SlideShare a Scribd company logo
ครั้งที่ ๖
                          ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓




Wednesday, 14 July 2010                     1
ความรับผิดเพื่อละเมิดของ
                          บุคคลอื่น (๒)



Wednesday, 14 July 2010                         2
เจ้าหน้าที่ของรัฐ
                              ลูกจ้าง

                     ความรับผิดเพื่อละเมิดของ
                          บุคคลอื่น (๒)



Wednesday, 14 July 2010                         2
เจ้าหน้าที่ของรัฐ
                              ลูกจ้าง

                     ความรับผิดเพื่อละเมิดของ
                          บุคคลอื่น (๒)
                          ผู้รับจ้างทําของ

Wednesday, 14 July 2010                         2
เจ้าหน้าที่ของรัฐ
                              ลูกจ้าง

                     ความรับผิดเพื่อละเมิดของ
                          บุคคลอื่น (๒)
                          ผู้รับจ้างทําของ

                              ตัวแทน
Wednesday, 14 July 2010                         2
ลูกจ้าง




Wednesday, 14 July 2010             3
มาตรา ๔๒๕  นายจ้างต้องร่วมกัน
    รับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่ง
    ลูกจ้างได้กระทําไปในทางการที่จ้าง
    นั้น


Wednesday, 14 July 2010                   4
มาตรา ๔๒๕  นายจ้างต้องร่วมกัน
    รับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่ง
    ลูกจ้างได้กระทําไปในทางการที่จ้าง
    นั้น


Wednesday, 14 July 2010                   4
มาตรา ๔๒๕  นายจ้างต้องร่วมกัน
    รับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่ง
    ลูกจ้างได้กระทําไปในทางการที่จ้าง
    นั้น


Wednesday, 14 July 2010                   4
การจ้างแรงงาน


Wednesday, 14 July 2010                   5
มาตรา ๕๗๕  อันว่าจ้างแรงงาน
    นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง
    เรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทํางานให้
    แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า
    นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้
    สินจ้างตลอดเวลาที่ทํางานให้
Wednesday, 14 July 2010               6
มาตรา ๕๗๕  อันว่าจ้างแรงงาน
    นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง
    เรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทํางานให้
    แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า
    นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้
    สินจ้างตลอดเวลาที่ทํางานให้
Wednesday, 14 July 2010               6
มาตรา ๕๗๕  อันว่าจ้างแรงงาน
    นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง
    เรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทํางานให้
    แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า
    นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้
    สินจ้างตลอดเวลาที่ทํางานให้
Wednesday, 14 July 2010               6
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             7
ร่วมกันรับผิด?


Wednesday, 14 July 2010                    8
มาตรา ๒๙๑  ถ้าบุคคลหลายคนจะต้องทําการ
    ชําระหนี้โดยทํานองซึ่งแต่ละคนจําต้องชําระหนี้สิ้น
    เชิงไซร้  แม้ถึงว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชําระหนี้สิ้น
    เชิงได้แต่เพียงครั้งเดียว (กล่าวคือลูกหนี้ร่วมกัน) ก็
    ดี เจ้าหนี้จะเรียกชําระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคน
    หนึ่งสิ้นเชิง หรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก แต่
    ลูกหนี้ทั้งปวงก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่า
    หนี้นั้นจะได้ชําระเสร็จสิ้นเชิง


Wednesday, 14 July 2010                                      9
ทําไม?


Wednesday, 14 July 2010            10
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             11
ทางการที่จ้าง?


Wednesday, 14 July 2010                    12
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             13
การไล่เบี้ย


Wednesday, 14 July 2010                 14
มาตรา ๔๒๖  นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่า
    สินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก
    เพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทํานั้น ชอบที่
    จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น


Wednesday, 14 July 2010                      15
มาตรา ๔๒๖  นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่า
    สินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก
    เพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทํานั้น ชอบที่
    จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น


Wednesday, 14 July 2010                      15
มาตรา ๔๒๖  นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่า
    สินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก
    เพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทํานั้น ชอบที่
    จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น


Wednesday, 14 July 2010                      15
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             16
ข้อสังเกต

Wednesday, 14 July 2010               17
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             18
ตัวแทน




Wednesday, 14 July 2010            19
มาตรา ๗๙๗  อันว่าสัญญาตัวแทน
    นั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง
    เรียกว่าตัวแทน มีอํานาจทําการแทน
    บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และ
    ตกลงจะทําการดั่งนั้น
        อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดย
    ตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็
    ย่อมได้
Wednesday, 14 July 2010                  20
มาตรา ๗๙๗  อันว่าสัญญาตัวแทน
    นั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง
    เรียกว่าตัวแทน มีอํานาจทําการแทน
    บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และ
    ตกลงจะทําการดั่งนั้น
        อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดย
    ตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็
    ย่อมได้
Wednesday, 14 July 2010                  20
มาตรา ๗๙๗  อันว่าสัญญาตัวแทน
    นั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง
    เรียกว่าตัวแทน มีอํานาจทําการแทน
    บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และ
    ตกลงจะทําการดั่งนั้น
        อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดย
    ตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็
    ย่อมได้
Wednesday, 14 July 2010                  20
ข้อสังเกต

Wednesday, 14 July 2010               21
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             22
เจ้าหน้าที่ของรัฐ




Wednesday, 14 July 2010                       23
พระราชบัญญัติ
                     ความรับผิดทางละเมิด
                        ของเจ้าหน้าที่
                         พ.ศ. ๒๕๓๙

Wednesday, 14 July 2010                    24
ทําไม?


Wednesday, 14 July 2010            25
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
         “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน
                      ี่
   ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง
   ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด
         “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง
   กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น
   กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ
   รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช
   กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่
   มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
   พระราชบัญญัตินี้ด้วย

Wednesday, 14 July 2010                                      26
เจ้าหน้าที่ทําละเมิด


Wednesday, 14 July 2010                          27
มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้
    เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ
    ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ
    ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
        ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด
    หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง
    เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง


Wednesday, 14 July 2010                                  28
มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้
    เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ
    ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ
    ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
        ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด
    หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง
    เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง


Wednesday, 14 July 2010                                  28
มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้
    เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ
    ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ
    ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
        ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด
    หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง
    เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง


Wednesday, 14 July 2010                                  28
มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้
    เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ
    ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ
    ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
        ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด
    หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง
    เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง


Wednesday, 14 July 2010                                  28
มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้
    เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ
    ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ
    ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
        ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด
    หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง
    เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง


Wednesday, 14 July 2010                                  28
มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้
    เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ
    ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ
    ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
        ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด
    หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง
    เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง


Wednesday, 14 July 2010                                  28
มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้
    เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ
    ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ
    ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
        ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด
    หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง
    เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง


Wednesday, 14 July 2010                                  28
ทําไม?


Wednesday, 14 July 2010            29
มาตรา ๖  ถ้าการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่
    มิใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้อง
    รับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสีย
    หายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วย
    งานของรัฐไม่ได้




Wednesday, 14 July 2010                                 30
มาตรา ๖  ถ้าการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่
    มิใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้อง
    รับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสีย
    หายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วย
    งานของรัฐไม่ได้




Wednesday, 14 July 2010                                 30
มาตรา ๖  ถ้าการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่
    มิใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้อง
    รับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสีย
    หายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วย
    งานของรัฐไม่ได้




Wednesday, 14 July 2010                                 30
มาตรา ๖  ถ้าการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่
    มิใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้อง
    รับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสีย
    หายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วย
    งานของรัฐไม่ได้




Wednesday, 14 July 2010                                 30
ทําไม?


Wednesday, 14 July 2010            31
การไล่เบี้ย


Wednesday, 14 July 2010                 32
มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม
    ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ
    รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง
    กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย
    ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
          สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง
    ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม
    ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย
    หายก็ได้
          ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย
    งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ
    รับผิดดังกล่าวออกด้วย
          ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก
    เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า
    สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
Wednesday, 14 July 2010                                                 33
มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม
    ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ
    รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง
    กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย
    ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
          สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง
    ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม
    ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย
    หายก็ได้
          ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย
    งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ
    รับผิดดังกล่าวออกด้วย
          ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก
    เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า
    สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
Wednesday, 14 July 2010                                                 33
มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม
    ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ
    รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง
    กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย
    ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
          สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง
    ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม
    ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย
    หายก็ได้
          ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย
    งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ
    รับผิดดังกล่าวออกด้วย
          ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก
    เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า
    สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
Wednesday, 14 July 2010                                                 33
มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม
    ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ
    รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง
    กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย
    ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
          สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง
    ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม
    ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย
    หายก็ได้
          ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย
    งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ
    รับผิดดังกล่าวออกด้วย
          ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก
    เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า
    สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
Wednesday, 14 July 2010                                                 33
มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม
    ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ
    รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง
    กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย
    ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
          สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง
    ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม
    ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย
    หายก็ได้
          ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย
    งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ
    รับผิดดังกล่าวออกด้วย
          ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก
    เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า
    สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
Wednesday, 14 July 2010                                                 33
มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม
    ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ
    รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง
    กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย
    ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
          สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง
    ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม
    ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย
    หายก็ได้
          ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย
    งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ
    รับผิดดังกล่าวออกด้วย
          ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก
    เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า
    สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
Wednesday, 14 July 2010                                                 33
มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม
    ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ
    รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง
    กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย
    ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
          สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง
    ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม
    ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย
    หายก็ได้
          ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย
    งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ
    รับผิดดังกล่าวออกด้วย
          ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก
    เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า
    สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น
Wednesday, 14 July 2010                                                 33
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             34
เจ้าหน้าที่ละเมิด
                          หน่วยงานของรัฐ


Wednesday, 14 July 2010                       35
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้
    กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย
    งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม
    ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา
    ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ
    ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล
    กฎหมายแพ่งและพาณิชย์


Wednesday, 14 July 2010                                   36
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้
    กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย
    งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม
    ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา
    ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ
    ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล
    กฎหมายแพ่งและพาณิชย์


Wednesday, 14 July 2010                                   36
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้
    กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย
    งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม
    ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา
    ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ
    ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล
    กฎหมายแพ่งและพาณิชย์


Wednesday, 14 July 2010                                   36
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้
    กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย
    งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม
    ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา
    ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ
    ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล
    กฎหมายแพ่งและพาณิชย์


Wednesday, 14 July 2010                                   36
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้
    กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย
    งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม
    ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา
    ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ
    ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล
    กฎหมายแพ่งและพาณิชย์


Wednesday, 14 July 2010                                   36
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้
    กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย
    งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ
    กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม
    ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา
    ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ
    ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล
    กฎหมายแพ่งและพาณิชย์


Wednesday, 14 July 2010                                   36
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             37
ทางเลือก


Wednesday, 14 July 2010              38
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ
   ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้
   พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน
   ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก
   ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง
   เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน
   ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
   กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่
   วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
         ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว
   เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน
   ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า
   สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ
   ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา
   อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
Wednesday, 14 July 2010                                               39
มาตรา ๑๔  เมื่อได้มีการจัดตั้ง
   ศาลปกครองขึ้นแล้ว สิทธิร้อง
   ทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้อง
   ทุกข์ตามมาตรา ๑๑ ให้ถือว่าเป็น
   สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง

Wednesday, 14 July 2010                40
คําถาม?



Wednesday, 14 July 2010             41
ผู้รับจ้างทําของ




Wednesday, 14 July 2010                      42
มาตรา ๕๘๗  อันว่าจ้างทําของนั้น
  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับ
  จ้าง ตกลงจะทําการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
  จนสําเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียก
  ว่าผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สิน
  จ้างเพื่อผลสําเร็จแห่งการที่ทํานั้น

Wednesday, 14 July 2010                     43
มาตรา ๔๒๘  ผู้ว่าจ้างทําของไม่
  ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับ
  จ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอก
  ในระหว่างทําการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้
  ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่ง
  ให้ทํา หรือในคําสั่งที่ตนให้ไว้ หรือใน
  การเลือกหาผู้รับจ้าง
Wednesday, 14 July 2010                     44
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow

More Related Content

Viewers also liked

Seal of biliteracy the journey
Seal of biliteracy the journeySeal of biliteracy the journey
Seal of biliteracy the journey
Bellevue School District
 
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshowChacrit Sitdhiwej
 
2553 la681 class 3 (2 september 2010)
2553 la681 class 3 (2 september 2010)2553 la681 class 3 (2 september 2010)
2553 la681 class 3 (2 september 2010)
Chacrit Sitdhiwej
 
Bridges
BridgesBridges
Bridges
Briseida Jara
 
The Story of Plug
The Story of PlugThe Story of Plug
The Story of Plug
guesta65021
 
2553 la201 week 5 class (12 july 2010) slideshow
2553 la201 week 5 class (12 july 2010) slideshow2553 la201 week 5 class (12 july 2010) slideshow
2553 la201 week 5 class (12 july 2010) slideshow
Chacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
Chacrit Sitdhiwej
 
2553 lx002 week 11 class (31 august 2010) slideshow
2553 lx002 week 11 class (31 august 2010) slideshow2553 lx002 week 11 class (31 august 2010) slideshow
2553 lx002 week 11 class (31 august 2010) slideshow
Chacrit Sitdhiwej
 
บทบาทของภาครัฐในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
บทบาทของภาครัฐในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมบทบาทของภาครัฐในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
บทบาทของภาครัฐในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
Chacrit Sitdhiwej
 
2553 la786 week 3 class (1 july 2010) slideshow
2553 la786 week 3 class (1 july 2010) slideshow2553 la786 week 3 class (1 july 2010) slideshow
2553 la786 week 3 class (1 july 2010) slideshow
Chacrit Sitdhiwej
 
2553 la786 week 6 class (15 july 2010) slideshow
2553 la786 week 6 class (15 july 2010) slideshow2553 la786 week 6 class (15 july 2010) slideshow
2553 la786 week 6 class (15 july 2010) slideshowChacrit Sitdhiwej
 
2553 la786 week 1 class slideshow
2553 la786 week 1 class slideshow2553 la786 week 1 class slideshow
2553 la786 week 1 class slideshow
Chacrit Sitdhiwej
 

Viewers also liked (15)

Seal of biliteracy the journey
Seal of biliteracy the journeySeal of biliteracy the journey
Seal of biliteracy the journey
 
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
 
2553 la681 class 3 (2 september 2010)
2553 la681 class 3 (2 september 2010)2553 la681 class 3 (2 september 2010)
2553 la681 class 3 (2 september 2010)
 
Bridges
BridgesBridges
Bridges
 
The Story of Plug
The Story of PlugThe Story of Plug
The Story of Plug
 
2553 la201 week 5 class (12 july 2010) slideshow
2553 la201 week 5 class (12 july 2010) slideshow2553 la201 week 5 class (12 july 2010) slideshow
2553 la201 week 5 class (12 july 2010) slideshow
 
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
 
2553 lx002 week 11 class (31 august 2010) slideshow
2553 lx002 week 11 class (31 august 2010) slideshow2553 lx002 week 11 class (31 august 2010) slideshow
2553 lx002 week 11 class (31 august 2010) slideshow
 
บทบาทของภาครัฐในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
บทบาทของภาครัฐในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมบทบาทของภาครัฐในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
บทบาทของภาครัฐในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
 
2553 la786 week 3 class (1 july 2010) slideshow
2553 la786 week 3 class (1 july 2010) slideshow2553 la786 week 3 class (1 july 2010) slideshow
2553 la786 week 3 class (1 july 2010) slideshow
 
2553 la786 week 6 class (15 july 2010) slideshow
2553 la786 week 6 class (15 july 2010) slideshow2553 la786 week 6 class (15 july 2010) slideshow
2553 la786 week 6 class (15 july 2010) slideshow
 
Back to school night
Back to school nightBack to school night
Back to school night
 
No.7
No.7No.7
No.7
 
2553 la786 week 1 class slideshow
2553 la786 week 1 class slideshow2553 la786 week 1 class slideshow
2553 la786 week 1 class slideshow
 
01.00.1 who am i
01.00.1 who am i01.00.1 who am i
01.00.1 who am i
 

More from Chacrit Sitdhiwej

ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
Chacrit Sitdhiwej
 
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมากหลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
Chacrit Sitdhiwej
 
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
Chacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
Chacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
Chacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๑)
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๑)ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๑)
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๑)
Chacrit Sitdhiwej
 
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
Chacrit Sitdhiwej
 
แนวทางการศึกษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับละเมิด ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
แนวทางการศึกษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับละเมิด ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเองแนวทางการศึกษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับละเมิด ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
แนวทางการศึกษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับละเมิด ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
Chacrit Sitdhiwej
 
the many faces
the many facesthe many faces
the many faces
Chacrit Sitdhiwej
 
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อมทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
Chacrit Sitdhiwej
 
หมวดหมู่ของกฎหมาย
หมวดหมู่ของกฎหมายหมวดหมู่ของกฎหมาย
หมวดหมู่ของกฎหมาย
Chacrit Sitdhiwej
 
การทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรมการทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรม
Chacrit Sitdhiwej
 
environmental impact assessment (EIA) (2)
environmental impact assessment (EIA) (2)environmental impact assessment (EIA) (2)
environmental impact assessment (EIA) (2)
Chacrit Sitdhiwej
 
environmental impact assessment (EIA) (1)
environmental impact assessment (EIA) (1)environmental impact assessment (EIA) (1)
environmental impact assessment (EIA) (1)
Chacrit Sitdhiwej
 
environmental assessment (EA)
environmental assessment (EA)environmental assessment (EA)
environmental assessment (EA)
Chacrit Sitdhiwej
 
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
Chacrit Sitdhiwej
 
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทยบ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
Chacrit Sitdhiwej
 
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิดสังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
Chacrit Sitdhiwej
 
การหาหัวข้อวิจัย
การหาหัวข้อวิจัยการหาหัวข้อวิจัย
การหาหัวข้อวิจัย
Chacrit Sitdhiwej
 
Edm
EdmEdm

More from Chacrit Sitdhiwej (20)

ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมากหลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
 
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
 
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๑)
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๑)ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๑)
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๑)
 
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
 
แนวทางการศึกษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับละเมิด ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
แนวทางการศึกษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับละเมิด ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเองแนวทางการศึกษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับละเมิด ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
แนวทางการศึกษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับละเมิด ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
 
the many faces
the many facesthe many faces
the many faces
 
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อมทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
 
หมวดหมู่ของกฎหมาย
หมวดหมู่ของกฎหมายหมวดหมู่ของกฎหมาย
หมวดหมู่ของกฎหมาย
 
การทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรมการทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรม
 
environmental impact assessment (EIA) (2)
environmental impact assessment (EIA) (2)environmental impact assessment (EIA) (2)
environmental impact assessment (EIA) (2)
 
environmental impact assessment (EIA) (1)
environmental impact assessment (EIA) (1)environmental impact assessment (EIA) (1)
environmental impact assessment (EIA) (1)
 
environmental assessment (EA)
environmental assessment (EA)environmental assessment (EA)
environmental assessment (EA)
 
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
 
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทยบ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
 
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิดสังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
 
การหาหัวข้อวิจัย
การหาหัวข้อวิจัยการหาหัวข้อวิจัย
การหาหัวข้อวิจัย
 
Edm
EdmEdm
Edm
 

Recently uploaded

4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdfงานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
Prachyanun Nilsook
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
atwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtxatwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtx
Bangkok, Thailand
 

Recently uploaded (10)

4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
 
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdfงานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
 
atwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtxatwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtx
 

2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow

  • 1. ครั้งที่ ๖ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ Wednesday, 14 July 2010 1
  • 2. ความรับผิดเพื่อละเมิดของ บุคคลอื่น (๒) Wednesday, 14 July 2010 2
  • 3. เจ้าหน้าที่ของรัฐ ลูกจ้าง ความรับผิดเพื่อละเมิดของ บุคคลอื่น (๒) Wednesday, 14 July 2010 2
  • 4. เจ้าหน้าที่ของรัฐ ลูกจ้าง ความรับผิดเพื่อละเมิดของ บุคคลอื่น (๒) ผู้รับจ้างทําของ Wednesday, 14 July 2010 2
  • 5. เจ้าหน้าที่ของรัฐ ลูกจ้าง ความรับผิดเพื่อละเมิดของ บุคคลอื่น (๒) ผู้รับจ้างทําของ ตัวแทน Wednesday, 14 July 2010 2
  • 7. มาตรา ๔๒๕  นายจ้างต้องร่วมกัน รับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่ง ลูกจ้างได้กระทําไปในทางการที่จ้าง นั้น Wednesday, 14 July 2010 4
  • 8. มาตรา ๔๒๕  นายจ้างต้องร่วมกัน รับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่ง ลูกจ้างได้กระทําไปในทางการที่จ้าง นั้น Wednesday, 14 July 2010 4
  • 9. มาตรา ๔๒๕  นายจ้างต้องร่วมกัน รับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่ง ลูกจ้างได้กระทําไปในทางการที่จ้าง นั้น Wednesday, 14 July 2010 4
  • 11. มาตรา ๕๗๕  อันว่าจ้างแรงงาน นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทํางานให้ แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้ สินจ้างตลอดเวลาที่ทํางานให้ Wednesday, 14 July 2010 6
  • 12. มาตรา ๕๗๕  อันว่าจ้างแรงงาน นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทํางานให้ แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้ สินจ้างตลอดเวลาที่ทํางานให้ Wednesday, 14 July 2010 6
  • 13. มาตรา ๕๗๕  อันว่าจ้างแรงงาน นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทํางานให้ แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้ สินจ้างตลอดเวลาที่ทํางานให้ Wednesday, 14 July 2010 6
  • 16. มาตรา ๒๙๑  ถ้าบุคคลหลายคนจะต้องทําการ ชําระหนี้โดยทํานองซึ่งแต่ละคนจําต้องชําระหนี้สิ้น เชิงไซร้  แม้ถึงว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชําระหนี้สิ้น เชิงได้แต่เพียงครั้งเดียว (กล่าวคือลูกหนี้ร่วมกัน) ก็ ดี เจ้าหนี้จะเรียกชําระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคน หนึ่งสิ้นเชิง หรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก แต่ ลูกหนี้ทั้งปวงก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่า หนี้นั้นจะได้ชําระเสร็จสิ้นเชิง Wednesday, 14 July 2010 9
  • 22. มาตรา ๔๒๖  นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่า สินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก เพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทํานั้น ชอบที่ จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น Wednesday, 14 July 2010 15
  • 23. มาตรา ๔๒๖  นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่า สินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก เพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทํานั้น ชอบที่ จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น Wednesday, 14 July 2010 15
  • 24. มาตรา ๔๒๖  นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่า สินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก เพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทํานั้น ชอบที่ จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น Wednesday, 14 July 2010 15
  • 29. มาตรา ๗๙๗  อันว่าสัญญาตัวแทน นั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอํานาจทําการแทน บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และ ตกลงจะทําการดั่งนั้น อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดย ตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ ย่อมได้ Wednesday, 14 July 2010 20
  • 30. มาตรา ๗๙๗  อันว่าสัญญาตัวแทน นั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอํานาจทําการแทน บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และ ตกลงจะทําการดั่งนั้น อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดย ตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ ย่อมได้ Wednesday, 14 July 2010 20
  • 31. มาตรา ๗๙๗  อันว่าสัญญาตัวแทน นั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอํานาจทําการแทน บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และ ตกลงจะทําการดั่งนั้น อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดย ตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ ย่อมได้ Wednesday, 14 July 2010 20
  • 35. พระราชบัญญัติ ความรับผิดทางละเมิด ของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ Wednesday, 14 July 2010 24
  • 37. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 38. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 39. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 40. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 41. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 42. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 43. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 44. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 45. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 46. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 47. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 48. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 49. มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้ “เจ้าหน้าท” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ี่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่ง ตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็น กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่ มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบัญญัตินี้ด้วย Wednesday, 14 July 2010 26
  • 51. มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้ เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง Wednesday, 14 July 2010 28
  • 52. มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้ เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง Wednesday, 14 July 2010 28
  • 53. มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้ เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง Wednesday, 14 July 2010 28
  • 54. มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้ เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง Wednesday, 14 July 2010 28
  • 55. มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้ เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง Wednesday, 14 July 2010 28
  • 56. มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้ เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง Wednesday, 14 July 2010 28
  • 57. มาตรา ๕  หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้ เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจ ฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะ ฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้สังกัด หน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง Wednesday, 14 July 2010 28
  • 59. มาตรา ๖  ถ้าการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่ มิใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้อง รับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสีย หายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วย งานของรัฐไม่ได้ Wednesday, 14 July 2010 30
  • 60. มาตรา ๖  ถ้าการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่ มิใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้อง รับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสีย หายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วย งานของรัฐไม่ได้ Wednesday, 14 July 2010 30
  • 61. มาตรา ๖  ถ้าการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่ มิใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้อง รับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสีย หายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วย งานของรัฐไม่ได้ Wednesday, 14 July 2010 30
  • 62. มาตรา ๖  ถ้าการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่ มิใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้อง รับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสีย หายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วย งานของรัฐไม่ได้ Wednesday, 14 July 2010 30
  • 65. มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย หายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ รับผิดดังกล่าวออกด้วย ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น Wednesday, 14 July 2010 33
  • 66. มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย หายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ รับผิดดังกล่าวออกด้วย ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น Wednesday, 14 July 2010 33
  • 67. มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย หายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ รับผิดดังกล่าวออกด้วย ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น Wednesday, 14 July 2010 33
  • 68. มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย หายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ รับผิดดังกล่าวออกด้วย ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น Wednesday, 14 July 2010 33
  • 69. มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย หายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ รับผิดดังกล่าวออกด้วย ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น Wednesday, 14 July 2010 33
  • 70. มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย หายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ รับผิดดังกล่าวออกด้วย ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น Wednesday, 14 July 2010 33
  • 71. มาตรา ๘  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของ รัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดัง กล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทําการนั้นไปด้วย ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียง ใดให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทําและความเป็นธรรม ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจํานวนของความเสีย หายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วย งานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความ รับผิดดังกล่าวออกด้วย ในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นําหลัก เรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่า สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น Wednesday, 14 July 2010 33
  • 73. เจ้าหน้าที่ละเมิด หน่วยงานของรัฐ Wednesday, 14 July 2010 35
  • 74. มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ Wednesday, 14 July 2010 36
  • 75. มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ Wednesday, 14 July 2010 36
  • 76. มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ Wednesday, 14 July 2010 36
  • 77. มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ Wednesday, 14 July 2010 36
  • 78. มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ Wednesday, 14 July 2010 36
  • 79. มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วย งานของรัฐที่ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการ กระทําในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหม ทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๘ มา ใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทําในการ ปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ Wednesday, 14 July 2010 36
  • 82. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 83. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 84. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 85. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 86. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 87. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 88. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 89. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 90. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 91. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 92. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 93. มาตรา ๑๑  ในกรณีที่ผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐให้ พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแก่ตน ก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคําขอให้ไว้เป็นหลัก ฐานและพิจารณาคําขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคําสั่ง เช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงาน ของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคําขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้ว เสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทัน ในกําหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรีเจ้า สังกัดหรือกํากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและ ขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมัติให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน Wednesday, 14 July 2010 39
  • 94. มาตรา ๑๔  เมื่อได้มีการจัดตั้ง ศาลปกครองขึ้นแล้ว สิทธิร้อง ทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้อง ทุกข์ตามมาตรา ๑๑ ให้ถือว่าเป็น สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง Wednesday, 14 July 2010 40
  • 97. มาตรา ๕๘๗  อันว่าจ้างทําของนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับ จ้าง ตกลงจะทําการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนสําเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียก ว่าผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สิน จ้างเพื่อผลสําเร็จแห่งการที่ทํานั้น Wednesday, 14 July 2010 43
  • 98. มาตรา ๔๒๘  ผู้ว่าจ้างทําของไม่ ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับ จ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอก ในระหว่างทําการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่ง ให้ทํา หรือในคําสั่งที่ตนให้ไว้ หรือใน การเลือกหาผู้รับจ้าง Wednesday, 14 July 2010 44