอส วินโดวส์รุ่นนี้มี
2 รุ่นย่อย คือ 286 และ 386 ซึ่งทางานกับโปรเซสเซอร์ Intel 80286 และ 80386 ซึ่งถือว่าประสบความสาเร็จอยู่
บ้าง แต่ไม่มากนัก ในพ.ศ. 2532 ไมโครซอฟท์ได้ออกรุ่นอัปเดตของ Windows 2.1 คือ Windows 2.11 (คล้ายกับ
ระบบ Service Pack ในปัจจุบัน) อยู่ในการสนับสนุนของไมโครซอฟท์จนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2544
Windows 3.0
ภาพหน้าจอ Windows 3.0
Windows 3.0 เปิดตัวในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 ยังต้องอาศัยดอส และโปรเซสเซอร์ตัวเดียวกับ 2.1 แต่
Windows 3.0 ได้มีการออกแบบกราฟิกในการใช้งานคอมพิวเตอร์ใหม่, มีระบบการบริหารจัดการหน่วยความจา
รอมและแรมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อน และเปลี่ยนโปรแกรมบริหารจัดการไฟล์และโปรแกรมในดอสใหม่
ทั้งหมด การเรียกใช้โปรแกรมต่างๆ ทาได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังมีโปรแกรมใหม่ที่
ติดตั้งมาพร้อมวินโดวส์ คือ โน้ตแพด, เกม Solitaire ฯลฯ ทาให้ Windows 3.0 ประสบความสาเร็จอย่างสูง และ
7. 4
เป็นคู่แข่งอย่างชัดเจนกับแมคอินทอชจากแอปเปิล
Windows 3.0 ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์จนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2544
Windows 3.1
ภาพหน้าจอ Windows 3.11
Windows 3.1 เปิดตัวเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2535 ยังต้องอาศัยดอส ในวินโดวส์รุ่นนี้ได้ออกแบบโดยมีแพลตฟอร์ม
เพื่อการพิมพ์มากขึ้น โดยได้มีฟอนต์ประเภททรูไทป์ และได้มีการลงเกม ไมน์สวีปเปอร์ มาพร้อมกับวินโดวส์เป็น
ครั้งแรก และได้มีรุ่นปรับปรุง (อัปเดต) คือรุ่น 3.11 ออกมาในวันที่31 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ซึ่งถือได้ว่าวินโดวส์
ในช่วงนี้ประสบความสาเร็จอย่างต่อเนื่อง
ในรุ่น 3.1 ได้มีการจาหน่าย Windows for Workgroups ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความสามารถสูงกว่า Windows 3.1 ทั่วไป
เช่น รองรับระบบเน็ตเวิร์ค และโพรโทคอล, เกม Hearts และได้มีการทา Windows 3.2 สาหรับวางขายเฉพาะ
ประเทศจีน โดยจะใช้อักษรจีนแสดงตัวย่อ Windows 3.1
ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์จนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2544
Windows NT 3.1
ภาพหน้าจอ Windows NT 3.1
Windows NT 3.1 เปิดตัวเมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกของวินโดวส์ สามารถทางาน
ต่างๆได้ด้วยตนเอง คอมพิวเตอร์ที่ลงวินโดวส์นี้ ไม่จาเป็นต้องลงระบบดอสอีกต่อไป เอ็นทีออกแบบมาสาหรับธุรกิจ
8. 5
ที่ต้องการประสิทธิภาพโดยเฉพาะ อีกทั้งเป็นระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิต ซึ่งวินโดวส์ตัวก่อนหน้าทั้งหมด เป็น
สภาวะการทางานแบบ 16 บิต โปรแกรม 32 บิต (ซึ่งในขณะนั้นมักเป็นโปรแกรมขั้นสูง) สามารถใช้งานกับวินโดวส์
เอ็นทีได้ แต่ไม่สามารถใช้งานกับ Windows 3.1 ได้ แต่โปรแกรม 16 บิต สามารถใช้งานกับ Windows 3.1 และ
เอ็นที ได้ เพราะเอ็นทีจะมีระบบแปลงไฟล์ ให้สามารถใช้งานในเอ็นทีได้
เอ็นที ย่อมาจาก (New Technology) มีความสามารถในการรองรับระบบสถาปัตยกรรมทางคอมพิวเตอร์ได้หลาย
ประเภท ในช่วงนี้ผู้ใช้วินโดวส์เอ็นทีส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้ใช้ตามบ้าน แต่มักเป็นลูกค้าที่ใช้คอมพิวเตอร์ในระดับสูงและ
กลุ่มนักธุรกิจ ส่วนผู้ใช้ทั่วไปในช่วงนั้นมักยังใช้ Windows 3.1 ธรรมดา Windows NT 3.1
ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์จนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2543
Windows NT 3.5
ภาพหน้าจอ Windows NT 3.5
Windows NT 3.5 เปิดตัวเมื่อ 21 กันยายน พ.ศ. 2537 เป็นรุ่นต่อของ Windows NT 3.1 จุดประสงค์หลักของ
ไมโครซอฟท์ในการพัฒนา Windows NT 3.5 คือ การเพิ่มความรวดเร็วในการทางานของวินโดวส์ รวมถึง
ความสามารถอื่นๆ เช่น VFAT ที่จะทาให้สามารถตั้งชื่อไฟล์และต่างๆ ได้ถึง 255 ตัวอักษร และความต้องการขั้น
ต่าของระบบได้ลดลงต่ากว่า NT 3.1 ด้วย ทาให้สามารถครอบคลุมเครื่องคอมพิวเตอร์ได้มากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม Windows NT 3.5 ไม่สามารถติดตั้งได้ในโน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ ที่ไม่มีไดรเวอร์สาหรับ PCMCIA
อแดปเตอร์การ์ด และไม่สามารถติดตั้งในคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่ใช้โปรเซสเซอร์รุ่นที่ใหม่กว่า Intel P4 ได้ Windows
NT 3.5 อยู่ในการสนับสนุนของไมโครซอฟท์จนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2544
9. 6
Windows NT 3.51
ภาพหน้าจอ Windows NT 3.51
Windows NT 3.51 เปิดตัวเมื่อ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 เอ็นที 3.51 สามารถทางานบนสถาปัตยกรรม RISC
เป็นเพียงวินโดวส์ไม่กี่รุ่นที่สามารถรองรับ RISC ได้ และนอกจากนี้ยังสามารถรองรับไคลเอนต์/เซิร์ฟเวอร์,
PCMCIA และระบบบีบอัดไฟล์ หรือ NTFS ได้
Windows NT 3.51 อยู่ในการสนับสนุนของไมโครซอฟท์ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2544
Windows 95
ภาพหน้าจอ Windows 95
Windows 95 หรือ Windows 4.0 (ไม่เอ็นที) เปิดตัว 24 สิงหาคม พ.ศ. 2538 เป็นวินโดวส์รุ่นต่อจาก 3.1 เป็น
วินโดวส์รุ่นแรกที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้ทั่วไป ที่ได้รวมเอาดอสเป็นส่วนหนึ่งของวินโดวส์ (ยังมีดอสอยู่ในวินโดวส์
แต่ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการแยก) สามารถทางานได้ทั้งสถานะ 16 และ 32 บิต มีการใช้สตาร์ทเมนู (ปุ่มสตาร์ทที่
มุมซ้ายล่าง) และทาสก์บาร์ (แท่งด้านล่างหน้าจอ แสดงโปรแกรมที่ใช้ และเบ็ดเตล็ดอื่นๆ) เป็นครั้งแรก ซึ่งทั้งสอง
จนถึงวินโดวส์รุ่นล่าสุด ก็ยังใช้คอนเซปต์เดียวกับวินโดวส์ 95 เพียงแต่ปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกให้ทันสมัยขึ้น
เท่านั้น ด้วยความสามารถต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดสาหรับผู้ใช้ทั่วไป Windows 95 ประสบความสาเร็จ
อย่างสูง ยอดการใช้ Windows 95 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของวินโดวส์ Windows 95
อยู่ในการสนับสนุนของไมโครซอฟท์จนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2544
10. 7
Windows NT 4.0
ภาพหน้าจอ Windows NT 4.0
Windows NT 4.0 เปิดตัวเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 โดยเน้นตลาดเน็ตเวิร์กมากขึ้น โดยจะมี interface
คล้ายกับ Windows 95 แต่ว่าระบบมีความเสถียรมากกว่า โดยการเพิ่ม API (Application Programming
Interface) เข้ามาทาให้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ติดต่อกับวินโดวส์ได้อย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน Windows
NT 4.0 ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากสาหรับบรรดากลุ่มองค์กรที่ต้องการเครื่อง server ขนาดเล็กไปจนถึงขนาด
ใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังพอมีเหลือให้เห็นอยู่บ้างในเครื่อง server รุ่นเก่าๆWindows NT 4.0 มี 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น
Workstation อยู่ในการสนับสนุนถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2547 และ รุ่น Server
อยู่ในการสนับสนุนถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2547
Windows 98
ภาพหน้าจอ Windows 98
Windows 98 หรือ Windows 4.1 (ไม่เอ็นที) เปิดตัวเมื่อ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2541 เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นต่อของ
Windows 95 จุดเด่นของ Windows 98 คือการใช้มาตรฐานไดรเวอร์แบบ WDM และ VxD ซึ่ง WDM เป็น
มาตรฐานใหม่ที่วินโดวส์รุ่นต่อๆ มา ได้ใช้เป็นหลัก ส่วน VxD เป็นมาตรฐานเก่า ซึ่งวินโดวส์รุ่นต่อจาก 98 ไม่รองรับ
ซึ่งทาให้วินโดวส์ 98 เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโปรแกรมสมัยเก่าและใหม่ โปรแกรมสมัยปัจจุบัน แม้จะไม่ได้
11. 8
ออกแบบมาเพื่อวินโดวส์ 98 แต่หลายโปรแกรมก็สามารถใช้กับวินโดวส์ 98 ได้พอสมควร Windows 98 Second
Edition รุ่นปรับปรุง เริ่มจาหน่ายเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2542
Windows 98 อยู่ในการสนับสนุนจนถึง 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2549
Windows 2000
ภาพหน้าจอ Windows 2000
Windows 2000 หรือ Windows NT 5.0 เปิดตัวเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 เป็นระบบปฏิบัติการเอ็นที มี
กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ใช้ขั้นสูงและกลุ่มธุรกิจ ในช่วงนี้ได้แบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย คือ Professional, Server,
Advanced Server, Datacenter Server, Advanced Server 64-bit Limited Edition
Windows 2000 อยู่ในการสนับสนุนจนถึง 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
Windows Me
ภาพหน้าจอ Windows Me
Windows Me หรือ Windows Me 4.9 (ไม่เอ็นที) เป็นวินโดวส์รุ่นต่อจาก 98 และเป็นรุ่นสุดท้ายที่ไม่ใช่วินโดวส์
เอ็นที รุ่นสุดท้ายที่ทางานได้ทั้งระบบ 16 และ 32 บิต (เวลาผ่านไป โปรแกรมรุ่นใหม่ ที่เป็นโปรแกรมพื้นฐาน
สาหรับผู้ใช้ตามบ้าน เริ่มเปลี่ยนจาก 16 เป็น 32 บิต และโปรแกรมชั้นสูง เริ่มเปลี่ยนจาก 32 เป็น 64 บิต) เปิดตัว
14 กันยายน พ.ศ. 2543 วินโดวส์มี ไม่ใช่วินโดวส์เอ็นที จึงยังมีดอสอยู่ในวินโดวส์ ซึ่งวินโดวส์ 95 และ 98 แม้จะ
รวมดอสเป็นส่วนหนึ่งของวินโดวส์ แต่ยังเปิดให้เข้าถึงดอสได้ แต่วินโดวส์ มี ได้ปิดการเข้าถึงดอสในวินโดวส์ เพื่อให้
12. 9
การบูตเครื่องทาได้เร็ว แต่ทาให้โปรแกรมเฉพาะบางโปรแกรมที่ต้องอาศัยการเข้าถึงดอส ไม่สามารถทางานได้ใน
วินโดวส์มี โดยเฉพาะโปรแกรมบริหารจัดการดิสก์
Windows Me ได้รับคาวิจารณ์อย่างมากในเรื่องความไม่เสถียรและปัญหามากมายภายในระบบ นิตยสารพีซีเวิลด์
จึงจัดว่า Windows ME เป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการที่แย่ที่สุดที่ Microsoft เคยออกมาและเป็นผลิตภัณฑ์ที่
เลวร้ายที่สุดอันดับ 4 ของ ณ เวลานั้น
Windows Me อยู่ในการสนับสนุนจนถึง 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2549
Windows xp และ Sever 2003
ภาพหน้าจอ Windows xp
ภาพหน้าจอ Sever 2003
Windows xp หรือ Windows เอ็นที 5.1 และ เอ็นที 5.2 เปิดตัว 25 ตุลาคม พ.ศ. 2544 เป็นวินโดวส์เอ็นทีรุ่น
แรก ที่พัฒนาขึ้นโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้ทั่วไป พัฒนาขึ้นจาก วินโดวส์ เนปจูน ถูกยุบรวมกับวินโดวส์
Whistler ส่วนวินโดวส์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อผู้ใช้ขั้นสูงและธุรกิจ จะมีแยกต่างหากอีก 2 ตัว ที่ใช้เลข เอ็นที 5.1 และ 5.2
คือ วินโดวส์ ฟันเดเมนทัลส์ ฟอร์ เลกาซี พีซีส์ และ วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 ตามลาดับ โดยคาว่า เอกซ์พี มาจาก
คาว่า Experience แปลว่า ประสบการณ์ ซึ่งเป็นวินโดวส์ที่ประสบความสาเร็จค่อนข้างสูง แม้จะเปิดตัวมาแล้วถึง
9 ปี แต่จากข้อมูลในเดือนกันยายน 2553 พบว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ยังใช้วินโดวส์เอกซ์พีมากถึงร้อยละ 60 ของผู้ใช้
ทั้งหมด ในขณะที่วินโดวส์รุ่นอื่นๆ ทั้งหมดรวมกัน มีส่วนแบ่งร้อยละ 31 และระบบปฏิบัติการอื่นที่ไม่ใช่วินโดวส์
13. 10
ประมาณร้อยละ 9 วินโดวส์ เอกซ์พี มีการออกรุ่นปรับปรุงตามหลังมาอีกพอสมควร ซึ่งผู้ใช้สามารถตรวจสอบรุ่น
ของซอฟต์แวร์ได้เอง โดยกด Start แล้วเลือก Run แล้วพิมพ์ sysdm.cpl หรือ winmsd.exe แล้วกด Run จะขึ้น
หน้าต่างข้อมูลให้ผู้ใช้รับทราบ รุ่นปรับปรุงที่ออกมา จะปรากฏคาว่า Service Pack
เอกซ์พีรุ่นแรก ที่ไม่มี Service Pack ไมโครซอฟท์ได้ยุติการสนับสนุนเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2547, เอกซ์พีรุ่น
ปรับปรุง SP1 และ 1a ยุติการสนับสนุน 10 ตุลาคม พ.ศ. 2549, รุ่นปรับปรุง SP2 32 บิต ยุติการสนับสนุน 13
กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ส่วนรุ่นปรับปรุง SP2 64 บิต และ SP3 จะสนับสนุนต่อไปจนถึง 8 เมษายน พ.ศ. 2557
ส่วนวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 จะได้รับการสนับสนุนต่อจนถึง 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 และวินโดวส์ ฟันเด
เมนทัลส์ ฟอร์ เลกาซี ยังแผนจะยุติการสนับสนุนอีกด้วยและ การสนับสนุน Windows XP ที่มี Service Pack 2
(SP2) ได้หยุดลงในวันที่ 13 กรกฎาคม 2553
Windows xp หยุดการสนับสนุนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557
Windows Vista และ Sever 2008
ภาพหน้าจอ Windows Vista
ภาพหน้าจอ Windows Sever 2008
14. 11
ภาพหน้าจอ Windows Home Sever
Windows Vista หรือ Windows NT 6.0 ได้รับลิขสิทธิ์ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 แต่เริ่มขายผู้ใช้จริง 30
มกราคม พ.ศ. 2550 ในช่วงของวิสตา วินโดวส์ สาหรับผู้ใช้ขั้นสูงและองค์กรธุรกิจ คือ วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2008,
วินโดวส์ โฮม เซิร์ฟเวอร์ วิสตามีความสามารถสูงกว่าเอกซ์พีหลายประการ เช่น ในการตัดต่อ การพัฒนาแอปพลิเค
ชัน, การแสดงผลกราฟิก ที่สามารถแสดงผลแบบโปร่งแสง สามารถมองฉากหลังของหน้าต่างที่กาลังเปิดอยู่ได้ ใน
มุมมองแบบโปร่งแสง ในพื้นที่ที่เหมาะสม เช่น บาร์ด้านบนสุดของโปรแกรม, ความสามารถในการค้นหา, การพิมพ์
ฯลฯ แต่ทว่า วิสตา ไม่ประสบความสาเร็จอย่างที่ควร สาเหตุหลักๆ ที่เป็นที่วิจารณ์ คือ ความต้องการขึ้นต่าของ
ระบบ ที่สูงกว่าวินโดวส์เอกซ์พีหลายเท่าตัว เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปในช่วงนั้น มีความสามารถไม่ถึง หรือ ถึง แต่
เกินความต้องการมาเพียงเล็กน้อย ทาให้วิสตาเป็นระบบที่มีขนาดใหญ่มาก ทาให้เครื่องทางานไม่มีประสิทธิภาพ
หรือช้า อีกทั้งยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าซอร์ซโค้ดไม่มีคุณภาพ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะที่ไม่ได้ใช้คุณสมบัติพิเศษที่
เพิ่มมาของวิสตา จึงยังคงใช้เอกซ์พี วิสตาจึงไม่ประสบความสาเร็จมากนัก
Vista รุ่นแรก ที่ไม่มี Service Pack ไมโครซอฟท์ได้ยุติการสนับสนุนลงแล้วเมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ส่วน
วิสตารุ่นปรับปรุง SP1 ได้ยุติการสนับสนุนลงแล้วเมื่อ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ส่วนรุ่นปรับปรุง SP 2 ได้ยุติการ
สนับสนุนในระยะ mainstream support ลงเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 และทุกรุ่นหยุดการสนับสนุนในระยะ
Extended support อย่างเป็นทางการในวันที่ 11 เมษายน 2560
Windows Home Sever สิ้นสุดการสนับสนุนแล้วเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2556 วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2008 จะ
สนับสนุนต่อไปจนถึง 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
15. 12
Windows 7 และ Server 2008 R2
ภาพหน้าจอ Windows 7
ภาพหน้าจอ Server 2008 R2
Windows 7 หรือ Windows NT 6.1 เปิดตัวการขายปลีกเมื่อ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เป็นวินโดวส์ของ
ไมโครซอฟท์ ส่วน เอ็นที 6.1 อีกรุ่นหนึ่ง ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้ระดับสูง คือ วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2008 อาร์2
เปิดตัวในวันเดียวกับวินโดวส์ 7 ในวินโดวส์ 7 ได้มีการแก้ไขข้อบกพร่องที่ทาให้วิสตาไม่ประสบความสาเร็จ และมี
ความต้องการขั้นต่าไม่ต่างจากวิสตามากนัก นอกจากแรมและการ์ดจอ ที่ต้องการเพิ่ม แต่ที่ผ่านมา จากการเปิดตัว
วิสตา ได้กรุยทางส่วนหนึ่งไว้ให้ วินโดวส์ 7 เพราะช่องว่างระหว่างการเปิดตัวนั้น ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายรายได้เพิ่ม
ความสามารถในหลายด้าน คอมพิวเตอร์ในช่วงหลังวิสตา พร้อมจะรองรับวินโดวส์ที่ใหญ่กว่าเอกซ์พีได้ อีกทั้ง
วินโดวส์ 7 ได้มีการบริหารจัดการดี ทางานมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิสตา ปัจจุบัน มีผู้ใช้วินโดวส์ 7 มากกว่าวิสตาเสีย
อีก Windows 7 และ Server 2008 R2 จะสนับสนุนต่อไปจนถึง 14 มกราคม 2563
16. 13
Windows 8
ภาพหน้าจอ Windows 8
Windows 8 เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นต่อไปในตระกูลวินโดวส์ เปิดตัวเมื่อ 22 ตุลาคม 2553 ผ่านทางบล็อก
ภาษาดัชต์ของไมโครซอฟท์เองวินโดวส์ 8 มีคุณสมบัติเพิ่มเติมมากมายหลายอย่าง เช่น ไลฟ์ ไทลส์ ช่วยให้เข้า
ข้อมูลพื้นฐานได้ง่ายขึ้น, วินโดวส์ เอกซ์พลอเรอร์ ที่ใช้การจัดข้อมูลแบบริบบอนแทนแบบเดิม เป็นต้น ปัจจุบัน
วินโดวส์ 8 ได้เปิดวางขายเป็นที่เรียบร้อยในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555
Windows 8 เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างสรรค์ใหม่ ตั้งแต่ชิปเซ็ตไปจนถึงประสบการณ์ผู้ใช้ และแนะนาส่วนติดต่อ
ผู้ใช้รูปแบบใหม่ที่ทางานได้อย่างราบรื่นสาหรับทั้งระบบสัมผัสและเมาส์และแป้นพิมพ์ โดยจะทาหน้าที่เป็นแท็บ
เล็ตเพื่อความบันเทิงและพีซีที่มีคุณลักษณะครบครันเพื่อให้การทางานสาเร็จลุล่วง Windows 8 ยังประกอบด้วย
ส่วนปรับปรุงของเดสก์ท็อป Windows ที่คุ้นเคย พร้อมแถบงานใหม่และการจัดการไฟล์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
Windows 8 มาพร้อมหน้าจอเริ่มที่มีไทล์ซึ่งเชื่อมต่อกับบุคคล ไฟล์ แอป และเว็บไซต์ แอปต่างๆ จะดูโดดเด่น
สะดุดตาและสามารถดาวน์โหลดได้อย่างสะดวกจากสถานที่ใหม่ นั่นก็คือ Windows Store ที่อยู่บนหน้าจอเริ่ม
นอกจากนี้ Microsoft ยังเปิดตัว Windows RT ที่ทางานบนแท็บเล็ตและพีซีบางเครื่อง พร้อมกับ Windows 8
ด้วย Windows RT ออกแบบมาสาหรับอุปกรณ์พกพาแบบเพรียวบางที่มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และใช้แอ
ปจาก Windows Store เท่านั้น นอกจากนี้ Windows RT ยังมาพร้อม Office ในตัวที่เหมาะสาหรับหน้าจอสัมผัส
ด้วย Windows 8 ได้สิ้นสุดการสนับสนุนจาก Microsoft เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสิ้นสุดการสนับสนุนเมื่อวันที่ 12
มกราคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา
17. 14
Windows 8.1
++ภาพหน้าจอ Windows 8.1
ในวันที่ 18 ตุลาคม 2013 ทาง Microsoft ออกชุดอัปเดตระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ที่ชื่อ Windows 8.1 สนับสนุน
การใช้ Skype แอพ Mail XBox Video Office Bing Food and Drink Xbox Music Internet Explorer 11
(IE11) Windows 8.1 เหมาะสาหรับการทางานหลายๆ อย่างในเวลาพร้อมกันและการเพิ่มประสิทธิภาพการ
ทางาน รวมถึงการแสดงผลและใช้งานได้สูงสุดถึง 4 แอปพลิเคชัน ในเวลาเดียวกัน สามารถปรับขนาดหน้าต่างของ
แต่ละแอปพลิเคชันบนหน้าจอได้ ความสามารถสาหรับแอปพลิเคชันหนึ่งที่จะในการเปิดอีกแอปพลิเคชันหนึ่ง และ
การรองรับหน้าจอหลายๆ จอทาให้ผู้ใช้เห็นเดสก์ท็อป หรือแอพต่างๆ บน วินโดวส์ สโตร์ จากหน้าจอใดหน้าจอ
หนึ่งหรือทั้งหมดได้ - การทางานได้ครบวงจรบนคลาวด์ด้วย SkyDrive ทาให้ผู้ใช้สามารถทางานได้จากทุกที่
สะดวกกว่าแต่ก่อน สามารถเข้าถึงไฟล์ได้เสมอไม่ว่าจะผ่านดีไวซ์หรือสถานที่ใดก็ตาม ด้วย SkyDrive Smart Files
ผู้ใช้สามารถสร้าง แก้ไข เก็บรักษา และแชร์ไฟล์ ที่ใดก็ได้ เมื่อใดก็ได้ บนอุปกรณ์ใดก็ตามที่กาลังใช้งานอยู่
- Windows Store ที่ออกแบบใหม่อย่างสวยงาม ดีไซน์ใหม่ของ วินโดวส์ สโตร์ ได้ปรับปรุงวิธีการแสดงแอปพลิเค
ชันเด่นๆ ทาให้คุณเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ต้องการได้ง่ายขึ้น การจัดวางหน้าจอและจัดหมวดหมู่แอปพลิเคชันแบบ
ใหม่ เช่น หมวด ‘New & Rising’ ช่วยให้ง่ายขึ้นในการติดตามแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่กาลังฮอตที่สุด, ระบบการ
แนะนาแอปพลิเคชันที่ปรับให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยใช้ระบบการแนะนาที่ล้าสมัยของ Bing และระบบที่
เกี่ยวข้อง ในการช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาแอปพลิเคชันโปรดใหม่ๆ, นอกจากนี้ แอปพลิเคชันต่างๆ จะได้รับการอัป
เดตโดยอัตโนมัติในWindows 8.1 ดังนั้นผู้ใช้จะมีแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ที่สุดและดีที่สุดเสมอ จากนักพัฒนาที่มี
ชื่อเสียง รวมทั้งมีแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการจาก Facebook และ National Geography พร้อมทั้งนี้จะนา
แอปพลิเคชันใหม่ ๆ มาอัปเดตบนวินโดวส์ สโตร์ อย่างต่อเนื่อง
18. 15
Windows 10
ภาพหน้าจอ Windows 10 ในเวอร์ชันต้นแบบ
ภาพหน้าจอ Windows 10 ในเวอร์ชันปัจจุบันนี้
ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 Windows 10 มีแนวทางการออกแบบที่สืบทอดจาก Windows 8 โดยมีหน้าต่าง
แบบจอสัมผัส และแบบดั้งเดิมที่ใช้เมาส์และคีย์บอร์ด สถาปัตยกรรมของระบบเอื้อให้สามารถใช้ได้ทั้งคอมพิวเตอร์
ตั้งโต๊ะ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ โดยเพิ่มแอปจากร้านค้าวินโดวส์ เพื่อการรองรับโปรแกรมเพิ่มเติม อัปเด
ตระบบให้ผู้ใช้ วินโดวส์ 8.1 และวินโดวส์ 7 โดยไม่คิดมูลค่า และได้หมดอายุไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2559
19. 16
Linux
ประวัติของ Linux
วันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1991 นักศึกษาชาวฟินแลนด์ Linus Benedict Torvald กาลังศึกษาอยู่ที่
University of Helsinki ได้เขียนข้อความโพสต์ขึ้นไปยังยูสเน็ต comp.os.minix ว่าเขาได้สร้างระบบปฏิบัติการ
ขนาดเล็กที่เหมือนกับระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ขึ้น ชื่อว่า Linux โดยเป็นการพัฒนาต่อมาจากระบบปฏิบัติการ Minix
ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Andy Tanenbaum อันที่จริง Linux ตัวแรกได้มีการเผยแพร่เฉพาะ source code ไปก่อน
หน้านี้ และถือว่าเป็นเวอร์ชั่น 0.01 โดย Linus ได้เปิดให้ดาวน์โหลดได้จาก ftp://nic.funet.fi
Linux ที่เผยแพร่ในครั้งนี้มีเวอร์ชั่น 0.02 ซึ่งผ่านการคอมไพล์แล้ว และสามารถรันเชลล์ bash ( GNU
Bourne Again Shell ) และ gcc ( GNU C Compiler ) ได้ รวมทั้งมีความสามารถอื่น ๆ อีกเล็กน้อย ตั้งแต่นั้นมา
สิ่งนี้ก็เป็นระบบปฏิบัติการสาหรับบรรดาผู้ที่มีงานอดิเรกเกี่ยวกับ kernel และ แฮกเกอร์
Linux เริ่มต้นที่เวอร์ชั่น 0.02 พัฒนาขึ้นเป็น 0.03 และกระโดดเป็น 0.10 ด้วยการพัฒนาจากโปรแกรมเมอร์
จานวนมากมายทั่วโลก จนถึงเวอร์ชั่น 0.95 จนกระทั้งออกเป็นเวอร์ชั่น 1.0 อย่างเป็นทางการ ( Official release
) ในเดือนมีนาคม 1992 จากนั้นก็พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ ( วันที่เขียน ) เคอร์เนล ของ Linux มีเวอร์ชั่น
ล่าสุดเป็น 2.2.3
ณ วันนี้ Linux เป็นระบบปฏิบัติการประเภท Unix-liked ที่สมบูรณ์ และได้รับความสนใจอย่างสูง ใคร
เลยจะรู้ว่า โปรเจคของนักศึกษาที่ Torvald สร้างขึ้น จะก้าวขึ้นสู่ระดับ mainstream operating system และ
เป็นคู่แข่งสาคัญในตลาดซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ เช่นทุกวันนี้
Linux ได้แพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ภายใต้ข้อกาหนดของ Free Software ซึ่งมีหน่วยงานที่
ควบคุมเงื่อนไข อย่างเช่น GNU จึงทาให้มีข้อแตกต่าง จากระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ที่มีการจาหน่ายเชิงธุรกิจ และมี
ราคาแพง Linux มีการแปลงโปรแกรมไปสู่แพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกจาก i386 ได้แก่ Sparc ,Alpha และ
Macintosh ทาให้โปรแกรมเมอร์ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจที่จะพัฒนาโปรแกรมขึ้นสนับสนุน Linux มาขึ้น ส่งผล
ให้ Linux มีซอฟต์แวร์สนับสนุนเป็นจานวนมาก และส่วนใหญ่จะเป็นซอฟต์แวร์ที่มีราคาถูก หรือฟรี และเปิดเผย
โปรแกรมต้นฉบับ ( Open Source Code ) ตามเงื่อนไขของ GPL ( General Public License )
20. 17
จากการคาดการของ IDC ( International Data Corporation of Framingham, Messachusette ) แจ้งไว้ว่า
การเติบโตของ Linux จะมีส่วนแบ่งตลาด คิดเป็นร้อยละ 17.2 ในปี ค.ศ. 1998
ในช่วง 4 - 5 ปี ที่ผ่านมา มีบริษัทซอฟต์แวร์หลายแห่งได้นาเคอร์เนลของ Linux มารวมเข้ากับซอฟต์แวร์ทั้งแบบ
ฟรี และจาหน่ายเชิงการค้า เกิดเป็น Linux Distribution ต่าง ๆ ขึ้น เป็นจานวนมากมาย เช่น Redhat
,TurboLinux ,SUSE ,Slackware ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตเหล่านี้ ช่วยให้การติดตั้ง ใช้งาน สะดวกมาก
ยิ่งขึ้น ในราคาที่คุ้มค่ากว่าระบบปฏิบัติการอื่น ๆ
ในปัจจุบัน ( ค.ศ. 2001 ) มีการนา Linux มาใช้งานในกิจการต่าง ๆ มากขึ้น โดยที่เน้นไปที่งานด้านระบบ
เซิร์ฟเวอร์ และเครือข่ายเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการประยุกต์ใช้งาน Linux เพื่อใช้งานเป็น เครื่องลูกข่าย หรือใช้งาน
ด้านเดสทอปนั้นยังคงเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่ก็มีแนวโน้มที่ชัดเจนที่จะพัฒนา Linux เพื่องานเดสทอปมากขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ดังเช่น Linux TLE 4.0 ของไทย หรือ Redmond Linux ของทางต่างประเทศ ก็ได้พัฒนา Linux
เพื่อใช้งานด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ลีนุกซ์จะเข้ามามีบทบาทในระดับผู้ใช้ทั่วไป และสามารถทดแทน
วินโดวส์ได้ในที่สุด
ภาพ Logo ของ Linux