More Related Content Similar to 2558 project (1)
Similar to 2558 project (1) (20) More from wasanasiri43965
More from wasanasiri43965 (7) 2558 project (1)1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2558
ชื่อโครงงาน ขนมกลีบลาดวน
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1.น.ส. วาสนา ผุลละศิริ เลขที่ 12 ชั้น 6 ห้อง 8
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1………………………………….. เลขที่……… 2…………………………………เลขที่
……….
3………………………………….. เลขที่………
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) ขนมกลีบลาดวน
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Duan petals candy.
ประเภทโครงงานทดลอง
ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส. วาสนา ผุลละศิริ
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงานภาคเรียนที่ 1- 2
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ขนมไทย
เป็นขนมที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยตั้งแต่สมัยก่อนและสืบทอดมายังลูกหลายรุ่นต่อรุ่นตามที่ปรากฏตา
มกลักฐานสาคัญต่างๆตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน
แสดงให้เห็นว่าขนมไทยเป็นสิ่งสาคัญสาหรับคนไทย ทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่รวมถึงพิธีกรรมต่างๆก็ใช้ขนม
ไทยเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าขนมไทยเป็นขนมมงคล
อีกทั้งขนมไทยยังเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งบ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นไทย
แต่ในปัจจุบันนี้ขนมไทยเริ่มที่จะเลือนหายไป
เพราะขาดผู้สืบทอดและสนใจ อย่างจริงจัง กลุ่มของข้าพเจ้าจึงมีแนวคิดที่จะอนุรักษ์ขนมไทยโดยการไปศึ
กษาและเรียนรู้วิธีการทาขนม
และนามาเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้ลองทากันดูง่ายๆ จึงเลือกขนมที่เป็นขนมทานเล่นและทาได้ง่ายๆ มาให้ล
องทากันดู และปัจจุบันวัยรุ่นสมัยใหม่แทบที่จะไม่รู้จัก ขนมกลีบลาดวนนี้
กลุ่มของข้าพเจ้าจึงขอสาธิตวิธีการทาขนมกลีบลาดวน
3. 3
วัตถุประสงค์
1. เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของคนไทยในการทาขนมไทยให้คงอยู่
2. มีส่วนช่วยในการอนุรักษ์การทาขนมไทย
3. สามารถศึกษาวิธีการทาขนมไทยและทาเองได้
4. สาธิตวิธีการทาขนมกลีบลาดวนให้ผู้ที่สนใจ
5. สามารถทาเป็นอาชีพได้สาหรับผู้ที่สนใจ
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
- การทากลีบลาดวน ทาได้ทุกคนเป็นขนมหวานที่ทาได้ง่ายและทาได้ทุกครอบครัว
หลักการและทฤษฎี
ความหมายของบล็อก หรือ เว็บบล็อก อ้างอิงตามบทความเรื่องบล็อก ( Blog or
Weblog) คืออะไร? ในเว็บไซต์GotoKnow.org เขียนโดย ดร.จันทวรรณปิยะวัฒน์ ( http://gotoknow.org/blog
/tutorial/3) ได้ให้นิยามไว้ดังนี้
"บล็อก ( Blog) หรือ เว็บบล็อก
(Weblog) เป็นเว็บไซต์สาหรับเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวประจาวันเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิดมุมมอง
ประสบการณ์ ความรู้ และข่าวสาร ในเรื่องที่ผู้เขียนท่านหนึ่งๆ ( Blogger) สนใจโดยเฉพาะ
ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ทาให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ด
และเนื่องจากความจริงใจและอิสระทางความคิดที่สื่อสารออกไป
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของบุคคลที่หนึ่ง
เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของผู้เขียนได้เป็นอย่างดีทีเดียว
จึงทาให้บล็อกเป็นสื่อที่นิยมมากขึ้นเรื่องๆ ในนานาประเทศ"
วิธีการสังเกตลักษณะของเว็บไซต์ที่เป็นบล็อกนั้น ให้พิจารณาจากลักษณะต่างๆ ดังนี้คือ
„ มีการบันทึกเนื้อหาโดยเจ้าของบล็อกอย่างสม่าเสมอ
„ ข้อมูลจะถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ คือ รายการล่าสุดจะถูกแสดงไว้ด้านบนสุดของเว็ปเพจ
แล้วไล่ลาดับย้อนหลังตามวันเวลาการเขียนไปเรื่อยๆ
„ มักจะมีการลิงก์ไปหาบล็อกอื่นที่ผู้เขียนสนใจ
หรือได้เสนอความคิดเห็นโยงต่อจากข้อเขียนที่เขาอ้างถึง ดังนั้น
นอกจากบล็อกจะใช้ในการเขียนและเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ แล้ว ก็ยังเป็นแหล่งรวมลิงก์ที่เจ้าของบล็อกนั้นๆ
ใช้เป็นฐานเพื่อเสริมต่อความรู้อยู่เป็นประจา ไม่ว่าจะเป็นลิงก์ของบล็อกอื่นๆ หรือลิงก์ของเว็บไซต์ก็ตาม
4. 4
„ บันทึกที่เขียนไว้ในบล็อกมักจะมีการแยกแยะเป็นกลุ่มเนื้อหาตามหัวข้อหลักๆ
ที่ผู้เขียนสร้างขึ้นเพื่อช่วยอานวยความสะดวกให้แก่ผู้อ่านที่สนใจในบันทึกที่มีความสัมพันธ์กันในใจความห
ลัก
„ และเมื่อผู้อ่านได้รับความรู้ต่างๆ จากผุ้เขียนบล็อกแล้ว
ผู้อ่านมักจะมีการเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติม
เพื่อเป็นการต่อยอดความรู้และเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกลุ่มผู้อ่านและผู้เขียนบล็อก
ประโยชน์ของบล็อก
1. ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้
การเขียน blog สาหรับบันทึกเรื่องราว ข่าวสาร ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ในสิ่งที่ผู้เล่าสนใจ
เป็นการถ่ายทอดสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสมองลงสู่ตัวหนังสือการเขียนต้องมีอิสระทางความคิดในรูปแบบที่เป็
นตัวของตัวเอง จะช่วยอานวยให้การดึงเอาความรู้ฝังลึกถูกแสดงออกมาได้โดยไม่ยากนัก
และการเขียน blog อยู่เป็นประจาก็จะสามารถนามาสู่การสร้างขุมความรู้ ( Knowledge Assets
) อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ การเก็บรวบรวมและการแก้ไขหรือเพิ่มเติมความรู้ก็ทาได้โดยสะดวก รวดเร็ว
2. เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ความรู้
โดยหลักการของ blog คือการเผยแพร่เรื่องราวที่ผู้เขียนเขียนไว้บน blog เพื่อแสดงตัวตนของผู้เขียนออกสู่สา
ธารณชนซึ่งนั่นหมายถึง blog ย่อมมีความสามารถในการสนับสนุนการเข้าถึงความรู้ได้ง่าย สะดวก
และรวดเร็ว
ทันทีที่ผู้เขียนมีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขความรู้ที่มีอยู่บน blog ไฟล์ RSS ก็จะทาการดึงเอาเนื้อหานั้น ๆ
มาใส่ไว้ในไฟล์ด้วยทันที
3. เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนความรู้
การเขียน blog จะอนุญาตให้ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นต่อความรู้ที่ผู้เขียนถ่ายทอดลงไปใน blog และ
ผู้เขียนได้เขียนโต้ตอบต่อความคิดเห็นนั้น ๆ ในลักษณะของการสนทนาเพื่อหาความแตกฉานในตัวความรู้
ถือได้ว่าเป็นการร่วมกันสกัดความรู้ฝังลึกได้อย่างดี
4. เป็นเครื่องมือในการค้นหาความรู้ ผู้ชานาญการ และชุมชนปฏิบัติ
การเขียนและอ่าน blog เป็นวิธีการค้นหาความรู้ ช่วยให้ค้นพบผู้มีความรู้ความชานาญในด้านต่าง ๆ
ได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะโดยการเขียน blog ที่มักอ้างถึง blog อื่น ๆ
โดยการโยงลิค์ไปหาบทความหรือบันทึกนั้น ๆ อีกทั้งลิงค์ที่ผู้เขียนบรรจุไว้ใน blog ซึ่งอยู่นอกตัวบทความ
หรือการร่วมเป็นสมาชิกของ blog ชุมชน
5. เป็นเครื่องมือในการรวบรวมและแยกแยะประเภทของความรู้ สกัดแก่นความรู้
และสร้างความสัมพันธ์ของความรู้วิธีการหนึ่งที่ระบบ blog โดยทั่วไปนามาใช้ในการรวบรวมและแยกประเ
ภทของของบันทึก คือการให้ผู้เขียนระบุหมวดหมู่หรือคีย์เวิร์ดของบันทึกนั้น ๆ ไว้ซึ่งบันทึกหนึ่ง ๆ
5. 5
อาจมีความเหมาะสมในการแยกหลายหมวดหมู่ ถือเป็นการสกัดแก่นความรู้จากขุมความรู้
โดยที่ตัวผู้เขียนเอง อาจจะดึงเอาคีย์เวิร์ดของชุมชนที่ถูกรวบรวมผู้ใช้หลายคน
6. เป็นเครื่องมือในการสร้างลาดับความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของความรู้โดยผู้นาเอาความรู้นั้
นไปใช้ สิ่งที่นักปฏิบัติด้านการจัดการความรู้อยากให้เกิดขึ้นภายหลังจากการที่ได้มีการจัดการความรู้ ก็คือ
การที่มีผู้อื่นนาเอาความรู้นั้น ๆ ไปใช้ให้เกิดผลและนาผลมาปรับปรุงความรู้เดิมให้เกิดความรู้ตัวใหม่
หรือทาให้ความรู้นั้น ๆ มีความถูกต้องมีหลักฐานที่วัดได้ทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ระบบ blog ประกอบกับเทคโนโลยีในการ พัฒนาเว็บในปัจจุบัน
สามารถสร้างระบบ Rating หรือระบบการจัดลาดับความน่าเชื่อถือ และความถูกต้องของความรู้หนึ่ง ๆ
ได้โดยตรงจากผู้อ่าน blog ซึ่งอาจจะเป็น ผู้ที่ได้นาเอาความรู้นั้นๆ ไปใช้เองอีกด้วย
หรือการแสดงสถิติต่างๆของ blog เช่น บันทึกที่ได้รับการแสดงข้อคิด เห็นมากที่สุด หรือ
บันทึกที่มีผู้อ่านมากที่สุด ก็สามารถเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ
และความถูกต้องของความรู้ได้ในระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน
7. ใช้เป็นเครื่องมือแสดงรายละเอียดของแก่นความรู้อย่างเป็นระบบซึ่งนักวิทยาศาสตร์ อัลเบิร์ต
ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า“Imagination is more important than knowledge.” การไม่หยุดคิดที่จะวิจัยและพัฒนา
เครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อช่วยสร้างความสมบูรณ์แบบของระบบ
การจัดการกับความรู้เป็นสิ่งที่สนับสนุนให้เกิดขึ้นได้เช่น
ในปัจจุบันระบบ blog ถือว่าเป็นเครื่องมือสาหรับเสริมสร้างประสิทธิภาพในการเล่าเรื่อง
ซึ่งถือเป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการจัดการความรู้
แต่เพื่อที่จะสกัดความรู้ฝังลึกที่มีความซับซ้อน การใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเพียงอย่างเดียว
หรือการร่วมช่วยกันเล่าก็ตาม ก็อาจจะยังไม่สามารถสกัดเอาความรู้ออกมาได้หมด เพราะความสับสน
และความไม่มีรูปแบบในตัว ของความรู้เอง ดังนั้น
เทคโนโลยีที่น่าจะสามารถช่วยจัดการความรู้ประเภทนี้ได้ก็เช่น Rule-based reasoning หรือ Fuzzy
logic เพื่อ ใช้ในการทาเหมืองความรู้ ( Knowledge mining ) เป็นต้น
8. เป็นศูนย์ความรู้ขององค์การ เพราะให้พนักงานและบุคลากร แต่ละคนเขียน blog ส่วนตัวไว้
หากพนักงานและบุคลากรท่านนั้นลาออกไป ความรู้ยังคงอยู่ที่องค์กรให้รุ่นน้องศึกษาไปโดยการถ่ายทอด
หรือแลกเปลี่ยนความรู้ โดยเฉพาะ Tacit Knowledge เขียนออกมาเป็น “เรื่องเล่า”
2.2 เอกสารเกี่ยวกับความหมายของขนมกลีบลาดวน
ขนมกลีบลาดวนเป็นขนมมงคลอีกชนิดหนึ่ง ทาจากแป้งสาลี และอบควันเทียน
นิยมใช้ในงานแต่งงานสมัยก่อน ความหมายของขนมกลีบลาดวนนี้คือ
ชื่อเสียงขจรขจายไปไกลทั่วและมีอีกความหมายคือ สร้างความงดงามให้กับชีวิต เพราะขนมกลีบลาดวน
จะทาเป็นกลีบดอก 3 กลีบมาติดกันและมีเกสรอยู่ตรงกลางดอกลาดวนตอนกลางคืนจะส่งกลิ่นหอมอบอวลเ
6. 6
ป็นดอกไม้ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ขนมชนิดนี้เก็บได้นาน
เหมาะสาหรับเก็บไว้ทานหรือเป็นของฝากผู้ที่อยู่ไกลๆ หอม หวาน อร่อย จนติดใจ
วิธีดาเนินงาน
อุปกรณ์
- เตาอบ
- ถาดใส่ขนม
- ที่ร่อนแป้ง
- ถ้วยตวง
- ช้อนตวง
ส่วนผสม
- แป้งว่าวร่อน 3 ถ้วย
- น้ามันพืช¾ ถ้วย
- น้าตาลไอซ์ซิ่ง 1½ ถ้วย
วิธีการทาขนมกลีบลาดวน
1.ผสมแป้งกับน้าตาลไอซ์ซิ่งคลุกให้เข้ากัน ค่อยๆ เติมน้ามันพร้อมกับนวดคลุกเคล้า ให้เข้ากัน
2.นาแป้งมาปั้นเป็นกลีบยาวคล้ายกลีบดอกลาดวน และปั้นลูกกลมๆ เล็กๆ เป็นเกสรดอกลาดวน
นากลีบดอกสามดอกจับปลายให้ชนติดกัน ใส่เกสรติดตรงกลางดอก
แล้ววางเรียงบนถาดสาหรับนาเข้าเตาอบ
3.อบด้วยความร้อน 350 oF จนสุก พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ขวด อบด้วยควันเทียน
สามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน
7. 7
งบประมาณ ประมาณ 200 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ(ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1. ฝึกการทางานและฝึกการเข้าครัว
2. การทาบล็อก
3. ฝึกการใช้คอมพิวเตอร์ให้เกิดประโยชน์
สถานที่ดาเนินการ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง การงานอาชีพและเทคโนโลยี
แหล่งอ้างอิง
http://mkpyn.blogspot.com/2012/12/61_23.html