More Related Content
More from JorJames Satawat
More from JorJames Satawat (20)
ใบงานท 6
- 1. ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
------------------------------------------------------------------
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการ
ทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น
การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง
และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง
หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย
พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ
ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี
ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว
การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ
เป็นต้น
ตัวอย่างโครงงาน
ประเภทของโครงงานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์
โครงงานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ อาจทาได้หลายรูปแบบ ถ้าพิจารณาลักษณะของกิจกรรมการ
ศึกษาค้นคว้าแล้ว จัดประเภทของโครงงานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ ออกเป็น 4 ประเภท คือ
- 2. 1. โครงงานประเภททดลองเกี่ยวกับงานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์
ลักษณะของโครงงานประเภทนี้ต้องมีการออกแบบการทดลอง เพื่อศึกษาผลของตัวแปร
หรือตัวแปรอิสระ ที่มีผลต่อตัวแปรตามและมีการควบคุมตัวแปรอื่นๆ ที่ไม่ต้องการศึกษา ที่จะส่งผลให้การ
การศึกษาคลาดเคลื่อน ขั้นตอนการทาโครงงานประเภทนี้จะต้องมีการกาหนดปัญหา ตั้งสมมติฐาน
ุุออกแบบ การทดลอง ดาเนินการทดลอง เพื่อหาคาตอบของปัญหาหรือตรวจสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้
แปรผลและสรุปผล การทาโครงงานประเภททดลอง บองครั้งอาจจาเป็นต้องทดลอง เพื่อศึกษา
ความเป็นไปได้เบื้องต้น (Preliminary study) เสียก่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลบางประการมาใช้ประกอบ
การตัดสินใจในการกาหนดรายละเอียดต่างๆ ของการศึกษาค้นคว้าจริงต่อไป ผู้จัดทามีความเห็นว่า
ข้อดีของโครงงานประเภทนี้คือ จะมีการใช้วิธีวิทยาศาสตร์ครบทั้ง 5 ขั้น คือ ตั้งแต่การกาหนดปัญหา
ตั้งสมมติฐานวางแผนการทดลอง รวบรวมข้อมูลและสรุปผล นอกจากนั้น ยังมีการควบคุมตัวแปรอีกด้วย
ซึ่งถือเป็นพื้นฐานในการศึกษา ค้นคว้าทางงานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ที่สาคัญ
โครงงานประเภททดลอง เป็นการตรวจสอบสมมติฐานใดสมมติฐานหนึ่ง ซึ่งเริ่มตั้งแต่การ
ออกแบบการทดลองอย่างมีขั้นตอน การใช้เครื่องมือในการทดลองอย่างถุกต้อง มีการออกแบบตาราง
หรือวิธีการบันทึกผลการทดลอง การใช้หน่วยวัดที่ถูกต้อง มีการกาหนดตัวแปรต่างๆ วิเคราะห์ข้อมูล
มีการทดลองหลายๆ ครั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมกับสรุปผลการทดลองที่ชัดเจน
ตัวอย่างของโครงงานประเภทการทดลองเกี่ยวกับงานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น
เครื่องตรวจสอบ SCR
วงจรสวิตซ์ควบคุมด้วยแสงรีโมท
- 3. เครื่องตรวจสอบสายไฟ (Test Lamp)
2. โครงงานประเภทสารวจรวบรวมข้อมูล
โครงงานประเภทนี้เป็นการศึกษารวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อศึกษาหาความรู้ที่มีอยู่หรือเป็นอยู่ในชีวิตประจาวัน โดยใช้วิธีสารวจและรวบรวมข้อมูลแล้วนาข้อมูล
ที่ได้ มาจัดกระทาให้เป็นระบบระเบียบและสื่อความหมายแล้วนาเสนอในรูปแบบต่างๆ เช่นตาราง กราฟ
แผนภูมิ และคาอธิบายประกอบ
ตัวอย่างของโครงงานประเภทสารวจรวบรวมข้อมูล
ก. การเก็บรวบรวมข้อมูลใสนามได้ทันที โดยไม่ต้องนาวัสดุตัวอย่างมาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
ตัวอย่าง การสารวจความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้ าในโรงฝึกงาน
ข. การเก็บรวบรวมวัสดุตัวอย่างมาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
ตัวอย่าง การสารวจวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในเครื่องใช้ไฟฟ้ าหลังเกิดการลัดวงจร
โครงงานประเภทสารวจ เป็นการสารวจข้อมูลต่างๆ ที่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็น เพื่อนามา
ประกอบการศึกษาหรือการจาแนกหมวดหมู่ ทั้งนี้ไม่ต้องคานึงถึงตัวแปรต่างๆ การเก็บข้อมูลโดยการออก
ไปสารวจนอกห้องปฏิบัติการ หรือที่เรียกว่าสารวจภาคสนาม หรือบางครั้งอาจจะนาส่วนต่างๆ นั้นมาศึกษา
ในห้องปฏิบัติการด้วยก็ได้
3. โครงงานประเภทการพัฒนาหรือการประดิษฐ์
โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ทฤษฎีหรือทักษะทางงานไฟฟ้ าและ
อิเล็กทรอนิกส์ มาประุิดิษฐ์เครื่องมือ เครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ เพื่อประโยชน์ใช้สอยต่างๆ เพื่ออานวยความ
- 4. สะดวกแก่มนุษย์ อาจคิดประดิษฐ์ของใหม่ๆ หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูง
ขึ้น ซึ่งมีลักษณะของโครงงานที่้ต้องการกาหนดตัวแปรที่ต้องศึกษา เหมือนกับ โครงงานปรเภททดลอง
แต่ผลของโครงงานประเภทนี้จะได้อุปกรณ์ หรือสิ่งประดิษฐ์ และมีข้อมูลต่างๆ
ประกอบซึ่งต่างจากโครงงาน
ประเภทสิ่งประดิษฐ์ ส่วนใหญ่จะกาหนดตัวแปรที่จะศึกษา ดังนี้
ตัวแปรต้น ส่วนใหญ่จะศึกษาในด้านรูปทรง หรือ โครงสร้างที่เหมาะสมของสิ่งประดิษฐ์ ชนิดของ
วัสดุที่เหมาะสมในการทาสิ่งประดิษฐ์
ตัวแปรตาม ส่วนใหญ่จะวัดได้ คุณภาพของสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งกาหนดเกณฑ์การวัดต่างๆ กันออกไป
ตามชนิดของการประดิษฐ์
ส่วนตัวแปรที่ต้องควบคุมนั้น จะควบคุมในสิ่งที่จะทาให้ผลการวัดตัวแปรตามคลาดเคลื่อน
จะควบ
คุมอะไรบ้างนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของสิ่งประดิษฐ์
โครงงานประเภทนี้อาจจะมีลักษณะเป็นแบบจาลองได้ แต่ต้องแสดงให้เห็นการทางาน ของแบบ
จาลองนั้นจริงๆ ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้นอกจากจะมีข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากการศึกษาทดลอง
ขั้นต้น เพื่อนามาใช้ประกอบในการทาสิ่งประดิษฐ์และมีการวัดประสิทธิภาพของ สิ่งประดิษฐ์แล้งยังมี
สิ่งประดิษฐที่ใช้งานได้จริงๆ หรือแบบจาลองที่แสดงการทางานได้ ซึ่งมองเห็นประโยชน์ของการ
นาไปใช้ได้ชัดเจน จึงเป็นโครงงานที่เหมาะสมกับงานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าสนใจ
ตัวอย่างของโครงงานประเภทพัฒนาหรือการประดิษฐ์
- 5. จุดหลอด FL ด้วยถ่านไฟฉาย
สัญญาณเตือนภัยอัตโนมัติ
สัญญาณไฟกระพริบ LED 2 สี 2 ดวง
4. โครงงานประเภททฤษฎี
เป็นโครงงานที่ผู้ทาโครงงานได้เสนอทฤษฎี หลักการหรือแนวความคิดใหม่ๆ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของ
สูตร สมการ หรือคาอธิบายก็ได้ โดยผู้นาเสนอได้ตั้งกติกา หรือข้อตกลงขึ้นมาเอง แล้วเสนอทฤษฎี
หลักการ แนวความคิดหรือจินตนาการของตนเองตามกติกา หรือข้อตกลงนั้น หรืออาจใช้กติกา
หรือข้อตกลงเดิมมา อธิบายสิ่งหรือปรากฎการณ์ต่างๆ ในแนวใหม่ ทฤษฎี หลักการ แนวความคิด
หรือจินตนาการที่เสนออาจจะใหม่ ยังไม่มีใครคิดมาก่อน หรืออาจขัดแย้งกับทฤษฎีเดิม
หรือเป็นการขยายทฤษฎี หรือแนวคิดเดิมก็ได้
การทาโครงงานประเภทนี้จุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องนั้นๆ อย่างดี
จึงจะสามารถเสนอโครงงานประเภทนี้ได้อย่างมีเหตุมีผลน่าเชื่อถือโดยทั่วๆ ไป
ตัวอย่างของโครงงานประเภททฤษฎี
นักวิทยาศาสตร์ ทาการทดลองเพื่อสร้างกฎของโอห์ม กฎของเคอร์ช๊อฟ เป็นต้น
ที่มา :
http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C
7
ที่มา :
http://www.nayoktech.ac.th/~choompol/ch02_5.html