Work
- 1. ความหมายและความสาคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ มีผลกระทบต่อความเจริ ญก้าวหน้าของสังคม ปั จจุบนเทคโนโลยีดานนี้มีการ เปลี่ยนแปลงอย่าง
ั ้
่
รวดเร็ ว จึงเป็ นเรื่ องยากที่ประชาชนจะคอยติดตามความก้าวหน้าอยูตลอดเวลา ดังนั้นการศึกษาเทคโนโลยี ของคอมพิวเตอร์ จึง
ต้องศึกษาหลักการและเนื้ อหาพื้นฐานเป็ นสาคัญ การศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ เป็ นสิ่ งจาเป็ นเสมือนกับการศึกษา
วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ คอมพิวเตอร์ได้เปลี่ ยนแปลง โลกของเราในด้านต่างๆ มากมาย ได้แก่
1. สังคมโดยส่ วนใหญ่เปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมเป็ นสังคมสารสนเทศ
่ ั
2. การตัดสิ นใจในเรื่ องต่างๆ มักขึ้นอยูกบข้อมูลซึ่ งได้จากระบบคอมพิวเตอร์
3. คอมพิวเตอร์ กลายเป็ นเครื่ องมือที่สาคัญแทนเครื่ องมืออื่นๆ ในอดีต เช่น เครื่ องพิมพ์ดีด เครื่ องคิดเลข เป็ นต้น
4. คอมพิวเตอร์ ถูกใช้ในการออกแบบสถานการณ์หรื อปั ญหาที่ซบซ้อนต่างๆ ั
5. คอมพิวเตอร์ เป็ นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในงานติดต่อสื่ อสารของโลกปั จจุบน ั
การศึกษาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มีข้ ึน เพื่อพัฒนาให้ผเู ้ รี ยนมีความรู ้ ความเข้าใจในวิทยาการคอมพิวเตอร์ และมี
ความสามารถในการพัฒนาโปรแกรมได้ การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ จะเป็ นสิ่ งที่ทาให้ผเู ้ รี ยน สามารถบรรลุเป้ าหมายนี้ได้
อย่างสมบูรณ์ จุดมุ่งหมายที่สาคัญประการหนึ่งของการเรี ยนการส อน คอมพิวเตอร์ ในโรงเรี ยน คือ การที่ผเู ้ รี ยนได้มีโอกาสนา
ความรู ้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไปใช้ในการแก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรื อค้นคว้าหาความรู ้ต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งวิธีการที่มี
ประสิ ทธิภาพมากวิธีหนึ่งคือการทาโครงงานคอมพิวเตอร์
โครง งานคอมพิวเตอร์ เป็ นการใช้คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ในการศึกษา ทดลอง แก้ปัญหาต่างๆ เพื่อนาผลงานที่
ได้มาประยุกต์ใช้งานจริ ง หรื อเพื่อใช้ช่วยสร้างสื่ อเสริ มการเรี ยนการสอนให้มี ประสิ ทธิ ภาพ ยิงขึ้น โครงงานคอมพิวเตอร์ จึงเป็ น
่
กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ ที่ช่วยให้ผเู ้ รี ยนได้เรี ยน รู ้และฝึ กทักษะการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ พร้อมทั้งเครื่ องมือ
ต่างๆในการแก้ปัญหา รวมทั้งการพัฒนาเจตคติในการสร้างผลงาน
โครง งานคอมพิวเตอร์ เป็ นกิจกรรมหนึ่งที่ผเู ้ รี ยนสามารถศึกษาปั ญหาที่ตนสนใจ ซึ่ งอาจเป็ นปั ญหาที่ตองใช้ความรู ้ที่
้
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาผสมผสานกัน ซึ่ งบางโครงงานอาจต้องใช้ความรู ้อื่นๆ มาร่ วมด้วย โดยผูเ้ รี ยนจะต้องวางแผนการ
ดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรมหรื ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะ พื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน โครงงานบางเรื่ อง
อาจต้องการวัสดุอุปกรณ์นอกเหนือจากที่มีอยู่ ซึ่ งผูเ้ รี ยนจะต้องพัฒนาขึ้น หรื อดัดแปลงเพื่อให้ใช้งานได้ตรงกับความต้องการ โดย
่
ในการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ จะอยูภายใต้การดูแลและให้คาปรึ กษาของผู ้ สอน และผูทรงคุณวุฒิดานต่างๆ ้ ้
การ ทาโครงงานและการจัดงานแสดงโครงงานคอมพิวเตอร์ จะมีคุณค่าต่อการฝึ กฝนให้ผู ้ เรี ยนมีความรู ้ ความชานาญ
และมีทกษะในการนาระบบคอมพิวเตอร์ ไปใช้ในการแก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรื อค้นคว้าหาความรู ้ต่างๆ ด้วยตนเองดังที่ได้
ั
กล่าวมาแล้ว และยังมีคุณค่าอื่นๆ อีก ดังต่อไปนี้
เปิ ดโอกาสให้ผเู้ รี ยนได้พฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง
ั
เปิ ดโอกาสให้ผเู ้ รี ยนได้ศึกษา ค้นคว้า และเรี ยนรู ้ในเรื่ องที่ผเู ้ รี ยนสนใจได้ลึกซึ้ งกว่าการเรี ยนในห้องตามปกติ
ส่ งเสริ มและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสิ นใจ รวมทั้งการสื่ อสารระหว่างกัน
- 2. เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ มีผลกระทบต่อความเจริ ญก้าวหน้าของสังคม ปั จจุบนเทคโนโลยีดานนี้มีการ เปลี่ยนแปลง
ั ้
่
อย่างรวดเร็ ว จึงเป็ นเรื่ องยากที่ประชาชนจะคอยติดตามความก้าวหน้าอยูตลอดเวลา ดังนั้นการศึกษาเทคโนโลยี ของ
คอมพิวเตอร์ จึงต้องศึกษาหลักการและเนื้อหาพื้นฐานเป็ นสาคัญ การศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ เป็ นสิ่ งจาเป็ นเสมือน
กับการศึกษาวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ คอมพิวเตอร์ ได้เปลี่ยนแปลง โลกของเราในด้านต่างๆ มากมาย ได้แก่
1. สังคมโดยส่ วนใหญ่เปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมเป็ นสังคมสารสนเทศ
2. ่ ั
การตัดสิ นใจในเรื่ องต่างๆ มักขึ้นอยูกบข้อมูลซึ่งได้จากระบบคอมพิวเตอร์
3. คอมพิวเตอร์ กลายเป็ นเครื่ องมือที่สาคัญแทนเครื่ องมืออื่นๆ ในอดีต เช่น เครื่ องพิมพ์ดีด เครื่ องคิดเลข เป็ นต้น
4. คอมพิวเตอร์ ถูกใช้ในการออกแบบสถานการณ์หรื อปั ญหาที่ซบซ้อนต่างๆ
ั
5. คอมพิวเตอร์ เป็ นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในงานติดต่อสื่ อสารของโลกปั จจุบน ั
การ ศึกษาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มีข้ ึน เพื่อพัฒนาให้ผเู ้ รี ยนมีความรู ้ ความเข้าใจในวิทยาการคอมพิวเตอร์ และ
มีความสามารถในการพัฒนาโปรแกรมได้ การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ จะเป็ นสิ่ งที่ทาให้ผเู ้ รี ยน สามารถบรรลุเป้ าหมายนี้
ได้อย่างสมบูรณ์ จุดมุ่งหมายที่สาคัญประการหนึ่งของการเรี ยน
การส อน คอมพิวเตอร์ ในโรงเรี ยน คือ การที่ผเู ้ รี ยนได้มีโอกาสนาความรู ้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไปใช้ในการ
แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรื อค้นคว้าหาความรู ้ต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งวิธีการที่มีประสิ ทธิภาพมากวิธีหนึ่งคือการทา
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครง งานคอมพิวเตอร์ เป็ นการใช้คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ในการศึกษา ทดลอง แก้ปัญหาต่างๆ เพื่อนาผลงาน
ที่ได้มาประยุกต์ใช้งานจริ ง หรื อเพื่อใช้ช่วยสร้างสื่ อเสริ มการเรี ยนการสอนให้มี ประสิ ทธิ ภาพ ยิงขึ้น โครงงานคอมพิวเตอร์
่
จึงเป็ นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ ที่ช่วยให้ผเู ้ รี ยนได้เรี ยน รู ้และฝึ กทักษะการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ พร้อมทั้ง
เครื่ องมือต่างๆในการแก้ปัญหา รวมทั้งการพัฒนาเจตคติในการสร้างผลงาน
โครง งานคอมพิวเตอร์ เป็ นกิจกรรมหนึ่งที่ผเู ้ รี ยนสามารถศึกษาปั ญหาที่ตนสนใจ ซึ่ งอาจเป็ นปั ญหาที่ตองใช้ความรู้
้
ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาผสมผสานกัน ซึ่ งบางโครงงานอาจต้องใช้ความรู ้อื่นๆ มาร่ วมด้วย โดยผูเ้ รี ยนจะต้องวางแผนการ
ดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรมหรื ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะ พื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน โครงงานบาง
เรื่ องอาจต้องการวัสดุอุปกรณ์นอกเหนื อจากที่มีอยู่ ซึ่ งผูเ้ รี ยนจะต้องพัฒนาขึ้น หรื อดัดแปลงเพื่อให้ใช้งานได้ตรงกับความ
่
ต้องการ โดยในการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ จะอยูภายใต้การดูแลและให้คาปรึ กษาของผู ้ สอน และผูทรงคุณวุฒิดาน ้ ้
ต่างๆ
- 3. การ ทาโครงงานและการจัดงานแสดงโครงงานคอมพิวเตอร์ จะมีคุณค่าต่อการฝึ กฝนให้ผู้ เรี ยนมีความรู้ ความชานาญ
และมีทกษะในการนาระบบคอมพิวเตอร์ ไปใช้ในการแก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรื อค้นคว้าหาความรู ้ต่างๆ ด้วยตนเอง
ั
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และยังมีคุณค่าอื่นๆ อีกดังต่อไปนี้
เปิ ดโอกาสให้ผเู้ รี ยนได้พฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง
ั
เปิ ดโอกาสให้ผเู ้ รี ยนได้ศึกษา ค้นคว้า และเรี ยนรู ้ในเรื่ องที่ผเู ้ รี ยนสนใจได้ลึกซึ้ งกว่าการเรี ยนในห้องตามปกติ
ส่ งเสริ มและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสิ นใจ รวมทั้งการสื่ อสารระหว่างกัน
กระตุนให้ผเู้ รี ยนมีความสนใจในการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีความสนใจที่จะประกอบอาชีพ
้
ทางด้านนี้
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผูเ้ รี ยนกับผูสอนและชุมชน รวมทั้งส่ งเสริ มให้ชุมชนสนใจคอมพิวเตอร์ และ
้
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
สร้างสานึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
ที่มา : http://kroosuveera.blogspot.com/2011/09/blog-post_13.html