SlideShare a Scribd company logo
1 of 87
Download to read offline
ความรับผิดทางปกครอง
เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ชาคริต สิทธิเวช
คราวที่แล้ว
ความรับผิดทางละเมิด
เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรู้เบื้องต้น
เกี่ยวกับ
ละเมิด
ละเมิด?
ละเมิด?
ประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
คําถาม?
ความรับผิด
เพื่อละเมิด
ของตนเอง
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ
ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน
ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น
ข้อสังเกต
คําถาม?
ความรับผิด
เพื่อความเสียหาย
อันเกิดจาก
ทรัพย์อันตราย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล
ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล
นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ
เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง
ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ
โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น
ด้วย
ข้อสังเกต
คําถาม?
วันนี้
ความรับผิดทางปกครอง
เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
• กฎหมายปกครอง
• มาตรการทางปกครอง
• องค์กรฝ่ายปกครอง
• การกระทําทางปกครอง
• คําสั่งทางปกครอง
กฎหมายปกครอง
มาตรการทางปกครอง
องค์กรฝ่ายปกครอง
การกระทําทางปกครอง
คําสั่งทางปกครอง
คําถาม?
ตัวอย่างคําสั่งทางปกครองตามพระราชบัญญัติ
ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕

•

การสั่งให้แก้ไขปรับปรุง
(มาตรา ๘๒(๒))

•
•

การสั่งปรับ (มาตรา ๘๒ (๓))

•

การสั่งให้ส่งเอกสารหรือชี้แจง
(มาตรา ๑๙)

การสั่งปิดกิจการหรือเพิกถอน
ใบอนุญาต (มาตรา ๘๒	

(๔))

•
•

การสั่งการพิเศษ (มาตรา ๙)

•

การสั่งห้ามใช้ (มาตรา ๖๕)

การกําหนดมาตรการป้องกัน
หรือจัดทําแผนฉุกเฉิน (มาตรา
๑๐)
มาตรา ๘๒  เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษมีอํานาจดังต่อไปนี้
(๑) เข้าไปในอาคาร สถานที่ และเขตที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรม หรือแหล่งกําเนิดมลพิษ หรือเขตที่ตั้งของระบบ
บําบัดน้ําเสีย หรือระบบกําจัดของเสียของบุคคลใด ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลา
ทําการเพื่อตรวจสภาพการทํางานของระบบบําบัดน้ําเสีย หรือระบบกําจัดของเสีย ระบบบําบัดอากาศเสีย หรืออุปกรณ์และ
เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียหรือมลพิษอื่น รวมทั้งตรวจบันทึกรายละเอียด สถิติ หรือข้อมูลเกี่ยวกับ
การทํางานของระบบ หรืออุปกรณ์และเครื่องมือดังกล่าว หรือเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
(๒) ออกคําสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ผู้ควบคุม หรือผู้ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้บริการระบบบําบัด
น้ําเสียหรือกําจัดของเสีย จัดการแก้ไข เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือซ่อมแซมระบบบําบัดอากาศเสีย ระบบบําบัดน้ําเสีย หรือ
ระบบกําจัดของเสีย หรืออุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียหรือมลพิษอื่น แต่ถ้าแหล่งกําเนิด
มลพิษนั้นเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ให้แจ้งให้เจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป
หากเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานไม่ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ของตน ให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษมีอํานาจ
ดําเนินการตามที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ได้
(๓) ออกคําสั่งเป็นหนังสือสั่งปรับเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกําเนิดมลพิษซึ่งมิใช่โรงงานอุตสาหกรรมตาม
มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๑ หรือมาตรา ๙๒ ในกรณีแหล่งกําเนิดมลพิษนั้นเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ให้มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้า
พนักงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานให้ออกคําสั่งปรับเจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงงานอุตสาหกรรมนั้น โดยให้ถือว่าเจ้า
พนักงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานเป็นเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษตามพระราชบัญญัตินี้ หากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ว่าด้วยโรงงานไม่ดําเนินการออกคําสั่งปรับภายในระยะเวลาอันสมควร ให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษมีอํานาจออกคําสั่ง
ปรับเจ้าของ หรือผู้ครอบครองแหล่งกําเนิดมลพิษที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมนั้นได้
(๔) ออกคําสั่งเป็นหนังสือสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้บริการบําบัดน้ําเสีย หรือกําจัดของเสียหยุดหรือปิดการ
ดําเนินกิจการให้บริการบําบัดน้ําเสียหรือกําจัดของเสีย หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้
บริการบําบัดน้ําเสียหรือกําจัดของเสียนั้น ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ข้อ
บัญญัติท้องถิ่น ระเบียบ ประกาศ หรือเงื่อนไขที่ออกหรือกําหนดตามความในพระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของ
เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษซึ่งสั่งตามพระราชบัญญัตินี้
(๕) ออกคําสั่งเป็นหนังสือเพิกถอนการเป็นผู้ควบคุมตามมาตรา ๖๘ หรือมาตรา ๗๐ ในกรณีที่ผู้ควบคุมนั้นฝ่าฝืน
หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น ระเบียบ ประกาศ หรือเงื่อนไขที่ออกหรือ
กําหนดตามความในพระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษซึ่งสั่งตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๙  ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอํานาจเรียกให้
ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และบุคคลอื่น ส่งเอกสารการสํารวจผลกระทบ
ต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม และเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องของโครงการ
และแผนงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบุคคลนั้นมาพิจารณา  ใน
การนี้ อาจเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วย หากเห็นว่าโครงการและ
แผนงานใดอาจจะทําให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ให้เสนอมาตรการแก้ไขต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
ในกรณีที่เอกสารหรือข้อมูลที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
เรียกให้ส่งตามวรรคหนึ่ง เป็นเอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับความลับอันมี
ลักษณะเป็นสิทธิบัตรซึ่งได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิ
บัตร ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกําหนดวิธีการและมาตรการที่
เหมาะสม เพื่อป้องกันมิให้เอกสารหรือข้อมูลเหล่านั้นถูกเผยแพร่สู่บุคคล
อื่นใด  นอกจากนี้ จะต้องใช้เอกสารหรือข้อมูลนั้นเพียงเพื่อวัตถุประสงค์
ของมาตรานี้เท่านั้น
มาตรา ๙  เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุภยันตรายต่อสาธารณชนอันเนื่องมาจาก
ภัยธรรมชาติ หรือภาวะมลพิษที่เกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษ ซึ่งหากปล่อยไว้
เช่นนั้นจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของ
ประชาชน หรือก่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐเป็นอันมาก
ให้นายกรัฐมนตรีมีอํานาจสั่งตามที่เห็นสมควร ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ
บุคคลใด รวมทั้งบุคคลซึ่งได้รับหรืออาจได้รับอันตรายหรือความเสียหายดังกล่าว
กระทําหรือร่วมกันกระทําการใด ๆ อันจะมีผลเป็นการควบคุม ระงับ หรือบรรเทาผล
ร้ายจากอันตรายและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นได้อย่างทันท่วงที ในกรณีที่ทราบว่า
บุคคลใดเป็นผู้ก่อให้เกิดภาวะมลพิษดังกล่าว ให้นายกรัฐมนตรีมีอํานาจสั่งบุคคล
นั้นไม่ให้กระทําการใดอันจะมีผลเป็นการเพิ่มความรุนแรงแก่ภาวะมลพิษในระหว่าง
ที่มีเหตุภยันตรายดังกล่าวด้วย
อํานาจในการสั่งตามวรรคหนึ่ง นายกรัฐมนตรีจะมอบอํานาจให้ผู้ว่าราชการ
จังหวัดปฏิบัติราชการภายในเขตจังหวัดแทนนายกรัฐมนตรีได้ โดยให้ทําเป็นคําสั่ง
และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เมื่อนายกรัฐมนตรีได้สั่งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ว่าราชการจังหวัดในการปฏิบัติ
ราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้สั่งตามวรรคสองแล้ว ให้ประกาศคําสั่งดังกล่าวใน
ราชกิจจานุเบกษาโดยมิชักช้า
มาตรา ๑๐  เพื่อเป็นการป้องกันแก้ไข ระงับหรือบรรเทาเหตุ
ฉุกเฉิน หรือเหตุภยันตรายจากภาวะมลพิษตามมาตรา ๙ ให้
รัฐมนตรีกําหนดมาตรการป้องกัน และจัดทําแผนฉุกเฉินเพื่อ
แก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า
มาตรา ๖๕  ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าได้มีการ
ใช้ยานพาหนะโดยฝ่าฝืนตามมาตรา ๖๔ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มี
อํานาจออกคําสั่งห้ามใช้ยานพาหนะนั้นโดยเด็ดขาด หรือจนกว่า
จะได้มีการแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานควบคุมมลพิษ
จากแหล่งกําเนิดที่กําหนดตามมาตรา ๕๕
คําถาม?
การคัดค้านคําสั่งทางปกครอง

• การคัดค้านคําสั่งต่อคณะกรรมการควบคุม
มลพิษ (มาตรา ๘๗)

• การอุทธรณ์คําสั่งต่อรัฐมนตรี (มาตรา ๘๗)
มาตรา ๘๗  เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกําเนิดมลพิษ ผู้
ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้บริการบําบัดน้ําเสียหรือกําจัดของเสีย
ผู้ควบคุม หรือบุคคลอื่นใดซึ่งไม่พอใจคําสั่งของเจ้าพนักงาน
ควบคุมมลพิษตามมาตรา ๘๒ (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) มีสิทธิร้อง
คัดค้านคําสั่งนั้นต่อคณะกรรมการควบคุมมลพิษภายในสามสิบ
วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ
ถ้าผู้ร้องคัดค้านไม่เห็นด้วยกับคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ
ควบคุมมลพิษ ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่
วันที่ได้รับแจ้งคําวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ
คําวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
คําถาม?
การฟ้องคดีปกครอง
มาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธี
พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๔๒  ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะ
เดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทํา
หรือการงดเว้นการกระทําของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่
ของรัฐหรือมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง หรือกรณีอื่นใดที่
อยู่ในเขตอํานาจศาลปกครองตามมาตรา ๙ และการแก้ไขหรือ
บรรเทาความเดือนร้อนหรือความเสียหายหรือยุติข้อโต้แย้งนั้น ต้อง
มีคําบังคับตามที่กําหนดในมาตรา ๗๒ ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล
ปกครอง
ในกรณีที่มีกฎหมายกําหนดขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแก้ไข
ความเดือดร้อนหรือเสียหายในเรื่องใดไว้โดยเฉพาะ การฟ้องคดี
ปกครองในเรื่องนั้นจะกระทําได้ต่อเมื่อมีการดําเนินการตามขั้นตอน
และวิธีการดังกล่าว และได้มีการสั่งการตามกฎหมายนั้น หรือมิได้มี
การสั่งการภายในเวลาอันสมควร หรือภายในเวลาที่กฎหมายนั้น
กําหนด
คําถาม?
ข้อสังเกต
คราวหน้า
กฎหมายว่าด้วยการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โปรดดู อุดมศักดิ์ สินธิพงษ์, กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
พิมพ์ครั้งที่ ๔ แก้ไขเพิ่มเติม (จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๖) หน้า ๑๙๗-๒๔๔.
คําถาม?

More Related Content

Viewers also liked

2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshowChacrit Sitdhiwej
 
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมากหลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมากChacrit Sitdhiwej
 
2553 la260 class 12 (20 september 2010) slideshow
2553 la260 class 12 (20 september 2010) slideshow2553 la260 class 12 (20 september 2010) slideshow
2553 la260 class 12 (20 september 2010) slideshowChacrit Sitdhiwej
 
The Story of Plug
The Story of PlugThe Story of Plug
The Story of Plugguesta65021
 
2553 la260 class 1 (5 july 2010) slideshow
2553 la260 class 1 (5 july 2010) slideshow2553 la260 class 1 (5 july 2010) slideshow
2553 la260 class 1 (5 july 2010) slideshowChacrit Sitdhiwej
 
Week 14 class (13 september 2010) slideshow
Week 14 class (13 september 2010) slideshowWeek 14 class (13 september 2010) slideshow
Week 14 class (13 september 2010) slideshowChacrit Sitdhiwej
 
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 
2553 la783 week 1 class slideshow
2553 la783 week 1 class slideshow2553 la783 week 1 class slideshow
2553 la783 week 1 class slideshowChacrit Sitdhiwej
 
Upload Images From Your Camera Into Your My Space
Upload Images From Your Camera Into Your My SpaceUpload Images From Your Camera Into Your My Space
Upload Images From Your Camera Into Your My Spacefaceise
 
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshowChacrit Sitdhiwej
 
2553 lx002 week 1 class (15 june 2010)
2553 lx002 week 1 class (15 june 2010)2553 lx002 week 1 class (15 june 2010)
2553 lx002 week 1 class (15 june 2010)Chacrit Sitdhiwej
 
Week 9 class (17 august 2010) slideshow
Week 9 class (17 august 2010) slideshowWeek 9 class (17 august 2010) slideshow
Week 9 class (17 august 2010) slideshowChacrit Sitdhiwej
 

Viewers also liked (20)

2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
2553 la201 week 13 class (6 september 2010) slideshow
 
04 02-1 aimer + activités
04 02-1 aimer + activités04 02-1 aimer + activités
04 02-1 aimer + activités
 
09-06-2 ce cette
09-06-2 ce cette09-06-2 ce cette
09-06-2 ce cette
 
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมากหลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
หลักการระดับปรมัตถสัจจะมิใช่เรื่องของเสียงข้างมาก
 
No.7
No.7No.7
No.7
 
A2.encyclopédie.03 lecture transverale 1
A2.encyclopédie.03 lecture transverale 1A2.encyclopédie.03 lecture transverale 1
A2.encyclopédie.03 lecture transverale 1
 
Benefits of rigorous language courses
Benefits of rigorous language coursesBenefits of rigorous language courses
Benefits of rigorous language courses
 
18.05.1 la météo
18.05.1 la météo18.05.1 la météo
18.05.1 la météo
 
2553 la260 class 12 (20 september 2010) slideshow
2553 la260 class 12 (20 september 2010) slideshow2553 la260 class 12 (20 september 2010) slideshow
2553 la260 class 12 (20 september 2010) slideshow
 
13r 02-1 questions - copy
13r 02-1 questions - copy13r 02-1 questions - copy
13r 02-1 questions - copy
 
The Story of Plug
The Story of PlugThe Story of Plug
The Story of Plug
 
2553 la260 class 1 (5 july 2010) slideshow
2553 la260 class 1 (5 july 2010) slideshow2553 la260 class 1 (5 july 2010) slideshow
2553 la260 class 1 (5 july 2010) slideshow
 
04.00.2 college career
04.00.2 college career04.00.2 college career
04.00.2 college career
 
Week 14 class (13 september 2010) slideshow
Week 14 class (13 september 2010) slideshowWeek 14 class (13 september 2010) slideshow
Week 14 class (13 september 2010) slideshow
 
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
 
2553 la783 week 1 class slideshow
2553 la783 week 1 class slideshow2553 la783 week 1 class slideshow
2553 la783 week 1 class slideshow
 
Upload Images From Your Camera Into Your My Space
Upload Images From Your Camera Into Your My SpaceUpload Images From Your Camera Into Your My Space
Upload Images From Your Camera Into Your My Space
 
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
2553 la201 week 6 class (19 july 2010) slideshow
 
2553 lx002 week 1 class (15 june 2010)
2553 lx002 week 1 class (15 june 2010)2553 lx002 week 1 class (15 june 2010)
2553 lx002 week 1 class (15 june 2010)
 
Week 9 class (17 august 2010) slideshow
Week 9 class (17 august 2010) slideshowWeek 9 class (17 august 2010) slideshow
Week 9 class (17 august 2010) slideshow
 

Similar to ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 
แนวทางการพิจารณากฎหมายลักษณะละเมิด
แนวทางการพิจารณากฎหมายลักษณะละเมิดแนวทางการพิจารณากฎหมายลักษณะละเมิด
แนวทางการพิจารณากฎหมายลักษณะละเมิดChacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่นความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่นChacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเองความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเองChacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 
การทำละเมิด (๒)
การทำละเมิด (๒)การทำละเมิด (๒)
การทำละเมิด (๒)Chacrit Sitdhiwej
 
๑.๑ การทำละเมิด
๑.๑ การทำละเมิด๑.๑ การทำละเมิด
๑.๑ การทำละเมิดChacrit Sitdhiwej
 

Similar to ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (7)

ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 
แนวทางการพิจารณากฎหมายลักษณะละเมิด
แนวทางการพิจารณากฎหมายลักษณะละเมิดแนวทางการพิจารณากฎหมายลักษณะละเมิด
แนวทางการพิจารณากฎหมายลักษณะละเมิด
 
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่นความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น
ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น
 
ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเองความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
ความรับผิดเพื่อละเมิดของตนเอง
 
ความรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดเพื่อละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 
การทำละเมิด (๒)
การทำละเมิด (๒)การทำละเมิด (๒)
การทำละเมิด (๒)
 
๑.๑ การทำละเมิด
๑.๑ การทำละเมิด๑.๑ การทำละเมิด
๑.๑ การทำละเมิด
 

More from Chacrit Sitdhiwej

ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)Chacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)Chacrit Sitdhiwej
 
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อมทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 
หมวดหมู่ของกฎหมาย
หมวดหมู่ของกฎหมายหมวดหมู่ของกฎหมาย
หมวดหมู่ของกฎหมายChacrit Sitdhiwej
 
การทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรมการทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรมChacrit Sitdhiwej
 
environmental impact assessment (EIA) (2)
environmental impact assessment (EIA) (2)environmental impact assessment (EIA) (2)
environmental impact assessment (EIA) (2)Chacrit Sitdhiwej
 
environmental impact assessment (EIA) (1)
environmental impact assessment (EIA) (1)environmental impact assessment (EIA) (1)
environmental impact assessment (EIA) (1)Chacrit Sitdhiwej
 
environmental assessment (EA)
environmental assessment (EA)environmental assessment (EA)
environmental assessment (EA)Chacrit Sitdhiwej
 
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์Chacrit Sitdhiwej
 
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทยบ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทยChacrit Sitdhiwej
 
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิดสังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิดChacrit Sitdhiwej
 
การหาหัวข้อวิจัย
การหาหัวข้อวิจัยการหาหัวข้อวิจัย
การหาหัวข้อวิจัยChacrit Sitdhiwej
 
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของนักกฎหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของนักกฎหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของนักกฎหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของนักกฎหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมChacrit Sitdhiwej
 

More from Chacrit Sitdhiwej (20)

ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
ความรัับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์ (๑)
 
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิิิดทางละเมิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
ความรับผิิดเพื่อละเมิดของบุคคลอื่น (๒)
 
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
 
The public face
The public faceThe public face
The public face
 
the many faces
the many facesthe many faces
the many faces
 
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อมทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีและหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม
 
หมวดหมู่ของกฎหมาย
หมวดหมู่ของกฎหมายหมวดหมู่ของกฎหมาย
หมวดหมู่ของกฎหมาย
 
การทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรมการทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรม
 
environmental impact assessment (EIA) (2)
environmental impact assessment (EIA) (2)environmental impact assessment (EIA) (2)
environmental impact assessment (EIA) (2)
 
environmental impact assessment (EIA) (1)
environmental impact assessment (EIA) (1)environmental impact assessment (EIA) (1)
environmental impact assessment (EIA) (1)
 
environmental assessment (EA)
environmental assessment (EA)environmental assessment (EA)
environmental assessment (EA)
 
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาหัวข้อวิทยานิพนธ์
 
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทยบ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
บ่อเกิดกฎหมายลาลักษณ์อักษรของไทย
 
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิดสังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
สังคม รัฐและกฎหมาย สิทธิ หน้าที่และความรับผิด
 
การหาหัวข้อวิจัย
การหาหัวข้อวิจัยการหาหัวข้อวิจัย
การหาหัวข้อวิจัย
 
Edm
EdmEdm
Edm
 
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของนักกฎหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของนักกฎหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของนักกฎหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สรุปการอภิปราย เรื่อง บทบาทของนักกฎหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
 
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
 

ความรับผิดทางปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

  • 6.
  • 7.
  • 10. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 13.
  • 14.
  • 15. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 16. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 17. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 18. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 19. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 20. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 21. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 22. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 23. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 24. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 25. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 26. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 27. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 28. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 29. มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่าน ว่าผู้นั้นทําละเมิดจําต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ การนั้น
  • 33. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 34. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 35. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 36. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 37. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 38. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 39. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 40. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 41. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 42. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 43. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 44. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 45. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 46. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 47. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 48. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 49. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 50. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 51. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 52. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 53. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 54. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 55. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 56. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 57. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 58. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 59. มาตรา ๔๓๗  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแล ยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลังเครื่องจักรกล บุคคล นั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือ เกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครอง ของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือ โดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้น ด้วย
  • 64. • กฎหมายปกครอง • มาตรการทางปกครอง • องค์กรฝ่ายปกครอง • การกระทําทางปกครอง • คําสั่งทางปกครอง
  • 71. ตัวอย่างคําสั่งทางปกครองตามพระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ • การสั่งให้แก้ไขปรับปรุง (มาตรา ๘๒(๒)) • • การสั่งปรับ (มาตรา ๘๒ (๓)) • การสั่งให้ส่งเอกสารหรือชี้แจง (มาตรา ๑๙) การสั่งปิดกิจการหรือเพิกถอน ใบอนุญาต (มาตรา ๘๒ (๔)) • • การสั่งการพิเศษ (มาตรา ๙) • การสั่งห้ามใช้ (มาตรา ๖๕) การกําหนดมาตรการป้องกัน หรือจัดทําแผนฉุกเฉิน (มาตรา ๑๐)
  • 72. มาตรา ๘๒  เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษมีอํานาจดังต่อไปนี้ (๑) เข้าไปในอาคาร สถานที่ และเขตที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรม หรือแหล่งกําเนิดมลพิษ หรือเขตที่ตั้งของระบบ บําบัดน้ําเสีย หรือระบบกําจัดของเสียของบุคคลใด ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลา ทําการเพื่อตรวจสภาพการทํางานของระบบบําบัดน้ําเสีย หรือระบบกําจัดของเสีย ระบบบําบัดอากาศเสีย หรืออุปกรณ์และ เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียหรือมลพิษอื่น รวมทั้งตรวจบันทึกรายละเอียด สถิติ หรือข้อมูลเกี่ยวกับ การทํางานของระบบ หรืออุปกรณ์และเครื่องมือดังกล่าว หรือเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ (๒) ออกคําสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ผู้ควบคุม หรือผู้ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้บริการระบบบําบัด น้ําเสียหรือกําจัดของเสีย จัดการแก้ไข เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือซ่อมแซมระบบบําบัดอากาศเสีย ระบบบําบัดน้ําเสีย หรือ ระบบกําจัดของเสีย หรืออุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียหรือมลพิษอื่น แต่ถ้าแหล่งกําเนิด มลพิษนั้นเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ให้แจ้งให้เจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป หากเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานไม่ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ของตน ให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษมีอํานาจ ดําเนินการตามที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ได้ (๓) ออกคําสั่งเป็นหนังสือสั่งปรับเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกําเนิดมลพิษซึ่งมิใช่โรงงานอุตสาหกรรมตาม มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๑ หรือมาตรา ๙๒ ในกรณีแหล่งกําเนิดมลพิษนั้นเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ให้มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้า พนักงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานให้ออกคําสั่งปรับเจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงงานอุตสาหกรรมนั้น โดยให้ถือว่าเจ้า พนักงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานเป็นเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษตามพระราชบัญญัตินี้ หากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงงานไม่ดําเนินการออกคําสั่งปรับภายในระยะเวลาอันสมควร ให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษมีอํานาจออกคําสั่ง ปรับเจ้าของ หรือผู้ครอบครองแหล่งกําเนิดมลพิษที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมนั้นได้ (๔) ออกคําสั่งเป็นหนังสือสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้บริการบําบัดน้ําเสีย หรือกําจัดของเสียหยุดหรือปิดการ ดําเนินกิจการให้บริการบําบัดน้ําเสียหรือกําจัดของเสีย หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้ บริการบําบัดน้ําเสียหรือกําจัดของเสียนั้น ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ข้อ บัญญัติท้องถิ่น ระเบียบ ประกาศ หรือเงื่อนไขที่ออกหรือกําหนดตามความในพระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของ เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษซึ่งสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ (๕) ออกคําสั่งเป็นหนังสือเพิกถอนการเป็นผู้ควบคุมตามมาตรา ๖๘ หรือมาตรา ๗๐ ในกรณีที่ผู้ควบคุมนั้นฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น ระเบียบ ประกาศ หรือเงื่อนไขที่ออกหรือ กําหนดตามความในพระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษซึ่งสั่งตามพระราชบัญญัตินี้
  • 73. มาตรา ๑๙  ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอํานาจเรียกให้ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และบุคคลอื่น ส่งเอกสารการสํารวจผลกระทบ ต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม และเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องของโครงการ และแผนงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบุคคลนั้นมาพิจารณา  ใน การนี้ อาจเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วย หากเห็นว่าโครงการและ แผนงานใดอาจจะทําให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้เสนอมาตรการแก้ไขต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ในกรณีที่เอกสารหรือข้อมูลที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรียกให้ส่งตามวรรคหนึ่ง เป็นเอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับความลับอันมี ลักษณะเป็นสิทธิบัตรซึ่งได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิ บัตร ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกําหนดวิธีการและมาตรการที่ เหมาะสม เพื่อป้องกันมิให้เอกสารหรือข้อมูลเหล่านั้นถูกเผยแพร่สู่บุคคล อื่นใด  นอกจากนี้ จะต้องใช้เอกสารหรือข้อมูลนั้นเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ ของมาตรานี้เท่านั้น
  • 74. มาตรา ๙  เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุภยันตรายต่อสาธารณชนอันเนื่องมาจาก ภัยธรรมชาติ หรือภาวะมลพิษที่เกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษ ซึ่งหากปล่อยไว้ เช่นนั้นจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของ ประชาชน หรือก่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐเป็นอันมาก ให้นายกรัฐมนตรีมีอํานาจสั่งตามที่เห็นสมควร ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคคลใด รวมทั้งบุคคลซึ่งได้รับหรืออาจได้รับอันตรายหรือความเสียหายดังกล่าว กระทําหรือร่วมกันกระทําการใด ๆ อันจะมีผลเป็นการควบคุม ระงับ หรือบรรเทาผล ร้ายจากอันตรายและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นได้อย่างทันท่วงที ในกรณีที่ทราบว่า บุคคลใดเป็นผู้ก่อให้เกิดภาวะมลพิษดังกล่าว ให้นายกรัฐมนตรีมีอํานาจสั่งบุคคล นั้นไม่ให้กระทําการใดอันจะมีผลเป็นการเพิ่มความรุนแรงแก่ภาวะมลพิษในระหว่าง ที่มีเหตุภยันตรายดังกล่าวด้วย อํานาจในการสั่งตามวรรคหนึ่ง นายกรัฐมนตรีจะมอบอํานาจให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดปฏิบัติราชการภายในเขตจังหวัดแทนนายกรัฐมนตรีได้ โดยให้ทําเป็นคําสั่ง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อนายกรัฐมนตรีได้สั่งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ว่าราชการจังหวัดในการปฏิบัติ ราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้สั่งตามวรรคสองแล้ว ให้ประกาศคําสั่งดังกล่าวใน ราชกิจจานุเบกษาโดยมิชักช้า
  • 75. มาตรา ๑๐  เพื่อเป็นการป้องกันแก้ไข ระงับหรือบรรเทาเหตุ ฉุกเฉิน หรือเหตุภยันตรายจากภาวะมลพิษตามมาตรา ๙ ให้ รัฐมนตรีกําหนดมาตรการป้องกัน และจัดทําแผนฉุกเฉินเพื่อ แก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า
  • 76. มาตรา ๖๕  ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าได้มีการ ใช้ยานพาหนะโดยฝ่าฝืนตามมาตรา ๖๔ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มี อํานาจออกคําสั่งห้ามใช้ยานพาหนะนั้นโดยเด็ดขาด หรือจนกว่า จะได้มีการแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานควบคุมมลพิษ จากแหล่งกําเนิดที่กําหนดตามมาตรา ๕๕
  • 79. มาตรา ๘๗  เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกําเนิดมลพิษ ผู้ ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้บริการบําบัดน้ําเสียหรือกําจัดของเสีย ผู้ควบคุม หรือบุคคลอื่นใดซึ่งไม่พอใจคําสั่งของเจ้าพนักงาน ควบคุมมลพิษตามมาตรา ๘๒ (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) มีสิทธิร้อง คัดค้านคําสั่งนั้นต่อคณะกรรมการควบคุมมลพิษภายในสามสิบ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ ถ้าผู้ร้องคัดค้านไม่เห็นด้วยกับคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ ควบคุมมลพิษ ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่ วันที่ได้รับแจ้งคําวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ คําวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
  • 82. มาตรา ๔๒  ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะ เดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทํา หรือการงดเว้นการกระทําของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐหรือมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง หรือกรณีอื่นใดที่ อยู่ในเขตอํานาจศาลปกครองตามมาตรา ๙ และการแก้ไขหรือ บรรเทาความเดือนร้อนหรือความเสียหายหรือยุติข้อโต้แย้งนั้น ต้อง มีคําบังคับตามที่กําหนดในมาตรา ๗๒ ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล ปกครอง ในกรณีที่มีกฎหมายกําหนดขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแก้ไข ความเดือดร้อนหรือเสียหายในเรื่องใดไว้โดยเฉพาะ การฟ้องคดี ปกครองในเรื่องนั้นจะกระทําได้ต่อเมื่อมีการดําเนินการตามขั้นตอน และวิธีการดังกล่าว และได้มีการสั่งการตามกฎหมายนั้น หรือมิได้มี การสั่งการภายในเวลาอันสมควร หรือภายในเวลาที่กฎหมายนั้น กําหนด
  • 86. โปรดดู อุดมศักดิ์ สินธิพงษ์, กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม พิมพ์ครั้งที่ ๔ แก้ไขเพิ่มเติม (จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๖) หน้า ๑๙๗-๒๔๔.