ระบบขยายเสียง SOUND AMPLIFIER

1. ระบบขยายเสียงSOUND AMPLIFIER

2. บ ขยายเ ง
• หมายถึง ระบบการเพิ่มกาลังหรือความดังของธรรมชาติ เพื่อ
กระจายไปสู้ผู้ฟังจานวนมาก หรือผู้ฟังที่อยู่ไกลจากแหล่งกาเนิดเสียงให้
ได้ยินโดยทั่วถึงและชัดเจนขึ้น จึงเรียกว่า ระบบขยายเสียง
• ระบบขยายเสียงแบ่งออกเป็น 3 ภาค คือ
1.ภาคสัญญาญเข้า (Input Signal) ภาคนี้จะทา
หน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียง ให้เป็นคลื่นไฟฟ้าความถี่เสียง ซึ่งมีความถี่ตั้งแต่
20 - 20000 รอบ/วินาที แล้วส่งสัญญาญเข้าเครื่องขยายเสียง

3. บ ขยายเ ง
2.ภาคขยายเสียง (Amplifler) ภาคนี้จะมีหน้าที่รับ
สัญญาญเข้า ซึ่งจะเปลี่ยนคลื่นไฟฟ้าให้เป็นคลื่นความถี่ และจะคอยปรับ
ขยายให้คลื่นไฟฟ้าความถี่เสียงนั้นมีกาลังแรงขึ้น และส่งเป็นสัญญาญ
ออกไปยังภาคต่อไป
3.ภาคลาโพง (Out put) จะทาหน้าหน้าที่รับสัญญาญออก
ซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าความถี่เสียงที่มีกาลังแรงขึ้นแล้วออกจากลาโพง

4. nput Signal
Amplifler
Out put

5. ม โ น (M ph ne)
ไมโครโฟน (Micrphone) เป็นเครื่องมือที่สาคัญในภาค
สัญญาญเข้า ทาหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็นคลื่นไฟฟ้า เพื่อส่งไปยัง
ภาคขยายเสียงต่อไป นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้ไมโครโฟนในการ
บันทึกเสียง ซึ่งเสียงที่ออกมาจากภาคขยายเสียงนั้นจะมีคุณภาพดีหรือไม่ดี
นั้นขึ้นอยู่กับชนิดของไมโครโฟนและการใช้งานไมโครโฟนอย่างถูกวิธี

6. ชนิ ของไมโครโฟน มี 6 ชนิด ดังนี้
1.ไมโครโฟนชนิดคาร์บอน (Carbon Mic.) ไมโครโฟนชนิด
นี้ให้คุณภาพเสียงไม่ดี ปัจจุบันใช้ในโทรศัพท์เท่านั้น

7. ชนิ ของไมโครโฟน
2.ไมโครโฟนชนิดคริสตัล (Crystal Mic.) เป็นไมโครโฟนที่
มีราคาถูกน้าหนักเบา แต่ไม่ทนต่อสภาพความร้อนหรือความชื้นสูง

8. ชนิ ของไมโครโฟน
3.ไมโครโฟนชนิดเซรามิก (Ceramic Mic.) เป็นไมโครโฟน
ที่มีคุณสมบัติคล้ายกับไมโครโฟนชนิดคริสตัลแต่จะใช้เซรามิกแทนคริสตัล
และทนทานต่อความร้อนและความชื้นดีกว่า

9. ชนิ ของไมโครโฟน
4.ไมโครโฟนชนิดคอนเดนเซอร์ (Condenser Mic.) เป็น
ไมโครโฟนที่นิยมใช้ในปัจจุบันใช้รับเสียงระยะไกลได้ ราคาแพง

10. ชนิ ของไมโครโฟน
5.ไมโครโฟนชนิดริบบอน (Ribbon Mic.) เป็นไมโครโฟนที่
บอบเบาเสียหายง่ายไม่ควรเคลื่อนย้ายบ่อย มีราคาแพงแต่มีความไวต่อ
เสียงมาก จึงไม่นิยมใช้นอกสถานที่

11. ชนิ ของไมโครโฟน
6.ไมโครโฟนชนิดไดนามิก (Dynamic Mic.) เป็น
ไมโครโฟนที่ได้รับความนิยมมาก มีความทนทานสูงเหมาะสาหรับกระจาย
เสียง แต่ราคาค่อนข้างสูง

12. เครื่องขยายเสียง มี 2 ชนิด ดังนี้
1.เครื่องขยายเสียงชนิดหลอด (Vacuum Tube) คือ
เครื่องขยายเสียงที่มีวงจรขยายเสียงเป็นหลอดสูญญากาศ เครื่องขยาย
เสียงชนิดนนี้จะมีขนาดใหญ่และน้าหนักมากเวลาจะใช้ต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้
ก่อน
2.เครื่องขยายเสียงชนิดทรานซิสเตอร์ (Transistor) คือ
เครื่องขยายเสียงที่มีวงจรขยายเสียงเป็นทรานซิสเตอร์แทรหลอด
สูญญากาศ เครื่องขยายเสียงชนิดจะมีขนาดเล็กและน้าหนักเบาเวลาจ้ะไม่
ต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้

13. ภาคขยายเสียง
เครื่องขยายเสียง ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
1.วงจรก่อนขยาย มีหน้าที่ปรับแต่งความถี่สัญญาญเข้าเพื่อ
เตรียมเข้าสู้ขยายกาลังเสียง
2.วงจรกาลังขยายเสียง มีหน้าที่ขยายสัญญาญเสียงที่รับมาจาก
วงจรก่อนขยายเสียงเพื่อให้เสียงมีกาลังมากขึ้นและส่งเป็นสัญญาญออกไป

14. Vacuum
Tube
Transistor

15. Diamond. Robert M. Instructional Development for Individually
Learning in Higher Education. Education Technology
Publication, Engiewood Cliffs. New Jersey 07632, 1975.
Dick. Walter & Carey, Lou. The Systemtic Design of Instructional,
Scott. Foresman and Company, 1978
Duane, James E. Individualized Program and Materials. New
Jersey : Education Technology Publication, 1973.
Peter. Laurence J. Individual Instructional. U.S.A. McGraw-Hill, Inc.
1972.
ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานคริทร์ วิทยาเขตปัตตานี. 263-
201 นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา

17. 1.นายซัมซูดิน มามะ รหัสนักศึกษา 5820117052
2.นางสาวโนรอามาลีนา สาแม รหัสนักศึกษา 5820117166
นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการประเมินผลการศึกษา
มหาวิทาลัยสงขลานคริทร์ วิทยาปัตตานี