More Related Content Similar to ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
Similar to ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (20) More from ssuseraa96d2 (20) ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต2. อินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันใคร ๆ ก็รู้จักและมีโอกาสเข้าใช้อินเทอร์เน็ต โดยมองเสมือนเป็นที่รวมของข้อมูล
มหาศาล ทั้งข้อความ ภาพ เสียง โปรแกรม และอื่น ๆ
อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกันด้วยข้อมูลต่าง ๆ อย่างสะดวกรวดเร็ว
อินเทอร์เน็ตเป็นเพียง “ช่องทาง” หรือเครือข่ายที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั้งโลกเข้าด้วยกันให้
สามารถรับส่งข้อมูลกันได้
3. ความหมาย
อินเทอร์เน็ต คือ กลุ่มของเครือข่ายคอมพิวเตอร์จานวนมากที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันภายใต้ระบบ
มาตรฐานเดียวกันจนกลายเป็นสังคมเครือข่ายขนาดใหญ่ ซึ่งคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถ
รับส่งข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ตัวอักษร รูปภาพและเสียงได้รวมทั้งการสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ
ได้อย่างรวดเร็ว อินเทอร์เน็ตจึงเป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารที่กาลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
4. ความเป็นมา
พ.ศ. 2512 กระทรวงกลาโหมของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ขึ้นมาเพื่อใช้ในทางทหาร ชื่อว่า ARPANET (Advanced Research
Projects Agency Network) ซึ่งคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะเชื่อมกันด้วยสายส่ง
ข้อมูลที่แยกออกเป็นหลายเส้นทางประสานกันเหมือนร่างแห การส่งข้อมูลไปให้เครื่องอื่นจะ
แบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อย แล้วทยอยส่งไปให้ปลายทางตามที่กาหนด โดยแต่ละชิ้นย่อย ๆ นี้
อาจจะไปคนละทางกัน แต่จะไปรวมกันที่ปลายทางตามลาดับที่ถูกต้องตามเดิมได้
5. ความเป็นมา
ถ้าหากว่าในระหว่างทางข้อมูลส่วนใดส่วนหนึ่ง (Packet) เกิดสูญหายหรือผิดพลาด อัน
เนื่องมาจากสัญญาณรบกวนก็ดี หรือสายส่งข้อมูลและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่กลางทางเสียหาย
หรือถูกทาลายก็ดี เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทางจะส่งสัญญาณกลับมาแจ้งให้คอมพิวเตอร์ต้นทาง
รับรู้และจัดการส่งข้อมูลเฉพาะส่วนที่ขาดไปให้ใหม่โดยใช้เส้นทางอื่นแทน ด้วยวิธีนี้จะสามารถ
มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ส่งออกไปจะถึงปลายทางอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีบางส่วนของเครือข่ายเกิด
ความเสียหายก็ตาม และเฉพาะข้อมูลส่วนที่เสียหายเท่านั้นที่จะต้องส่งใหม่ ไม่ใช่ส่งใหม่ทั้งหมด
6. ความเป็นมา
ก้าวแรกของ ARPANET ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์เพียง 4 เครื่อง คือ เครื่องคอมพิวเตอร์
ของมหาวิทยาลัยยูทาห์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานตาบาบารา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่
ลอสแองเจลิส และสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เมื่อมีการทดลองใช้งาน
ARPANET จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจแล้ว กระทรวงกลาโหมของประเทศสหรัฐฯได้ได้
ขยายเครือข่ายของ ARPANET ออกไป โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยและ
สถาบันวิจัยต่างๆ รวม 50 แห่งในปี พ.ศ. 2515 ซึ่งเครือข่ายของARPANET ในขณะ
นั้นใช้งานเพื่อการค้นคว้าและวิจัยทางทหารเป็นส่วนใหญ่
8. ความเป็นมา
จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2525 ได้มีมาตรฐานใหม่ออกมา คือ Transmission
Control Protocol/Internet Protocol หรือโปรโตคอลแบบ TCP/IP ซึ่ง
ถือว่าเป็นก้าวสาคัญที่ ARPANET ได้วางรากฐานไว้ให้กับอินเทอร์เน็ต เพราะจาก
มาตรฐานการรับส่งข้อมูลแบบ TCP/IP นี้ทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างชนิดกันสามารถรับส่ง
ข้อมูลไปมาระหว่างกันได้และนับเป็นหัวใจของอินเทอร์เน็ตเลยทีเดียว โปรโตคอล
(TPC/IP) ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
9. ความเป็นมา
ต่อมา พ.ศ. 2529 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติหรือ National Science
Foundation (NSF) ของประเทศสหรัฐฯ ได้วางระบบเครือข่ายขึ้นมาอีกระบบหนึ่ง
เรียกว่า NSFNET ซึ่งประกอบด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์จานวน 5 เครื่องใน 5 รัฐ เชื่อมต่อ
เข้าด้วยกันเพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษาและการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ และได้ใช้โปรโตคอล
TCP/IP เป็นมาตรฐานในการรับส่งข้อมูลเช่นกัน ทาให้ Network ขยายตัวเป็นไปอย่าง
รวดเร็วเนื่องจากมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษามีความต้องการที่จะเชื่อมต่อเข้ากับซูเปอร์
คอมพิวเตอร์ เพื่อให้การใช้งานซูเปอร์คอมพิวเตอร์คุ้มค่าที่สุด และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล
ระหว่างกันได้
11. ความเป็นมา
หลังจากที่ ARPANET ได้รวมเข้ากับ NSFNET แล้วก็เปลี่ยนไปใช้
ความสามารถของ NSFNET แทน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2533 ก็เลิกใช้
งาน ARPANET โดยสิ้นเชิง แต่จานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายก็ยังคง
เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ และในปี พ.ศ. 2534 ก็ได้มีการจัดตั้งสมาคม CIX หรือ
Commercial Internet Exchange ขึ้น โดยขณะนั้นมีเครื่อง
คอมพิวเตอร์รวมมากกว่า 600,000 เครื่องในระบบ และเมื่ออินเทอร์เน็ตมีอายุ
ครบ 25 ปี ในปี พ.ศ. 2537 จานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายพุ่งสูงกว่า
2,000,000 เครื่อง ซึ่งปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันอยู่ทั่วโลกมี
จานวน มากมายเป็นหลายเท่าตัวที่ทาหน้าที่ให้บริการข้อมูล ข่าวสาร รับส่งจดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
13. อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2531 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ได้ยื่นขอที่อยู่
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดยได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ตsritrang.psu.th ซึ่งเป็นที่อยู่
อินเทอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาปี พ.ศ. 2534 บริษัท DEC (Thailand)
จากัด ได้ขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ในกิจของบริษัท โดยได้รับที่อยู่เป็น dect.co.th มีคา “
th ” เป็นส่วนที่เรียกว่าโดเมน (Domain) เป็นส่วนแสดงโซนของเครือข่าย อินเทอร์เน็ต
ในประเทศไทย โดยคา “ th ” เป็นรหัสย่อมาจากคาว่า Thailand
16. ISP คืออะไร
ISP หรือ Internet Service Provider เป็นหน่วยงานที่ให้บริการเชื่อมต่อเข้ากับ
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ ทาหน้าที่เสมือนเป็นประตูเปิดการเชื่อมต่อให้บุคคล
หรือองค์การสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้สาหรับในประเทศไทยมีหน่วยงานที่ให้บริการด้านนี้
อยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์(Commercial ISP)
จานวน 18 ราย และ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสาหรับสถาบันการศึกษา การวิจัยและ
หน่วยงานของรัฐ (non-commercial ISP) จานวน 6 ราย
20. โปรโตคอล
การทางานต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตจะสอดคล้องกันได้ก็ต้องมีกติกาที่ทุกเครื่อง ทุกโปรแกรม รับรู้
และทาตามแบบหรือมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ซึ่งบนอินเทอร์เน็ตมีกติกาเหล่านี้มากมายสาหรับ
แต่ละเครื่อง เรียกว่า “โปรโตคอล” (protocal)
21. โปรโตคอล” (protocal)
ที่สำคัญ TCP/IP กับ IP address
เป็นกติกาหลักในการรับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ข้อมูลทุกรูปแบบไม่ว่าจากโปรแกรมใดก็ต้อง
แปลงให้อยู่ในมาตรฐานของ TCP/IP เสียก่อนจึงจะรับส่งได้กติกานี้กาหนดวิธี ขั้นตอนใน
การรับส่งข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องอย่างรัดกุม
202.56.159.90
23. โปรโตคอล” (protocal)
ที่สำคัญ DNS และ DNS Server
ระบบการแปลงชื่อที่เรียกว่า Domain Name System (DNS) เข้ามาช่วย โดย
แต่ละ ISP ก็ต้องมีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งคอยเก็บข้อมูลว่าเครื่องชื่อนั้นๆ มี IP
address อะไร เราเรียกเครื่องที่ทาหน้าที่นี้ว่า DNS server
25. โปรโตคอล” (protocal)
ที่สำคัญ WEB หรือ WWW หรือ World Wide Web
เป็นบริการพื้นฐานที่ใช้กันมากที่สุด โดยเรียกดูข้อความและภาพประกอบเป็นหน้า ๆ ไป เหมือน
การอ่านหนังสือพิมพ์หรือวารสาร แต่เป็นข้อมูลสดที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามการทางาน
ของโปรแกรมว่าจะไปดึงอะไรมาแสดง และยังอาจมีภาพเคลื่อนไหวหรือเสียงได้ด้วย นอกจากนี้
เว็บยังเป็นต้นทางของบริการอื่น ๆที่จะตามมา คือ ก่อนจะเข้าไปใช้บริการใด ๆ ผู้ใช้มักจะต้องเข้า
มาที่เว็บไซต์ของบริการนั้น อ่านข้อมูลเบื้องต้นวิธีใช้งาน จากนั้นค่อยลงทะเบียน สมัครสมาชิก
หรืออื่น ๆ ต่อไป
27. โปรโตคอล” (protocal)
ที่สำคัญ Web Site
สาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเว็บ หมายถึงเราสามารถเรียกดูเว็บจากเครื่องนั้นได้จะ
เรียกว่าเป็น “เว็บเซิร์ฟเวอร์” (web server) และข้อมูลทั้งหมดที่จัดให้เรียกดูเป็นเว็บได้
จะเรียกว่า “เว็บไซท์” (web site) หรือแหล่งข้อมูลเว็บ ส่วนแต่ละหน้าที่เปิดเข้าไปดูได้จะ
เรียกว่า “เว็บเพจ” (web page) ซึ่งหน้าที่หลักของเว็บไซท์นั้นๆ หรือหน้าแรกที่จะเห็น
เมื่อเรียกเข้าไปที่เว็บไซท์นั้นครั้งแรกโดยไม่ระบุว่าจะดูหน้าใด จะเรียก “โฮมเพจ” (home
page) ซึ่งจะมีลิงค์ไปยังหน้าอื่น ๆ ในไซท์นั้นอีกทีหนึ่ง
29. โปรโตคอล” (protocal)
ที่สำคัญ HTTP โปรโตคอลของเว็บ
โปรโตคอลหรือกติกาที่ใช้เรียกดูข้อมูลจากเว็บจะเรียกว่า HTTP (Hyper Text
Transfer Protocol) ซึ่งเรียกใช้ได้โดยระบุ http:// ในช่องที่กรอกชื่อเว็บของ
บราวเซอร์ นาหน้าชื่อเครื่องที่จะเรียกดูข้อมูล เช่น http:///www.mcc.ac.th แต่ปกติ
หากไม่ใส่หรือไม่ระบุเป็นอย่างอื่น บราวเซอร์ก็จะคิดแทนให้ว่าเป็น http:// อยู่แล้ว ส่วนบาง
กรณีเช่นการรับส่งไฟล์อาจใช้ ftp:// (ftp = File Transfer Protocol) แทน
เพราะเป็นการสั่งให้อีกเครื่องหนึ่งส่งไฟล์มาโดยตรง
30. โปรโตคอล” (protocal)
ที่สำคัญ HTML : ภาษาของเว็บ
ภาษาที่ใช้ในการจัดหน้าเว็บเพจเรียกว่า HTML (Hyper Text Markup
Language) ซึ่งเป็นที่มาของส่วนขยาย .htm หรือ .html ท้ายไฟล์เว็บเพจปัจจุบัน
ผู้ใช้จะไม่ได้เขียนคาสั่งHTML แต่ใช้โปรแกรมออกแบบเว็บช่วย เช่น
Dreamweaver ของ Macromedia (ปัจจุบันถูกซื้อกิจการโดย Adobe ไป
แล้ว), Frontgage ของ Microsoft, GoLive! ของ Adobe เป็นต้น ซึ่งจะได้
หน้าเว็บเป็นคาสั่ง HTML ออกมาเลย แต่หากยังไม่ถูกใจก็อาจต้องเข้าไปปรับแก้เองบ้างเท่าที
จาเป็น
32. โปรโตคอล” (protocal)
ที่สำคัญ
URL = โปรโตคอล + ชื่อโดเมน + ชื่อไฟล์ในเครื่อง
เมื่อรู้จักเว็บไซท์และโปรโตคอลแล้ว การจะให้บราวเซอร์ไปเรียกดูเว็บเพจจากที่
ใด ก็ต้องระบุ 3 อย่างคือ โปรโตคอล ชื่อโดเมนของเครื่อง (ส่วนนี้อาจใส่ IP
address แทนได้) และชื่อไฟล์เว็บเพจ (.htm หรือ .html) หรือไฟล์
อื่น ๆ เช่น ไฟล์รูปภาพแบบ JPEG (.jpg หรือ .jpeg) ในเครื่องนั้น ๆ
(ซึ่งรวมถึงชื่อดิสก์ไดรว์ ชื่อโฟลเดอร์หรือไดเร็คทรอรีที่ไฟล์ของเอกสารเว็บนั้น
อยู่ด้วย) ซึ่งชื่อทั้งหมดนี้รวมกันจะถูกกาหนดให้มีรูปแบบเดียว เรียกว่า
Uniform Resource Locator หรือ URL ดังนั้นแต่ละเว็บเพจ
ในโลกนี้ก็จะต้องมี URL ของตัวเองที่ไม่ซ้ากัน สาหรับให้ผู้ใช้กรอกเข้าไปว่า
จะเรียกดูเว็บเพจจากไหน หรือคลิกลิงค์แล้วจะไปเรียกเว็บเพจจากไหนมาแทน
34. โปรโตคอล” (protocal)
ที่สำคัญเวลาของการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต
แบบประสานเวลา (synchronous) เป็นการใช้งานที่ผู้ใช้สามารถติดต่อถึง
กันได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน โดยผู้ใช้แต่ละฝ่ายจะนั่งทางานอยู่หน้าจอ
คอมพิวเตอร์ดังเช่น การสนทนาในเครือข่าย (Internet Relay Chat)
แบบไม่ประสานเวลา (asynchronous) หรือแบบต่างเวลา เป็นการรับส่ง
ข้อมูลที่ผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกันในเวลาเดียวกัน แต่
สามารถส่งข่าวสารข้อมูลไปเก็บไว้ในเครื่องบริการก่อนได้ เพื่อที่ผู้รับจะเรียกดู
ข้อมูลนั้นได้ภายหลัง เช่น บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มข่าว การถ่ายโอน
ไฟล์ หรือการค้นดูเว็บเพจต่าง ๆ เป็นต้น
48. บริการค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
Web Directory
Search Engine
Crawler เรียกได้อย่างหนึ่งว่า “ Spider ” , “ Robot ” หรือ “ Worm ” เป็นกลไกที่สร้าง
ขึ้นให้เป็นตัวแทน (Agent) เพื่อท่องไปตามเว็บไซต์ต่างๆ แล้วรวบรวมข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นั้น
Indexer หลังจากที่ Crawler รวบรวมข้อมูลเว็บไซต์มาให้แล้ว Indexer จะทาหน้าที่ในการจัด
หมวดหมู่ให้กับข้อมูลเหล่านั้น และจัดเก็บลงในฐานข้อมูล
Query Process เป็นส่วนการทางานที่ซับซ้อนที่สุดของ Search Engine เนื่องจากต้อง
ค้นหาข้อมูลใน Indexer และนาคาค้นหรือปัจจัยต่าง ๆ มาเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจว่าจะแสดงผลลัพธ์
ใดบ้าง
Portal Site มีลิงค์ต่าง ๆ มากมายให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงไปยังบริการที่ผู้ใช้สนใจ
49. เทคนิคในกำรใช้คำค้น
(keyword)ควรใช้คาที่หลากหลาย เช่น หากต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับชาจีน ไม่ควรใช้เพียง
คาว่า “tea” เพียงคาเดียว แต่ควรใช้คาว่า “ Chinese Tea ” จะได้
ผลลัพธ์ที่ตรงต่อความต้องการมากกว่า
ควรใช้เครื่องหมายคาพูด (“ ”) ในการรวมคา เมื่อต้องการค้นหาคาที่เป็น
ประโยค หรือกลุ่มของคาที่มีการเว้นช่องว่าง เช่น ชื่อ และนามสกุล สามารถทาได้
โดยใช้เครื่องหมายคาพูดปิดคาที่ต้องการรวม
ไม่ควรใช้คาทั่วไปเป็นคาค้น คาทั่วไปได้แก่ คาเชื่อม คานาหน้านาม คาวิเศษณ์
เช่น if, on, about, the, be เป็นต้น แต่หากต้องการใช้คานี้ให้เขียนอยู่
ในเครื่องหมายคาพูด
50. เทคนิคในกำรใช้คำค้น
(keyword)ใช้เครื่องหมายบวก ( + ) นาหน้าคาค้นที่ต้องการให้ผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับคานั้น
เช่น หากต้องการค้นหาคาว่า “ แอปเปิ้ล ” ที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถใช้
คาค้นได้ว่า “แอปเปิ้ล+คอมพิวเตอร์” เป็นต้น
ใช้เครื่องหมายลบ ( - ) นาหน้าคาค้นที่ไม่ต้องการให้แสดงผลลัพธ์ตามคาค้นนั้น
เช่น หากต้องการค้นหาคาว่า “ แอปเปิ้ล ” ที่ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถใช้
คาค้นได้ว่า “แอปเปิ้ล-คอมพิวเตอร์” เป็นต้น
ใช้เครื่องหมายดอกจันทร์ ( * ) แทนกลุ่มคาหรือประโยคที่ผู้ใช้ไม่แน่ใจว่าจะใช้
คาใด หรือไม่แน่ใจว่าสะกดคานั้นอย่างไร โดยเขียนให้อยู่ในเครื่องหมาย (“ ”)
เช่น “กระทรวง*” เป็นต้น Search Engine จะค้นหาคาว่า “กระทรวง”
โดยที่กลุ่มข้างหลังจะเป็นคาว่าอะไรก็ได้
52. ข้อดีของอินเทอร์เน็ต
สนทนากับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกลได้ทั้งในลักษณะข้อความ ภาพ และเสียง
ให้เสรีภาพในการสื่อสารในทุกรูปแบบแก่บุคคลทุกคน
ค้นคว้าข้อมูลในลักษณะต่าง ๆ เช่น งานวิจัย บทความในหนังสือพิมพ์ ความก้าวหน้าทาง
การแพทย์เป็นต้น ได้จากแหล่งข้อมูลทั่วโลก เช่น ห้องสมุด สถาบันการศึกษา และ
สถาบันวิจัย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางและสามารถสืบค้นได้
ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
54. ข้อดีของอินเทอร์เน็ต
อ่านบทความเรื่องราวที่ลงในนิตยสารหรือวารสารต่าง ๆ ได้ฟรีโดยมีทั้งข้อความและ
ภาพประกอบด้วย
ถ่ายโอนไฟล์ข้อความ ภาพ และเสียงจากที่อื่น ๆ รวมถึงและถ่ายโอนโปรแกรมต่าง ๆ ได้จาก
เว็บไซต์ที่ยอมให้ผู้ใช้บรรจุลงในโปรแกรมได้โดยไม่คิดมูลค่า
ตรวจดูสินค้าและสั่งซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปซื้อเอง
แข่งขันเกมกับผู้อื่นได้ทั่วโลก
ติดประกาศข้อความที่ต้องการให้ผู้อื่นทราบได้อย่างทั่วถึง