5. Branding Visual Book by Serena Tan
แบรนดิ้งคืออะไร? จริงๆทฤษฎีที่บอกว่า “แบรนดิ้ง” คืออะไรมีมากมายเต็มไปหมด แต่..ใน
เล่มนี้ เรามาเรียนรู้กันแบบสนุกๆดีกว่า เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าแบรนดิ้งคืออะไร อยากให้คุณ
นึกถึงภาพของเพื่อนสนิทผู้ชายคนนึง ถ้าคุณต้องให้คำ 3 คำกับเพื่อน คุณจะให้ว่าอะไร
6. Branding Visual Book by Serena Tan
ถ้าเป็นเรา เราจะให้สามคำกับเพื่อนสนิทคนนึงว่า...
7. Branding Visual Book by Serena Tan
สามคำที่เราพูดขึ้นมาเวลานึกถึงเพื่อนคนนี้ และสามคำที่คุณพูดเวลานึกถึงเพื่อนซักคน
นั่นล่ะค่ะ คือ แบรนด์ ของเพื่อนคนนั้น
8. Branding Visual Book by Serena Tan
ต่อไป ลองนึกภาพผู้หญิงคนนึงที่ฮอตมากๆ สมมติว่าเป็นดาวมหาลัยที่มีหนุ่มๆ มาแอบ
ชอบเยอะแยะเต็มไปหมดเลย...รวมถึงเพื่อนคนนั้นของเราด้วย
9. Branding Visual Book by Serena Tan
ถ้าหนุ่มๆเหล่านี้ ไม่มีแบรนด์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในสายตาของสาวดาวคณะ หนุ่มทุกคนที่เข้ามา
จะเหมือนกันหมดเลย ไม่มีอะไรแตกต่างกัน ไม่มีใครโดดเด่นขึ้นมา
10. Branding Visual Book by Serena Tan
แต่ถ้าเพื่อนของเรา เป็นคนที่มีแบรนด์ เวลาสาวดาวคณะมองปุ๊บ ก็จะเห็นหนุ่มคนนี้โดดเด่น
ขึ้นมา และบอกได้ว่า สามคำของหนุ่มคนนี้คืออะไร
11. Branding Visual Book by Serena Tan
ถ้าอย่างนั้น การสร้างแบรนด์ หมายถึง การสร้างความแตกต่างที่ทำให้เราโดดเด่น
ขึ้นมา...หรอ? ส่วนใหญ่พอถึงตรงนี้ หลายๆคนจะคิดแบบนั้น แต่...มันยังไม่พอ
12. Branding Visual Book by Serena Tan
พอมีแบรนด์ สาวดาวคณะก็จำได้แล้ว ว่าหนุ่มเพื่อนของเรานี่เป็นใคร มีความโดดเด่นแตกต่าง
ยังไง คำ 3 คำคืออะไร แต่...นั่นไม่ได้หมายความว่าสาวคนนั้นจะเลือกเพื่อนเราเป็นแฟน
13. Branding Visual Book by Serena Tan
สาวแต่ละคนมีสเปค (คำ 3 คำของหนุ่มที่สนใจจะเป็นแฟน) ไม่เหมือนกัน ถ้าคำสามคำที่สาว
มองหาอยู่ ไม่ตรงกับสามคำที่เป็นแบรนด์ของหนุ่มเพื่อนเรา ก็มีโอกาสจะแห้ว...
14. Branding Visual Book by Serena Tan
สาวดาวคณะ ก็เป็นเหมือนลูกค้า ส่วนหนุ่มน้อย ก็เหมือนกับ แบรนด์ การที่หนุ่มเข้าไปจีบสาว
ให้เป็นแฟน ก็เหมือนการที่แบรนด์ เข้าไปจีบลูกค้าให้รู้จักแบรนด์ จำแบรนด์ได้ และรักแบรนด์
15. Branding Visual Book by Serena Tan
เพราะฉะนั้น เพื่อตอบคำถามว่า “แบรนดิ้ง” คืออะไร แบรนดิ้ง มันก็คือการที่เราทำให้ตัวเองแตก
ต่าง โดดเด่น ในแบบที่ลูกค้าเป้าหมายชอบ นั่นล่ะ ถ้าทำไม่ครบ ระวังต่างแต่จีบไม่ติดนะ T-T
17. Branding Visual Book by Serena Tan
ผู้อ่านบางคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Brand Model” มาบ้างแล้ว มันฟังดูวิชาก๊าร วิชาการ
เพราะฉะนั้น มา เรามาเรียนรู้เรื่อง “Brand Model ผ่านการ “ปั้นคน” กันดีกว่า
18. Branding Visual Book by Serena Tan
ถ้าเปรียบเทียบแบรนด์เป็นคน การที่คนคนนึงจะมีความแตกต่าง เขาแตกต่างได้ด้วยอะไรบ้าง?
19. Branding Visual Book by Serena Tan
เพราะฉะนั้น ถ้าแบรนด์ เป็นคล้ายๆกับคน สิ่งที่จะทำให้แบรนด์แตกต่าง (Brand Model) มันก็
เปรียบเทียบได้กับสิ่งที่ทำให้คนแตกต่างกันนั่นล่ะ
20. Branding Visual Book by Serena Tan
ความจริงแล้ว Brand Model มีองค์ประกอบหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งหลักๆ มันก็คือ 4 ตัวแรก
ในลิสต์ด้านล่าง ส่วนตัวสุดท้าย โลโก้ ความจริงแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ใน Brand Model แต่
เป็นการดีไซน์หลังจากที่ Brand Model ผ่านการคิดมาเรียบร้อยแล้ว (เพราะฉะนั้น การสร้าง
แบรนด์ ไม่ใช่การออกแบบโลโก้ หรือ artwork นะคะ)
22. Branding Visual Book by Serena Tan
กลับมาที่หนุ่มเพื่อนรักของเราที่กำลังจีบสาวดาวคณะ เขามองตัวเอง “เห้อ ตอนนี้ยังเดินคนเดียว
เหงาๆอยู่เลย” แล้วก็หลับตาฝันไปไกล อยากจะเห็นภาพเขากับเธอเดินจูงมือกัน หลังจากที่เธอ
ตกลงเป็นแฟนกับเขาเรียบร้อยแล้ว
23. Branding Visual Book by Serena Tan
“ภาพที่อยากเห็น” นั่นล่ะ คือสิ่งที่เรียกว่า Brand Vision
24. Branding Visual Book by Serena Tan
ยกตัวอย่าง Teach for America แบรนด์ที่ตั้งใจจะยกระดับการศึกษาของอเมริกา ด้วยการส่ง
คนเก่งๆ ไปช่วยสอนตามโรงเรียนที่ขาดแคลนครูคุณภาพดี ณ ตอนนี้ แบรนด์นี้มองเห็นว่า
โอกาสทางการเรียนดีๆยังคงแคบอยู่ ซึ่งภาพที่อยากมองเห็น คือ เด็กทุกคนในประเทศต้องเข้าถึง
การศึกษาคุณภาพสูง ซึ่งนั่นล่ะค่ะ คือ Brand Vision ของ Teach for America
26. Branding Visual Book by Serena Tan
นี่คือบริษัทผลิตรองเท้า บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ผลิตรองเท้าคุณภาพดี และผู้จัดการแต่ละแผนกก็
พร้อมทำงานกันอย่างหนักเพื่อที่จะให้แบรนด์ก้าวไปข้างหน้า เป็นเรื่องดีใช่มั้ยคะว่าผู้จัดการแต่
ละคนพร้อมทำงานกันเต็มที่เพื่อองค์กร ไม่แน่ซะทีเดียว...
27. Branding Visual Book by Serena Tan
ถึงแม้ว่าผู้จัดการแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการด้านการตลาด ฝ่ายผลิต หรือฝ่ายการเงิน จะพร้อม
ใจกันทำงานอย่างหนักเพื่อให้องค์กรไปข้างหน้า แต่...คำว่า “ข้างหน้า” ของแต่ละคนกลับไม่
เหมือนกันซะนี่
28. Branding Visual Book by Serena Tan
ลองนึกสภาพแบรนด์รองเท้าที่ ฝ่าการตลาดโฆษณาในยุโรปซะเต็มที่ว่าแบรนด์นี้กำลังจะมา แต่
ขณะที่การตลาดเตรียมขายยุโรป ฝ่ายผลิตกลับทำรองเท้าที่เป็นไซส์คนเอเชีย และฝ่ายการเงิน
แทนที่จะเตรียมงบสำหรับยุโรป กลับกระจายงบไปทวีปที่ไม่ได้จะไป อ่า...เละเชียว
29. Branding Visual Book by Serena Tan
และนี่คือหน้าที่ของ Brand Vision ที่จะเข้ามาแก้ปัญหา พอมี Brand Vision ปุ๊บ ผู้จัดการทุก
แผนกก็จะรู้ทันทีเลยว่า ทิศทางข้างหน้าที่จะต้องก้าวไป มันคือทางไหนกันแน่
31. Branding Visual Book by Serena Tan
เพราะหน้าที่หลักของ Brand Vision คือการที่ทำให้ทุกคนเดินไปข้างหน้าในทิศเดียวกัน หนึ่ง
ในสิ่งที่สำคัญมากๆ คือ อย่าคิด Vision อยู่บนกระดาษ แต่เขียนเสร็จให้ไปถามคนในองค์กร
“อ่านแล้วเข้าใจมั้ย ว่าต้องเดินไปทิศทางไหนต่อ” ถ้าไม่เข้าใจ หรือเข้าใจไม่ตรงกัน อาจจะต้อง
ปรับให้ชัดขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าทุกคนเข้าใจตรงกัน มีทิศที่จะไปต่อ โอเคเลย
32. Branding Visual Book by Serena Tan
ยกตัวอย่าง Brand Vision ที่ไม่ดี สมมติบอกว่า เรามีวิสัยทัศน์ที่จะผลิตรองเท้าดีๆให้กับคนทั่ว
โลก ปัญหาคือ คำว่า “รองเท้าดี” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน...
33. Branding Visual Book by Serena Tan
และจะทำให้ปัญหาเกิดขึ้นทันที เพราะ Brand Vision จะทำให้เกิด “ทิศทาง” ที่แต่ละแผนกจะเดิน
ไป ถ้าการตลาดเข้าใจว่า รองเท้าดี คือรองเท้าที่ใส่สบาย แต่ฝ่ายผลิตเข้าใจว่า มันคือแฟชั่น?
34. Branding Visual Book by Serena Tan
อีกอย่างนึงที่สำคัญไม่แพ้กันเลย คือ Brand Vision ควรจะต้องใหญ่มากพอที่จะสร้าง
motivation พนักงานเก่งๆให้ทุ่มเททำงานให้กับแบรนด์ แต่...ต้องไม่ใหญ่จนรู้สึกว่าไกลตัว
37. Branding Visual Book by Serena Tan
กลับมามองที่รูปนี้ เราจะเห็นว่าระหว่าง “ภาพปัจจุบัน” กับ “ภาพที่อยากเห็น” มันมีช่องว่าง
อะไรบางอย่างอยู่ตรงกลาง คำถามคือ เราจะก้าวผ่านช่องว่างนี้ไปได้ยังไง?
38. Branding Visual Book by Serena Tan
มา ถ้ามีช่องว่าง ก็สร้างสะพานปิดช่องว่างซะเลยจะได้เดินข้ามไปได้ ซึ่งสะพานนั่นล่ะค่ะ คือ Brand
Mission มันคือการตอบคำถามว่า เราจะเดินจากจุดที่อยู่ไปยังจุดที่อยากไปได้ยังไง
39. Branding Visual Book by Serena Tan
แล้วเราจะหา Brand Mission ได้ยังไง? เราต้องตอบตัวเองสองคำถาม “อะไรคือช่องว่างระหว่าง
เรากับภาพที่อยากเห็น” และ “เราจะเข้ามาปิดช่องว่างนั้นยังไง”
40. Branding Visual Book by Serena Tan
ยังจำตัวอย่าง Teach for America ได้อยู่มั้ยคะ Brand Vision ของ Teach for America คือ
การทำให้เด็กทุกคนในประเทศเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูง ทีนี้ พอมาดู “ช่องว่าง” ที่เกิดขึ้นแล้ว
มันก็คือ “การที่ประเทศขาดบุคลากรคุณภาพสูง”
41. Branding Visual Book by Serena Tan
ดังนั้น หลังจากที่หาว่า มันจะมีวิธีไหนบ้างที่จะปิดช่องของการ “ขาดบุคลากรคุณภาพสูง” ก็เลย
กลายมาเป็นวิธีที่นำคนเก่งจากทั่วประเทศมาเป็นครูชั่วคราว ทำให้เกิดเป็น Brand Mission
42. Branding Visual Book by Serena Tan
อีกตัวอย่างนึงเป็นตัวอย่างของ IKEA ซึ่งเราน่าจะรู้จักกันดี Vision ของ IKEA คือ การทำให้ชีวิต
ประจำวันของคนดีขึ้น โดยที่เขาเห็นช่องว่างที่เกิดขึ้นเป็น “เฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีมีราคาแพง”
43. Branding Visual Book by Serena Tan
เดี๋ยวนะ “ช่องว่าง” ของการมีชีวิตประจำวันดีก็มีได้หลายอย่างไม่ใช่หรอ ทำไม IKEA ถึงเลือกเรื่อง
เฟอร์นิเจอร์ราคาแพง? นั่นเป็นเพราะ ในแต่ละ Vision เราจะเจอช่องว่างหลายช่อง คำถามคือ
“ช่องว่างไหนตรงกับสิ่งที่แบรนด์ของเราทำ” ให้เลือกช่องว่างนั้น อย่าง IKEA ทำเฟอร์นิเจอร์ เลย
เลือกปิดช่องว่างในเรื่อง “ความสะดวกสบายที่บ้าน” ที่เกิดจาก เฟอร์นิเจอร์ดีๆมีราคาแพง
49. Branding Visual Book by Serena Tan
การที่ผู้ชายจะจีบผู้หญิงซักคน ก็มีวิธีการจีบได้หลายวิธีมาก ว่าแต่...แล้วจะใช้วิธีไหน?
50. Branding Visual Book by Serena Tan
วิธีการจีบที่ใช้ สะท้อนถึง “สิ่งที่หนุ่มคนนั้นให้คุณค่า” ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับแบรนด์ มันก็คือ
Brand Value นั่นเอง
51. Branding Visual Book by Serena Tan
ยกตัวอย่าง Virgin Active ด้วยความที่ Brand Value ของ Virgin คือ ความสนุก และแหกกรอบ
เลยทำให้การให้บริการที่ออกมา สะท้อนถึง value ชัดเจน
53. Branding Visual Book by Serena Tan
แบรนด์เรามีสิ่งที่แตกต่างมากมาย แต่ว่า ถ้าจะให้คนจำทุก
อย่างก็คงไม่ไหวใช่ไหมคะ นี่คือเหตุผลที่ต้องมี Brand
Positioning ซึ่งก็คือ “สิ่งที่เราอยากให้คนจำเกี่ยวกับเรา”
54. Branding Visual Book by Serena Tan
ถ้าดูจากตารางด้านล่าง จะเห็นว่า แบรนด์สามารถเลือกสิ่งที่อยากให้คนจำได้หลายแบบด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น “ฉันมีอะไร” หรือ “ฉันเป็นใคร”
55. Branding Visual Book by Serena Tan
ถ้ายกตัวอย่าง หนุ่มจีบสาวดาวคณะ Brand Positioning ที่แตกต่าง จะออกมาเป็นแบบนี้...
56. Branding Visual Book by Serena Tan
ถ้าหนุ่มเลือกที่จะให้ ดาวคณะจดจำตัวเองด้วยช่องแรก สิ่งที่จะทำออกมาใน “การสร้างแบรนด์” ก็
คือขับเฟอร์รารี่โฉบไปใกล้ๆสาวคนนั้นทุกวันจนเธอจำได้
57. Branding Visual Book by Serena Tan
ซึ่งถ้าถามว่าเราควรไปช่องไหน นั่นขึ้นอยู่กับว่า สาวคนนั้นมองหาช่องไหนในตัวของหนุ่มที่เธอจะ
เลือกเป็นแฟน ถ้าเธอโฟกัสที่ช่องที่สี่ “How you do it” การสร้างแบรนด์ด้วยช่องที่หนึ่งอาจจะได้
ผลไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเธอจะจำภาพหนุ่มคนนั้นในแบบที่เธอไม่ได้กำลังมองหา
58. Branding Visual Book by Serena Tan
ลองยกอีกตัวอย่างนึงเป็นร้านเบอร์เกอร์ ร้านเบอร์เกอร์มีตัวเลือกที่อยากให้ลูกค้าจดจำได้หลายต่อ
หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สูตรที่มี ไปจนถึง องศาที่ใช้อบเบอร์เกอร์
59. Branding Visual Book by Serena Tan
เหมือนกับสาวดาวคณะ ลูกค้าร้านเบอร์เกอร์เอง ก็มีช่องที่ตัวเองมองหาอยู่เหมือนกัน ซึ่งการที่ร้าน
เบอร์เกอร์จะดูว่าตัวเองควรไปทางไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่า ลูกค้ามองหาอะไรอยู่
60. Branding Visual Book by Serena Tan
เราสามารถใช้ตาราง Brand Positioning นี้วิเคราะห์ได้
หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น...
61. Branding Visual Book by Serena Tan
วิเคราะห์ว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ชอบพูดถึงเรื่องอะไร...
62. Branding Visual Book by Serena Tan
ลูกค้าเป้าหมายของเรากำลังมองหาอะไรในร้านเบอร์เกอร์ที่จะเข้าไปทาน...
63. Branding Visual Book by Serena Tan
ซึ่งจะทำให้เราเห็นชัดเจนขึ้นว่า แบรนด์ที่เราควรสร้าง เป็นแบบไหนกันแน่
65. Branding Visual Book by Serena Tan
Brand Archetype คือ ประเภทของบุคลิกแบรนด์ที่ประสบ
ความสำเร็จ ซึ่งจากการรีเสิร์ชของนักกลยุทธ์แบรนด์ แบรนด์ที่
ดังเปรี้ยงๆ มีประเภทของบุคลิกอยู่ 12 ประเภท
66. Branding Visual Book by Serena Tan
เราจะมาอธิบายเรื่องนี้กันผ่านเรื่องราวของ...คนติดถ้ำ
67. Branding Visual Book by Serena Tan
มีคนอยู่ก๊วนนึงติดถ้ำอยู่ ซึ่งแต่ละคนก็มี Brand Archetype หรือประเภทบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน
68. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Ruler จะเป็นคนที่มีออร่าเรื่องความเป็นผู้นำโดดเด่น และจะเป็น
คนที่มีหน้าที่ในการนำว่า คนทั้งหมดจะออกจากถ้ำได้ยังไง
ตัวอย่างแบรนด์
69. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Creator จะเป็นคนที่มีออร่าความครีเอทีฟ และคิดสิ่งประดิษฐ์
ใหม่ๆ Innovation ใหม่ๆ ที่จะช่วยให้หลุดออกจากถ้ำ
ตัวอย่างแบรนด์
70. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Innocent จะเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก และมีออร่าที่ทำให้คน
รอบตัวมองเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในแง่บวกไปด้วย
ตัวอย่างแบรนด์
71. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Sage จะเป็นคนที่มีความรู้ และมีออร่าของความฉลาดมากที่สุด
ตัวอย่างแบรนด์
72. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Magician จะเป็นคนที่มีออร่าในการสร้าง inspiration ให้กับ
คน อยู่ใกล้ใคร ก็จะทำให้คนนั้นรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้
ตัวอย่างแบรนด์
73. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Rebel จะมีความกบฎขั้นสุด ไม่ทำตามสิ่งที่คนอื่นทำ
และมีความชัดเจน ความตรงในแบบที่เป็นตัวเอง
ตัวอย่างแบรนด์
74. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Hero จะมีออร่าของความเก่ง และพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือคน
อื่นตลอดเวลา นึกถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ
ตัวอย่างแบรนด์
75. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Lover จะมีออร่าของความรัก หรือไม่ก็จะมีความเป็น “คู่หู” ที่
คอยอยู่ข้างๆกันเสมอ เข้าใจกัน
ตัวอย่างแบรนด์
76. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Explorer จะมีความชอบสำรวจ ค้นหาสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอด
ตัวอย่างแบรนด์
77. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Jester จะเป็นคนที่ตลก ชอบสร้างความสนุกให้คนรอบข้าง
ตัวอย่างแบรนด์
78. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Everyman จะเป็นคนที่ทุกคนเข้าถึงได้ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
ตัวอย่างแบรนด์
79. Branding Visual Book by Serena Tan
ตอนติดถ้ำ คนที่มีบุคลิกแบบเป็น Caregiver จะเป็นคนที่คอยดูแล เอาใจใส่คนรอบข้างอย่างดี
ตัวอย่างแบรนด์
80. Branding Visual Book by Serena Tan
Brand Archetype ต่างจาก Brand Personality
ซึ่งก็คือบุคลิกแบรนด์ยังไง?
81. Branding Visual Book by Serena Tan
Brand Archetype เป็น “ประเภทของบุคลิก” ในขณะที่ Brand Personality จะเป็นการลง
รายละเอียดของบุคลิก เช่น Sage ที่เป็นแบรนด์ฉลาด อาจจะฉลาดแบบเด็กคูลๆ หรือ
ศาสตราจารย์สุดเทพในมหาลัยก็ได้
82. Branding Visual Book by Serena Tan
มาดูกันดีกว่า ว่า Brand Archetype ที่ต่างกัน จะทำให้
โทนของแบรนด์ต่างกันยังไงบ้าง
83. Branding Visual Book by Serena Tan
สมมติมี startup นึง ทำแอป “หาร้านอาหาร” ออกมา ถ้าแอปนี้มี Brand Archetype แบบ
Explorer กับ Rebel โทนที่สื่อสารออกไป จะออกมาแตกต่างอย่างนี้...
84. Branding Visual Book by Serena Tan
สมมติเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยในการลงทุนบ้าง ถ้าแพลตฟอร์มนี้มี Brand Archetype แบบ
Caregiver กับ Everyman โทนที่สื่อสารออกไป จะออกมาแตกต่างอย่างนี้...
85. Branding Visual Book by Serena Tan
สมมติเป็นแพลตฟอร์ม E-Learning ถ้าแพลตฟอร์มนี้มี Brand Archetype แบบ Magician กับ
Ruler โทนที่สื่อสารออกไป จะออกมาแตกต่างอย่างนี้...
86. Branding Visual Book by Serena Tan
ว่าแต่ พอเปรียบเทียบออกมาแบบนี้แล้ว เราจะรู้ได้ยังไงว่า
Brand Archetype แบบไหนดีกว่ากัน?
87. Branding Visual Book by Serena Tan
สำหรับแอป “หาร้านอาหาร” หากกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มที่ชอบล่าร้านอาหาร จะเหมาะกับ Explorer
Brand แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ชอบหาความฉีกแนว จะเหมาะกับ Rebel Brand
88. Branding Visual Book by Serena Tan
สำหรับแพลตฟอร์มการลงทุน หากกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มที่อยากได้คนช่วยดูแลเรื่องการลงทุน จะ
เหมาะกับ Caregiver Brand แต่ถ้าอยากได้ความง่าย ไม่เทคนิค จะเหมาะกับ Everyman Brand
89. Branding Visual Book by Serena Tan
สำหรับแพลตฟอร์ม e-learning หากกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มที่อยากได้รับแรงบัลดาลใจในการพัฒนา
ตัวเอง จะเหมาะกับ Magician Brand ในขณะที่หากกลุ่มลูกค้ามองหาความน่าเชื่อถือ ก็จะเหมาะ
กับ Ruler Brand ที่มีความน่าเชื่อถือจากการเป็นแบรนด์ผู้นำ
90. Branding Visual Book by Serena Tan
เพราะฉะนั้น แบรนด์เราจะเหมาะกับ Brand Archetype แบบไหน ขึ้นอยู่กับสองอย่าง นั่นก็คือ
“สิ่งที่เป็น DNA ของตัวเราจริงๆ” กับ “บุคลิกที่ลูกค้าของเราต้องการ”
91. Branding Visual Book by Serena Tan
จากที่เรียนรู้เรื่อง Brand Model มา สรุปได้คือ...