1
- 1. การปฏิรูปหลักสูตรและการเรียนรู้ เป็นหัวใจสาคัญ ที่จะนาพาสู่การบรรลุเป้าหมายของการปฏิรูปการศึกษา อันจะส่งผลให้ผู ้เรียนได้รับการพัฒนาได้สูงสุด
สู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ตามความมุ ่งหมายที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้ และบทบัญญัติที่ว่าด้วยแนวการดาเนินการของหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ก็กาหนดชัดเจนในหมวด 4 ของ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาตินี้ กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมวิชาการซึ่งเป็นแกนหลักโดยประสานความร่วมมือกับกรม กอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของประชาชน
ได้กาหนดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุ ทธศักราช 2544 ซึ่งประกาศใช้เมื่อ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2544 ที่ผ่านมา เดือนพฤษภาคมของปี การศึกษา 2545 นี้
ได้เริ่มใช้หลักสูตรที่ประกาศใหม่ในโรงเรียนนาร่องและโรงเรียนเครือข่ายการใช้หลักสูตรฯ ประมาณ 2,000 โรงเรียน และในปี การศึกษา 2547 ทุกโรงเรียนในทุกสังกัดจานวนประมาณ
40,000 โรงเรียน จะเริ่มใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ครอบคลุม
จากการที่กระทรวงศึกษาธิการ ดาเนินการพัฒนาสถานศึกษาที่เป็นนาร่องและเครืองข่ายการใช้หลักสูตรฯ
และจากการติดตามการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาที่ทุกสถานศึกษาต้องจัดทาเป็นของตนเองโดยผู ้เกี่ยวข้อมีส่วนร่วมนั้น โรงเรียนดาเนินการโดยยึดมาตรฐานของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นข้อกาหนดเชิงเป้าหมายหลักของประเทศ และโรงเรียนจะกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์และสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมของท้องถิ่น โดยกระบวนการดังกล่าว เป็นไปตามหลักการกระจายอานาจทางกา
รศึกษา โดยมีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นระบบคุมให้เกิดความเชื่อมั่นในการดาเนินการ ทั้งนี้ภาพสะท้อนจากการติดตามพบว่า สถานศึกษาที่เป็นโรงเรียนนาร่องและเครือข่ายฯ
ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีความพร้อมโดยพื้นฐานอยู่แล้วนั้นสามารถดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาได้เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูภาพรวมทั้งประเทศซึ่งมีสถานศึกษาอีกประมาณ 40,000 โรงเรียน ที่มีสถานภาพความพร้อมที่หลากหลาย ซึ่งจะต้องจัดทาและใช้หลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานฯ
ในปี ต่อ ๆ ไป กระทรวงศึกษาธิการมีความตระหนักในสภาพดังกล่าวโดยได้พยายามดาเนินการในลักษณะต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามข้อกาหนดตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาตรา 27 วรรคแรก ที่ว่าด้วยการกาหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสนับสนุนให้สถานศึกษาสามาร
ถดาเนินการในมาตรา 27 วรรคสอง คือการกาหนดสาระเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นในหลักสูตรของสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการได้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพวิชาการ
ขึ้น โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สิริกร มณีรินทร์ เป็นประธานที่ปรึกษา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นประธานคณะกรรมการฯ และมีคณะอนุกรรมการย่อยครบทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้กับกิจกรรมพัฒนาผู ้เรียน
คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพวิชาการของกระทรวงฯ
จะมีบทบาทในการสนับสนุน ติดตามดูแลการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรโดยรวม โดยมีคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพวิชาการในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้กับกิจกรรมพัฒนาผู ้เรียน ที่มีบท
บาทในการพัฒนาคุณภาพวิชาการในองค์รวมของกลุ่มสาระการเรียนรู้นั้น ๆ อย่างใกล้ชิด อาทิ ตั้งแต่การกาหนดสาระแกนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตัวอย่าง พิจารณาและเสนอแนะสิ่งต่าง ๆ
ทั้งสื่อแบบเรียน สื่ออุปกรณ์ต่าง
ๆ ที่เหมาะสมในกลุ่มสาระการเรียนรู้นั้น ๆ ตลอดจนการประสานจัดเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาในท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนรู้ เป็นต้น ทั้งนี้สิ่ง
ต่าง ๆ ที่คณะกรรมการและอนุกรรมการ
ฯ กาหนดล้วนอยู่บนหลักการการสนับสนุนสถานศึกษาให้มีตัวอย่างหรือทรัพยากรที่จะพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาเอง และสามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับสถานศึกษาจานวนไม่น้อยที่มีความพร้อมไ
ม่มาก และต้องการการสนับสนุนทางวิชาการลักษณะนี้ และทั้งนี้ทั้งนั้นการดาเนินการจะอยู่บนฐานหลักการใหญ่ คือ การกระจายอานาจทางวิชาการและการบริหารจัดการสู่สถานศึกษาเป็นสาคัญ
ก่อนหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพวิชาการ ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดทารายละเอียดสาระการเรียนรู้พระพุ ทธศาสนา ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฯ และตามด้วยคณะ
กรรมการฯ
สาระการเรียนรู้อิสลามศึกษา ซึ่งมีบทบาทใกล้เคียงกับคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพวิชาการ แต่ดูแลเฉพาะสาระการเรียนรู้นั้น ๆ ซึ่งผลการดาเนินงานเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างคณะกรรมการฯ สาระการเรียนรู้พระพุ ท
ธศาสนา ซึ่งดาเนินการตามภาระกิจเสร็จสิ้นกว่าร้อยละ 80 โดยคณะกรรมการเกิดขึ้นจากความร่วมมือจากมหาเถรสมาคม มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหามกุฎราชวิทยาลัย เป็นต้น โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพ
ระเทพโสภณ อธิการบดีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นประธานคณะกรรมการ และในโครงการประชุมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพวิชาการ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2545 ที่ผ่านมา(และกาหนดให้มีการประชุ
มทุกเดือน) ทางประธานคณะกรรมการฯ สาระพระพุ ทธศาสนา ได้รายงานผลการดาเนินงานของคณะกรรมการอันเกิดผลการดาเนินงานเป็นที่น่าชื่นชม
และเป็นประโยชน์ต่อการกาหนดหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนสาระการเรียนรู้พระพุ ทธศาสนาที่จะเกิดขึ้นต่อไปเป็นอย่างยิ่ง
ในไม่ช้าเมื่อคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพวิชาการ ดาเนินงานได้ตามภาระกิจ การขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพวิชาการตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฯ ทั้งระบบ
ก็จะเกิดภาพที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนให้โรงเรียนส่วนใหญ่สามารถพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรฯ ได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้วยความรู้สึกที่อุ่นใจและไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป และนั่นก็คือ … ความมั่นใจการปฏิรูปการศึกษาที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้นได้ทั่วถิ่นไท