SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
Download to read offline
BLOG
Blog มาจากศัพท์คาว่า WeBlog บางคนอ่านคาๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้
ทั้งนั้น ทั้ง 2 คา บ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog) โดยคาว่า weblog นั้นมาจาก
web (เวิลด์ไวด์เว็บ) และ log (ปูม, บันทึก) ซึ่งรวมกันหมายถึง “ปูมเว็บ” หรือ บันทึกบนเวิล์ดไวด์
เว็บ นั่นเอง หรือ ถ้าจะขยายความมากไปกว่านั้น Blog ก็จะหมายถึง การบันทึกบทความของตนเอง
(Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ มีการจัดเรียง “เรื่อง” หรือ post เรียงลาดับ โดยเรื่องใหม่จะ
อยู่ด้านบนสุด ส่วนเรื่องเก่าก็จะอยู่ด้านล่างสุด ซึ่งจะมีวันที่-เวลาเขียนกากับไว้ เป็นที่นิยมกันในหมู่มาก
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นแค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่
ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลาย และ
ครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างไดอารี่ จนถึงการบันทึกบทความเฉพาะด้านต่างๆ
เช่น เรื่องการเมือง เรื่องธุรกิจ เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทาให้บล็อก เป็นที่นิยม
ก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไปในบทความนั้นๆ มีการสื่อสารกับผู้อ่าน
ผ่านทางระบบ comment และมีการถ่ายทอดอย่างเป็นกันเอง โดยบล็อกบางแห่งจะมีอิทธิพลในการโน้ม
น้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็เขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะเช่นเพื่อน
หรือคนในครอบครัว Blog ให้ อิสระในการเขียนเรื่องอะไรก็ได้ตามแต่ใจผู้เขียน โดยจะสะท้อนบุคลิกของ
ผู้เขียนออกมา ถ้าคนไหนเป็นคนตลก ก็จะเขียนออกมาได้สนุกสนาน น่าอ่าน, ใครชอบเลี้ยงสุนัขจะเล่า
เรื่องสุนัขของตัวเอง เป็นต้น Blog มีทั้งบริการแบบเสียค่าใช้จ่าย และไม่เสียค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับรูปแบบ
ของการให้บริการ ซึ่งมักจะติดตั้ง Tool ให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายๆ โดยไม่จาเป็นต้องมีความรู้ด้าน
คอมพิวเตอร์มากนัก
Blogger สามารถแปลได้ 2 ความหมายคือ
1. คนเขียนบล็อก หรือเจ้าของบล็อกนั่นเอง
2. ระบบ update blog หรือ blog engine ที่เรียกว่า Blogger.com นั่นเอง
ซึ่งสามารถประเภทจาแนกได้คร่าวๆ ดังนี้
1. บล็อกเกอร์อิสระ นักเขียนบล็อกประเภทนี้จะเขียนบล็อกของตัวเอง โดยจากัดบล็อกของตัวเอง
ไว้ว่าเป็นบล็อกส่วนตัว สาหรับเขียนเรื่องราวส่วนตัว หรือความคิดส่วนตัว โดยไม่ได้นาเสนอบล็อกของ
ตัวเองเพื่อการอย่างอื่น นอกจากการชมเพื่อความบันเทิง, ความสนุกในหมู่เพื่อนฝูง
2. บล็อกเกอร์แนวธุรกิจ => รับทาบล๊อกเกอร์
นักเขียนบล็อกกลุ่มนี้ มักจะเขียนเนื้อหาของ blog ที่เป็นการแนะนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน คือ
ใช้ blog เป็นเครื่องมือในการทาการตลาดนั่นเอง
3. บล็อกเกอร์แบบองค์กร บล็อกเกอร์กลุ่มนี้ จะใช้ blog เพื่อเป็นการสื่อสารภายใน ไม่ว่าจะเป็น
ภายในองค์กร เช่นภายในบริษัท หรือใช้สื่อสารภายในทีมฟุตบอล หรือสโมสรต่างๆ
4. บล็อกเกอร์มืออาชีพ บล็อกเกอร์ที่เขียนบล็อกอย่างเดียว โดยมีรายได้จากบล็อกเพื่อยังชีพ บาง
คนได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน ให้เขียนบล็อกอย่างเดียว บางคนเขียนบล็อกของตัวเอง โดยได้รับค่า
โฆษณาต่างๆ จากผู้สนับสนุน กลุ่มนี้อาจเป็นบริษัทที่เขียนบล็อกโดยเฉพาะ ที่เห็นชัดเจนก็
คือ blogger ชาวต่างประเทศ เพราะเขียนให้คนอ่านมากๆ แล้วใช้โฆษณาของ Google
Adsense มาติดไว้ บางคนมีก็รายได้จากการเป็น presenter ให้สินค้าต่างๆ
Cr : http://makewebblogs.blogspot.com/2013/01/blogger.html
Blog ใช้ทาอะไรได้บ้าง ?
- ทาBlog เป็นเว็บไซด์ส่วนตัว เพื่อแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับผู้อื่นๆ เช่น บันทึกไดอารี่
- เขียนBlog เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ นาเสนอสิ่งที่ตนเองรู้ หรือสิ่งที่ตนเองสนใจ เพื่อแบ่งปันให้กับ
ผู้อื่น
- สร้างBlog ทาเป็นเว็บไซด์เพื่อใช้ในการโปรโมทธุรกิจ ร้านค้า บริการต่างๆ
- ใช้Blog ในการทาธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce)
- นอกจากนี้ Blog ยังเป็นช่องทางหนึ่งที่นิยมใช้กับเพื่อหารายได้จาก Internet Marketing
Blog กับ Website ต่างกันอย่างไร?
- เว็บไซด์ทั่วๆไปนั้น จาเป็นต้องมี Server, มี Host มี Domain Name เป็นของตนเอง ซึ่งจะต้อง
เสียค่าใช้จ่าย แต่ในส่วนของ Blog นั้นเราสามารถสมัครใช้บริการได้แบบฟรี เพียงแต่เราต้องใช้ชื่อ
Domain ของผู้ให้บริการนั้นๆ เช่นของ Google คือ Blogger.com - โดเมนเนม ก็จะเป็น "ชื่อBlog
ของคุณ" ต่อท้ายด้วย "blogspot.com" เช่นJoJho-Problog.blogspot.com
- เว็บไซด์ทั่วไปจะมีความยืดหยุ่นสูงในการออกแบบ ดีไซน์ เพราะเราต้องสร้างเองทั้งหมด (ดังนั้นจะ
เลือกดีไซน์ยังไงก็ได้)
- แต่ Blog จะมีการดีไซน์ในรูปแบบเฉพาะเรียกว่า Blog Template ซึ่งมีให้เลือกมากมาย แต่ยังคงมี
ลักษณะโครงสร้างที่ค่อนข้างตายตัว ไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้มากตามใจชอบอย่างเว็บไซด์
- การสร้างเว็บไซด์ จาเป็นต้องมีทักษะความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากพอสมควร ทั้งในส่วนของ
ภาษาคอมพิวเตอร์, โปรแกรมคอมติวเตอร์ต่างๆ ความรู้เบื้องต้นในเรื่องของ Network เป็นต้น
แต่ Blog เพียงรู้หลักในการใช้เล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถสร้างเว็บไซด์ได้อย่างง่ายดาย
Blog กับ เว็บไซด์สาเร็จรูป ต่างกันอย่างไร?
- Blog และ เว็บไซด์สาเร็จรูป (Instant Website) เป็นเว็บไซด์ที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน ที่
เรียกว่า เว็บไซด์ในรูปแบบ CMS (Content Management System) คือจะเน้นในการจัดการ
เนื้อหาและบทความ เป็นหลัก ซึ่งเราไม่จาเป็นต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรมเลย ก็สามารถ สร้าง
Blog ขึ้นได้โดยวิธีการเข้าใจได้ไม่ยาก
- เว็บไซด์สาเร็จรูป มีทั้งแบบ เราสร้างเว็บเอง หรือ ไปขอใช้บริการแบบที่เค้าสร้างให้เสร็จแล้ว ซึ่งใน
ที่นี้ผมจะขอกล่าวถึงแต่ เว็บไซด์สาเร็จที่เค้าสร้างให้เสร็จแล้ว เพราะจะใกล้เคียงกับบริการของ Blog
- เว็บไซด์สาเร็จรูป ที่นิยม จะเป็นในรูปแบบเปิดร้านค้าออนไลน์ (Online Shopping, Instant
Online Store) ซึ่งจะมีระบบที่สนับสนุนกับการทา E-Commerce รองรับในตัว เช่น ตะกร้าสินค้า,
เว็บบอร์ด ในขณะที่ Blog จะไม่มี
- ดังนั้นในการเปิดร้านค้าออนไลน์นั้น เว็บไซด์สาเร็จรูปจะเหมาะสาหรับ ร้านที่มีสินค้าขายเป็น ชิ้นๆ
ซึ่งมีจานวนมากพอสมควรในระดับหนึ่ง ... ในขณะที่ Blog จะเหมาะสาหรับร้านที่มีสินค้าตั้งขายจานวน
น้อย
- Blog จะเหมาะสาหรับธุรกิจที่เน้นให้บริการเป็นหลัก หรือธุรกิจแบบมีร้านค้าจริงๆ เพื่อแนะนาร้าน
สถานที่ตั้งร้าน นาเสนอและโปรโมทสินค้าบริการต่างๆ เป็นต้น ในขณะที่เว็บไซด์สาเร็จรูปแบบร้านค้า
ออนไลน์นั้นจะเหมาะสาหรับธุรกิจที่ขายสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์ (Products) ต่างๆมากกว่า Blog
ข้อดีและข้อเสียของ Blog
ข้อดี
- มีอิสระที่จะนาเสนอสิ่งต่างๆ (ที่ไม่ไปก้าวล่วงบุคคลอื่น และไม่ผิดกฎกติกาของผู้ให้บริการ Blog)
- เปิดโอกาสให้เจ้าของ Blog ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าชมและโต้ตอบกลับได้อย่างอิสระ
- ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ในด้านภาษาโปรแกรมต่างๆ
- หากพอมีความรู้ด้านภาษาเว็บพื้นฐาน (HTML) จะสามารถช่วยทาให้เข้าไปแก้ไข Source Code ได้
เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบ Template ของ Blog ตามต้องการ
- สามารถใช้ Blog ในการทาธุรกิจหารายได้ จากการโปรโมทสินค้าหรือบริการ
- สามารถใช้สร้างเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้
- ใช้งานได้ฟรี!! ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นต้องการจด Domain Name เป็น .com .net .org .info)
- มี Template ให้เลือกใช้มากมาย (ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน)
- Server มีความเสถียรสูง ปัญหาในด้านความช้า หรือ Server ล่ม พบน้อยมาก
ข้อเสีย
- ฟังก์ชั่นและลูกเล่นต่างๆ ยังมีน้อยหากเทียบกับเว็บไซด์ที่สร้างเองหรือเว็บไซด์สาเร็จรูป
- แม้มีรูปแบบ Template ให้เลือกใช้มากมายแต่โครงสร้างเว็บก็ยังคงค่อนข้างตายตัว
- เนื่องจากเป็นบริการให้ใช้ฟรี หากเราทาผิดกฎของผู้ให้บริการ Blog เราจะถูกแบน และมีโอกาส
ถูกลบ Blog ได้ (แต่ถ้าไม่ได้ทาผิดกฎอะไร ก็อยู่ได้อย่างยาวนานจนกว่าผู้บริการจะเลิกให้บริการ)
Cr : http://www.jojho.com/2013/05/what-is-blog.html
ขั้นตอนการสร้างบล็อก
1. ให้ทาการสมัครบัญชีของ Gmail ของ google แต่ถ้าใครมีบัญชี Gmail อยูแล้วก็ทาการ
ล็อกอินเพื่อสร้าง บล็อก ของ http://www.blogger.com/ ได้เลย ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อเราเข้าไปที่
เว็บ www.blogger.com หน้า เพจแรกจะถามบัญชีถึงบัญชีGmail ของผู้ที่จะทาการสร้างบล็อกสาหรับ
นักศึกษาที่มีบัญชี Gmail อยูแล้ว ก็กรอกชื่อบัญชี Gmail และ รหัสผานของตน ดังภาพ หากใครยังไม่
มีบัญชีให้คลิกที่เมนู Sign up เพื่อทาการสมัครบัญชี Gmail ใหม่
2. เมื่อเราเข้าไปที่www.blogger.com ที่ได้ทาการล็อกอินบัญชีของ Gmail แล้ว หน้าแรกของ
blogger จะมีหน้าตาดังภาพ ใคลิกไปที่เมนู“บล็อกใหม่” เพื่อทาการสร้างบล็อก
3. เมื่อเราคลิกไปที่เมนูเพื่อสร้างบล็อกใหม่แล้ว ให้ทาการกรอกรายละเอียดดังนี้ คือ ตรงหัวข้อ
ให้พิมพ์ชื่อ บล็อก ตรงที่อยู ให้ตั้งชื่อ URL ซึ่งควรใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษและตัวเลข และต้องดูตรง
สถานะของบล็อก ด้วยวาชื่อ URL ที่ตั้ งไปนั้ นมีผู้ใช้แล้วหรือยังไม่มีผู้ใช้ มันจะแจ้งวา “ที่อยู่บล็อกนี้
สามารถใช้ได้” เสร็จแล้ว ให้ทาการเลือกรูปแบบ จากแม่แบบวาจะให้บล็อกมีหน้าตาในการแสดงผลเช่นไร
เมื่อเลือกแล้วก็ คลิกเมนู “สร้างบล็อก”
4. เมื่อทาการสร้างบล็อกแล้ว เราจะกลับมาที่หน้าจัดการบล็อกเพื่อทาการตกแต่งบล็อกให้ดู
สวยงามโดยการ ใส่รูปภาพหรือ โค๊ดต่างๆ ให้นักศึกษาทาการคลิกลูกศรสีดา เพื่อเลือกเมนูรูปแบบ ดังภาพ
5. เมื่อคลิกเมนูรูปแบบ แล้วจะมีหน้าตาดังภาพให้คลิกที่ เมนูเครื่องมือออกแบบเทมเพลต เพื่อ
ปรับแต่งหน้า เทมเพลตตามที่เราต้องการ เมื่อคลิกแล้วทาการเลือกรูปเทมเพลต ตามต้องการ เมื่อเลือก
แล้วให้คลิกที่ เมนู“ใช้กับบล็อก” เพื่อบันทึก รูปแบบเทมเพลต
6. เมื่อทาการเลือกรูปแบบของเทมเพลตแล้วให้กลับมาที่“รูปแบบ”อีกครั้ง เพื่อทาการใส่หัวบล็อก
และ ตกแต่งบล็อกโดยคลิกเลือกเมนูแก้ไข ตรงส่วนของ ชื่อบล็อก เมื่อคลิกเมนูแก้ไข แล้วให้คลิกที่ เมนู
“เลือกไฟล์” เพื่อเลือกไฟล์ภาพที่จะนามาเป็ นหัวบล็อกเมื่อเลือกภาพ ได้แล้วกดopenจากนั้ นระบบจะ
ทาการอัพโหลดภาพดังกล่าวเข้าไป เมื่อระบบอัพโหลดภาพเสร็จแล้ว ให้ คลิกเลือก เมนู“แทนที่ชื่อและ
คาอธิบาย” เสร็จแล้วกดเมนู“บันทึก” เพื่อทาการบันทึกภาพดังกล่าวซึ่งจะเข้า ไปอยูในตาแหน่งหัวบล็อก
ดังภาพ 7. เมื่อทาการใส่หัวบล็อกเสร็จแล้ว ให้คลิกที่เมนู“เพิ่ม Gadget” เพื่อใส่โค๊ด ปฏิทิน นาฬิกา
สถิติผู้เยี่ยมชม แล้วแต่ความต้องการของเรา แล้วคลิกเมนู“บันทึกการจัดเรียง”
8. เมื่อทาการใส่โค๊ดตกแต่งตามต้องการแล้ว ให้เลือกเมนู“หน้าเว็บ” เพื่อทาการสร้างหน้าเว็บ
เพจต่างๆ ตาม ต้องการคลิกที่เมนู “แสดงหน้าเว็บเป็น” เลือกลูกศรสีดา แล้วคลิกเลือกรูปแบบ “แท็บ
ด้านบนสุด” แล้วกด“บันทึกการจัดเรียง” ดังภาพ เมื่อทาการเลือกตาแหน่งของแท๊บเมนูแล้ว ให้ คลิกเมนู
หน้าเว็บใหม่และเลือกลูกศรสีดา เลือกเมนู “หน้าเว็บเปล่า” เพื่อสร้างหน้าเพจต่างๆ เมื่อคลิกเมนูสร้าง
หน้าเว็บแล้ว ให้ตั้งชื่อเว็บเพจ ตรงช่อง และพิมพ์รายละเอียดลงไป แล้วคลิกที่เมนู “บันทึก”
9. เมื่อทาการสร้างเมนูเว็บเพจแล้ว ท่านสามารถที่จะทาลิงค์ไปเว็บไซต์หรือบล็อกต่างๆ โดยคลิก
ที่เมนู เพิ่ม “Gadget” แล้วเลือก ฟังก์ชัน “รายชื่อลิงค์” แล้วคลิกเครื่องหมาย + เพื่อสร้างลิงค์ ดังภาพ
เมื่อคลิกที่ฟังชันก์ รายชื่อลิงค์แล้ว ให้ทาการ พิมพ์ชื่อเมนูว่า่ “ Link Exchange” และ copy ลิงค์ ที่
ต้องการ เชื่อมโยงของเพื่อนมาใส่ไว้ในช่อง URL ของไซต์ใหม่และ ตรงชื่อเว็บไซต์ให้ พิมพ์ชื่อ ของเว็บ
นั้นๆ ที่ ต้องการทาลิงค์ เมื่อทาเสร็จ ให้คลิกที่ เมนู “เพิ่มลิงค์” เพื่อทาการเพิ่ มลิงค์เว็บไซต์อื่นๆต่อไป
แล้วคลิกที่เมนู “บันทึก” ดังภาพ เมื่อเราทาการสร้างลิงค์เสร็จ เมื่อกดบันทึกจะมีหน้าตาดังภาพ ซึ่งในกรณี
ที่เราต้องการเพิ่ มลิงค์ต่อให้คลิกที่ เครื่องมือ “แก้ไข ” ดังภาพ เราสามารถทาการเคลื่อนย้ายตาแหน่ง
โดยการคลิกลากมาไว้ในตาแหน่งที่เราต้องการได้ เราสามารถปรับเปลี่ยนความกว้างในการแสดงผลหน้าจอ
ได้ โดยคลิกไปที่เครื่องมือเครื่องมือออกแบบเทม เพลต แล้วเลือก“ปรับความกว้าง” ดังภาพ
10. ในการสร้างบทความ ให้คลิกไปที่เมนู“บทความใหม่” ดังภาพ
11. เมื่อคลิกเมนูสร้างบทความใหม่แล้ว ให้นักศึกษา ทาการแทรกภาพ โดยการคลิกที่ไอคอน
แทรกรูปภาพ คลิกที่เมนูเลือกไฟล์และทาการเลือกรูปภาพ แล้ว กดopenดังรูป ระบบจะทาการอัพโหลด
ไฟล์รูปดังกล่าว เมื่ออัพโหลดเสร็จแล้ว ให้คลิกที่“เพิ่มรายการที่เลือก” เมื่อทาการเลือกภาพแล้ว ภาพ
ดังกล่าวจะเข้ามาอยูในแบบร่างบทความ ดังรูป เสร็จแล้วพิมพ์รายละเอียดลง ไปแล้วคลิก เมนู เพื่อทา
การ“บันทึก” บทความความ และเผยแพร่ บทความ เมื่อกดบันทึกแล้ว จะเข้ามาสู่หน้าจอ รายการที่แสดง
ถึงบทความที่เราสร้างขึ้นเมื่อครู่ ถ้าหากเราต้องการ สร้างบทความเพิ่ ม ให้คลิกที่ เมนูสร้าง บทความใหม่
ถ้าในบทความของเรา ต้องการเผยแพร่ผลงานวีดิโอจาก Youtube ให้เราคลิกที่ไอคอน แทรกวีดิโอ ทา
การเลือกวีดิโอจาก Youtube ซึ่งถ้าในกรณีที่เรามีคลิปในบัญชียูทูบของเราอยูแล้ว ให้คลิกเลือกเมนู วีดิโอ
Youtube ของฉัน แต่ถ้าเราจะเอา คลิป Youtube จากแหล่งบัญชีอื่น ให้คลิกเมนูจาก Youtube
แล้วเสริ์ชหาเอา นะคะ เมื่อทาการแทรกวีดิโอจาก Youtube แล้ว วีดิโอ ดังกล่าวจะเข้ามาอยูในแบบ
ร่างบทความ ดังรูป เสร็จแล้วทาการ กดบันทึก และ คลิกไปที่ เมนู แสดงตัวอย่าง ก็จะได้ผลลัพธ์ดังภาพ
Cr : http://www.stou.ac.th/Offices/Oes/OesPage/new/km/download

More Related Content

Viewers also liked (10)

พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติพระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
 
Qui u3 acd_lafv
Qui u3 acd_lafvQui u3 acd_lafv
Qui u3 acd_lafv
 
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
 
4B_CEM_2016
4B_CEM_20164B_CEM_2016
4B_CEM_2016
 
งาน
งานงาน
งาน
 
презентация1
презентация1презентация1
презентация1
 
พรบ คอม 58
พรบ คอม 58พรบ คอม 58
พรบ คอม 58
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6
 
Blog คืออะไร2
Blog คืออะไร2Blog คืออะไร2
Blog คืออะไร2
 
1
11
1
 

Similar to Blog (20)

Blogger คืออะไร
Blogger คืออะไรBlogger คืออะไร
Blogger คืออะไร
 
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blogWorksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
 
ใบงานที่ 2-blog (1)
ใบงานที่ 2-blog (1)ใบงานที่ 2-blog (1)
ใบงานที่ 2-blog (1)
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog 120704210721-phpapp02
Blog 120704210721-phpapp02Blog 120704210721-phpapp02
Blog 120704210721-phpapp02
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
บทความ Blog
บทความ Blogบทความ Blog
บทความ Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog 120704210721-phpapp02
Blog 120704210721-phpapp02Blog 120704210721-phpapp02
Blog 120704210721-phpapp02
 
Blogger
BloggerBlogger
Blogger
 

More from Kornkaruna Lawanyakul

ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ (2)
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ (2)ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ (2)
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ (2)Kornkaruna Lawanyakul
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ Kornkaruna Lawanyakul
 
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์Kornkaruna Lawanyakul
 
7 สามัญ อังกฤษ เฉลย
7 สามัญ อังกฤษ เฉลย7 สามัญ อังกฤษ เฉลย
7 สามัญ อังกฤษ เฉลยKornkaruna Lawanyakul
 
7 สามัญ อังกฤษ
7 สามัญ อังกฤษ7 สามัญ อังกฤษ
7 สามัญ อังกฤษKornkaruna Lawanyakul
 
7 สามัญ ภาษาไทย
7 สามัญ ภาษาไทย7 สามัญ ภาษาไทย
7 สามัญ ภาษาไทยKornkaruna Lawanyakul
 
7 สามัญ ชีววิทยา (1)
7 สามัญ ชีววิทยา (1)7 สามัญ ชีววิทยา (1)
7 สามัญ ชีววิทยา (1)Kornkaruna Lawanyakul
 
7 สามัญ ฟิสิกส์ เฉลย
7 สามัญ ฟิสิกส์ เฉลย7 สามัญ ฟิสิกส์ เฉลย
7 สามัญ ฟิสิกส์ เฉลยKornkaruna Lawanyakul
 
7 สามัญ คณิต เฉลย
7 สามัญ คณิต เฉลย7 สามัญ คณิต เฉลย
7 สามัญ คณิต เฉลยKornkaruna Lawanyakul
 
ใบงานสำรวจตนเอง M666
ใบงานสำรวจตนเอง M666ใบงานสำรวจตนเอง M666
ใบงานสำรวจตนเอง M666Kornkaruna Lawanyakul
 

More from Kornkaruna Lawanyakul (15)

ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ (2)
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ (2)ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ (2)
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ (2)
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
 
2559 project1
2559 project1 2559 project1
2559 project1
 
1
11
1
 
พพ
 
7 สามัญ อังกฤษ เฉลย
7 สามัญ อังกฤษ เฉลย7 สามัญ อังกฤษ เฉลย
7 สามัญ อังกฤษ เฉลย
 
7 สามัญ อังกฤษ
7 สามัญ อังกฤษ7 สามัญ อังกฤษ
7 สามัญ อังกฤษ
 
7 สามัญ สังคม
7 สามัญ สังคม7 สามัญ สังคม
7 สามัญ สังคม
 
7 สามัญ ภาษาไทย
7 สามัญ ภาษาไทย7 สามัญ ภาษาไทย
7 สามัญ ภาษาไทย
 
7 สามัญ ชีววิทยา (1)
7 สามัญ ชีววิทยา (1)7 สามัญ ชีววิทยา (1)
7 สามัญ ชีววิทยา (1)
 
7 สามัญ ฟิสิกส์ เฉลย
7 สามัญ ฟิสิกส์ เฉลย7 สามัญ ฟิสิกส์ เฉลย
7 สามัญ ฟิสิกส์ เฉลย
 
7 สามัญ คณิต เฉลย
7 สามัญ คณิต เฉลย7 สามัญ คณิต เฉลย
7 สามัญ คณิต เฉลย
 
7 สามัญ คณิต
7 สามัญ คณิต7 สามัญ คณิต
7 สามัญ คณิต
 
ใบงานสำรวจตนเอง M666
ใบงานสำรวจตนเอง M666ใบงานสำรวจตนเอง M666
ใบงานสำรวจตนเอง M666
 

Blog

  • 1. BLOG Blog มาจากศัพท์คาว่า WeBlog บางคนอ่านคาๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ทั้ง 2 คา บ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog) โดยคาว่า weblog นั้นมาจาก web (เวิลด์ไวด์เว็บ) และ log (ปูม, บันทึก) ซึ่งรวมกันหมายถึง “ปูมเว็บ” หรือ บันทึกบนเวิล์ดไวด์ เว็บ นั่นเอง หรือ ถ้าจะขยายความมากไปกว่านั้น Blog ก็จะหมายถึง การบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ มีการจัดเรียง “เรื่อง” หรือ post เรียงลาดับ โดยเรื่องใหม่จะ อยู่ด้านบนสุด ส่วนเรื่องเก่าก็จะอยู่ด้านล่างสุด ซึ่งจะมีวันที่-เวลาเขียนกากับไว้ เป็นที่นิยมกันในหมู่มาก มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นแค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลาย และ ครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างไดอารี่ จนถึงการบันทึกบทความเฉพาะด้านต่างๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องธุรกิจ เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทาให้บล็อก เป็นที่นิยม ก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไปในบทความนั้นๆ มีการสื่อสารกับผู้อ่าน ผ่านทางระบบ comment และมีการถ่ายทอดอย่างเป็นกันเอง โดยบล็อกบางแห่งจะมีอิทธิพลในการโน้ม น้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็เขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะเช่นเพื่อน หรือคนในครอบครัว Blog ให้ อิสระในการเขียนเรื่องอะไรก็ได้ตามแต่ใจผู้เขียน โดยจะสะท้อนบุคลิกของ ผู้เขียนออกมา ถ้าคนไหนเป็นคนตลก ก็จะเขียนออกมาได้สนุกสนาน น่าอ่าน, ใครชอบเลี้ยงสุนัขจะเล่า เรื่องสุนัขของตัวเอง เป็นต้น Blog มีทั้งบริการแบบเสียค่าใช้จ่าย และไม่เสียค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับรูปแบบ ของการให้บริการ ซึ่งมักจะติดตั้ง Tool ให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายๆ โดยไม่จาเป็นต้องมีความรู้ด้าน คอมพิวเตอร์มากนัก
  • 2. Blogger สามารถแปลได้ 2 ความหมายคือ 1. คนเขียนบล็อก หรือเจ้าของบล็อกนั่นเอง 2. ระบบ update blog หรือ blog engine ที่เรียกว่า Blogger.com นั่นเอง ซึ่งสามารถประเภทจาแนกได้คร่าวๆ ดังนี้ 1. บล็อกเกอร์อิสระ นักเขียนบล็อกประเภทนี้จะเขียนบล็อกของตัวเอง โดยจากัดบล็อกของตัวเอง ไว้ว่าเป็นบล็อกส่วนตัว สาหรับเขียนเรื่องราวส่วนตัว หรือความคิดส่วนตัว โดยไม่ได้นาเสนอบล็อกของ ตัวเองเพื่อการอย่างอื่น นอกจากการชมเพื่อความบันเทิง, ความสนุกในหมู่เพื่อนฝูง 2. บล็อกเกอร์แนวธุรกิจ => รับทาบล๊อกเกอร์ นักเขียนบล็อกกลุ่มนี้ มักจะเขียนเนื้อหาของ blog ที่เป็นการแนะนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน คือ ใช้ blog เป็นเครื่องมือในการทาการตลาดนั่นเอง 3. บล็อกเกอร์แบบองค์กร บล็อกเกอร์กลุ่มนี้ จะใช้ blog เพื่อเป็นการสื่อสารภายใน ไม่ว่าจะเป็น ภายในองค์กร เช่นภายในบริษัท หรือใช้สื่อสารภายในทีมฟุตบอล หรือสโมสรต่างๆ 4. บล็อกเกอร์มืออาชีพ บล็อกเกอร์ที่เขียนบล็อกอย่างเดียว โดยมีรายได้จากบล็อกเพื่อยังชีพ บาง คนได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน ให้เขียนบล็อกอย่างเดียว บางคนเขียนบล็อกของตัวเอง โดยได้รับค่า โฆษณาต่างๆ จากผู้สนับสนุน กลุ่มนี้อาจเป็นบริษัทที่เขียนบล็อกโดยเฉพาะ ที่เห็นชัดเจนก็ คือ blogger ชาวต่างประเทศ เพราะเขียนให้คนอ่านมากๆ แล้วใช้โฆษณาของ Google Adsense มาติดไว้ บางคนมีก็รายได้จากการเป็น presenter ให้สินค้าต่างๆ Cr : http://makewebblogs.blogspot.com/2013/01/blogger.html
  • 3. Blog ใช้ทาอะไรได้บ้าง ? - ทาBlog เป็นเว็บไซด์ส่วนตัว เพื่อแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับผู้อื่นๆ เช่น บันทึกไดอารี่ - เขียนBlog เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ นาเสนอสิ่งที่ตนเองรู้ หรือสิ่งที่ตนเองสนใจ เพื่อแบ่งปันให้กับ ผู้อื่น - สร้างBlog ทาเป็นเว็บไซด์เพื่อใช้ในการโปรโมทธุรกิจ ร้านค้า บริการต่างๆ - ใช้Blog ในการทาธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce) - นอกจากนี้ Blog ยังเป็นช่องทางหนึ่งที่นิยมใช้กับเพื่อหารายได้จาก Internet Marketing Blog กับ Website ต่างกันอย่างไร? - เว็บไซด์ทั่วๆไปนั้น จาเป็นต้องมี Server, มี Host มี Domain Name เป็นของตนเอง ซึ่งจะต้อง เสียค่าใช้จ่าย แต่ในส่วนของ Blog นั้นเราสามารถสมัครใช้บริการได้แบบฟรี เพียงแต่เราต้องใช้ชื่อ Domain ของผู้ให้บริการนั้นๆ เช่นของ Google คือ Blogger.com - โดเมนเนม ก็จะเป็น "ชื่อBlog ของคุณ" ต่อท้ายด้วย "blogspot.com" เช่นJoJho-Problog.blogspot.com - เว็บไซด์ทั่วไปจะมีความยืดหยุ่นสูงในการออกแบบ ดีไซน์ เพราะเราต้องสร้างเองทั้งหมด (ดังนั้นจะ เลือกดีไซน์ยังไงก็ได้) - แต่ Blog จะมีการดีไซน์ในรูปแบบเฉพาะเรียกว่า Blog Template ซึ่งมีให้เลือกมากมาย แต่ยังคงมี ลักษณะโครงสร้างที่ค่อนข้างตายตัว ไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้มากตามใจชอบอย่างเว็บไซด์ - การสร้างเว็บไซด์ จาเป็นต้องมีทักษะความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากพอสมควร ทั้งในส่วนของ ภาษาคอมพิวเตอร์, โปรแกรมคอมติวเตอร์ต่างๆ ความรู้เบื้องต้นในเรื่องของ Network เป็นต้น แต่ Blog เพียงรู้หลักในการใช้เล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถสร้างเว็บไซด์ได้อย่างง่ายดาย Blog กับ เว็บไซด์สาเร็จรูป ต่างกันอย่างไร? - Blog และ เว็บไซด์สาเร็จรูป (Instant Website) เป็นเว็บไซด์ที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน ที่ เรียกว่า เว็บไซด์ในรูปแบบ CMS (Content Management System) คือจะเน้นในการจัดการ เนื้อหาและบทความ เป็นหลัก ซึ่งเราไม่จาเป็นต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรมเลย ก็สามารถ สร้าง Blog ขึ้นได้โดยวิธีการเข้าใจได้ไม่ยาก - เว็บไซด์สาเร็จรูป มีทั้งแบบ เราสร้างเว็บเอง หรือ ไปขอใช้บริการแบบที่เค้าสร้างให้เสร็จแล้ว ซึ่งใน ที่นี้ผมจะขอกล่าวถึงแต่ เว็บไซด์สาเร็จที่เค้าสร้างให้เสร็จแล้ว เพราะจะใกล้เคียงกับบริการของ Blog - เว็บไซด์สาเร็จรูป ที่นิยม จะเป็นในรูปแบบเปิดร้านค้าออนไลน์ (Online Shopping, Instant Online Store) ซึ่งจะมีระบบที่สนับสนุนกับการทา E-Commerce รองรับในตัว เช่น ตะกร้าสินค้า,
  • 4. เว็บบอร์ด ในขณะที่ Blog จะไม่มี - ดังนั้นในการเปิดร้านค้าออนไลน์นั้น เว็บไซด์สาเร็จรูปจะเหมาะสาหรับ ร้านที่มีสินค้าขายเป็น ชิ้นๆ ซึ่งมีจานวนมากพอสมควรในระดับหนึ่ง ... ในขณะที่ Blog จะเหมาะสาหรับร้านที่มีสินค้าตั้งขายจานวน น้อย - Blog จะเหมาะสาหรับธุรกิจที่เน้นให้บริการเป็นหลัก หรือธุรกิจแบบมีร้านค้าจริงๆ เพื่อแนะนาร้าน สถานที่ตั้งร้าน นาเสนอและโปรโมทสินค้าบริการต่างๆ เป็นต้น ในขณะที่เว็บไซด์สาเร็จรูปแบบร้านค้า ออนไลน์นั้นจะเหมาะสาหรับธุรกิจที่ขายสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์ (Products) ต่างๆมากกว่า Blog ข้อดีและข้อเสียของ Blog ข้อดี - มีอิสระที่จะนาเสนอสิ่งต่างๆ (ที่ไม่ไปก้าวล่วงบุคคลอื่น และไม่ผิดกฎกติกาของผู้ให้บริการ Blog) - เปิดโอกาสให้เจ้าของ Blog ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าชมและโต้ตอบกลับได้อย่างอิสระ - ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ในด้านภาษาโปรแกรมต่างๆ - หากพอมีความรู้ด้านภาษาเว็บพื้นฐาน (HTML) จะสามารถช่วยทาให้เข้าไปแก้ไข Source Code ได้ เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบ Template ของ Blog ตามต้องการ - สามารถใช้ Blog ในการทาธุรกิจหารายได้ จากการโปรโมทสินค้าหรือบริการ - สามารถใช้สร้างเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ - ใช้งานได้ฟรี!! ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นต้องการจด Domain Name เป็น .com .net .org .info) - มี Template ให้เลือกใช้มากมาย (ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน) - Server มีความเสถียรสูง ปัญหาในด้านความช้า หรือ Server ล่ม พบน้อยมาก ข้อเสีย - ฟังก์ชั่นและลูกเล่นต่างๆ ยังมีน้อยหากเทียบกับเว็บไซด์ที่สร้างเองหรือเว็บไซด์สาเร็จรูป - แม้มีรูปแบบ Template ให้เลือกใช้มากมายแต่โครงสร้างเว็บก็ยังคงค่อนข้างตายตัว - เนื่องจากเป็นบริการให้ใช้ฟรี หากเราทาผิดกฎของผู้ให้บริการ Blog เราจะถูกแบน และมีโอกาส ถูกลบ Blog ได้ (แต่ถ้าไม่ได้ทาผิดกฎอะไร ก็อยู่ได้อย่างยาวนานจนกว่าผู้บริการจะเลิกให้บริการ) Cr : http://www.jojho.com/2013/05/what-is-blog.html
  • 5. ขั้นตอนการสร้างบล็อก 1. ให้ทาการสมัครบัญชีของ Gmail ของ google แต่ถ้าใครมีบัญชี Gmail อยูแล้วก็ทาการ ล็อกอินเพื่อสร้าง บล็อก ของ http://www.blogger.com/ ได้เลย ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อเราเข้าไปที่ เว็บ www.blogger.com หน้า เพจแรกจะถามบัญชีถึงบัญชีGmail ของผู้ที่จะทาการสร้างบล็อกสาหรับ นักศึกษาที่มีบัญชี Gmail อยูแล้ว ก็กรอกชื่อบัญชี Gmail และ รหัสผานของตน ดังภาพ หากใครยังไม่ มีบัญชีให้คลิกที่เมนู Sign up เพื่อทาการสมัครบัญชี Gmail ใหม่ 2. เมื่อเราเข้าไปที่www.blogger.com ที่ได้ทาการล็อกอินบัญชีของ Gmail แล้ว หน้าแรกของ blogger จะมีหน้าตาดังภาพ ใคลิกไปที่เมนู“บล็อกใหม่” เพื่อทาการสร้างบล็อก 3. เมื่อเราคลิกไปที่เมนูเพื่อสร้างบล็อกใหม่แล้ว ให้ทาการกรอกรายละเอียดดังนี้ คือ ตรงหัวข้อ ให้พิมพ์ชื่อ บล็อก ตรงที่อยู ให้ตั้งชื่อ URL ซึ่งควรใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษและตัวเลข และต้องดูตรง สถานะของบล็อก ด้วยวาชื่อ URL ที่ตั้ งไปนั้ นมีผู้ใช้แล้วหรือยังไม่มีผู้ใช้ มันจะแจ้งวา “ที่อยู่บล็อกนี้ สามารถใช้ได้” เสร็จแล้ว ให้ทาการเลือกรูปแบบ จากแม่แบบวาจะให้บล็อกมีหน้าตาในการแสดงผลเช่นไร เมื่อเลือกแล้วก็ คลิกเมนู “สร้างบล็อก” 4. เมื่อทาการสร้างบล็อกแล้ว เราจะกลับมาที่หน้าจัดการบล็อกเพื่อทาการตกแต่งบล็อกให้ดู สวยงามโดยการ ใส่รูปภาพหรือ โค๊ดต่างๆ ให้นักศึกษาทาการคลิกลูกศรสีดา เพื่อเลือกเมนูรูปแบบ ดังภาพ 5. เมื่อคลิกเมนูรูปแบบ แล้วจะมีหน้าตาดังภาพให้คลิกที่ เมนูเครื่องมือออกแบบเทมเพลต เพื่อ ปรับแต่งหน้า เทมเพลตตามที่เราต้องการ เมื่อคลิกแล้วทาการเลือกรูปเทมเพลต ตามต้องการ เมื่อเลือก แล้วให้คลิกที่ เมนู“ใช้กับบล็อก” เพื่อบันทึก รูปแบบเทมเพลต 6. เมื่อทาการเลือกรูปแบบของเทมเพลตแล้วให้กลับมาที่“รูปแบบ”อีกครั้ง เพื่อทาการใส่หัวบล็อก และ ตกแต่งบล็อกโดยคลิกเลือกเมนูแก้ไข ตรงส่วนของ ชื่อบล็อก เมื่อคลิกเมนูแก้ไข แล้วให้คลิกที่ เมนู “เลือกไฟล์” เพื่อเลือกไฟล์ภาพที่จะนามาเป็ นหัวบล็อกเมื่อเลือกภาพ ได้แล้วกดopenจากนั้ นระบบจะ ทาการอัพโหลดภาพดังกล่าวเข้าไป เมื่อระบบอัพโหลดภาพเสร็จแล้ว ให้ คลิกเลือก เมนู“แทนที่ชื่อและ คาอธิบาย” เสร็จแล้วกดเมนู“บันทึก” เพื่อทาการบันทึกภาพดังกล่าวซึ่งจะเข้า ไปอยูในตาแหน่งหัวบล็อก ดังภาพ 7. เมื่อทาการใส่หัวบล็อกเสร็จแล้ว ให้คลิกที่เมนู“เพิ่ม Gadget” เพื่อใส่โค๊ด ปฏิทิน นาฬิกา สถิติผู้เยี่ยมชม แล้วแต่ความต้องการของเรา แล้วคลิกเมนู“บันทึกการจัดเรียง”
  • 6. 8. เมื่อทาการใส่โค๊ดตกแต่งตามต้องการแล้ว ให้เลือกเมนู“หน้าเว็บ” เพื่อทาการสร้างหน้าเว็บ เพจต่างๆ ตาม ต้องการคลิกที่เมนู “แสดงหน้าเว็บเป็น” เลือกลูกศรสีดา แล้วคลิกเลือกรูปแบบ “แท็บ ด้านบนสุด” แล้วกด“บันทึกการจัดเรียง” ดังภาพ เมื่อทาการเลือกตาแหน่งของแท๊บเมนูแล้ว ให้ คลิกเมนู หน้าเว็บใหม่และเลือกลูกศรสีดา เลือกเมนู “หน้าเว็บเปล่า” เพื่อสร้างหน้าเพจต่างๆ เมื่อคลิกเมนูสร้าง หน้าเว็บแล้ว ให้ตั้งชื่อเว็บเพจ ตรงช่อง และพิมพ์รายละเอียดลงไป แล้วคลิกที่เมนู “บันทึก” 9. เมื่อทาการสร้างเมนูเว็บเพจแล้ว ท่านสามารถที่จะทาลิงค์ไปเว็บไซต์หรือบล็อกต่างๆ โดยคลิก ที่เมนู เพิ่ม “Gadget” แล้วเลือก ฟังก์ชัน “รายชื่อลิงค์” แล้วคลิกเครื่องหมาย + เพื่อสร้างลิงค์ ดังภาพ เมื่อคลิกที่ฟังชันก์ รายชื่อลิงค์แล้ว ให้ทาการ พิมพ์ชื่อเมนูว่า่ “ Link Exchange” และ copy ลิงค์ ที่ ต้องการ เชื่อมโยงของเพื่อนมาใส่ไว้ในช่อง URL ของไซต์ใหม่และ ตรงชื่อเว็บไซต์ให้ พิมพ์ชื่อ ของเว็บ นั้นๆ ที่ ต้องการทาลิงค์ เมื่อทาเสร็จ ให้คลิกที่ เมนู “เพิ่มลิงค์” เพื่อทาการเพิ่ มลิงค์เว็บไซต์อื่นๆต่อไป แล้วคลิกที่เมนู “บันทึก” ดังภาพ เมื่อเราทาการสร้างลิงค์เสร็จ เมื่อกดบันทึกจะมีหน้าตาดังภาพ ซึ่งในกรณี ที่เราต้องการเพิ่ มลิงค์ต่อให้คลิกที่ เครื่องมือ “แก้ไข ” ดังภาพ เราสามารถทาการเคลื่อนย้ายตาแหน่ง โดยการคลิกลากมาไว้ในตาแหน่งที่เราต้องการได้ เราสามารถปรับเปลี่ยนความกว้างในการแสดงผลหน้าจอ ได้ โดยคลิกไปที่เครื่องมือเครื่องมือออกแบบเทม เพลต แล้วเลือก“ปรับความกว้าง” ดังภาพ 10. ในการสร้างบทความ ให้คลิกไปที่เมนู“บทความใหม่” ดังภาพ 11. เมื่อคลิกเมนูสร้างบทความใหม่แล้ว ให้นักศึกษา ทาการแทรกภาพ โดยการคลิกที่ไอคอน แทรกรูปภาพ คลิกที่เมนูเลือกไฟล์และทาการเลือกรูปภาพ แล้ว กดopenดังรูป ระบบจะทาการอัพโหลด ไฟล์รูปดังกล่าว เมื่ออัพโหลดเสร็จแล้ว ให้คลิกที่“เพิ่มรายการที่เลือก” เมื่อทาการเลือกภาพแล้ว ภาพ ดังกล่าวจะเข้ามาอยูในแบบร่างบทความ ดังรูป เสร็จแล้วพิมพ์รายละเอียดลง ไปแล้วคลิก เมนู เพื่อทา การ“บันทึก” บทความความ และเผยแพร่ บทความ เมื่อกดบันทึกแล้ว จะเข้ามาสู่หน้าจอ รายการที่แสดง ถึงบทความที่เราสร้างขึ้นเมื่อครู่ ถ้าหากเราต้องการ สร้างบทความเพิ่ ม ให้คลิกที่ เมนูสร้าง บทความใหม่ ถ้าในบทความของเรา ต้องการเผยแพร่ผลงานวีดิโอจาก Youtube ให้เราคลิกที่ไอคอน แทรกวีดิโอ ทา การเลือกวีดิโอจาก Youtube ซึ่งถ้าในกรณีที่เรามีคลิปในบัญชียูทูบของเราอยูแล้ว ให้คลิกเลือกเมนู วีดิโอ Youtube ของฉัน แต่ถ้าเราจะเอา คลิป Youtube จากแหล่งบัญชีอื่น ให้คลิกเมนูจาก Youtube แล้วเสริ์ชหาเอา นะคะ เมื่อทาการแทรกวีดิโอจาก Youtube แล้ว วีดิโอ ดังกล่าวจะเข้ามาอยูในแบบ ร่างบทความ ดังรูป เสร็จแล้วทาการ กดบันทึก และ คลิกไปที่ เมนู แสดงตัวอย่าง ก็จะได้ผลลัพธ์ดังภาพ Cr : http://www.stou.ac.th/Offices/Oes/OesPage/new/km/download