More Related Content Similar to วิสัยทัศน์ไอที วิถีธุรกิจ - ความสําคัญของ Open Standards
Similar to วิสัยทัศน์ไอที วิถีธุรกิจ - ความสําคัญของ Open Standards (20) วิสัยทัศน์ไอที วิถีธุรกิจ - ความสําคัญของ Open Standards1. วิสัยทัศน์ไอที วิถีธุรกิจ โดย ม.ล. ลือศักดิ์ จักรพันธุ์
IT Vision - Business Mission by M.L. Luesak Chakrabandhu
luesak@chakrabandhu.com http://www.luesak.com http://slideshare.net/luesak
ม.ล. ลือศักดิ์ จักรพันธุ์
กรรมการสมาคมสมาพันธ์โอเพนซอร์สแห่งประเทศไทย นักพัฒนาองค์กร และ ผู้บริหาร
ระดับสูง ที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี ด้านการวางระบบ ให้คำาปรึกษา และพัฒนาบุคลกร
ด้านพัฒนาธุรกิจและการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างคุณค่าและปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ
ความสำาคัญของ Open Standards
ความเข้าใจและการเห็นความสำาคัญของมาตรฐานเปิดหรือ Open Standards เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ในองค์กรไม่วา
่
จะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือ ภาคประชาชน ทั้งนี้เพราะการถูกจำากัดอิสรภาพในการพัฒนาองค์กรจากการต้องถูก
ผูกมัดโดยผู้ขายสินค้าหรือผูให้บริการเพียงไม่กี่รายย่อมปิดกั้นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ทดเทียมกับ
้
ั
คู่แข่งทั้งภายในและภายนอกประเทศ
Open Standards มีความสำาคัญทัวทั้งองค์กรไม่เพียงแต่ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเท่านั้น อีกทั้งยังมีบทบาท
่
ต่อองค์กรและผู้คนมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นความคุ้นเคยที่อาจถูกมองข้ามไป เรามีรถยนต์ที่สามารถวิ่งได้แม้ยางล้อทุ
ล้อจะมาจากผู้ผลิตที่แตกต่างกัน ไฟฉายที่เรามีเปิดติดให้แสงสว่างได้ไม่วาจะใส่ถ่านยี่ห้ออะไร กระดาษขนาด A4 ที่ใช้กัน
่
อยู่นำาไปใช้กับแฟ้ม เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องสแกนเนอร์ หรือแม้แต่เครื่องทำาลายเอกสารใดๆก็ได้ทั่วโลก และ
ในการสื่อสารกันทัวโลก รหัสประเทศ หรือ country code ได้ถูกกำาหนดให้เป็นมาตรฐาน (Country Codes - ISO
่
3166) นำามาซึ่งความถูกต้องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสิทธิภาพในการสือสารที่สูงขึ้นอย่างมาก
่
แต่เราเคยตั้งคำาถามหรือไม่ว่าสินค้าไอทีมากมายที่เราเสียงบลงทุนจัดซื้อจัดหาเข้ามาใช้ในองค์กร บ่อยครั้งกลับมี
ปัญหาในการใช้งานร่วมกัน เช่น ไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นกลับไม่สามารถเปิดใช้งานหรือทำางานได้อย่างไม่
สมบูรณ์แบบในเครื่องคอมพิวเตอร์ทต่างผู้ผลิตและต่างระบบปฏิบัติการกัน โทรศัพท์มือถือบางยี่ห้อบังคับผู้ซื้อให้ต้องใช้
ี่
อุปกรณ์ต่อพ่วงที่มีราคาสูงกว่า หรือการต้องเตรียมงบประมาณจำานวนมากเพื่อเชื่อมต่อซอฟต์แวร์ที่จดหามาใหม่เข้ากับ
ั
ระบบซอฟต์แวร์ที่มีอยู่เดิม เป็นต้น สิ่งต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นการถูกจำากัดสิทธิที่มีอยู่ทวไปซึ่งนำาไปสู่การเสียโอกาสทาง
ั่
ธุรกิจ
ในด้านไอที การจ่ายค่าซอฟต์แวร์หรือที่เรียกว่าค่า license ของ “ซอฟต์แวร์กรรมสิทธิ์” หรือ “proprietary
software” มักจะเป็นภาระค่าใช้จายทีไม่มีความจำาเป็นหรือมีราคาที่สูงเกินไป ซึ่งผู้ซื้อซอฟต์แวร์ประเภทนี้จะถูกจำากัด
่ ่
2. สิทธิในการใช้งานและทำาซำ้า หรือสงวนสิทธิ์ไว้โดยเจ้าของซอฟต์แวร์หรือผู้จัดทำามิให้ผู้อื่นสามารถทำาการพัฒนาต่อยอดใดๆ
์
ได้นอกจากได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ดังนั้นหากขาดการยึดถือ Open Standards การนำาซอฟต์แวร์ที่เป็น proprietary
มาใช้ยอมจะเพิ่มความเสี่ยงในการนำามาใช้งานและการพัฒนาซอฟต์แวร์ดังกล่าวให้เข้ากันได้ดีกับสิ่งที่มีอยู่เดิมในองค์กร
่
และอาจถึงขั้นเป็นอุปสรรคในการเชื่อมต่อกระบวนการกับลูกค้าและองค์กรภายนอก
Open Standards มีบทบาทสำาคัญทางไอทีและระบบงานในการเชื่อมโยงบูรณาการแอพพลิเคชั่น (Application
Integration) ต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำางาน งานด้านการบูรณาการ
อันมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากเหล่านี้จะยิ่งทวีความยุ่งยากหากขาดการรักษาวินัยของการใช้ “มาตรฐานเปิด” ซึ่ง
มีต้องลงละเอียดเป็นหมวดย่อยดังต่อไปนี้
• Format Standards คือการทำาให้ไฟล์ องค์ประกอบ และผลลัพท์ตางๆของระบบไอที มีรูปแบบที่สามารถใช้งาน
่
ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกระบบที่เกี่ยวข้อง ไม่เกิดปัญหาการกีดกันจำากัดรูปแบบในการแลกเปลี่ยน
ข้อมูล (Data) และสารสนเทศ (Information)
• Service Standards คือการที่ระบบ application มีมาตรฐานเปิดร่วมกันและสามารถเรียกใช้บริการกันได้แม้วา
่
จะเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์คนละค่าย หรือเป็นการใช้งานร่วมกับ application ที่เขียนขึ้นเองในองค์กร โดยยึดถือ
หลักการที่สำาคัญว่า “ระบบงานทุกระบบจะต้องเป็นผู้ให้บริการที่ดีแก่ระบบอื่นอย่างเท่าเทียมกัน”
• Orchestration Standards คือการมีมาตรฐานที่เป็นอิสระในการออกแบบเชื่อมโยงกระบวนการและเทคโนโลยีที่
เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่วาจะอยู่ภายในหรือภายนอกองค์กรได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ มีความซำ้าซ้อนน้อย และมี
่
ความยืดหยุ่นเพียงพอทีจะปกป้องการลงทุนพัฒนาที่ได้ดำาเนินการไปแล้วในระยะยาว
่
คุณค่าของ Open Standards นั้นเปิดที่ยอมรับในระดับสากลจากการที่เป็นคุณสมบัติสำาคัญในการนำาพาธุรกิจให้
ก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ดังทีจะแสดงต่อไปนี้
่
Improve Vendor Independence
ความเป็นอิสระจากผู้ขายและยี่ห้อของเทคโนโลยีทจำากัดเป็นสิ่งที่มีความสำาคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของธุรกิจ
ี่
องค์กรที่มีประสบการณ์และมองการไกลย่อมรู้ซึ้งถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ถูกล็อคตัว “Vendor Lock In” (หรือที่
รู้จกกันในอีกชื่อว่า Proprietary Lock In) ซึ่งเป็นตัวปิดกั้นการพัฒนาและทำาให้สูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขัน
ั
โอกาสทางธุรกิจที่ควรจะก่อเกิดประโยชน์ได้กลับถูกบดบังด้วยความไม่คุ้มค่าในการลงทุนด้านระบบ ทั้งนี้เพราะเมื่อถูก
ผูกมัดแล้วองค์กรมักจะถูกบีบให้ตัดสินใจในการ “ลงทุนปลดล็อค” ซึ่งบ่อยครั้งก็จะเกิดกระบวนการ “rip-and-replace”
เพื่อปรับปรุงยกเครื่องขนานใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดเมื่อเกิด Vendor Lock In อย่างยาวนานคือบุคลากรภายในองค์กรเริ่มเกิดความเคยชินกับ
เทคโนโลยีและการบริการจากผู้ขายเพียงไม่กราย และพวกเขาจะขาดความเอาใจใส่ในการหาความรู้ที่แท้จริงแต่จะอาศัย
ี่
การพึ่งพาข้อมูลด้านเดียวจากผู้ขายเป็นตัวตั้งซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอย่างมากทางธุรกิจและเป็นการกัดกร่อนทำาลาย
3. วัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้ บุคลากรที่ผกตัวเองติดกับผู้ขายและปฏิเสธมาตรฐานเปิดจะมีความรู้ความชำานาญทีจำากัด
ู
่
และไม่รอบด้าน ดังนั้นพวกเขาจึงรับความเสี่ยงในอาชีพจากการมีขีดจำากัดในการปรับตัวให้ทันความเปลี่ยนแปลงทาง
เทคโนโลยีไว้โดยไม่รตัว
ู้
Increase Vendor Choice & Decrease Vendor Cost
Open Standards เพิ่มทั้งจำานวนและความหลากหลายของผู้ขาย การจากที่ตลาดมีมาตรฐานที่ดีจะช่วยเกื้อหนุน
ให้เกิดผู้ขายและผู้ให้บริการรายใหม่ได้อย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นปัจจัยสำาคัญในการให้กำาเนิดบริการและ solution ใหม่ๆ
ด้านไอที อันอาจจะเป็นตัวเลือกในการตอบโจทย์ทางธุรกิจใหม่ๆที่ต้องการนวัตกรรมในการสร้าง business capability ที่
แตกต่างไป ทั้งนี้เพราะ Open Standards ขับเคลื่อนการพัฒนาต่อย่อยอดของ vendor และ developer อย่างเป็นรูป
ธรรม ส่งผลให้นวัตกรรมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฝั่งผู้ให้บริการเองก็จะมีการพัฒนาประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านบริการ
และ ด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง
Optimize Options & Improve Return on Investment (ROI)
การมีทางเลือกที่มากกว่าในการสร้างประโยชน์ให้สูงสุดเป็นคุณค่าสำาคัญของ Open Standards เพราะการถูกปิด
กั้นหรือผูกมัดไม่ให้มีตัวเลือกย่อมทั้งบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันและทำาให้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากอำานาจต่อรอง
ในการซื้อที่ลดลง บ่อยครั้งการ “ถูกบังคับให้เลือกผิด” จากการมีตัวเลือกที่น้อยกว่าคู่แข่งขันทำาให้เกิดความเสียเปรียบถึง
ขั้นที่ “รู้ผลแพ้ชนะตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง”
การเพิ่มขึ้นของ ROI นอกจากจะเกิดจากการลงทุนเกี่ยวกับระบบและการบริการที่ลดลงแล้วยังสามารถเกิดจาก
การได้ผลลัพท์หรือคุณค่าทางธุรกิจทีรวดเร็วขึ้นจากการพัฒนาระบบที่อ้างอิง Open Standards ซึ่งจะเปิดโอกาสให้
่
องค์กรสามารถวางแผนและหยิบฉวย IT solution ที่มีความสมบูรณ์หรือสำาเร็จรูปมาใช้ได้โดยง่าย
Reduced Risk
Open Standards เพิ่มโอกาสในการลดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำาคัญ เพราะการที่ตองถูกผูกติดกับสินค้าหรือ
้
บริการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเพียงไม่กี่ยี่ห้อย่อมทำาให้มีความเสี่ยงอย่างมาก ในระยะยาวเมื่อเวลาผ่านไปหลายปีผู้ขายและ
ผู้ให้บริการที่เคยประสบความสำาเร็จอาจอ่อนแอและด้อยขีดความสามารถลงหรือถึงขั้นต้องเลิกกิจการไป การโดนผูกมัด
ทางเทคนิคย่อมทำาให้องค์กรแบกรับความเสี่ยงไว้อยากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการยึดถือมาตรฐานเปิดจึงเป็นวินัยอันสำาคัญ
ในการประกันความมั่นคงในระยะยาวแก่องค์กร ทั้งในแง่การจัดการภายในอันได้แก่การใช้งานเทคโนโลยีและดูแลระบบให้
มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น และในแง่ของการบริการทีดีอย่างต่อเนื่องต่อลูกค้าโดยสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดผลกระทบ
่
ในทางลบต่อความพึงพอใจของลูกค้าจากการพัฒนาระบบที่ยุ่งยากและเต็มไปด้วยข้อผูกมัด
นอกจากนี้การลดความเสี่ยงขององค์กรจากการยึดถือ Open Standards ยังสามารถเกิดขึ้นจากการมี
repeatability ที่สูงขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะบนมาตรฐานเปิดในการพัฒนาระบบ องค์กรสามารถดำาเนินแนวทางการ
พัฒนาที่ประสบความสำาเร็จเดิมที่เคยมี และนำาส่วนประกอบของระบบงานต่างๆที่ใช้งานได้ดีอยู่แล้วมาใช้ซำ้าได้โดยไม่ต้อง
4. สิ้นเปลืองและเสี่ยงถูกบังคับให้ต้องใช้งานสิ่งที่พัฒนาขึ้นใหม่ที่ยังไม่ผ่านการทดสอบมากพอ
Durability
ความทนทานต่อการแสวงประโยชน์ทางธุรกิจของผู้ผลิตและผู้ให้บริการด้านไอทีเป็นคุณประโยชน์สำาคัญของ
Open Standards ทั้งนี้เพราะนอกจากผู้ขายที่นิยม proprietary จะพยายามผูกมัดลูกค้าด้วยข้อจำากัดทางเทคนิคต่างๆ
แล้ว พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงระบบและการใช้งานต่างๆเพือให้ลูกค้าเสียความสะดวกในการใช้งานสินค้าและ
่
บริการของคู่แข่ง องค์กรและบุคคลที่เป็นลูกค้าจึงถูกกดดันให้ต้องพบกับ “ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่จำาเป็น” อยู่เสมอ การ
ยึดถือมาตรฐานเปิดโดยทัวไปจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ๆทั้งนี้เพราะ Open
่
Standards ใหม่ๆจะเกิดขึ้นมาทดแทนมาตรฐานเดิมและช่วยลดแรงกดดันด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม
โดยยึดถือผลประโยชน์ของผู้ขายบางราย
Flexibility
ความยืดหยุ่นในการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายทีรองรับบนมาตรฐานเปิดส่งผลให้องค์กรสามารถผสมผสานตัว
่
เลือกที่ดีที่สดหลายๆตัวเข้าด้วยกันได้โดยไม่มีความเสี่ยงในเชิง integration ความยืดหยุ่นในลักษณะดังกล่าวนำาไปสู่โอกาส
ุ
ที่ดีทองค์กรจะได้สร้างคุณค่าเพิ่มและลดต้นทุนจากการเพิ่มสัดส่วนการใช้ Open Source Software ซึ่งให้ Return on
ี่
Investment ที่สูงกว่า
นอกจากนั้นการออกแบบระบบให้รองรับมาตรฐานเปิดยังเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนาระบบอย่างมาก
เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถเลือกใช้ผู้ให้บริการได้หลายรายในโครงการพัฒนาระบบขนาดใหญ่ อีกทั้งยัง
เป็นการเปิดกว้างให้องค์กรสามารถเลือกใช้งานผู้ให้บริการทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน
การให้บริการทีดีจากทั่วโลก และที่สำาคัญ การยึดถือมาตรฐานเปิดอย่างต่อเนื่องจะส่งเสริมการสะสมองค์ความรู้ของ
่
บุคลากรภายในองค์กรในไปสู่ความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเทคโนโลยี การบริหารโครงการ และการดูแลระบบงานที่
ได้สร้างขึ้นได้ในระยะยาว
Quality
คุณภาพในเชิงไอทีหมายความถึงระดับการส่งมอบสินค้าบริการได้ตรงตามความต้องการหรือ requirements ทาง
ธุรกิจ Open Standards จะเป็นตัวเร่งให้เกิดคุณภาพในการส่งมอบงานด้านไอทีเนื่องจากผู้ซื้อจะมีมาตรฐานให้ยึดถือเป็น
แนวทาง ทำาให้การวางแผนมีประสิทธิภาพและมีความผิดพลาดน้อยลงอย่างมีนัยสำาคัญ อีกทั้งการเปรียบเทียบกันและ
แข่งขันกันอย่างมีมาตรฐานระหว่างผู้ขายและผู้ให้บริการจะสร้างวัฒนธรรมที่ดีในการส่งมอบงานที่มีคุณภาพสูง การแข่งขัน
เพื่อการให้บริการทีดีจะทำาให้คุณภาพโดยรวมดีขึ้นจากการที่ switching costs ในการเปลี่ยนผู้ขายลดลง พวกเขาจะมี
่
ความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพงานอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในด้านคุณสมบัติการใช้งาน ด้านขีดความสามารถของระบบ
ด้านความปลอดภัย และด้านอื่นๆ
5. Improve Interoperability and Integration
การใช้งานร่วมกันได้เป็นอย่างดีระหว่างองค์ประกอบหรือ components ต่างๆในระบบงานมีความสำาคัญต่อ
องค์กรในการให้บริการทีดีแก่ลูกค้าทั้งภายในและภายนอกรวมถึงการเชื่อมต่อระบบกับคู่ค้า การไม่ยึดถือ Open
่
Standards อาจส่งผลกระทบให้องค์กรไม่สามารถสร้างระบบงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น กระบวนการอัตโนมัติ
(automated processes) ต่างๆได้
Open Standards ช่วยให้การบูรณาการเชื่อมต่อระบบเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ทั้งนี้เพราะมีตวเลือกที่
ั
มีผู้ใช้งานประสบความสำาเร็จเป็น success case จำานวนมาก อีกทั้งมีระบบซอฟต์แวร์มากมายที่สามารถนำามาติดตั้งใช้งาน
ได้ทันทีในสไตล์ “Plug-and-Play” ดังนั้นหากองค์กรมีความจริงจังในการหาข้อมูลให้เพียงพอและรู้จักใช้บริการของผู้ให้
บริการและที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญ องค์กรสามารถวางแผนการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบงานขนาดใหญ่ทั่วทั้งองค์กร
ในระยะยาวได้อย่างรอบคอบมีประสิทธิภาพ
โดยสรุปอาจกล่าวได้วาองค์กรที่ไม่ยึดถือ Open Standards เป็นนโยบายสำาคัญจะมีความเสียเปรียบในการ
่
พัฒนาองค์กรและการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างมากทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นผู้บริหารและ
เจ้าของกิจการจึงควรเร่งขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ก่อนที่จะถลำาลึกเข้าสู่การถูกผูกมัดโดยผู้ขาย
และการทำาลายวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้และพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน
อ้างอิง
Erik Sliman: Business Case for Open Standards, [cited 16-SEP-2012] Available from:
http://www.openstandards.net/viewOSnet1C.jsp?showModuleName=businessCaseForOpenStandards
บทความนี้อนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการ
ค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน (Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 1.0
Generic (CC BY-NC-SA 1.0))