More Related Content
Similar to การค้นหาข้อมูลความรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (20)
การค้นหาข้อมูลความรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- 1. 1
การค้นหาข้อมูลความรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
1) รูปแบบการค้นหาข้อมูลความรู้
การค้นหาข้อมูลความรู้มีบทบาทสาคัญต่อมนุษย์มากขึ้น เนื่องจากต้องนาข้อมูลความรู้มาใช้ในการ
เรียน การทางาน และการดาเนินชีวิตประจาวัน โดยการค้นหาข้อมูลความรู้นั้น ทาได้หลายวิธี เช่น การถามผู้รู้
การค้นหาจากเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต การค้นหาจากสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ซึ่งการค้นหาข้อมูลความรู้ผ่านเว็บไซต์
ในอินเทอร์เน็ตนั้นได้รับความนิยมมาก เพราะค้นหาได้สะดวกรวดเร็ว มีข้อมูลความรู้ที่หลากหลายให้เลือก
ศึกษา และสามารถค้นหาได้หลายรูปแบบ ดังนี้
1. การค้นหาข้อมูลความรู้จากที่อยู่ของข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต (Uniform Resource Locator : URL)
เป็นการค้นหาข้อมูลความรู้โดยพิมพ์ที่อยู่ของข้อมูลที่ต้องการค้นหาลงในช่องที่กาหนด โดยผู้ค้นหาจะต้อง
ทราบที่อยู่ของเว็บไซต์ก่อน จากนั้นกดปุ๋ม Enter บนแผงแป้นอักขระ จะได้ผลลัพธ์ดังตัวอย่าง
ภาพที่ 1การค้นหาข้อมูลความรู้จากที่อยู่ของข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
ที่มา http://www.doa.go.th/
2. การค้นหาข้อมูลความรู้โดยใช้ซอฟต์แวร์ค้นผ่านเว็บ (web browser) เป็นเป็นการค้นหาข้อมูล
ความรู้ผ่านเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต โดยใช้ซอฟต์แวร์ค้นผ่านเว็บ ซึ่งมี 2 วิธี ดังนี้
2.1. การสืบค้น (browse) เป็นการเปิดดูเอกสารที่นาเสนออยู่บนเว็บไปเรื่อย ๆ โดยเอกสาร
เหล่านั้นมีการเชื่อมโยง (link) กันอยู่ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลความรู้ได้โดยการเลือกเปิดเอกสารตามการ
เชื่อมโยงเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น
- 2. 2
ภาพที่ 2 การค้นหาข้อมูลความรู้โดยใช้ซอฟต์แวร์ค้นผ่านเว็บ
ที่มา http://www.doa.go.th/
2.2. การค้นหา (search) เป็นการค้นหาสารสนเทศเฉพาะหัวข้อที่ต้องการ โดยใช้ระบบที่
เรียกว่า โปรแกรมค้นหา (search engine) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยในการค้นหาเอกสารหรือ
บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้ใช้สนใจโดยใช้คาสาคัญ (keyword) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าสู่ระบบ แล้วระบบจะนาคา
สาคัญไปเปรียบเทียบกับเอกสารต่าง ๆ ที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต จากนั้นจึงแสดงผลการค้นหาแก่ผู้ใช้ ดัง
ตัวอย่าง
ภาพที่ 3 การค้นหาสารสนเทศเฉพาะหัวข้อที่ต้องการ
ที่มา http://www.google.co.th
- 3. 3
เว็บไซต์ที่มีโปรแกรมค้นหา (search engine) นั้นมีมากมาย ทั้งที่เป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศ และเว็บไซต์ของ
ไทย เช่น http://www.dmoz.org , http://www.google.co.th , http://www.yahoo.com ,
http://www.sanook.com เป็นต้น แต่ปัจจุบันเว็บไซต์ http://www.google.co.th เป็นเว็บไซต์ที่นิยมใช้
กันมากที่สุด
ภาพที่ 4 www.dmoz.org
ภาพที่ 5 www.google.co.th
- 4. 4
ภาพที่ 6 www.yahoo.com
ภาพที่ 7 www.sanook.com
2) การค้นหาข้อมูลความรู้ด้วยเว็บไซต์ที่มีโปรแกรมค้นหา (search engine)
การค้นหาข้อมูลด้วยเว็บไซต์ที่มีโปรแกรมค้นหาช่วยให้ขอบข่ายของการค้นหาแคบลงสามารถ
ค้นหาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
กูเกิล (google) เป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลกด้วยฐานข้อมูลมากกว่าสาม
พันล้านเว็บไซต์และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน เป็นเว็บไซต์ค้นหาที่สนับสนุนภาษาต่าง ๆ มากกว่า 80 ภาษาทั่วโลก
(รวมทั้งภาษาไทย) และมีเครื่องบริการแทน (server) ให้บริการในส่วนต่าง ๆ ของโลกมากถึง 36 ประเทศ
(รวมทั้งในประเทศไทย)
เมื่อพิมพ์ที่อยู่ของเว็บไซต์ คือ http://www.google.com ลงไปในช่องพิมพ์ที่อยู่เว็บไซต์ระบบ
ตรวจสอบภาษาของเว็บไซต์กูเกิล จะเปลี่ยนเป้าหมายมายัง http://www.google.co.th ที่เป็นเว็บไซต์กูลของ
ไทยโดยอัตโนมัติ
- 5. 5
บริการค้นหาของกูเกิล แยกฐานข้อมูลออกเป็น 8 หมวด ซึ่งในแต่ละหมวดมีการค้นหาแบบพิเศษ
เพิ่มเติม ดังนี้
1. เว็บ : เป็นการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลก
2. รูปภาพ : เป็นการค้นหารูปภาพหลากหลายรูปแบบจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลก
3. แผนที่ : เป็นการค้นหาแผ่นที่ของสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยและแนะนาเส้นทางการ
เดินทางที่
เหมาะสม
4. Groups หรือกลุ่มข่าว : เป็นการค้นหาเรื่องราวที่น่าสนใจจากกลุ่มข่าวต่าง ๆ
5. บล็อก : เป็นการค้นหาบันทึกบทความของบุคคลหนึ่งที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้บุคคลทั่วไปได้
อ่าน ซึ่ง
จะมีการแสดงความคิดเห็นของผู้เรียนอยู่ในบทความนั้น ๆ ด้วย
6. แปลภาษา : เป็นการค้นหาคาของภาษาอื่นที่แตกต่างจากคาที่ป้อนลงไป
7. Gmail : เป็นบริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของกูเกิล
8. เพิ่มเติม : เป็นการค้นหาไดเรกทอรี ปฏิทิน ภาพถ่าย ไซต์ และกูรู ซึ่งไว้เป็นหมวดหมู่
3) เทคนิคการค้นหาข้อมูลความรู้ด้วยโปรแกรมค้นหา (search engine)
การค้นหาข้อมูลความรู้ด้วยโปรแกรมค้นหาให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ มีแนวทางดังนี้
3.1 บีบประเด็นให้แคบลง หัวข้อเรื่องที่ต้องการค้นหาต้องพยายามบีบประเด็นให้แคบลง เช่น
ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะหาโดยใช้คาว่า คอมพิวเตอร์ หรือComputer เพื่อลองดู
เนื้อหากว้าง ๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ว่ามีเรื่องใดบ้าง จากนั้นระบุหัวข้อเรื่องให้แคบลง โดยเลือกจากหัวข้อที่
เว็บไซต์นั้นจัดทาไว้ หรืออาจจะพิมพ์คาสาคัญในเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อค้นหาอีกครั้ง
3.2 การใช้คาที่ใกล้เคียง ควรใช้คาที่มีความหมายใกล้เคียงกับคาที่กาลังค้นหา เช่น ต้องการ
ค้นหาเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ คาที่เกี่ยวข้องที่สามารถใช้ค้นหาได้ คือ technology, IT
3.3 การใช้คาหลัก (Keyword) เป็นการใช้คาหรือข้อความที่จะทาให้คิดถึงเว็บไซต์นั้น เช่น
สสวท. จะนึกถึงเว็บไซต์ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
http://www.ipst.ac.th,schoolnet จะนึกถึงเว็บไซต์เครือข่ายโรงเรียนไทย http://www.school.net.th
เป็นต้น
3.4 หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลข พยายามเลี่ยงการใช้คาค้นหาที่เป็นคาเดี่ยว ๆ หรือเป็นคาที่มี
ตัวเลขรวมอยู่ด้วย แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้ใส่เครื่องหมายคาพูด (“ ”) ลงไปด้วย เช่น “windows 98”
3.5 ใช้เครื่องหมายบวกและลบช่วยค้นหาข้อมูล เครื่องหมาย “+” หมายถึง การระบุให้
ผลลัพธ์ของการค้นหาต้องมีคานั้นปรากฏอยู่ในหน้าเว็บเพจ ข้อควรระวังคือ ต้องใช้เครื่องบวกติดกับคาหลัก
เสมอ ห้ามมีช่องว่างระหว่างเครื่องหมายบวกกับคาหลัก เช่น +สังคม +เศรษฐกิจ หมายถึง หน้าเว็บเพจทีพบ
จะต้องปรากฏคาว่า “สังคม” และ “เศรษฐกิจ” อยู่ในหน้าเดียวกันทั้งสองคา หรือ +สังคม เศรษฐกิจ จะ
สังเกตเห็นว่าที่คาว่า “เศรษฐกิจ”ไม่ปรากฏเครื่องหมายบวก “+” อยู่ข้างหน้าเหมือนตัวอย่างบน หมายถึง
การค้นหาหน้าเอกสารเว็บเพจที่จะต้องปรากฏคาว่า “สังคม” โดยในหน้าเอกสารนั้นอาจปรากฏหรือไม่ปรากฏ
คาว่า “เศรษฐกิจ” ก็ได้ เครื่องหมายลบ “-“ หมายถึง การระบุให้ผลลัพธ์ของการค้นหาต้องไม่ปรากฏคานั้น
อยู่ในหน้าเว็บเพจ เช่น โรงแรม –บ้านพัก หมายถึง หน้าเว็บเพจนั้นต้องมีคาว่า โรงแรม แต่ต้องไม่ปรากฏคาว่า
- 6. 6
บ้านพัก, +ทุเรียน –ทุเรียนหมอนทอง –ทุเรียนชะนี หมายถึง หน้าเว็บเพจที่พบจะต้องปรากฏคาว่า “ทุเรียน”
แต่ต้องไม่ปรากฏคาว่า “ทุเรียนหมอนทอง” และ “ทุเรียนชะนี” อยู่ในหน้าเดียวกัน
4) ความรู้เพิ่มเติม
โดเมนเนม (Domain Name) คืออะไร
โดเมนเนม (Domain Name) คือ ชื่อเว็บไซต์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ต้องไม่ซ้ากันทั่วโลก
โดยชื่อโดเมนจะประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้
1.ชื่อเจ้าของเว็บไซต์ซึ่งอาจเป็นชื่อบุคคล องค์กร เครื่องหมายการค้า บริษัทหรืออื่น ๆ ที่ต้องการจะ
สื่อให้เป็นตัวแทนของเว็บไซต์นั้น เช่น กูเกิล (google), สนุก (sanook) เป็นต้น
2. ลักษณะการประกอบการของเว็บไซต์นั้น ๆ ซึ่งมีหลายลักษณะ เช่น .com , co.th , net เป็นต้น
โดยลักษณะประกอบการที่พบเห็นได้ทั่วไป มีดังนี้
2.1 .com (commercial organization) คือ หน่วยงานธุรกิจ
2.2 .co (company) คือ บริษัท ห้างร้าน ธุรกิจที่จดทะเบียน
2.3 .go (government) คือ หน่วยงานของรัฐบาล
2.4 .or (organization) คือ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกาไร
2.5 .net (net work providers) คือ ผู้ให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
นอกจากนี้ชื่อโดเมนยังสามารถระบุให้ทราบประเทศที่อยู่ของเว็บไซต์นั้น เช่น .th คือประเทศไทย .jp
คือ ประเทศญี่ปุ่น .kr คือ ประเทศเกาหลีใต้ โดยอยู่ส่วนท้ายของชื่อโดเมน