5. KRUTO
คาสั่ง IF
การเลือกทาโดยใช้คาสั่ง if จะใช้ในกรรีที่มีทางเลือกให้
ทางานอยู่เพียงทางเลือกเดียว ผลจากการตรวจสอบเงื่อนไขก็คือ ทา
หรือไม่ทาตามคาสั่งนั้น รูปแบบการเขียนคาสั่ง if แสดงดังต่อไปนี้
20. KRUTO
คาสั่ง if – else if จะใช้ในเวลาที่มีทางเลือกให้มากกว่า 2 ทางเลือก
โดยแต่ละทางเลือกมีเงื่อนไขต่างกัน ดังนั้นเราต้องเรียกใช้คาสั่งif หลายครั้ง เพื่อ
กาหนดเงื่อนไขสาหรับแต่ละทางเลือก รูปแบบการเขียนคาสั่ง if – else if แสดง
ดังต่อไปนี้
คาสั่ง if – else if
21. KRUTO
การทางานจะเริ่มตัวแปรภาษา C ตรวจสอบเงื่อนไขแรก ถ้าผล
ออกมาเป็นจริงก็จะทางานตามคาสั่งของif ถ้าผลออกมาเป็นเท็จ ตัวแปรภาษา C จะ
ตรวจสอบเงื่อนไขที่สอง ซึ่งถ้าผลออกมาเป็นจริงก็จะทางานตามคาสั่งของ else if นั้น
ถ้าเป็นเท็จตัวแปลภาษา C ก็จะไปตรวจสอบเงื่อนไขอื่น ๆ เรียงตามลาดับต่อไปจน
ครบทุกเงื่อนไข ถ้าผลยังคงเป็นเท็จ ตัวแปลภาษา C จะทางานตามคาสั่งที่กาหนดไว้
ใน else
23. KRUTO
จะใช้คาสั่ง if ซ้อน if จะใช้กับปัญหาที่มีเงื่อนไขสับซ้อน อย่างเช่น
กาหนดว่าต้องเป็นจานวนคู่และไม่เกิน 50 หรือเงื่อนไขต้องเป็นเพศชายไม่เกิน 20 ปี
เป็นต้น แสดงดังรูปต่อไปนี้
คาสั่ง if ซ้อน if
29. KRUTO
คาสั่ง do – while
คาสั่งวนลูปแบบ do – while จะคล้ายกับ while ถ้าเงื่อนไขเป็น
จริงจึงจะวนกลับไปทางานตามคาสั่งของ do ก่อนหนึ่งรอบแล้วจึงตรวจสอบ
เงื่อนไขที่ while เป็นอย่างนี้ไปจนกว่าผลการตรวจสอบเงื่อนไขจะเป็นเท็จ
จึงจะเลิกทางาน แสดงดังรูปต่อไปนี้
35. KRUTO
เมื่อสั่งรันโปรแกรม ถ้าเงื่อนไขของคาสั่ง if เป็นเท็จ โปรแกรมจะ
ทางานตามคาสั่ง continue นั่นคือหยุดการทางานในรอบปัจจุบันกลับไป
เริ่มการทางานในรอบใหม่ จึงทาให้ข้อความ the number can’t be
divided by 10.จะไม่ถูกแสดงขึ้นมาให้เห็นบนหน้าจอ ดังรูปต่อไปนี้