SlideShare a Scribd company logo
1 of 196
Download to read offline
1
ไลตงจิ้น ลูกขอทานผูไมยอมแพตอชะตาชีวิต
2
ไลตงจิ้น ลูกขอทานผูไมยอมแพตอชะตาชีวิต
ตอนที่ 1
เรื่องของผม
22 ธันวาคม ป 1999 ผมยืนอยูบนเวทีในพิธีมอบรางวัล 10 เยาวชน
ยอดเยี่ยมแหงป หลังจากที่ผมรับรางวัลแลวกลาวคําปราศรัยยาว 40 นาที
สิ้นสุดลง เสียงปรบมือก็ดังกึกกองขึ้น ขาราชการผูใหญทั้งหลายตางก็ลุก
ขึ้นปรบมือใหผม ในนาทีนั้นแมกับนองชายคนโตก็นั่งอยูในหองโถงพิธีดวย
เชนกัน ผมมองพวกเขาที่นั่งอยูหนาเวที นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เราไดฟน
ฝารวมกันมาแลว ผมกลั้นน้ําตาไวไมไหวจริง ๆ
นี่ไมใชครั้งแรกที่ผมไดรับรางวัลหรือใบประกาศเกียรติคุณหรอก
ครับ ตั้งแตเล็กจนโตผมเคยไดรับรางวัลและใบประกาศตาง ๆ เปนรอย ๆ
ใบ สิ่งเหลานี้นับเปนกําลังใจที่ดีที่สุดสําหรับ “ชีวิตสวะ” ของเด็กขอทาน
อยางผม ผมขอขอบคุณดวยใจจริง แดทุกคนทั้งที่เคยเปนกําลังใจและเคย
ชวยเหลือผม มองยอนกลับไป ตลอดระยะเวลา 40 ปที่ผานมา เรื่องราว
ตาง ๆ ที่เกิดขึ้นชางเหมือนภาพยนตรที่ฉายไปตัดมาอยางรวดเร็วในหัวของ
ผม ชวงระยะเวลา 40 ปของผมชางยาวนานเสมือนเวลา 80 ปของคน
อื่น เพราะแตละกาวนั้นเต็มไปดวยความเจ็บปวดและโศกเศรา แตละกาวที่
ยางไปขางหนานั้น ราวกับกาวเดินบนถนนกอนกรวด เลือดไหลซิบ ๆ แตก็ยัง
ตองฝนยกเทากาวตอไป
ยังดีที่ผมไมลมลง ยังดีที่ผมยืนหยัดมาไดจนถึงวันนี้ ยังดีที่ผมไมเคย
ละทิ้งชีวิตนี้ไป
กระผม นายไลตงจิ้น เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1959 พอเปน
ขอทาน แมเปนคนปญญาออน
“บานฉันชางนารักจริงเอง สะอาด สดใส มีพลานามัย และเปยม
สุข” เมื่อไดยินเด็ก ๆ รองเพลงนี้ทีไร ใจผมกลับรูสึกวา “บานผมชางแปลก
3
เหลือเกิน” ก็ตอนที่พอตาแมยายผมหามลูกสาวเขาไมใหแตงงานกับ
ผม บานนั่นนะเปนบานที่โคตรซวย บรมซวยที่สุดในโลกเชียวนะ” แลวผม
จะมีหนาไปเถียงอะไรเขาไดเลา ในเมื่อบานผมก็เปนอยางนั้นจริง ๆ พอผม
ไมไดเปนเพียงขอทานธรรมดา ๆ เทานั้น แตยังเปนขอทานตาบอดอีก
ดวย แถมแมผมยังเปนคนปญญาออนที่มีภาวะอารมณผิดปกติ หมอบันทึก
ลงในใบวินิจฉัยโรควาแมไอคิวต่ําเพียงระดับ 58 เทานั้น
นี่คือเรื่องราวการเติบโตของผม เปนบันทึกชีวิตคลุกเลือดเคลาน้ําตา
ที่พวกเราทั้งครอบครัวไดชวยประคับประคองกันมา ผมเลือกที่จะนําเรื่องราว
เหลานี้มาบันทึกเปนหนังสือในวันนี้ เพื่อระลึกถึงคืนวันในชวงนั้น
พอผมเกิดที่หมูบานเฉียนจู หมูบานเล็ก ๆ ที่แสนจะยากจนในอําเภอ
อูรื่อ จังหวัดไถจง ปูยามีอาชีพรับจางทํานา เมื่อพออายุไดสี่ขวบ ปูก็ปวย
ตาย ยาเลี้ยงดูลูกทั้งสาม (ไดแก พอผม ลุงและปา) แตเพียงลําพัง ใน
สมัยนั้นแคการเปนหญิงมายก็ลําบากพออยูแลว แตนี่ยังมีลูกติดอีกถึงสาม
คน จึงทําใหทั้งครอบครัวตองอดมื้อกินมื้ออยูบอย ๆ ซ้ํายังตองโดนดูถูก
เหยียดหยามสารพัดดวยเหตุนี้ อีกสามปตอไป ยาจึงยอมแตงงานใหมไปอยู
หมูบานซิ่วซาน อําเภอตาหยา โดยที่ลูกทั้งสามไมไดติดตามไปดวย ทุกคน
ยังอยูที่อูเรือ ทํางานรับจางทั่วไป เลี้ยงวัว เลี้ยงควายบาง พอประทังชีวิตไป
วัน ๆ
เมื่อพออายุได 17 ป ยาก็เสีย ดังนั้นนอกจากพี่ชายกับพี่สาว
แลว พอจึงไมมีญาติที่ไหนอีก แตกระนั้นสวรรคก็ยังไมปรานี สองป
ตอมา จู ๆ ตาของพอก็เริ่มมีอาการผิดปกติ ในตอนนั้นทั้งลุงและปาตางก็
แตงงานแยกครอบครัวออกไปแลว ครอบครัวของแตละคนก็ลําบากมาก ไม
สามารถดูแลนองชายคนนี้ได ประกอบกับแพทยในสมัยนั้นก็ยังไม
พัฒนา ตาของพอจึงคอย ๆ บอดลงในที่สุด ที่นาแปลกก็คือ อีกสิบกวาป
ตอมา ลุงกับปาก็ตาบอดทั้งสองขางเชนเดียวกัน ไมรูวาเพราะตั้งฮวงซุย
บรรพบุรุษไมถูกตอง หรือเปนเพราะความผิดปกติทางพันธุกรรมกันแน คง
ไมมีใครตอบได สรุปก็คือเมื่อพออายุได 22 ป ตาก็บอดสนิททั้งสองขาง
4
จากนั้นทานจึงเริ่มใชชีวิตวณิพก หากินดวยการเปนหมอดูบาง หมอ
นวดบาง แตเนื่องจากกิจการไมคอยดีนัก โดยสวนใหญแลวพอจึงมักจะไป
ดีดพิณขอทานตามตลาดสดบางตลาดโตรุงบาง ชีวิตพอมีเพียงแคไมเทาหนึ่ง
อัน ชามบิ่น ๆ หนึ่งใบกับพิณอีกหนึ่งตัว ระหกระเหินไปทั่ว ค่ําไหนนอน
นั่น ในใจพอคิดอะไรอยูนั้น ผมไมเคยเขาใจ บางทีชีวิตเรรอนขอทานของ
ชายตาบอด อาจจะมีสิ่งนาพอใจอยูบางก็ได
พอซัดเซพเนจรไปเรื่อยจนอายุ 32 ป วันหนึ่งพอเดินลัดเลาะไปจนถึง
สะพานขามแมน้ําหมูบานจางฮวาเออหลิน กะวาจะนั่งพักขาใตรมไมใหพอ
หายเหนื่อยเสียกอน พอนั่งลงก็ไดยินเสียงคลายกับคนรองครวญครางดังขึ้น
ใกล ๆ ตัว แมพอจะมองไมเห็น แตฟงจากเสียงก็รูวาเปนเสียงของ
เด็กผูหญิง เสียงโอดโอยนั้นบอกถึงความทรมานสุดทน พอสงสัยวาเธอ
อาจจะปวย จึงยื่นมือออกไปแตะดู ตั้งใจจะถามเธอวาเปนอะไร แตเด็กหญิง
ดูเหมือนจะไมเขาใจถึงจะถามแลวไมไดคําตอบ แตในสถานการณนั้น พอก็
ไมใจดําพอจะทิ้งเด็กหญิงไวตามลําพังได จึงนั่งลงที่พื้นใกล ๆ คอยอยูเปน
เพื่อนเธอ
ไมรูวานั่งไปนานเทาไร พอดีมีชาวบานเดินผานมาเห็นเด็กหญิงนอน
รองโอดโอยอยูที่พื้น แกถอนใจยาว เลาใหพอฟงวา “จะวาไปแลวก็นา
สงสารนะเด็กคนนี้นะ บานแกอยูที่หมูบานหยวนหลิน แตฐานะยากจน พอ
เกิดมาก็ถูกยกใหเปนลูกบุญธรรมตระกูลเฉิงที่เออหลิน หยวนโตง แตที่แยไป
กวานั้นก็คือ พอตระกูลเฉิงรูวาเด็กคนนี้ปญญาออนแตกําเนิด แลวยังเปนโรค
ลมบาหมูอีก อยาวาแตเรื่องคารักษาพยาบาลเลย แคเลี้ยงดูพอแมบุญธรรม
แกยังไมใสใจดูแล ไดแตปลอยแกตามยถากรรม จะอยูจะกินอยางไรก็
ชาง พอเด็กมันหิวก็จับมดจับแมลง ผลไม ผักหญาใสปากไปตามแตจะเก็บ
ได เหนื่อยก็ลมลงนอนกับพื้นสะเปะสะปะไปทั่ว พอปวยก็ไดแตมานอนโอด
โอยอยางที่เห็นนี่แหละ” พอพูดจบ ชาวบานคนนั้นก็ถอนใจยาวอีกเฮือก
หนึ่ง แลวสายหนาเดินจากไป
5
พอคิดวา คนเราเกิดมาใตฟาผืนเดียวกัน พอเองก็ไมมีพอแม สวน
เด็กคนนี้ก็ถูกทอดทิ้ง ทําไมในโลกนี้จึงมีคนนาสงสารมากมายนักนะ แมตัว
พอเองจะตาบอด แตอวัยวะสวนอื่นก็สมบูรณดี ยังพาตัวไปขอทานได แม
จะตองทนอดอยูบอย ๆ แตลมหายใจก็ยังไมสิ้น หากวาพอใจดําจากไปใน
วันนี้ ไมรูวาเด็กที่นาสงสารคนนี้จะมีชีวิตถึงวันพรุงนี้หรือเปลา พอคิดได
อยางนี้แลว พอก็ตัดสินใจวาจะพาเด็กหญิงนี้กลับไปรักษาที่อูรื่อบานเกิด
ตัวเอง
ดังนั้นทั้งสองจึงอยูกินกันเปนสามีภรรยากันมา
ในสมัยนั้นยังไมมีอะไรที่เรียกวา “พิธีแตงงาน” เพียงคนสองคนอยู
ดวยกันก็ถือวาเปนสามีภรรยากันไดแลว และเด็กผูหญิงปญญาออนที่ผมกําลัง
กลาวถึงอยูนี้ก็คือแมผมเอง ตอนหลัง เวลาพอเลาถึงเรื่องนี้ทีไร จึงมักจะ
พูดวาพอไป “เก็บ” แมมา ที่จริงจะวาอยางนี้ก็คงไมผิดนัก เพราะตอนนั้น
พออายุ 32 ปแลว สวนแมอายุเพียง 13 ปเทานั้น ทั้งคูอายุหางกันถึง 19
ป ก็เหมือนเก็บเด็กมาเลี้ยงจริง ๆ นั่นแหละ
คําพังเพยกลาววา “หงสคูหงส มังกรคูมังกร คางคกงี่เงาคูกับเตา
เฒาหลังตุง คนหลังคอมคูกับคนปญญาออน” ไมรูอยางนี้ควรจะเรียกวา
สวรรคบันดาลหรือสวรรคกลั่นแกลงดี
ตอนที่ 2
ลูกยกโหล
บานเรามีลูกทั้งหมด 12 คน ผมเปนคนที่สอง มีพี่สาวหนึ่งคน ปที่
ผมเกิดนั้นพอผมอายุได 42 ปแลว ตอนนั้นพวกเรารอนเรไปถึงหมูบานตงซื่อ
ในไถจง ผมจึงเกิดที่ศาลเจาในสุสานแถว ๆ นั้น ศาลเจาในสุสานก็คือ
คฤหาสนในยมโลกของพวกคนตายนั่นเอง ฮวงจุยเลยไมเลวนัก ดานหนามี
แมน้ํา ดานหลังมีภูเขา หมอตําแยที่มาชวยทําคลอดให แตเชาตรูยังบอก
ดวยวา ตอนที่แกทําคลอด แกเห็นมังกรเขียวตัวหนึ่งปรากฏตัวบนทองฟา
6
ดวย พอดีใจใหญ จึงตั้งชื่อผมวา “ตงจิ้น” หรือบางทีก็เรียกวา “ตงสุย”
หลังจากผมเกิด แมก็ตั้งทองอีกทองแลวทองเลา คลอดตอ ๆ กันจน
ครบ “หนึ่งโหล” ครอบครัวที่ยากจนเพียงนี้ แถมยังมีลูกมากขนาดนี้ ลําพัง
ที่พอหามาเลี้ยงปากเลี้ยงทองนั้นก็แทบจะไมพออยูแลว จึงแทบจะไมตองพูด
ถึงเรื่องเลี้ยงดูพวกเราเลย ผมจําไดวาทุกครั้งที่ผมออกไปขอทานกับพอ พอ
จะตองผูกแมไวกับตนไมดวยเชือกหรือโซ เพื่อปองกันไมใหแมหนีไปเลน
น้ํา เพราะหากวาแมเกิดหลงทางขึ้นมา พอตาบอดของผมก็ไมรูวาจะไปตาม
แมไดที่ไหน
เมื่อไมมีพอแมคอยอุมชูดูแล เด็ก ๆ ทุกคนในบานเราจึงตองชวยดูแล
กันเอง เลนดิน กินทรายมาจนเติบโตขึ้น แตที่แสนจะโชครายไปกวานั้นก็
คือ นองชายคนโตปญญาออนและภาวะอารมณผิดปกติแตกําเนิด เพราะ
กรรมพันธุจากแม นับแตนั้น คนที่ถูกผูกติดกับตนไมจึงไมใชแมเพียงคน
เดียว แตยังมีนองชายคนโตเพิ่มมาอีกคน
สําหรับพวกเรานั้น เนื่องจากพอมองไมเห็น ทานจึงตองหาเชือกสี
แดงมารอยลูกกระพรวนผูกไวที่คอลูกทุกคน เพื่อจะไดฟงเสียงดูวาพวกเรา
คลานเลนกันไปถึงไหนแลว ถาใครไปไกลหนอย พอก็จะรีบไปลากกลับมา
เรื่องที่เกิดขึ้นตอนอายุได 5 – 6 ขวบนั้น ผมจําไดแมนยํา สวนเรื่องที่
เกิดขึ้นกอนสี่ขวบ สวนใหญเปนเรื่องที่พอกับพี่สาวเลาใหฟงภายหลัง
พี่สาวเลาวา ตอนแรกที่มีเธอคนเดียว พอจะมีไมคานสําหรับหาบของ
ไวบนบา มีถุงยามอยูที่ปลายทั้งสองขาง ขางหนึ่งไวสําหรับใสทารก
นอย อีกขางไวสําหรับใสผาหม เทานี้ก็ไปไดทั่วปฐพีแลว พอมีผมเพิ่มมา
อีกคนก็เทากับวามีภาระเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งปากทอง จะอาศัยแตการขอทาน
ของพอคนเดียวก็เริ่มจะไมพอเสียแลว อีกอยาง จะขนยายทั้งครอบครัวใหญ
ไปโนนมานี่คงไมใชวิธีที่ดีนัก
7
ดังนั้นเมื่อผมอายุไดขวบกวา พอเริ่มเดินไดก็เตาะแตะตามพี่สาว
ออกไปขอทาน ผมจําไดวา พอแทบจะไมเคยแสดงความชื่นชมหรือยินดีตอ
ใบประกาศนียบัตรใด ๆ ที่ผมไดมาจากการร่ําเรียนหนังสือเลยสักครั้ง แตมีอยู
เรื่องหนึ่งที่พอมักจะพูดติดปากอยูเสมอ และในน้ําเสียงนั้นบอกถึงความภูมิใจ
วา “ตอนที่อาจิ้นเพิ่งจะสองขวบนะ มันเดินขอทานตั้งแตหมูบานเฉาตุนถึง
หมูบานผูหลี่เชียวนะ ระยะทางหางกันตั้งสี่สิบกิโลเมตรแนะ”
ผมไมเขาใจวา ทําไมพอถึงชื่นชมกับเรื่องนี้หนักหนา แตพอมาคิดดู
อีกทีก็คงเหมือนกับครอบครัวคหบดีที่หวังใหลูกชายมีความสามารถในวิชา
คํานวณ ครอบครัวขุนนางขาราชการที่หวังใหลูกชายรูจักการเขาสังคมตาง ๆ
และเมื่อเกิดในครอบครัวยากจน พอจึงหวังใหผมมีกําลังขาที่ดี และมีความ
อดทนสูงกระมัง ระยะทางตั้ง 40 กิโลเมตร แลวผมก็เพิ่งสองขวบเทานั้น คิด
ดูแลวก็นาหดหูเสียจริง
ตอนผมหาขวบ แมก็คลอดลูกติดตอกันอีกถึงสามคน เนื่องจากพี่สาว
เปนผูหญิงจึงตองคอยดูแลนอย ๆ อยูที่ศาลเจาในสุสาน สวนผมตอง
เริ่ม “ขึ้นแทน” ไอเสือปนเดี่ยว ออกไปขอทานเพียงลําพัง
แมจะอายุเพียงหาขวบ แต “ประสบการณ” ที่สั่งสมใน “พรรค
กระยาจก” มาเปนระยะเวลาถึงสามปครึ่ง ทําใหการออกขอทานไมใชเรื่อง
ลําบากอะไรนักสําหรับผม เพียงแตการขาดความรูเรื่องการคุมกําเนิดของพอ
แม ทําใหแมตั้งทองและคลอดลูกตอเนื่องกันอยางไมหยุดหยอน ทุกครั้งที่มี
ชีวิตใหมลืมตาขึ้นมา ไมมีความปติ ไรซึ่งการยินดี จะมีก็แตความกังวลใจใน
ภาระที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งปากทอง และภายหลังผมตองเปนผูรับภาระหนักอึ้ง
ที่จะตองดูแลครอบครัวที่มีถึงสิบสี่ปากทองเพียงลําพัง มันชางเปนเสมือน
โศกนาฏกรรมที่ดูจะไมมีวันจบสิ้นสําหรับผม เสมือนถนนขรุขระที่ไมมี
ปลายทาง
กอนผมสิบขวบ ครอบครัวเราไมมีบานชองเปนหลักแหลง หรือแทบ
จะเรียกไดวาเราตองนอนกลางดินกินกลางทรายกันจริง ๆ ผมผานวัยเด็ก
8
ทามกลางลมหนาว น้ําคาง แสงแดด พายุโหมกระหน่ํา มีตนไมเปน
หลังคา ผืนดินเปนเตียงนอน และมีสุสานเปนบานของเรา
พวกเราเคยอาศัยพักพิงมาแลวแทบทุกที่ ไมวาจะเปนใตตนไม ใต
สะพาน ตลาดสด ใตเวทีโรงงิ้ว ปาราง ตามแตสภาพอากาศที่ผันแปรไปตาม
ฤดูกาล พูดไดวาไมมีที่ไหนเลยที่เราอยูไมได ถาไปตามเมืองเล็ก ๆ เราก็
อาศัยกันตามโรงเรียนบาง ศาลาตามสวนสาธารณะบาง สถานีรถไฟ
บาง หรือถาเปนหมูบานชนบท เราอาจพักกันตามสวนกลวย ไรออย โรง
เพาะเห็น หลุมหลบภัย หรือแมแตในเลาหมูก็ยังเคย แตที่ที่เราอาศัยกันบอย
ที่สุดคงจะเปนศาลเจาในสุสาน เพราะการนอนอยูกับคนตายนั้นไมตองถูกมอง
ดวยสายตาดูแคลน และที่สําคัญคือ คนตายไมไลตะเพิดพวกเราแน
เคยมีคนถามวา ทําไมผมจึงจําเรื่องราวในอดีตไดละเอียดชัดเจน
นัก ผมคิดวาคงเปนเพราะวาชีวิตผมลําบากและสะเทือนใจมากเหลือเกิน ไม
วาจะการดูถูกเหยียดหยามอยางไรก็เคยไดรับมาหมดแลว เรื่องแตละเรื่องที่
เกิดขึ้นเปนเหมือนเข็มแตละเลมที่คอยทิ่มแทงใจผม แลวผมจะลืมมันลงได
อยางไร เพียงหลับตาลงครั้งใด เรื่องราวในอดีตก็แจมชัดขึ้นมาในความทรง
จํา เหมือนแผลสด ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในหัวใจกระนั้น
แลวจะใหผมลืมมันลงไปไดอยางไรเลา
ตอนที่ 3
คนจรจัดไมมีสิทธิเจ็บไขไดปวย
ตั้งแตเริ่มจําความได ชีวิตผมก็เรรอนไปไมมีที่สิ้นสุด
ในชวงที่เราซัดเซพเนจรกันนั้น เนื่องจากพอมองไมเห็น แตเพื่อ
ปกปองพวกเรา พอจึงตองพกอาวุธประจํากายไวเสมอ ซึ่งไดแก ไม
คาน ไมเทา กอนหิน ตะปู และฆองที่ยามสมัยกอนใชตีเพื่อบอกเวลา
9
ประสบการณจากการพเนจรมาหลายป ทําใหพอกลายเปนคนที่หูไว
มาก แมเพียงเสียงลมพัดใบไมไหว เสียงกระซิบเบา ๆ ลอยมาแต
ไกล หรือกระทั่งเสียงงูเลื้อยในพงหญา พอพรอมจะยกไมเทาขึ้นมาปองกัน
ภัยทันทีที่ไดยิน คราใดที่พบกับโจร คนจรจัด หรือพวกขี้เมาเขา พอก็จะมี
เทคนิคสามอยางคือ
ขอแรก ตีฆองสุดแรง ใหดังจนคนแปลกหนาตกใจวิ่งหนีไป
ขอสอง ทําเปนตั้งทามาตรฐานมวยจีน ใหดูเหมือนวาตัวเองนั้นเปน
นักบูมือหนึ่ง แลวแกลงทําหนาตาใหถมึงทึงขึงขังเขาไว เหมือนจะขู
วา “อยามายุงกับขา”
ถาสองวิธีนี้ยังไมไดผลอีก พอก็จะเปลี่ยนมาใชเทคนิคขอที่สาม
คือ หยิบกอนหินสามสี่กอนในถุงยามออกมาปาไปทางคูตอสู พอบอกวาทา
นี้มีชื่อวา “ทาลิงเด็ดลูกทอ” เคล็ดลับอยูที่การเคลื่อนไหวตองรวดเร็วเปน
พิเศษ ภายหลังพอสอน “ทาลิงเด็ดลูกทอ” นี้ใหผมและพี่สาวดวย ดังนั้น
ในถุงยามของเราจึงมีหินสองสามกอนพกไวเพื่อปองกันตัวเสมอ
ทุกครั้งที่ครอบครัวเราเดินไปถึงหมูบาน ก็มักจะเปนที่ดึงดูดความ
สนใจแกชาวบานที่ไดพบเห็นเสมอ บางคนเห็นครอบครัวเราแลวก็
เวทนา จนตองนําอาหารมาใหตั้งแตพวกยังไมทันไดเอยปากขอเสียดวยซ้ํา
ไป สวนตัวผมก็เหมือน “พอวัว” ตัวหนึ่งที่ลากลูกวัวขางหลังอีกเจ็ดตัวให
คอยเดินตาม และแนนอนพวกเราทุกคนเดินเทาเปลา
ชาวบานนอกสวนใหญมีสัตวเลี้ยงกันทั้งนั้น ถาเดินไมระวังก็อาจ
เหยียบโดนขี้วัว ขี้ควาย ขี้หมา หรืออาจเปนขี้ของสัตวอื่นเลอะติดเทาของเรา
ได เวลานั้นผมยังเด็กมาก ไมรูวาเหม็นหรือหอมอยางไร รูแตวามันเปนเรื่อง
ที่นาขํามาก แตพอหัวเราะขึ้นมา ถึงพอจะตาบอด ไมเทาของพอก็จะลอยมา
ฟาดผมดังเผียะเขาทันที แลวพอก็จะใหผมเอาขันไปตักน้ําตามบอมาลางให
สะอาดกอน จึงคอยเดินทางกันตอ
10
การเดินทางดวยเทาเปลาทุกวัน ทําใหฝาเทาของเราดานจนเปนชั้น
หนา ๆ หนาขนาดที่วาถาหากพลาดไปเหยียบโดนเศษกระจกเขา ก็ไมแนวา
เศษกระจกนั้นจะแทงทะลุเนื้อไดหรือเปลา แตถึงจะพลาดไปเหยียบโดนตะปู
หรือของแหลมคมอื่น ๆ เขา พอก็มีวิธีรักษาแปลก ๆ เฉพาะตัวคือ ถาเหยียบ
โดนตะปูหรือถูกเศษกระจกบาด ใหใชดินทรายปดปากแผลไว แตถาถูกหมา
กัดก็ใหใชขี้หมูมาทาแทนยา ไมมีอะไรที่เรียกวาอนามัยหรือไมอนามัยเลย
สําหรับพวกเราที่คลานเลนกับพื้นดินมาตั้งแตเล็ก ๆ หิวเมื่อไรก็หยิบดินหยิบ
ทรายยัดใสปาก ใครใหอะไรมาก็กินลงไป บางครั้งเม็ดขาวหลนลงพื้นก็ยัง
เอามาใสปาก ไมสนใจเรื่องสะอาดเรื่องสกปรก ไดแตกลืนลงทองไปเหมือน
ๆ กัน
คนจรจัดไมมีสิทธิเจ็บไขไดปวย เพราะพวกเรายังตองเดินทางกัน
ตลอด
ระหวางที่เรรอนไป พอก็จะคอยสอนใหผมเก็บเอาพวกกอนหิน เศษ
กระจกและตะปูที่ตกอยูตามทางเดินออกไปทิ้ง หรือหากเปนหลุมขนาด
ใหญ ใหใชไมผูกผามาปกไวเปนสัญลักษณ เพื่อไมใหคนที่รีบเดินตอน
กลางคืนอาจไมทันระวังสะดุดลมเปนอันตรายได พอบอกวา “เมื่อตัวเองเคย
เจ็บมาแลวก็อยาใหคนอื่นมาเจ็บซ้ํารอยเดินอีก”
พอเปนคนไมมีการศึกษา แตเรื่องราวมากมายที่พอไดสอนใหแกพวก
เราลวนเปนเรื่องที่ออกมาจากใจจริงทั้งสิ้น
ตอนที่ 4
รูที่จะปรับเปลี่ยน รูที่จะอยูรอด
ฟายังไมทันสวาง ผมกับพอก็ตองเตรียมตัวออกจากที่พักกันแลว
จากที่พักของเราคือศาลเจาในสุสาน เดินออกจากสุสาน ขามเขาเตี้ย
11
ๆ ลูกหนึ่ง ตัดผานทางเดินตามคันนาเล็ก ๆ ทะลุถนนเสนเกษตรกรรม กวา
จะมาถึงหมูบานที่ใกลที่สุดก็เปนระยะทาง 1 – 2 กิโลเมตร ทางเดินก็แสนจะ
ขรุขระ ผมตองคอยจูงพอเดินดวยความระมัดระวังไปตลอดทาง
พอมาถึงหมูบาน พอก็จะพาผมไปเดินเคาะประตูตามบานทีละหลัง ๆ
ตอนนั้นผมยังเล็กมาก แลวพอก็ตาบอดดวย จึงทําใหมีเรื่องวุน ๆ เกิดขึ้นกัน
อยูหลายครั้งทีเดียว เชน ครั้งหนึ่งที่เรามาเคาะประตูบานหลังหนึ่ง พอประตู
เปดออกมา เจาของบานก็ถมน้ําลายใสหนาเราทันที พรอมกับตะโกนดาเสียง
ลั่นวา “เคาะหาอะไร ตาบอดเรอะ ไมเห็นหรือไงวาเรากําลังจัดงานศพกัน
อยูนะ! หา!” โธ! ก็ผมมองไมเห็นจริง ๆ ตอนนั้นผมยังสูงไมถึงรอย
เซนติเมตรดีเลย แลวจะรูไดอยางไรวามีงานศพ พอรีบขอโทษขอโพยเขา
ยกใหญ แลวเราสองคนก็รีบหลบออกมา
เมื่อมาถึงบานอีกหลัง ยังไมทันจะเดินเขาไปใกลสักเทาไร หมาตัว
โตตัวหนึ่งเหาเสียงดังขึ้นพรอมกับกระโจนออกมาทันที เราตกใจใสเกียรถอย
หลังหนีแทบไมทัน คนหนึ่งตาบอด อีกคนหนึ่งก็เด็กเล็ก ไมรูจะวิ่งไปทาง
ไหนดี ลุกลี้ลุกลนวิ่งชนกันเองเขา ผมโดนพอลมทับเอาอยางจัง เจ็บจน
รองไหจา แถมยังถูกพอดาซ้ําอีกวา “หนอย! ขาตาบอดแลวแกก็เลยไมมีตา
ดวยหรือไง”
ผมเอามือนวดหัวเขาขางที่เจ็บ รองไหพลางจูงพอเดินตอไป พอก็ยิ่ง
โมโหหนักเขา ตะเบ็งเสียงดุผมอีกวา “แลวแกจะรองไหหาอะไรอีก หา!”
ผมไมกลาสงเสียงอีก พอน้ํามูกไหล ก็ไดแตเบะปากเดินตอดวย
ความนอยใจ ไมงายเลยกวาจะมีคนนําอาหารเหลือที่บูดจนเริ่มสงกลิ่นเปรี้ยว
มาใหเรา กระนั้นเราก็ยังซาบซึ้งใจยิ่ง เฝาขอบคุณแลวขอบคุณเลา จากนั้น
ก็มาเคาะประตูบางขาง ๆ พอเจาของบานเปดประตูผัวะออกมา ก็จองหนาเรา
แลววา “จนจนผีจะมารับไปอยูแลว ยังตองมาทําบุญทําทานใหพวกแกอีกหรือ
ไงวะ วาแตนองชาย ไอกับขาวของพวกแกนั่นนะ เอามาเผื่อแผใหพวกเรา
กินบางไดไหม!”
12
ผมรูสึกตกใจมากที่เขาอยากไดอาหารของเรา จึงรีบจูงพอเดินหนี
ไป นึกไมถึงเลยวา ในโลกนี้จะยังมีคนที่อยากไดแมแตขาวของขอทาน
ดวย ผมไมเขาใจเลยจริง ๆ
ใกลเที่ยงแลว อาหารในขันใบเล็กของผมเพิ่งจะไดมาแคสองสวนเทา
นั้นเอง ไหนเลยจะพอกินกันทั้งบาน พอนึกขึ้นไดวาตอนนี้เปนเวลาที่พอคา
แมคาในตลาดสดของหมูบานกําลังเก็บแผงกันพอดี ผมก็รีบจูงพอดิ่งไป
ขอทานที่แผงผลไมทันที พวกเด็ก ๆ กลุมที่อยูไกล ๆ โนนเห็นเราเขา ตาง
พากันตะโกนลอเลียนวา “เร็วเขา! รีบมาดูนี่เร็ว ขอทานมาแลว ไอตัว
สกปรก ไอตัวนารังเกียจ แหวะ ไอขอทานตัวเหม็นมาขอขาวเขากิน แหวะ”
พอคาเจาของแผงคงจะสมเพชพวกเรา จึงหยิบเอาผลไมที่ช้ําจนขาย
ไมไดแลวยื่นใหแกพวกเราจํานวนหนึ่ง แมวาผลไมที่พอคาหยิบยื่นใหจะช้ํา
จนแทบจะเนาแลว แตผมก็ยังรูสึกวามันชางหวานหอมเหลือเกิน
พอไดผลไมมา ผมก็นํามาคัดสวนดีเก็บไวใหสําหรับพอกับแม
กอน จากนั้นตัวเองคอยกินสวนที่เหลือ เมื่อหวนคิดถึงสมัยนั้นแลว ผมก็ไมรู
เหมือนกันวาเอาชนะความอยากของตัวเอง ยอมกินนอยและกินแตสวนที่แยนี้
ไดอยางไร ไมรูวาความรูสึกกตัญูกตเวทีเหลานี้ผมไปเรียนมาจากไหน ผม
ไมรูเลยจริง ๆ
ชวงป 1960 นั้น ไตหวันยังเปนสังคมเกษตรกรรมเล็ก ๆ ประเทศ
หนึ่ง ประชากรทุกครัวเรือนไมวาจะเปนเจาของที่ดินหรือชาวนาก็ตองพึ่งพา
ฟาฝนเปนหลัก ฝนตกมากเกินไป พายุเร็วเขาเกินไป หรือแลงเกินไป ก็
ลวนแตเปนปญหาที่สงผลตอการเก็บเกี่ยวทั้งนั้น และในชวงที่ประสบปญหา
ภัยธรรมชาตินี้ ชาวบานก็จะหนาดําคร่ําเครียด พวกเราก็ยิ่งขอทานไดยาก
ยิ่งขึ้นไปอีก แตจะทําอยางไรไดเลา ในเมื่อทุกชีวิตก็ยังตองอยูตอไป ดวย
เหตุนี้พอจึงลงทุนซื้อสิงโตผามาหนึ่งชุด ใหพี่สาวซึ่งตัวสูงกวาอยูดานหนา
เปนหัวสิงโต สวนผมตัวเล็กกวาอยูดานหลังเปนหางสิงโต แลวเอาถุงใสเงิน
13
เล็ก ๆ มามัดที่เอวกางเกงของเราสองคนไว
ผมกับพี่สาวชวยกันเชิดสิงโต ทั้งรองทั้งเตนไปแทบทุกบาน ไมวา
ชาวบานจะตองการโชคลาภจริง ๆ หรือวาตองการจะไลพวกเราก็ตาม แตก็
ยอมควักเศษสตางคจายใหพวกเรามากบางนอยบาง มีอยูครั้งหนึ่งเราสองพี่
นองพากันเชิดสิงโตอยูที่หนาบานหลังหนึ่ง เชิดอยูนาน แตเจาของบานก็ไม
ยอมเหลียวแลพวกเราสักที อากาศก็รอนจัด พวกเราอยูใตผาคลุมเหงื่อแตก
ชุมเสื้อไปหมด แตเมื่อยังไมไดสตางค เราก็ไมยอมจากไปงาย ๆ
ผมกับพี่สาวยิ่งเชิดก็ยิ่งมัน เตนจนชนกันเอง ตางคนตางลมลง แลวก็
ชวยพยุงกันลุกขึ้นมาใหม เสียงกระดิ่งที่ติดอยูกับผาคลุมสิงโตก็พลอยกระทบ
กันเกิดเสียงดังกรุงกริ๋งนารําคาญ แตไมนึกเลยวาเจาของบานจะโมโหมากจน
เขาไปปลอยหมาออกมาไลพวกเรา และเพราะพี่สาวเปนหัวสิงโต เธอจึง
มองเห็นเขี้ยวอันแหลมคมของเจาหมาตัวนั้นกอน เธอตกใจกลัวรีบหมุนตัว
กลับหลังวิ่งหนาตั้ง แตผมสิ ผมเปนหางสิงโตอยูดานหลัง มองไมเห็นอะไร
เลย เราสองคนจึงชนกันเต็มรัก จนสิงโตแทบจะพังหมด
ผมกับพี่สาวไมเคยไดรับ “การเขาคอรส” ฝกฝนใด ๆ ทั้งสิ้น จะทํา
อะไรก็อาศัยแตครูพักลักจําเอาเทานั้น ที่พากันเชิดสิงโตก็ไมเคยลงเทาได
เขาจังหวะเลย เอาแตวาไมตองหกลมหัวคะมําก็ตองถือวาบุญโขแลว ความ
จนสอนใหเราเรียนรูที่จะปรับเปลี่ยน และการปรับเปลี่ยนทําใหผานอุปสรรคไป
ได และที่คือปรัชญาของการอยูรอด
ตอนที่ 5
ปรัชญาจากศพ
ความกดดันในชีวิตสอนใหผมโตเร็วกวาเด็กทั่วไป พออายุไดสี่
ขวบ ผมก็เริ่มรูจักหาเลี้ยงครอบครัวไดดวยตัวเองแลว
เพราะเราตองซัดเซพเนจรไปทั่ว เราจึงรูไดไมยากวาบานไหนมีคน
14
ตายบานไหนกําลังจัดงานศพ ขอใหเรารู เราจะแลนไปถึงทันที เพื่อจะไป
ถามดูวาทางบานนั้นขาดลูกมือบางไหม ตองการคนแบก “เหลียน
จู” หรือ “เหลียนจง” บางหรือเปลา ที่เรียกวา “เหลียนจู” และ “เหลียน
จง” คืออุปกรณที่บานเจาภาพงานศพใชเปนเครื่องนําขบวนในพิธีเคลื่อนยาย
ศพ เดินอยูหัวแถวถือธงแดงและธงขาว “เหลียนจู” คือการเอากานไมไผ
ผูกธงแดง สวน “เหลียนจง” คือการเอากานไมไผผูกธงขาว ใหสองคนถือ
ขางละอัน ตามปกติคนที่ยืนหัวแถวถือเหลียนจู เหลียนจงนั้นจะเปนลูกชาย
ของผูตาย แตถาผูตายไมมีลูกชายก็จะตองเชิญผูอื่นมาชวยถือให
หลายคนอาจกลัวที่จะชวยทําหนาที่นี้ แตสําหรับเด็กที่โตมาในสุสาน
อยางผมแลว การแบกเหลียนจูถือเหลียนจงไมไดเปนเรื่องเลวรายอะไร
นัก กอนอื่นเจาภาพงานศพก็ตองหออั่งเปาใหเรา คาแรงก็ประมาณ 2 – 3
เหมา รับเงินแลว เจาภาพยังจัดหาชุดกระสอบไวทุกขใหกับเราอีก ในพิธี
ศพจะมีนักบวชนําสวด แลวญาติ ๆ ในบานเจาภาพจะสวดตามทีละ
วรรค สวดมนตเสร็จแลวยังมีการแสดงกายกรรมอีกดวย
การแสดงนี้ บางครั้งมีคนขี่มาเหล็กลอเดี่ยว บางครั้งก็เปนการโยนรับ
ลูกบอลหลาย ๆ ลูกพรอม ๆ กัน นักแสดงบางคนใชจมูกเปาเครื่อง
ดนตรี บางคนเหยียบกระดานไมที่วางบนลูกกลม ๆ ลื่นไปลื่นมา การแสดง
เหลานี้นี้พอดูบอยเขาก็ชักไมมีอะไรแปลกใหม แตที่สําคัญที่สุดก็คือในบาง
ตอนของการแสดง นักแสดงจะโยนขนมและลูกอมตาง ๆ ใหเด็ก ๆ ที่มาดูการ
แสดงอยูรอบ ๆ และที่ผมทนยืนขาแข็งเปนชั่วโมงก็เพื่อนาทีนี้ละ เปนนาทีที่
ผมรูสึกตื่นเตนดีใจที่สุด ผมกับพี่สาวตางก็หยิบไดขนมบิสกิตคนละ
ชิ้น พี่สาวกัดคําเล็ก ๆ คําหนึ่ง เธอหันมาสงยิ้มหวานใหผม ถามวา
“อาจิ้น ของเธออรอยไหม” ชิ้นที่พี่สาวหยิบไดนั้นเปนขนมบิสกิตที่มี
น้ําตาลกรวดสีชมพูโรยหนา สวนของผมเปนบิสกิตไสเนย
“อืมม...อรอย อรอยมาก ๆ” ผมพูดพลางยัดขนมที่เหลืออีกครึ่งเขา
ปาก พอเห็นพี่สาวกําลังกัดขนมทีละคําเล็ก ๆ ราวกับกลัวขนมจะหมดไป ผม
15
ก็ไดแตกลืนน้ําลายดังเอื๊อก
“งั้นพี่แบงใหเธอครึ่งนึงก็แลวกัน” พี่คงมองออกวาผมอยากกิน
อีก เธอบิบิสกิตใหผม แตบิสกิตนั้นกรอบรวน มันจึงแตกงาย พอเริ่มบิ
เทานั้น เศษขนมปงก็รวงลงมา ผมรีบเอามือเขาไปรองเศษขนมปงไวดวย
ความเสียดาย จะกินทิ้งกินขวางไมไดหรอก แลวเราสองพี่นองก็มองหนากัน
พรอมกับหัวเราะออกมา
รสหวาน ๆ ของขนมและลูกอมพวกนั้น ผมยังจําไดไมรูลืมมาตราบ
จนกระทั่งวันนี้
พองานศพสิ้นสุดลง โดยทั่วไปเจาภาพก็มักจะจัดโตะกินเลี้ยง เพื่อ
เชิญญาติ ๆ และแขกที่มารวมงานรับประทานอาหารกัน ผมก็รอจนกวาพวก
เขาจะกินเสร็จ จากนั้นก็ขอ “ของเหลือ” ที่เทรวมกันมากิน แมจะเปนเพียง
เศษอาหารที่มีทั้งรสเผ็ดเปรี้ยวหวานเค็มมัน ทุกรสชาติผสมรวมกันก็ตาม แต
นี่คืออาหารมื้อที่ดีที่สุดในประวัติการเรรอนขอทานของเราเลยทีเดียว ใน
บางครั้งถาเศษอาหารมีมากพอ เราก็อาจจะมีเหลือไวกินถึงพรุงนี้ได ไมวา
มันจะเย็นจะเปรี้ยวแคไหน เราก็กินกันไดไมตะขิดตะขวง หากตองการมีชีวิต
ตอไปก็ตองมีกระเพาะอาหารที่ทนทานเชนนี้แหละ
สิ่งที่เราตองระวังที่สุดคือ บางครั้งที่เจาภาพเทเศษอาหารรวมกัน ก็
อาจเอากางปลาเทลงไปดวย และหากบังเอิญนองเล็ก ๆ กําลังหิวโหย
อยู พอเห็นอาหารก็กระโจนเขามาตั้งหนาตั้งตากิน ไมดูใหดีเสียกอน ผล
ของการไมระวังก็คือกางปลาติดคอ เจ็บจนพวกเขารองไหกันจาละหวั่น เรา
ตองชวยกันทั้งตบหลังทั้งลวงคอ กวาจะเอากางปลาออกมาไดไมใชเรื่องงาย
เลย
ขอดีของการรวมงานศพยังไมจบเทานี้ ทั้งชุดเสื้อขาวกางเกงขาวที่
เราสวมอยูนั้น พอถอดออก เจาภาพก็ใหเอากลับบานได เอาเถอะ ถึงจะ
เปนชุดไวทุกข แตก็ดีกวาไมมีอะไรใสเลยไมใชหรือ และโดยทั่วไปเมื่อฝง
16
ศพผูตายแลว เจาภาพก็จะเอาเสื้อผาเครื่องใชของผูตายไปเผาหรือทิ้ง ผม
เห็นแลวก็แสนจะเสียดาย จึงรี่ไปขอเสื้อผาเหลานั้น โดยไมเลือกสีหรือ
ขนาด (แนนอนวา เมื่อเทียบกับเด็กอยางเราแลว เสื้อผาเหลานั้นใหญกวา
มาก) เอาแคใหความอบอุนไดก็พอแลว ถาเสื้อตัวใหญเกินไป เราก็พับแขน
ขึ้นหลาย ๆ ทบ แตถาขากางเกงยาวเกินไป ก็ไดแตปลอยมันลากพื้นไป
อยางนั้น บางมีมันก็พันแขงพันขาจนสะดุดลมไปก็มี
สิบปมานี้ ทุกคนในบานเราไดใสแตเสื้อผาเหลานี้ ไมเคยแบงวาตัว
ไหนเปนของใคร ใครหยิบไดตัวไหนก็ใสตัวนั้น แลวก็ยังมีเรื่องที่แสนจะนา
อายอยูอีกเรื่องคือ เสื้อผาของผูตายที่เขาทิ้งเปนชุดชั้นนอกเทานั้น ไมมีชุด
ชั้นใน ดังนั้น ตลอดระยะเวลาที่เราเรรอน ผมจึงไมเคยใสกางเกงในเลย!
ในชวงที่ผมไดรับจางถือเหลียนจงเหลียนจูนั้น ทําใหผมมีโอกาสได
เขารวมในพิธีกรรมตั้งแตตนจนจบ ทั้งพิธีปดฝาโลง พิธีเซนไหว ตลอดจน
พิธีการฝงศพดวย ผมไดเห็นภาพการลาจากกันทีละฉาก ๆ โดยเฉพาะตอน
ตอกฝาโลง หรือตอนขุดดินเพื่อฝงศพนั้น นับเปนฉากที่เศราอาดูร
ที่สุด เพราะเหมือนเปนการตอกย้ําวาจะไมไดเจอผูตายอีกตลอดไป ญาติพี่
นองของผูตายก็จะยิ่งร่ําไหคร่ําครวญหนักยิ่งขึ้น บางคนถึงกับกระโดดลงไป
กอดโลงไว ไมใหเอาดินกลบโลงก็มี หรือที่รองไหจนเปนลมลมพับไปก็
หลายคน พอเห็นความรักความอาลัยอยางสุดซึ้งนี้แลว แมคนนอกอยางผม
ก็ยังอดรองไหตามไปดวยไมได
เมื่อมาคิด ๆ ดู แมพอกับแมผมจะเปนคนพิการทั้งคู แตอยางไรทานก็
ยังอยูเคียงขางผม เทียบกับพวกเขาที่ตองเสียญาติมิตรไป ผมยังโชคดีกวา
มาก ผมบอกกับตัวเองวา การตอบแทนพระคุณพอแมนั้นควรจะทําให
ทันเวลา และควรจะทะนุถนอมสิ่งที่มีในตอนนี้ใหดีที่สุด แตไหนแตไรมา
ตราบจนกระทั่งวันนี้ ผมไมเคยโกรธหรือคิดที่จะกลาวโทษพอแมเลย อาจ
เปนเพราะผมไดขอคิดนี้ตั้งแตอายุสี่ขวบก็เปนได
17
ตอนที่ 6
แมหายไปไหน
เชาวันหนึ่งเมื่อผมและพี่สาวจูงมือกันเดินกลับจากออกไป
ขอทาน ตอนนั้นเกือบ ๆ สิบโมง ทันทีที่พอไดยินเสียงเรากลับมาก็รีบหยิบ
ไมเทาเดินออกมาหา สีหนาพอดูซีดเผือด บอกกับเราวา “เร็วเขา! แมกับ
อาไฉหายไปไหนก็ไมรู”
พอผมหันกลับมาดูก็พบวาใตตนไมนั้นเหลือเพียงแตเชือกและโซเปลา
ๆ ไมมีแมเงาของแมกับนองชาย ผมกับพี่สาวรีบวิ่งออกมาขางนอก แลว
แยกยายกันออกไปตามหาแมกับนองชายคนโต เราตางก็เดินไปตะโกน
ไป “แม-อาไฉ! อยูไหนกันนะ แม!!!”
ทุกซอกทุกมุมของหมูบานก็คนหากันจนทั่วแลว แตยังไมพบแมแต
เงาของทั้งคู ทั้งหวั่นใจวาพวกเขาจะหายตัวไป ทั้งกลัววาจะเกิดอุบัติเหตุ
ขึ้น พี่สาวรอนใจจนรองไหออกมา กระนั้นขาทั้งคูก็ยังไมยอมผอนแรงวิ่งตาม
หา เสียงเรียกหาปนเสียงสะอื้นสะทอนทั่วทั้งหมูบานที่แสนยากจนแหงนี้ ฟง
แลวใหความรูสึกวังเวงยิ่งนัก ฟาก็ยังไมวายใหฝนตกมาเวลานี้อีก เนื้อตัว
เสื้อผาเปยกชุมทั้งน้ําฝนและเหงื่อ ใบหนาสกปรกของเราโดนฝนชะลาง ก็
เลยดูมอมแมมเหมือนกับลูกแมวลายจรจัดยังไงยังงั้น
เมื่อตามหาจนทั่วหมูบานแลวยังไมพบ เราจึงเริ่มออกตามหาดานนอก
หมูบาน ตะโกนกูรองจนเสียงแทบไปหมด แตก็ยังไมเห็นวี่แววของแมกับ
นองชายคนโตเลยแมแตนอย ทั้งคูตางก็สติไมสมประกอบ หากเดินออกไป
ไกลจริง ๆ กลัววาจะกลับมาไมได โธ! สวรรค แลวผมควรจะทําอยางไรดีละ
นี่ ขณะที่ผมกําลังหวั่นใจอยูนี่เอง สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเงาคน
เคลื่อนไหวอยูในพงหญา ผมรีบกระโจนเขาไปหาทันที ฮา! ใชแมจริง ๆ
ดวย! ขอบคุณสวรรค แม! ใชแมผมจริง ๆ ดวย! ผมตะโกนลั่นออกมาดวย
ความยินดี ตอนนี้ผมถึงไดเห็นวาแมตกลงไปในบอน้ําขางคันนา
18
ดีนะที่โซยังไมหลุดออกจากขอมือแม ผมก็ออกจะไรเดียงสาไปหนอย
ที่เขาใจวา แคควาโซเหล็กไดก็จะชวยเอาตัวแมขึ้นมาได แตในความเปน
จริง แมกลับไมไดใหความรวมมือกับผมเลยสักนิด มีแตจะใชแรงดึงดันกับผม
เทานั้น ตางก็ยื้อยันกันไปมา ตูม! ตัวผมหลนลงไปในน้ํา แถมหลนลงไปก็
ไมเบานักทําเอาผมเปยกโชกไปทั้งตัวเลยทีเดียว แตผมก็ยังไมยอมแพ ยัง
ออกแรงดึงแมขึ้นจากบอน้ํา ตอนนี้แมเริ่มโมโหขึ้นมาบางแลว จึงตอตานผม
สุดแรง แลวก็ผลักผมลงไปในน้ํา ผมตะเกียกตะกายขึ้นมาใหมอีก สองคน
ตางก็ลมลงไปในบอนั่นเอง ดีที่บอน้ําไมลึกนัก เราจึงไมเปนอะไรมาก แค
กินน้ําโสโครกไปหลายสิบอึก กับน้ําเขาตาจนแสบจะลืมไมขึ้นเทานันเอง
แมตองเขาใจผิดคิดวาผมเปนคนรายแนนอน จึงไมยอมกลับบานกับ
ผม ผมจึงตะโกนบอกแมวา “แม! แมครับ! นี่อาจิ้นเองนะแม แมมองผมสิ
ครับ นี่อาจิ้นนะ!” แตเสียงตะโกนกองของลูกชายก็ไมสามารถเรียกสติของ
แมใหกลับมาได แมเพียงมองผมดวยสายตาวางเปลาอยูสองสามวินาทีกอนที่
จะตะโกนขัดขืนตอ
ผมยืนอยูกลางบอน้ํา ปลอยโฮออกมาอยางอดไมได แลวโผเขากอด
แมไวแนน แมจะตอยจะทุบอยางไร ผมก็ไมหลบไมถอย ปากก็ตะโกน
รองไห “แม...แม...นี่ผมเปนลูกแท ๆ ของแมนะ! แม ผมเปนลูกที่แมคลอด
ออกมานะ แมผมอาจิ้นนะแม” มีบางครั้งที่ผมรูสึกแคนใจเหลือเกิน ในโลก
นี้จะมีแมสักกี่คนกันนะที่จําลูกตัวเองไมได แลวทําไมคนคนนั้นถึงตองเปนแม
ผมดวย
สักครู พี่สาวก็ตามมาพบเขา เราสองคนชวยกันทั้งปลอบทั้งขูแมอยู
นานกวาจะพาแมขึ้นมาจากบอน้ําได และกวาจะลากแมกลับมาถึงสุสาน
“บาน” เราได ก็แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงกันเลยทีเดียว
พอกลับถึง “บาน” ผมกับพี่สาวก็หมดแรงลมตัวลงกับพื้น หอบฮัก ๆ
จนหายใจหายคอแทบไมทัน สวนพอโมโหมาก ควาไมเทาไดมือนึง มืออีก
ขางก็ดึงโซที่ขอมือแมไว แลวใชไมเทากระหน่ําตีไมยั้งมือ แมที่นาสงสาร
19
ของผมเนื้อตัวเปยกชุม ทรุดนั่งกองลงไปกับพื้น ไดแตรองโอดโอย ผมกับ
พี่สาวตะโกนหามสุดเสียง “อยาตีนะ อยาตี” พอตีอยางนี้เดี๋ยวแมก็ตาย
หรอก!” แตพอกําลังโมโหจัด ไหนเลยจะยอมฟงเสียง เราไมรูจะหาม
อยางไร เลยตองคลานเขาไปกอดแมไว คอยเอาตัวเองบังรับไมเทาของพอ
แทน จนพอรูสึกตัววาที่ตีอยูนะคือเราสองพี่นอง ทานก็ทั้งโกรธทั้งโมโหจน
ปาไมเทาทิ้ง แลวพอก็ทนไมไหวรองไหออกมา
ในที่สุดเราก็กอดคอรองไหกันทั้งบาน
จนพอหายโมโห เราจึงนึกขึ้นไดวานองชายคนโตก็ยังไมกลับ
บาน โธ! ถึงจะตามหาแมเจอแลว แตอาไฉละ นองไมไดอยูดวยกันกับแม
นี่ แลวนองไปไหนเสียละ
พอนึกได ผมกับพี่สาวก็รีบออกตามหาอาไฉทันที ดวงอาทิตยลับ
ขอบฟาไปแลว ผมไดแตภาวนาในใจใหสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชวยคุมครองใหอาไฉ
ปลอดภัย ถาคืนนี้หานองไมพบ หากไมเกิดอุบัติเหตุ นองก็อาจจะเดินไกล
ออกไปเรื่อยและอาจจะไมมีวันหวนกลับมาอีกเลยก็ได เมื่อคิดดังนี้ ผมกับ
พี่สาวก็รีบเรงฝเทาขึ้นไปอีก ขณะที่วิ่ง ในใจของเด็กหกขวบอยางผมก็อด
เตือนตัวเองไมใหรองไหไมได ผมกลัววาเสียงรองไหของผมจะไปปลุกคน
ตายที่อยูในหลุมใหตื่นขึ้น แลวพวกเขาก็อาจจะพากันลุกขึ้นมาจากหลุมทีละ
ศพ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว รีบตัดใจวิ่งไปขางหนา ไมกลาหันกลับมามองขางหลัง
อีกเลย
เราสองพี่นองเหนื่อยจนแทบจะขาดใจ เราชวยกันตามหานองจนทั่ว
หมูบานอีกครั้ง แตหมูบานในยามค่ําคืนนั้นไมมีแมกระทั่งเงาของคน มีแต
เสียงหมาเสียงแมวเหาหอนโตตอบกันไมหยุดหยอน และอาไฉก็ดูเหมือนจะ
ถูกกลืนหายไปกับความมืดดวย เราตางก็ออนลากันมาทั้งวันแลว แมแตคํา
วาเหนื่อยก็ยังพูดไมออก บังเอิญมองไปเห็นขางหนามีศาลเจาเล็ก ๆ ศาล
หนึ่ง จึงพากันเดินเขาไป พี่สาวบอกวาเขาไปไหวเจาเสียหนอย เผื่อทาน
จะชวยดลใหเราหานองชายไดพบ
20
เราจึงเดินเขาไปในศาลเจาดวยกัน ขณะที่คุกเขาลงกําลังจะคํานับ ก็
มีเสียงประหลาดดังขึ้นมาจากใตโตะเซนไหว เปนเสียงเหมือนคนพึมพํา
อยู ผมจึงลอกเลิกผาคลุมโตะเปดดู อา! ขอบคุณสวรรค ขอบคุณสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์ ที่แทอาไฉก็มาหลบอยูใตโตะเซนไหวนี่เอง เขามองหนาเราอยาง
ใสซื่อ นองผมสติไมสมประกอบ เขาคงไมมีวันรูหรอกวาวันนี้ผมกับพี่สาว
ตองเสียน้ําตาดวยความกังวลหวงใยในตัวเขาไปมากมายเพียงไร
ในที่สุดครอบครัวของเราก็กลับมาอยูพรอมหนาพรอมตากัน ทุกคน
ลวนหิวโซมาแลวทั้งวัน ยังดีที่เมื่อเชาเรายังพอขอขาวมาไดบาง ใหพวกเขา
กินกันไปเถอะ สวนผมกับพี่สาวไปที่ริมบอน้ํา นั่งยอง ๆ เอามือวักน้ําใส
ปาก กินทีละอึกใหญ ๆ เติมกระเพาะที่หิวโหยใหเต็มไปพลาง ๆ กอน และ
แมวามันจะเปนน้ําขม ๆ ผมก็ยอมกินอยางเต็มใจ
ผมอธิษฐานตอฟาดินวา ขอเพียงใหครอบครัวเราปลอดภัยกันทุก
คน ตอใหอาจิ้นกับพี่สาวตองกินน้ําในทอประทังชีวิต หรือแมจะตองขื่นขมสัก
เพียงไรก็ใหเรารับภาระนี้เองเถิด
ตอนที่ 7
ตาบอดออกลาย
ครอบครัวเราพากันเดินขึ้นไปทางเหนือ จนมาถึงหมูบานจัวหลาน ใน
เขตเหมียวลี่
กอนหนานี้เคยไดยินวาที่หมูบานจัวหลานมีชาวจีนแคะอาศัยอยู
มาก มักจะจัดงานวัดกันอยูบอย ๆ คําวา “งานวัด” สําหรับพวกเรา “ชาว
พรรคกระยาจก” แลว ถือวาเปนสิ่งที่ดีราวกับหลนมาจากสวรรคเลย
ทีเดียว เพราะที่ไหนมีงานบุญที่นั่นก็ตองมี “ของเหลือ” แน ๆ เพียงนึกถึง
รสชาติอันแสนอรอยของ “ของเหลือ” ก็ทําใหพวกเรามีแรงเรงฝเทาใหไปถึงที่
หมายเร็วขึ้นอีกมากโข
21
แตนองเล็ก ๆ บางคนก็ทนกับการเดินทางเปนระยะไกลเชนนี้ไม
ไหว แมวาจะกลัวแสนกลัวไมเทาของพอจนไมกลาหยุดเดิน แตบางครั้งมัน
ก็เหนื่อยจริง ๆ เดินอยูดี ๆ เกิดหลับไปก็มี และบังเอิญวาทางที่เราเดินมักจะ
เปนทางลัดคดเคี้ยวตามหมูบานเล็ก ๆ ถาไมระวังก็อาจสะดุดกอนหินหกลมลง
ได ตุบ! นองชายคนเล็กหกลมหนาทิ่มลงไปกับพื้น แลวก็มีเสียงรองโฮลั่น
ของแกดังตามมา
เราไมมีเวลาแมแตจะปลอบใหนองหยุดรองไห เพราะพอแสดงทาที
ใหเห็นวาอยางไรเราก็ตองเดินตอไป จะมีก็แตพี่สาวเทานั้นที่พยุงแกเดิน
ตอ พลางปลอบแกเบา ๆ สวนผมนั้น ขางหนึ่งตองคอยจูงพอ อีกขางหนึ่งก็
ตองคอยพะวงวาจะมีใครเผลอหลับลมลงไปอีกไหม เลยตองเดินพลางกวาด
ตาไปหนาทีหลังที พอเห็นนองชายคนโตเดินไปสัปหงกไป ก็ตองรีบตะโกน
เรียกเขา “อาไฉ! ตื่น ตื่น!” สักครูนองสาวคนเล็กหัวเริ่มเอียงเหมือนจะลม
ลงไปอีก ผมรีบใชมือขางที่วางเปลาตบหนานองใหรูสึกตัวตื่นกันที
การเดินทางเปนไปอยางรีบเรงเชนนี้ เพื่อไปหาความอบอุนและความ
อิ่มทอง แมการพักผอนสักเล็กนอยก็ยังดูเหมือนความสบายที่มากเกินไป
ทันใดนั้น ผมไดยินเสียงพี่สาวตะโกนขึ้นวา “วา! อาไฉขี้แตก
แลว” พอชะงักฝเทาทันที ผมหันกลับไปมอง แลวก็เห็น “กอน
ทองคํา” กําลังหลนลงมาจากกางเกงเกาขาดปุปะของนองชายคนโตจริง
ๆ กลิ่นเหม็นสุดทนก็ตลบอบอวบตามออกมาทันที ทุกคนยกมือขึ้นอุดจมูก
ไว มีแตนองชายคนโตสติทึบเทานั้นที่ยังยืนยิ้มแฉงไมรูเรื่องอะไร สวนแม
นั้นก็ยิ่งไปกันใหญเลย เอาแตหัวรองอหายใชมือขางหนึ่งจับกางเกงตัวเอง
แนน แมหัวเราะเสียทองคัดทองแข็งเลยทีเดียว แลวสายตาอันแหลมคม
ของพี่สาวก็เหลือบไปเห็นเขา เธอรองออกมาวา “อาว! แมนะแม! ทําไมถึง
ฉี่ราดใสกางเกงอยางนั้นละ”
พี่สาวยังอุทานไดไมทันจบประโยคดี ไมเทาของพอก็ลอยมาถึงเสีย
22
แลว หวดแรกเขาที่นองชายคนโต แลวหักโคงกําลังจะลอยมาทางแม
บาง ผมลืมสิ้นไปหมดทุกอยาง รีบกระโดดเขาไปขวางหนาพอไว กางแขน
ออกกันไมเทาของพอ ปากก็รองบอกวา “พอ! อยาตีเลย อยาตีอีกเลยนะ
พอ แมกับอาไฉไมรูเรื่องอะไรหรอก แลวผมจะชวยทําความสะอาดใหพวก
เขาเองนะพอ อยาตีพวกเขาอีกเลย ตีอยางนี้เดี๋ยวพวกเขาก็ตายหรอก”
ขณะที่ผมพูดนั้น ไมเทาก็ยังคงกระหน่ําลงมาที่ตัวผมอยูไมยั้ง เจ็บ
เสียจนกลั้นน้ําตาไวไมอยู เสียงตะโกนขอรองก็อูอี้แทบไมเปนเสียงคน แต
พอกําลังโกรธเหมือนจะคลั่ง รัวตีไมหยุดและไมยอมฟงเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น
พี่สาวกับนอง ๆ ตางก็ตกใจกระโดดเขามากอดกันกลมดิก ทุกคนลืม
นึกถึงเรื่องความสกปรกทุกอยางไปเสียสิ้น
สวนผมรองไหจนไมรูจะรองยังไง ไดแตนั่งลงคุกเขากับพื้น กมหนา
รับไมของพอแตโดยดี พอตีจนตัวเองเหนื่อยจึงยอมโยนไมเทาทิ้งไป แลว
ทรุดตัวนั่งลงหอบกับพื้น แตผมก็ยังไมกลาขยับตัวเลยสักนิด
รอสักครู เมื่อเห็นวาพอเริ่มหายโมโหแลว ผมจึงคอย ๆ ขยับไปหา
พี่สาว พาแมกับนองชายไปลางตัวทําความสะอาดที่แมน้ําใกล ๆ บริเวณ
นั้น ขาทั้งคูของผมถูกตีจนบวมและชาไปหมด เวลาเดินเหมือนเหยียบบน
พื้นผิวที่เอียงลาด รูสึกตัวลอย ๆ ไมเหมือนเหยียบพื้นจริง ๆ สวนมือทั้งสอง
ขาง แมขยับแคนิดเดียวก็เจ็บราวไปถึงกระดูก แตผมไมมีมือเหลืออีก และก็
ไมมีเวลาที่จะนวดดวย ผมตองเรงมือหนอย ตองรีบเช็ดลางทําความสะอาด
นองชายคนโตใหเสร็จเรียบรอยกอนที่พอจะเริ่มโมโหขึ้นมาอีก ผมตองเรงอีก
หนอย ผมทําเหมือนสะกดจิตวา “ไมเจ็บนะ ไมเจ็บ ไมเจ็บเลยสักนิด
เดียว อาจิ้นเจ็บไมเปนจริง ๆ นะ” ผมเชื่อวาถาบอกกับตัวเองอยางนี้แลวจะ
ไดไมเจ็บ แตน้ําตาเจากรรมไมยอมฟงเสียงยังคงไหลพรั่งพรูออกมาไมหยุด
ตองลําบากลําบนกันเสียขนาดนี้กวาจะมาถึงเมืองจัวหลานได กอนอื่น
เราตองหาที่ที่เราจะยึดเอาเปนบานใหไดกอน แลวผมกับพี่สาวจึงจะถือขันบิ่น
23
ๆ ออกไปขอทานอยางหมดกังวลได พวกเราจนถึงขนาดขันที่ใชขอทานก็มี
เพียงใบเดียวเทานั้น เราตองเดินไปกลับอยูหลายรอบทีเดียวกวาจะหาอาหาร
มาไดมากพอสําหรับทุกคน แตพอนึกถึงเศษอาหารเหลือ ๆ เนื้อปลาติด
กาง กับเสียงทองรองของทุกคนในครอบครัวแลว ก็ทําใหเรามีพลังจูงมือกัน
วิ่งไป ๆ กลับ ๆ ขอทานในงานวัดรอบแลวรอบเลา
ขณะที่เรากําลังจะวนเวียนเขาไปขออาหารรอบที่สาม บังเอิญไดพบ
กับชายจรจัดคนหนึ่งที่กําลังเขามาขอทานในบานที่เรากําลังจะขอ
เหมือนกัน เมื่อเรากําลังจะเคาะประตูบาน ชายจรจัดคนนั้นก็หันมาจองหนา
เรา ผมกําลังจะหดมือแตเกิดนึกขึ้นมาไดวา ที่จริงเราก็คือเพื่อนรวมอาชีพนี่
นา เขาไมควรจะเอาเปรียบผมอยางนี้ ผมไมสนใจวาหนาตาเขาจะดูดุรายสัก
เพียงใด ผมสบตาเขา และรวบรวมความกลายกมือขึ้นเคาะประตูอีก
ครั้ง คราวนี้เขาปดมือผมออกพูดขึ้นวา “ออกไป แกสองคนนี่ไมรูจักดูเลย
นะ ไมเห็นหรือไงวาฉันยืนอยูตรงนี้แลว” พี่และผมมองเขาอยางไมเขาใจอยู
นานประมาณ 5 วินาที เขาถมน้ําลายแลวเงื้อมือขึ้นทําทาจะตีเรา ปากก็ขูไป
ดวยวา “มองหาสวรรควิมานอะไร เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวพอก็ควักลูกตาออกมาซะ
หรอก” เขาทําทาดุมากเหมือนกับจะกินเราเขาไปในทองอยางนั้นแหละ เรา
สองพี่นองเห็นแลวก็ตกใจกลัวกันลนลาน พี่สาวรีบลากมือผมหนีออกมา
“ทําไมตองดุขนาดนี้ดวย ก็เราไปถึงกอนชัด ๆ” ผมพูดอยางไมยอม
แพ
“อาจิ้น ชางมันเถอะ อยาหาเรื่องเลยนา” พี่สาวพูดดวยน้ําเสียงสั่น
เครือเล็กนอย
“ระวังใหดีเหอะ! คอยดูนะ เดี๋ยวผมจะไปชกหนามัน” ผมยังดื้อดึง
“อาจิ้น!”
พี่สาวทําเสียงดุใหผมเงียบ แตใจผมกลับคิดวาเราก็เปนขอทานเหมือน
24
ๆ กัน แลวทําไมตองมารังแกกันอยางนี้ดวยเลา ผมโกรธมาก เดินไปก็เตะ
หินตามขางถนนแรง ๆ เพื่อระบายอารมณไปตลอดทาง
พวกเราลองเปลี่ยนเสนทางใหม เดินไปแถวโรงงิ้วเผื่อวาจะโชคดี
ขึ้นมาบาง
ตั้งแตเกิดมาผมยังไมเคยเห็นงานวัดที่ไหนคึกคักเทาที่นี่มากอน
เลย บนเวทีงิ้วมีนางเอกกําลังรองหมรองไหพร่ํารําพันถึงพระเอกใจดํา ชุดที่
ใสก็สวยสดงดงาม ชายแขนเสื้อสะบัดไปมานาดูนัก แตนี่ยังไมสําคัญ
เทาไร ที่เด็ดไปกวานั้นคือ แผงตาง ๆ ที่ขายของอยูหนางานนั้น มีขายทั้ง
ผลไมเชื่อมเสียบไม ขนมสําลี ตุกตาปนน้ําตาล มีของนากินตาง ๆ แทบทุก
ชนิด แลวก็ยังมีแผงยิงปน ยิงลูกโปง ปาเปาเอารางวัลอีกดวย นอกจากนี้
ยังมีแผงขายผลไม ที่แผงนี้เขาจัดเรียงแตงโมที่ผาเปนซีก ๆ ไวขายดวย เนื้อ
แตงโมนั้นสีแดงฉ่ําดูนากินชะมัด
ผมกลืนน้ําลายดังเอื๊อก
ชาวบานตางหอบลูกจูงหลานมาเที่ยวงาน และแนนอนวาผูปกครองก็
จะตองซื้อของกินของเลนใหกับเด็ก ๆ ดวย แตผมกับพี่สาวไมมีเงิน จึงไดแต
ยืนตาปริบ ๆ มองดูเด็ก ๆ คนอื่นทั้งเลนทั้งกินกันอยางเพลิดเพลิน
มีเด็กหญิงผมเปยคนหนึ่งถือขนมสําลีคําเบอเริ่มเขาไปในปากเรียบรอย
แลว ผมเผลอแลบลิ้นออกมาเลียตามเธอบางโดยไมรูสึกตัว เหมือนกับ
ตัวเองก็กําลังกินขนมสําลีอยูเชนเดียวกัน
ยังมีเด็กชายอีกคนหนึ่งใชมือทั้งสองประคองแตงโมที่รูปรางเหมือน
พระจันทรเสี้ยวอยู แลวก็เริ่มดูดจั๊บ ๆ จากดายซายไปดานขวา หยุดนิดหนึ่ง
แลวก็เริ่มใหมจากดานขวาไปดานซาย น้ําหวานจากแตงโมที่แสนชุมฉ่ําเลอะ
ปากของเขาแลวคอย ๆ ไหลเปนทางยาวยอยตามแขนลงสูพื้นเปนหยด ๆ ผม
สูดปากตัวเองเต็มที่ รูสึกเสียดายน้ําแตงโมที่ไหลหยดติ๋ง ๆ ลงพื้นนั้น
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin
Litonjin

More Related Content

Viewers also liked

Viewers also liked (9)

Media storyboard
Media storyboardMedia storyboard
Media storyboard
 
Topic 4 management
Topic 4   managementTopic 4   management
Topic 4 management
 
Cga Conference April 29 Final
Cga Conference April 29 FinalCga Conference April 29 Final
Cga Conference April 29 Final
 
Bagaimana kanak2 belajar matematik
Bagaimana kanak2 belajar matematikBagaimana kanak2 belajar matematik
Bagaimana kanak2 belajar matematik
 
Public Opinion
Public OpinionPublic Opinion
Public Opinion
 
Demographics of Bingo Players in Canada
Demographics of Bingo Players in CanadaDemographics of Bingo Players in Canada
Demographics of Bingo Players in Canada
 
Technology Next :: Hindi Tech Magazine
Technology Next :: Hindi Tech MagazineTechnology Next :: Hindi Tech Magazine
Technology Next :: Hindi Tech Magazine
 
3. pentaksiran
3. pentaksiran3. pentaksiran
3. pentaksiran
 
National Gambling Report 2008
National Gambling Report 2008National Gambling Report 2008
National Gambling Report 2008
 

Similar to Litonjin

5 youngawakening leader camps words
5 youngawakening leader camps words5 youngawakening leader camps words
5 youngawakening leader camps wordsAnurak Menrum
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยAchara Sritavarit
 
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑peerapit
 
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )niralai
 
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นPanda Jing
 
ความหมายของสำนวน
ความหมายของสำนวนความหมายของสำนวน
ความหมายของสำนวนJoice Naka
 
สองพี่น้อง
สองพี่น้องสองพี่น้อง
สองพี่น้องPanda Jing
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
น้ำตาคนชั่ว (บุญช่วย ทองมาลัย)
น้ำตาคนชั่ว (บุญช่วย ทองมาลัย)น้ำตาคนชั่ว (บุญช่วย ทองมาลัย)
น้ำตาคนชั่ว (บุญช่วย ทองมาลัย)niralai
 
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบtommy
 
งูจ้าว
งูจ้าวงูจ้าว
งูจ้าวtommy
 

Similar to Litonjin (14)

5 youngawakening leader camps words
5 youngawakening leader camps words5 youngawakening leader camps words
5 youngawakening leader camps words
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
 
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
 
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
 
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
 
ความหมายของสำนวน
ความหมายของสำนวนความหมายของสำนวน
ความหมายของสำนวน
 
สองพี่น้อง
สองพี่น้องสองพี่น้อง
สองพี่น้อง
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
Short film2012
Short film2012Short film2012
Short film2012
 
น้ำ22
น้ำ22น้ำ22
น้ำ22
 
น้ำตาคนชั่ว (บุญช่วย ทองมาลัย)
น้ำตาคนชั่ว (บุญช่วย ทองมาลัย)น้ำตาคนชั่ว (บุญช่วย ทองมาลัย)
น้ำตาคนชั่ว (บุญช่วย ทองมาลัย)
 
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
 
งูจ้าว
งูจ้าวงูจ้าว
งูจ้าว
 

Litonjin

  • 2. 2 ไลตงจิ้น ลูกขอทานผูไมยอมแพตอชะตาชีวิต ตอนที่ 1 เรื่องของผม 22 ธันวาคม ป 1999 ผมยืนอยูบนเวทีในพิธีมอบรางวัล 10 เยาวชน ยอดเยี่ยมแหงป หลังจากที่ผมรับรางวัลแลวกลาวคําปราศรัยยาว 40 นาที สิ้นสุดลง เสียงปรบมือก็ดังกึกกองขึ้น ขาราชการผูใหญทั้งหลายตางก็ลุก ขึ้นปรบมือใหผม ในนาทีนั้นแมกับนองชายคนโตก็นั่งอยูในหองโถงพิธีดวย เชนกัน ผมมองพวกเขาที่นั่งอยูหนาเวที นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เราไดฟน ฝารวมกันมาแลว ผมกลั้นน้ําตาไวไมไหวจริง ๆ นี่ไมใชครั้งแรกที่ผมไดรับรางวัลหรือใบประกาศเกียรติคุณหรอก ครับ ตั้งแตเล็กจนโตผมเคยไดรับรางวัลและใบประกาศตาง ๆ เปนรอย ๆ ใบ สิ่งเหลานี้นับเปนกําลังใจที่ดีที่สุดสําหรับ “ชีวิตสวะ” ของเด็กขอทาน อยางผม ผมขอขอบคุณดวยใจจริง แดทุกคนทั้งที่เคยเปนกําลังใจและเคย ชวยเหลือผม มองยอนกลับไป ตลอดระยะเวลา 40 ปที่ผานมา เรื่องราว ตาง ๆ ที่เกิดขึ้นชางเหมือนภาพยนตรที่ฉายไปตัดมาอยางรวดเร็วในหัวของ ผม ชวงระยะเวลา 40 ปของผมชางยาวนานเสมือนเวลา 80 ปของคน อื่น เพราะแตละกาวนั้นเต็มไปดวยความเจ็บปวดและโศกเศรา แตละกาวที่ ยางไปขางหนานั้น ราวกับกาวเดินบนถนนกอนกรวด เลือดไหลซิบ ๆ แตก็ยัง ตองฝนยกเทากาวตอไป ยังดีที่ผมไมลมลง ยังดีที่ผมยืนหยัดมาไดจนถึงวันนี้ ยังดีที่ผมไมเคย ละทิ้งชีวิตนี้ไป กระผม นายไลตงจิ้น เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1959 พอเปน ขอทาน แมเปนคนปญญาออน “บานฉันชางนารักจริงเอง สะอาด สดใส มีพลานามัย และเปยม สุข” เมื่อไดยินเด็ก ๆ รองเพลงนี้ทีไร ใจผมกลับรูสึกวา “บานผมชางแปลก
  • 3. 3 เหลือเกิน” ก็ตอนที่พอตาแมยายผมหามลูกสาวเขาไมใหแตงงานกับ ผม บานนั่นนะเปนบานที่โคตรซวย บรมซวยที่สุดในโลกเชียวนะ” แลวผม จะมีหนาไปเถียงอะไรเขาไดเลา ในเมื่อบานผมก็เปนอยางนั้นจริง ๆ พอผม ไมไดเปนเพียงขอทานธรรมดา ๆ เทานั้น แตยังเปนขอทานตาบอดอีก ดวย แถมแมผมยังเปนคนปญญาออนที่มีภาวะอารมณผิดปกติ หมอบันทึก ลงในใบวินิจฉัยโรควาแมไอคิวต่ําเพียงระดับ 58 เทานั้น นี่คือเรื่องราวการเติบโตของผม เปนบันทึกชีวิตคลุกเลือดเคลาน้ําตา ที่พวกเราทั้งครอบครัวไดชวยประคับประคองกันมา ผมเลือกที่จะนําเรื่องราว เหลานี้มาบันทึกเปนหนังสือในวันนี้ เพื่อระลึกถึงคืนวันในชวงนั้น พอผมเกิดที่หมูบานเฉียนจู หมูบานเล็ก ๆ ที่แสนจะยากจนในอําเภอ อูรื่อ จังหวัดไถจง ปูยามีอาชีพรับจางทํานา เมื่อพออายุไดสี่ขวบ ปูก็ปวย ตาย ยาเลี้ยงดูลูกทั้งสาม (ไดแก พอผม ลุงและปา) แตเพียงลําพัง ใน สมัยนั้นแคการเปนหญิงมายก็ลําบากพออยูแลว แตนี่ยังมีลูกติดอีกถึงสาม คน จึงทําใหทั้งครอบครัวตองอดมื้อกินมื้ออยูบอย ๆ ซ้ํายังตองโดนดูถูก เหยียดหยามสารพัดดวยเหตุนี้ อีกสามปตอไป ยาจึงยอมแตงงานใหมไปอยู หมูบานซิ่วซาน อําเภอตาหยา โดยที่ลูกทั้งสามไมไดติดตามไปดวย ทุกคน ยังอยูที่อูเรือ ทํางานรับจางทั่วไป เลี้ยงวัว เลี้ยงควายบาง พอประทังชีวิตไป วัน ๆ เมื่อพออายุได 17 ป ยาก็เสีย ดังนั้นนอกจากพี่ชายกับพี่สาว แลว พอจึงไมมีญาติที่ไหนอีก แตกระนั้นสวรรคก็ยังไมปรานี สองป ตอมา จู ๆ ตาของพอก็เริ่มมีอาการผิดปกติ ในตอนนั้นทั้งลุงและปาตางก็ แตงงานแยกครอบครัวออกไปแลว ครอบครัวของแตละคนก็ลําบากมาก ไม สามารถดูแลนองชายคนนี้ได ประกอบกับแพทยในสมัยนั้นก็ยังไม พัฒนา ตาของพอจึงคอย ๆ บอดลงในที่สุด ที่นาแปลกก็คือ อีกสิบกวาป ตอมา ลุงกับปาก็ตาบอดทั้งสองขางเชนเดียวกัน ไมรูวาเพราะตั้งฮวงซุย บรรพบุรุษไมถูกตอง หรือเปนเพราะความผิดปกติทางพันธุกรรมกันแน คง ไมมีใครตอบได สรุปก็คือเมื่อพออายุได 22 ป ตาก็บอดสนิททั้งสองขาง
  • 4. 4 จากนั้นทานจึงเริ่มใชชีวิตวณิพก หากินดวยการเปนหมอดูบาง หมอ นวดบาง แตเนื่องจากกิจการไมคอยดีนัก โดยสวนใหญแลวพอจึงมักจะไป ดีดพิณขอทานตามตลาดสดบางตลาดโตรุงบาง ชีวิตพอมีเพียงแคไมเทาหนึ่ง อัน ชามบิ่น ๆ หนึ่งใบกับพิณอีกหนึ่งตัว ระหกระเหินไปทั่ว ค่ําไหนนอน นั่น ในใจพอคิดอะไรอยูนั้น ผมไมเคยเขาใจ บางทีชีวิตเรรอนขอทานของ ชายตาบอด อาจจะมีสิ่งนาพอใจอยูบางก็ได พอซัดเซพเนจรไปเรื่อยจนอายุ 32 ป วันหนึ่งพอเดินลัดเลาะไปจนถึง สะพานขามแมน้ําหมูบานจางฮวาเออหลิน กะวาจะนั่งพักขาใตรมไมใหพอ หายเหนื่อยเสียกอน พอนั่งลงก็ไดยินเสียงคลายกับคนรองครวญครางดังขึ้น ใกล ๆ ตัว แมพอจะมองไมเห็น แตฟงจากเสียงก็รูวาเปนเสียงของ เด็กผูหญิง เสียงโอดโอยนั้นบอกถึงความทรมานสุดทน พอสงสัยวาเธอ อาจจะปวย จึงยื่นมือออกไปแตะดู ตั้งใจจะถามเธอวาเปนอะไร แตเด็กหญิง ดูเหมือนจะไมเขาใจถึงจะถามแลวไมไดคําตอบ แตในสถานการณนั้น พอก็ ไมใจดําพอจะทิ้งเด็กหญิงไวตามลําพังได จึงนั่งลงที่พื้นใกล ๆ คอยอยูเปน เพื่อนเธอ ไมรูวานั่งไปนานเทาไร พอดีมีชาวบานเดินผานมาเห็นเด็กหญิงนอน รองโอดโอยอยูที่พื้น แกถอนใจยาว เลาใหพอฟงวา “จะวาไปแลวก็นา สงสารนะเด็กคนนี้นะ บานแกอยูที่หมูบานหยวนหลิน แตฐานะยากจน พอ เกิดมาก็ถูกยกใหเปนลูกบุญธรรมตระกูลเฉิงที่เออหลิน หยวนโตง แตที่แยไป กวานั้นก็คือ พอตระกูลเฉิงรูวาเด็กคนนี้ปญญาออนแตกําเนิด แลวยังเปนโรค ลมบาหมูอีก อยาวาแตเรื่องคารักษาพยาบาลเลย แคเลี้ยงดูพอแมบุญธรรม แกยังไมใสใจดูแล ไดแตปลอยแกตามยถากรรม จะอยูจะกินอยางไรก็ ชาง พอเด็กมันหิวก็จับมดจับแมลง ผลไม ผักหญาใสปากไปตามแตจะเก็บ ได เหนื่อยก็ลมลงนอนกับพื้นสะเปะสะปะไปทั่ว พอปวยก็ไดแตมานอนโอด โอยอยางที่เห็นนี่แหละ” พอพูดจบ ชาวบานคนนั้นก็ถอนใจยาวอีกเฮือก หนึ่ง แลวสายหนาเดินจากไป
  • 5. 5 พอคิดวา คนเราเกิดมาใตฟาผืนเดียวกัน พอเองก็ไมมีพอแม สวน เด็กคนนี้ก็ถูกทอดทิ้ง ทําไมในโลกนี้จึงมีคนนาสงสารมากมายนักนะ แมตัว พอเองจะตาบอด แตอวัยวะสวนอื่นก็สมบูรณดี ยังพาตัวไปขอทานได แม จะตองทนอดอยูบอย ๆ แตลมหายใจก็ยังไมสิ้น หากวาพอใจดําจากไปใน วันนี้ ไมรูวาเด็กที่นาสงสารคนนี้จะมีชีวิตถึงวันพรุงนี้หรือเปลา พอคิดได อยางนี้แลว พอก็ตัดสินใจวาจะพาเด็กหญิงนี้กลับไปรักษาที่อูรื่อบานเกิด ตัวเอง ดังนั้นทั้งสองจึงอยูกินกันเปนสามีภรรยากันมา ในสมัยนั้นยังไมมีอะไรที่เรียกวา “พิธีแตงงาน” เพียงคนสองคนอยู ดวยกันก็ถือวาเปนสามีภรรยากันไดแลว และเด็กผูหญิงปญญาออนที่ผมกําลัง กลาวถึงอยูนี้ก็คือแมผมเอง ตอนหลัง เวลาพอเลาถึงเรื่องนี้ทีไร จึงมักจะ พูดวาพอไป “เก็บ” แมมา ที่จริงจะวาอยางนี้ก็คงไมผิดนัก เพราะตอนนั้น พออายุ 32 ปแลว สวนแมอายุเพียง 13 ปเทานั้น ทั้งคูอายุหางกันถึง 19 ป ก็เหมือนเก็บเด็กมาเลี้ยงจริง ๆ นั่นแหละ คําพังเพยกลาววา “หงสคูหงส มังกรคูมังกร คางคกงี่เงาคูกับเตา เฒาหลังตุง คนหลังคอมคูกับคนปญญาออน” ไมรูอยางนี้ควรจะเรียกวา สวรรคบันดาลหรือสวรรคกลั่นแกลงดี ตอนที่ 2 ลูกยกโหล บานเรามีลูกทั้งหมด 12 คน ผมเปนคนที่สอง มีพี่สาวหนึ่งคน ปที่ ผมเกิดนั้นพอผมอายุได 42 ปแลว ตอนนั้นพวกเรารอนเรไปถึงหมูบานตงซื่อ ในไถจง ผมจึงเกิดที่ศาลเจาในสุสานแถว ๆ นั้น ศาลเจาในสุสานก็คือ คฤหาสนในยมโลกของพวกคนตายนั่นเอง ฮวงจุยเลยไมเลวนัก ดานหนามี แมน้ํา ดานหลังมีภูเขา หมอตําแยที่มาชวยทําคลอดให แตเชาตรูยังบอก ดวยวา ตอนที่แกทําคลอด แกเห็นมังกรเขียวตัวหนึ่งปรากฏตัวบนทองฟา
  • 6. 6 ดวย พอดีใจใหญ จึงตั้งชื่อผมวา “ตงจิ้น” หรือบางทีก็เรียกวา “ตงสุย” หลังจากผมเกิด แมก็ตั้งทองอีกทองแลวทองเลา คลอดตอ ๆ กันจน ครบ “หนึ่งโหล” ครอบครัวที่ยากจนเพียงนี้ แถมยังมีลูกมากขนาดนี้ ลําพัง ที่พอหามาเลี้ยงปากเลี้ยงทองนั้นก็แทบจะไมพออยูแลว จึงแทบจะไมตองพูด ถึงเรื่องเลี้ยงดูพวกเราเลย ผมจําไดวาทุกครั้งที่ผมออกไปขอทานกับพอ พอ จะตองผูกแมไวกับตนไมดวยเชือกหรือโซ เพื่อปองกันไมใหแมหนีไปเลน น้ํา เพราะหากวาแมเกิดหลงทางขึ้นมา พอตาบอดของผมก็ไมรูวาจะไปตาม แมไดที่ไหน เมื่อไมมีพอแมคอยอุมชูดูแล เด็ก ๆ ทุกคนในบานเราจึงตองชวยดูแล กันเอง เลนดิน กินทรายมาจนเติบโตขึ้น แตที่แสนจะโชครายไปกวานั้นก็ คือ นองชายคนโตปญญาออนและภาวะอารมณผิดปกติแตกําเนิด เพราะ กรรมพันธุจากแม นับแตนั้น คนที่ถูกผูกติดกับตนไมจึงไมใชแมเพียงคน เดียว แตยังมีนองชายคนโตเพิ่มมาอีกคน สําหรับพวกเรานั้น เนื่องจากพอมองไมเห็น ทานจึงตองหาเชือกสี แดงมารอยลูกกระพรวนผูกไวที่คอลูกทุกคน เพื่อจะไดฟงเสียงดูวาพวกเรา คลานเลนกันไปถึงไหนแลว ถาใครไปไกลหนอย พอก็จะรีบไปลากกลับมา เรื่องที่เกิดขึ้นตอนอายุได 5 – 6 ขวบนั้น ผมจําไดแมนยํา สวนเรื่องที่ เกิดขึ้นกอนสี่ขวบ สวนใหญเปนเรื่องที่พอกับพี่สาวเลาใหฟงภายหลัง พี่สาวเลาวา ตอนแรกที่มีเธอคนเดียว พอจะมีไมคานสําหรับหาบของ ไวบนบา มีถุงยามอยูที่ปลายทั้งสองขาง ขางหนึ่งไวสําหรับใสทารก นอย อีกขางไวสําหรับใสผาหม เทานี้ก็ไปไดทั่วปฐพีแลว พอมีผมเพิ่มมา อีกคนก็เทากับวามีภาระเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งปากทอง จะอาศัยแตการขอทาน ของพอคนเดียวก็เริ่มจะไมพอเสียแลว อีกอยาง จะขนยายทั้งครอบครัวใหญ ไปโนนมานี่คงไมใชวิธีที่ดีนัก
  • 7. 7 ดังนั้นเมื่อผมอายุไดขวบกวา พอเริ่มเดินไดก็เตาะแตะตามพี่สาว ออกไปขอทาน ผมจําไดวา พอแทบจะไมเคยแสดงความชื่นชมหรือยินดีตอ ใบประกาศนียบัตรใด ๆ ที่ผมไดมาจากการร่ําเรียนหนังสือเลยสักครั้ง แตมีอยู เรื่องหนึ่งที่พอมักจะพูดติดปากอยูเสมอ และในน้ําเสียงนั้นบอกถึงความภูมิใจ วา “ตอนที่อาจิ้นเพิ่งจะสองขวบนะ มันเดินขอทานตั้งแตหมูบานเฉาตุนถึง หมูบานผูหลี่เชียวนะ ระยะทางหางกันตั้งสี่สิบกิโลเมตรแนะ” ผมไมเขาใจวา ทําไมพอถึงชื่นชมกับเรื่องนี้หนักหนา แตพอมาคิดดู อีกทีก็คงเหมือนกับครอบครัวคหบดีที่หวังใหลูกชายมีความสามารถในวิชา คํานวณ ครอบครัวขุนนางขาราชการที่หวังใหลูกชายรูจักการเขาสังคมตาง ๆ และเมื่อเกิดในครอบครัวยากจน พอจึงหวังใหผมมีกําลังขาที่ดี และมีความ อดทนสูงกระมัง ระยะทางตั้ง 40 กิโลเมตร แลวผมก็เพิ่งสองขวบเทานั้น คิด ดูแลวก็นาหดหูเสียจริง ตอนผมหาขวบ แมก็คลอดลูกติดตอกันอีกถึงสามคน เนื่องจากพี่สาว เปนผูหญิงจึงตองคอยดูแลนอย ๆ อยูที่ศาลเจาในสุสาน สวนผมตอง เริ่ม “ขึ้นแทน” ไอเสือปนเดี่ยว ออกไปขอทานเพียงลําพัง แมจะอายุเพียงหาขวบ แต “ประสบการณ” ที่สั่งสมใน “พรรค กระยาจก” มาเปนระยะเวลาถึงสามปครึ่ง ทําใหการออกขอทานไมใชเรื่อง ลําบากอะไรนักสําหรับผม เพียงแตการขาดความรูเรื่องการคุมกําเนิดของพอ แม ทําใหแมตั้งทองและคลอดลูกตอเนื่องกันอยางไมหยุดหยอน ทุกครั้งที่มี ชีวิตใหมลืมตาขึ้นมา ไมมีความปติ ไรซึ่งการยินดี จะมีก็แตความกังวลใจใน ภาระที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งปากทอง และภายหลังผมตองเปนผูรับภาระหนักอึ้ง ที่จะตองดูแลครอบครัวที่มีถึงสิบสี่ปากทองเพียงลําพัง มันชางเปนเสมือน โศกนาฏกรรมที่ดูจะไมมีวันจบสิ้นสําหรับผม เสมือนถนนขรุขระที่ไมมี ปลายทาง กอนผมสิบขวบ ครอบครัวเราไมมีบานชองเปนหลักแหลง หรือแทบ จะเรียกไดวาเราตองนอนกลางดินกินกลางทรายกันจริง ๆ ผมผานวัยเด็ก
  • 8. 8 ทามกลางลมหนาว น้ําคาง แสงแดด พายุโหมกระหน่ํา มีตนไมเปน หลังคา ผืนดินเปนเตียงนอน และมีสุสานเปนบานของเรา พวกเราเคยอาศัยพักพิงมาแลวแทบทุกที่ ไมวาจะเปนใตตนไม ใต สะพาน ตลาดสด ใตเวทีโรงงิ้ว ปาราง ตามแตสภาพอากาศที่ผันแปรไปตาม ฤดูกาล พูดไดวาไมมีที่ไหนเลยที่เราอยูไมได ถาไปตามเมืองเล็ก ๆ เราก็ อาศัยกันตามโรงเรียนบาง ศาลาตามสวนสาธารณะบาง สถานีรถไฟ บาง หรือถาเปนหมูบานชนบท เราอาจพักกันตามสวนกลวย ไรออย โรง เพาะเห็น หลุมหลบภัย หรือแมแตในเลาหมูก็ยังเคย แตที่ที่เราอาศัยกันบอย ที่สุดคงจะเปนศาลเจาในสุสาน เพราะการนอนอยูกับคนตายนั้นไมตองถูกมอง ดวยสายตาดูแคลน และที่สําคัญคือ คนตายไมไลตะเพิดพวกเราแน เคยมีคนถามวา ทําไมผมจึงจําเรื่องราวในอดีตไดละเอียดชัดเจน นัก ผมคิดวาคงเปนเพราะวาชีวิตผมลําบากและสะเทือนใจมากเหลือเกิน ไม วาจะการดูถูกเหยียดหยามอยางไรก็เคยไดรับมาหมดแลว เรื่องแตละเรื่องที่ เกิดขึ้นเปนเหมือนเข็มแตละเลมที่คอยทิ่มแทงใจผม แลวผมจะลืมมันลงได อยางไร เพียงหลับตาลงครั้งใด เรื่องราวในอดีตก็แจมชัดขึ้นมาในความทรง จํา เหมือนแผลสด ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในหัวใจกระนั้น แลวจะใหผมลืมมันลงไปไดอยางไรเลา ตอนที่ 3 คนจรจัดไมมีสิทธิเจ็บไขไดปวย ตั้งแตเริ่มจําความได ชีวิตผมก็เรรอนไปไมมีที่สิ้นสุด ในชวงที่เราซัดเซพเนจรกันนั้น เนื่องจากพอมองไมเห็น แตเพื่อ ปกปองพวกเรา พอจึงตองพกอาวุธประจํากายไวเสมอ ซึ่งไดแก ไม คาน ไมเทา กอนหิน ตะปู และฆองที่ยามสมัยกอนใชตีเพื่อบอกเวลา
  • 9. 9 ประสบการณจากการพเนจรมาหลายป ทําใหพอกลายเปนคนที่หูไว มาก แมเพียงเสียงลมพัดใบไมไหว เสียงกระซิบเบา ๆ ลอยมาแต ไกล หรือกระทั่งเสียงงูเลื้อยในพงหญา พอพรอมจะยกไมเทาขึ้นมาปองกัน ภัยทันทีที่ไดยิน คราใดที่พบกับโจร คนจรจัด หรือพวกขี้เมาเขา พอก็จะมี เทคนิคสามอยางคือ ขอแรก ตีฆองสุดแรง ใหดังจนคนแปลกหนาตกใจวิ่งหนีไป ขอสอง ทําเปนตั้งทามาตรฐานมวยจีน ใหดูเหมือนวาตัวเองนั้นเปน นักบูมือหนึ่ง แลวแกลงทําหนาตาใหถมึงทึงขึงขังเขาไว เหมือนจะขู วา “อยามายุงกับขา” ถาสองวิธีนี้ยังไมไดผลอีก พอก็จะเปลี่ยนมาใชเทคนิคขอที่สาม คือ หยิบกอนหินสามสี่กอนในถุงยามออกมาปาไปทางคูตอสู พอบอกวาทา นี้มีชื่อวา “ทาลิงเด็ดลูกทอ” เคล็ดลับอยูที่การเคลื่อนไหวตองรวดเร็วเปน พิเศษ ภายหลังพอสอน “ทาลิงเด็ดลูกทอ” นี้ใหผมและพี่สาวดวย ดังนั้น ในถุงยามของเราจึงมีหินสองสามกอนพกไวเพื่อปองกันตัวเสมอ ทุกครั้งที่ครอบครัวเราเดินไปถึงหมูบาน ก็มักจะเปนที่ดึงดูดความ สนใจแกชาวบานที่ไดพบเห็นเสมอ บางคนเห็นครอบครัวเราแลวก็ เวทนา จนตองนําอาหารมาใหตั้งแตพวกยังไมทันไดเอยปากขอเสียดวยซ้ํา ไป สวนตัวผมก็เหมือน “พอวัว” ตัวหนึ่งที่ลากลูกวัวขางหลังอีกเจ็ดตัวให คอยเดินตาม และแนนอนพวกเราทุกคนเดินเทาเปลา ชาวบานนอกสวนใหญมีสัตวเลี้ยงกันทั้งนั้น ถาเดินไมระวังก็อาจ เหยียบโดนขี้วัว ขี้ควาย ขี้หมา หรืออาจเปนขี้ของสัตวอื่นเลอะติดเทาของเรา ได เวลานั้นผมยังเด็กมาก ไมรูวาเหม็นหรือหอมอยางไร รูแตวามันเปนเรื่อง ที่นาขํามาก แตพอหัวเราะขึ้นมา ถึงพอจะตาบอด ไมเทาของพอก็จะลอยมา ฟาดผมดังเผียะเขาทันที แลวพอก็จะใหผมเอาขันไปตักน้ําตามบอมาลางให สะอาดกอน จึงคอยเดินทางกันตอ
  • 10. 10 การเดินทางดวยเทาเปลาทุกวัน ทําใหฝาเทาของเราดานจนเปนชั้น หนา ๆ หนาขนาดที่วาถาหากพลาดไปเหยียบโดนเศษกระจกเขา ก็ไมแนวา เศษกระจกนั้นจะแทงทะลุเนื้อไดหรือเปลา แตถึงจะพลาดไปเหยียบโดนตะปู หรือของแหลมคมอื่น ๆ เขา พอก็มีวิธีรักษาแปลก ๆ เฉพาะตัวคือ ถาเหยียบ โดนตะปูหรือถูกเศษกระจกบาด ใหใชดินทรายปดปากแผลไว แตถาถูกหมา กัดก็ใหใชขี้หมูมาทาแทนยา ไมมีอะไรที่เรียกวาอนามัยหรือไมอนามัยเลย สําหรับพวกเราที่คลานเลนกับพื้นดินมาตั้งแตเล็ก ๆ หิวเมื่อไรก็หยิบดินหยิบ ทรายยัดใสปาก ใครใหอะไรมาก็กินลงไป บางครั้งเม็ดขาวหลนลงพื้นก็ยัง เอามาใสปาก ไมสนใจเรื่องสะอาดเรื่องสกปรก ไดแตกลืนลงทองไปเหมือน ๆ กัน คนจรจัดไมมีสิทธิเจ็บไขไดปวย เพราะพวกเรายังตองเดินทางกัน ตลอด ระหวางที่เรรอนไป พอก็จะคอยสอนใหผมเก็บเอาพวกกอนหิน เศษ กระจกและตะปูที่ตกอยูตามทางเดินออกไปทิ้ง หรือหากเปนหลุมขนาด ใหญ ใหใชไมผูกผามาปกไวเปนสัญลักษณ เพื่อไมใหคนที่รีบเดินตอน กลางคืนอาจไมทันระวังสะดุดลมเปนอันตรายได พอบอกวา “เมื่อตัวเองเคย เจ็บมาแลวก็อยาใหคนอื่นมาเจ็บซ้ํารอยเดินอีก” พอเปนคนไมมีการศึกษา แตเรื่องราวมากมายที่พอไดสอนใหแกพวก เราลวนเปนเรื่องที่ออกมาจากใจจริงทั้งสิ้น ตอนที่ 4 รูที่จะปรับเปลี่ยน รูที่จะอยูรอด ฟายังไมทันสวาง ผมกับพอก็ตองเตรียมตัวออกจากที่พักกันแลว จากที่พักของเราคือศาลเจาในสุสาน เดินออกจากสุสาน ขามเขาเตี้ย
  • 11. 11 ๆ ลูกหนึ่ง ตัดผานทางเดินตามคันนาเล็ก ๆ ทะลุถนนเสนเกษตรกรรม กวา จะมาถึงหมูบานที่ใกลที่สุดก็เปนระยะทาง 1 – 2 กิโลเมตร ทางเดินก็แสนจะ ขรุขระ ผมตองคอยจูงพอเดินดวยความระมัดระวังไปตลอดทาง พอมาถึงหมูบาน พอก็จะพาผมไปเดินเคาะประตูตามบานทีละหลัง ๆ ตอนนั้นผมยังเล็กมาก แลวพอก็ตาบอดดวย จึงทําใหมีเรื่องวุน ๆ เกิดขึ้นกัน อยูหลายครั้งทีเดียว เชน ครั้งหนึ่งที่เรามาเคาะประตูบานหลังหนึ่ง พอประตู เปดออกมา เจาของบานก็ถมน้ําลายใสหนาเราทันที พรอมกับตะโกนดาเสียง ลั่นวา “เคาะหาอะไร ตาบอดเรอะ ไมเห็นหรือไงวาเรากําลังจัดงานศพกัน อยูนะ! หา!” โธ! ก็ผมมองไมเห็นจริง ๆ ตอนนั้นผมยังสูงไมถึงรอย เซนติเมตรดีเลย แลวจะรูไดอยางไรวามีงานศพ พอรีบขอโทษขอโพยเขา ยกใหญ แลวเราสองคนก็รีบหลบออกมา เมื่อมาถึงบานอีกหลัง ยังไมทันจะเดินเขาไปใกลสักเทาไร หมาตัว โตตัวหนึ่งเหาเสียงดังขึ้นพรอมกับกระโจนออกมาทันที เราตกใจใสเกียรถอย หลังหนีแทบไมทัน คนหนึ่งตาบอด อีกคนหนึ่งก็เด็กเล็ก ไมรูจะวิ่งไปทาง ไหนดี ลุกลี้ลุกลนวิ่งชนกันเองเขา ผมโดนพอลมทับเอาอยางจัง เจ็บจน รองไหจา แถมยังถูกพอดาซ้ําอีกวา “หนอย! ขาตาบอดแลวแกก็เลยไมมีตา ดวยหรือไง” ผมเอามือนวดหัวเขาขางที่เจ็บ รองไหพลางจูงพอเดินตอไป พอก็ยิ่ง โมโหหนักเขา ตะเบ็งเสียงดุผมอีกวา “แลวแกจะรองไหหาอะไรอีก หา!” ผมไมกลาสงเสียงอีก พอน้ํามูกไหล ก็ไดแตเบะปากเดินตอดวย ความนอยใจ ไมงายเลยกวาจะมีคนนําอาหารเหลือที่บูดจนเริ่มสงกลิ่นเปรี้ยว มาใหเรา กระนั้นเราก็ยังซาบซึ้งใจยิ่ง เฝาขอบคุณแลวขอบคุณเลา จากนั้น ก็มาเคาะประตูบางขาง ๆ พอเจาของบานเปดประตูผัวะออกมา ก็จองหนาเรา แลววา “จนจนผีจะมารับไปอยูแลว ยังตองมาทําบุญทําทานใหพวกแกอีกหรือ ไงวะ วาแตนองชาย ไอกับขาวของพวกแกนั่นนะ เอามาเผื่อแผใหพวกเรา กินบางไดไหม!”
  • 12. 12 ผมรูสึกตกใจมากที่เขาอยากไดอาหารของเรา จึงรีบจูงพอเดินหนี ไป นึกไมถึงเลยวา ในโลกนี้จะยังมีคนที่อยากไดแมแตขาวของขอทาน ดวย ผมไมเขาใจเลยจริง ๆ ใกลเที่ยงแลว อาหารในขันใบเล็กของผมเพิ่งจะไดมาแคสองสวนเทา นั้นเอง ไหนเลยจะพอกินกันทั้งบาน พอนึกขึ้นไดวาตอนนี้เปนเวลาที่พอคา แมคาในตลาดสดของหมูบานกําลังเก็บแผงกันพอดี ผมก็รีบจูงพอดิ่งไป ขอทานที่แผงผลไมทันที พวกเด็ก ๆ กลุมที่อยูไกล ๆ โนนเห็นเราเขา ตาง พากันตะโกนลอเลียนวา “เร็วเขา! รีบมาดูนี่เร็ว ขอทานมาแลว ไอตัว สกปรก ไอตัวนารังเกียจ แหวะ ไอขอทานตัวเหม็นมาขอขาวเขากิน แหวะ” พอคาเจาของแผงคงจะสมเพชพวกเรา จึงหยิบเอาผลไมที่ช้ําจนขาย ไมไดแลวยื่นใหแกพวกเราจํานวนหนึ่ง แมวาผลไมที่พอคาหยิบยื่นใหจะช้ํา จนแทบจะเนาแลว แตผมก็ยังรูสึกวามันชางหวานหอมเหลือเกิน พอไดผลไมมา ผมก็นํามาคัดสวนดีเก็บไวใหสําหรับพอกับแม กอน จากนั้นตัวเองคอยกินสวนที่เหลือ เมื่อหวนคิดถึงสมัยนั้นแลว ผมก็ไมรู เหมือนกันวาเอาชนะความอยากของตัวเอง ยอมกินนอยและกินแตสวนที่แยนี้ ไดอยางไร ไมรูวาความรูสึกกตัญูกตเวทีเหลานี้ผมไปเรียนมาจากไหน ผม ไมรูเลยจริง ๆ ชวงป 1960 นั้น ไตหวันยังเปนสังคมเกษตรกรรมเล็ก ๆ ประเทศ หนึ่ง ประชากรทุกครัวเรือนไมวาจะเปนเจาของที่ดินหรือชาวนาก็ตองพึ่งพา ฟาฝนเปนหลัก ฝนตกมากเกินไป พายุเร็วเขาเกินไป หรือแลงเกินไป ก็ ลวนแตเปนปญหาที่สงผลตอการเก็บเกี่ยวทั้งนั้น และในชวงที่ประสบปญหา ภัยธรรมชาตินี้ ชาวบานก็จะหนาดําคร่ําเครียด พวกเราก็ยิ่งขอทานไดยาก ยิ่งขึ้นไปอีก แตจะทําอยางไรไดเลา ในเมื่อทุกชีวิตก็ยังตองอยูตอไป ดวย เหตุนี้พอจึงลงทุนซื้อสิงโตผามาหนึ่งชุด ใหพี่สาวซึ่งตัวสูงกวาอยูดานหนา เปนหัวสิงโต สวนผมตัวเล็กกวาอยูดานหลังเปนหางสิงโต แลวเอาถุงใสเงิน
  • 13. 13 เล็ก ๆ มามัดที่เอวกางเกงของเราสองคนไว ผมกับพี่สาวชวยกันเชิดสิงโต ทั้งรองทั้งเตนไปแทบทุกบาน ไมวา ชาวบานจะตองการโชคลาภจริง ๆ หรือวาตองการจะไลพวกเราก็ตาม แตก็ ยอมควักเศษสตางคจายใหพวกเรามากบางนอยบาง มีอยูครั้งหนึ่งเราสองพี่ นองพากันเชิดสิงโตอยูที่หนาบานหลังหนึ่ง เชิดอยูนาน แตเจาของบานก็ไม ยอมเหลียวแลพวกเราสักที อากาศก็รอนจัด พวกเราอยูใตผาคลุมเหงื่อแตก ชุมเสื้อไปหมด แตเมื่อยังไมไดสตางค เราก็ไมยอมจากไปงาย ๆ ผมกับพี่สาวยิ่งเชิดก็ยิ่งมัน เตนจนชนกันเอง ตางคนตางลมลง แลวก็ ชวยพยุงกันลุกขึ้นมาใหม เสียงกระดิ่งที่ติดอยูกับผาคลุมสิงโตก็พลอยกระทบ กันเกิดเสียงดังกรุงกริ๋งนารําคาญ แตไมนึกเลยวาเจาของบานจะโมโหมากจน เขาไปปลอยหมาออกมาไลพวกเรา และเพราะพี่สาวเปนหัวสิงโต เธอจึง มองเห็นเขี้ยวอันแหลมคมของเจาหมาตัวนั้นกอน เธอตกใจกลัวรีบหมุนตัว กลับหลังวิ่งหนาตั้ง แตผมสิ ผมเปนหางสิงโตอยูดานหลัง มองไมเห็นอะไร เลย เราสองคนจึงชนกันเต็มรัก จนสิงโตแทบจะพังหมด ผมกับพี่สาวไมเคยไดรับ “การเขาคอรส” ฝกฝนใด ๆ ทั้งสิ้น จะทํา อะไรก็อาศัยแตครูพักลักจําเอาเทานั้น ที่พากันเชิดสิงโตก็ไมเคยลงเทาได เขาจังหวะเลย เอาแตวาไมตองหกลมหัวคะมําก็ตองถือวาบุญโขแลว ความ จนสอนใหเราเรียนรูที่จะปรับเปลี่ยน และการปรับเปลี่ยนทําใหผานอุปสรรคไป ได และที่คือปรัชญาของการอยูรอด ตอนที่ 5 ปรัชญาจากศพ ความกดดันในชีวิตสอนใหผมโตเร็วกวาเด็กทั่วไป พออายุไดสี่ ขวบ ผมก็เริ่มรูจักหาเลี้ยงครอบครัวไดดวยตัวเองแลว เพราะเราตองซัดเซพเนจรไปทั่ว เราจึงรูไดไมยากวาบานไหนมีคน
  • 14. 14 ตายบานไหนกําลังจัดงานศพ ขอใหเรารู เราจะแลนไปถึงทันที เพื่อจะไป ถามดูวาทางบานนั้นขาดลูกมือบางไหม ตองการคนแบก “เหลียน จู” หรือ “เหลียนจง” บางหรือเปลา ที่เรียกวา “เหลียนจู” และ “เหลียน จง” คืออุปกรณที่บานเจาภาพงานศพใชเปนเครื่องนําขบวนในพิธีเคลื่อนยาย ศพ เดินอยูหัวแถวถือธงแดงและธงขาว “เหลียนจู” คือการเอากานไมไผ ผูกธงแดง สวน “เหลียนจง” คือการเอากานไมไผผูกธงขาว ใหสองคนถือ ขางละอัน ตามปกติคนที่ยืนหัวแถวถือเหลียนจู เหลียนจงนั้นจะเปนลูกชาย ของผูตาย แตถาผูตายไมมีลูกชายก็จะตองเชิญผูอื่นมาชวยถือให หลายคนอาจกลัวที่จะชวยทําหนาที่นี้ แตสําหรับเด็กที่โตมาในสุสาน อยางผมแลว การแบกเหลียนจูถือเหลียนจงไมไดเปนเรื่องเลวรายอะไร นัก กอนอื่นเจาภาพงานศพก็ตองหออั่งเปาใหเรา คาแรงก็ประมาณ 2 – 3 เหมา รับเงินแลว เจาภาพยังจัดหาชุดกระสอบไวทุกขใหกับเราอีก ในพิธี ศพจะมีนักบวชนําสวด แลวญาติ ๆ ในบานเจาภาพจะสวดตามทีละ วรรค สวดมนตเสร็จแลวยังมีการแสดงกายกรรมอีกดวย การแสดงนี้ บางครั้งมีคนขี่มาเหล็กลอเดี่ยว บางครั้งก็เปนการโยนรับ ลูกบอลหลาย ๆ ลูกพรอม ๆ กัน นักแสดงบางคนใชจมูกเปาเครื่อง ดนตรี บางคนเหยียบกระดานไมที่วางบนลูกกลม ๆ ลื่นไปลื่นมา การแสดง เหลานี้นี้พอดูบอยเขาก็ชักไมมีอะไรแปลกใหม แตที่สําคัญที่สุดก็คือในบาง ตอนของการแสดง นักแสดงจะโยนขนมและลูกอมตาง ๆ ใหเด็ก ๆ ที่มาดูการ แสดงอยูรอบ ๆ และที่ผมทนยืนขาแข็งเปนชั่วโมงก็เพื่อนาทีนี้ละ เปนนาทีที่ ผมรูสึกตื่นเตนดีใจที่สุด ผมกับพี่สาวตางก็หยิบไดขนมบิสกิตคนละ ชิ้น พี่สาวกัดคําเล็ก ๆ คําหนึ่ง เธอหันมาสงยิ้มหวานใหผม ถามวา “อาจิ้น ของเธออรอยไหม” ชิ้นที่พี่สาวหยิบไดนั้นเปนขนมบิสกิตที่มี น้ําตาลกรวดสีชมพูโรยหนา สวนของผมเปนบิสกิตไสเนย “อืมม...อรอย อรอยมาก ๆ” ผมพูดพลางยัดขนมที่เหลืออีกครึ่งเขา ปาก พอเห็นพี่สาวกําลังกัดขนมทีละคําเล็ก ๆ ราวกับกลัวขนมจะหมดไป ผม
  • 15. 15 ก็ไดแตกลืนน้ําลายดังเอื๊อก “งั้นพี่แบงใหเธอครึ่งนึงก็แลวกัน” พี่คงมองออกวาผมอยากกิน อีก เธอบิบิสกิตใหผม แตบิสกิตนั้นกรอบรวน มันจึงแตกงาย พอเริ่มบิ เทานั้น เศษขนมปงก็รวงลงมา ผมรีบเอามือเขาไปรองเศษขนมปงไวดวย ความเสียดาย จะกินทิ้งกินขวางไมไดหรอก แลวเราสองพี่นองก็มองหนากัน พรอมกับหัวเราะออกมา รสหวาน ๆ ของขนมและลูกอมพวกนั้น ผมยังจําไดไมรูลืมมาตราบ จนกระทั่งวันนี้ พองานศพสิ้นสุดลง โดยทั่วไปเจาภาพก็มักจะจัดโตะกินเลี้ยง เพื่อ เชิญญาติ ๆ และแขกที่มารวมงานรับประทานอาหารกัน ผมก็รอจนกวาพวก เขาจะกินเสร็จ จากนั้นก็ขอ “ของเหลือ” ที่เทรวมกันมากิน แมจะเปนเพียง เศษอาหารที่มีทั้งรสเผ็ดเปรี้ยวหวานเค็มมัน ทุกรสชาติผสมรวมกันก็ตาม แต นี่คืออาหารมื้อที่ดีที่สุดในประวัติการเรรอนขอทานของเราเลยทีเดียว ใน บางครั้งถาเศษอาหารมีมากพอ เราก็อาจจะมีเหลือไวกินถึงพรุงนี้ได ไมวา มันจะเย็นจะเปรี้ยวแคไหน เราก็กินกันไดไมตะขิดตะขวง หากตองการมีชีวิต ตอไปก็ตองมีกระเพาะอาหารที่ทนทานเชนนี้แหละ สิ่งที่เราตองระวังที่สุดคือ บางครั้งที่เจาภาพเทเศษอาหารรวมกัน ก็ อาจเอากางปลาเทลงไปดวย และหากบังเอิญนองเล็ก ๆ กําลังหิวโหย อยู พอเห็นอาหารก็กระโจนเขามาตั้งหนาตั้งตากิน ไมดูใหดีเสียกอน ผล ของการไมระวังก็คือกางปลาติดคอ เจ็บจนพวกเขารองไหกันจาละหวั่น เรา ตองชวยกันทั้งตบหลังทั้งลวงคอ กวาจะเอากางปลาออกมาไดไมใชเรื่องงาย เลย ขอดีของการรวมงานศพยังไมจบเทานี้ ทั้งชุดเสื้อขาวกางเกงขาวที่ เราสวมอยูนั้น พอถอดออก เจาภาพก็ใหเอากลับบานได เอาเถอะ ถึงจะ เปนชุดไวทุกข แตก็ดีกวาไมมีอะไรใสเลยไมใชหรือ และโดยทั่วไปเมื่อฝง
  • 16. 16 ศพผูตายแลว เจาภาพก็จะเอาเสื้อผาเครื่องใชของผูตายไปเผาหรือทิ้ง ผม เห็นแลวก็แสนจะเสียดาย จึงรี่ไปขอเสื้อผาเหลานั้น โดยไมเลือกสีหรือ ขนาด (แนนอนวา เมื่อเทียบกับเด็กอยางเราแลว เสื้อผาเหลานั้นใหญกวา มาก) เอาแคใหความอบอุนไดก็พอแลว ถาเสื้อตัวใหญเกินไป เราก็พับแขน ขึ้นหลาย ๆ ทบ แตถาขากางเกงยาวเกินไป ก็ไดแตปลอยมันลากพื้นไป อยางนั้น บางมีมันก็พันแขงพันขาจนสะดุดลมไปก็มี สิบปมานี้ ทุกคนในบานเราไดใสแตเสื้อผาเหลานี้ ไมเคยแบงวาตัว ไหนเปนของใคร ใครหยิบไดตัวไหนก็ใสตัวนั้น แลวก็ยังมีเรื่องที่แสนจะนา อายอยูอีกเรื่องคือ เสื้อผาของผูตายที่เขาทิ้งเปนชุดชั้นนอกเทานั้น ไมมีชุด ชั้นใน ดังนั้น ตลอดระยะเวลาที่เราเรรอน ผมจึงไมเคยใสกางเกงในเลย! ในชวงที่ผมไดรับจางถือเหลียนจงเหลียนจูนั้น ทําใหผมมีโอกาสได เขารวมในพิธีกรรมตั้งแตตนจนจบ ทั้งพิธีปดฝาโลง พิธีเซนไหว ตลอดจน พิธีการฝงศพดวย ผมไดเห็นภาพการลาจากกันทีละฉาก ๆ โดยเฉพาะตอน ตอกฝาโลง หรือตอนขุดดินเพื่อฝงศพนั้น นับเปนฉากที่เศราอาดูร ที่สุด เพราะเหมือนเปนการตอกย้ําวาจะไมไดเจอผูตายอีกตลอดไป ญาติพี่ นองของผูตายก็จะยิ่งร่ําไหคร่ําครวญหนักยิ่งขึ้น บางคนถึงกับกระโดดลงไป กอดโลงไว ไมใหเอาดินกลบโลงก็มี หรือที่รองไหจนเปนลมลมพับไปก็ หลายคน พอเห็นความรักความอาลัยอยางสุดซึ้งนี้แลว แมคนนอกอยางผม ก็ยังอดรองไหตามไปดวยไมได เมื่อมาคิด ๆ ดู แมพอกับแมผมจะเปนคนพิการทั้งคู แตอยางไรทานก็ ยังอยูเคียงขางผม เทียบกับพวกเขาที่ตองเสียญาติมิตรไป ผมยังโชคดีกวา มาก ผมบอกกับตัวเองวา การตอบแทนพระคุณพอแมนั้นควรจะทําให ทันเวลา และควรจะทะนุถนอมสิ่งที่มีในตอนนี้ใหดีที่สุด แตไหนแตไรมา ตราบจนกระทั่งวันนี้ ผมไมเคยโกรธหรือคิดที่จะกลาวโทษพอแมเลย อาจ เปนเพราะผมไดขอคิดนี้ตั้งแตอายุสี่ขวบก็เปนได
  • 17. 17 ตอนที่ 6 แมหายไปไหน เชาวันหนึ่งเมื่อผมและพี่สาวจูงมือกันเดินกลับจากออกไป ขอทาน ตอนนั้นเกือบ ๆ สิบโมง ทันทีที่พอไดยินเสียงเรากลับมาก็รีบหยิบ ไมเทาเดินออกมาหา สีหนาพอดูซีดเผือด บอกกับเราวา “เร็วเขา! แมกับ อาไฉหายไปไหนก็ไมรู” พอผมหันกลับมาดูก็พบวาใตตนไมนั้นเหลือเพียงแตเชือกและโซเปลา ๆ ไมมีแมเงาของแมกับนองชาย ผมกับพี่สาวรีบวิ่งออกมาขางนอก แลว แยกยายกันออกไปตามหาแมกับนองชายคนโต เราตางก็เดินไปตะโกน ไป “แม-อาไฉ! อยูไหนกันนะ แม!!!” ทุกซอกทุกมุมของหมูบานก็คนหากันจนทั่วแลว แตยังไมพบแมแต เงาของทั้งคู ทั้งหวั่นใจวาพวกเขาจะหายตัวไป ทั้งกลัววาจะเกิดอุบัติเหตุ ขึ้น พี่สาวรอนใจจนรองไหออกมา กระนั้นขาทั้งคูก็ยังไมยอมผอนแรงวิ่งตาม หา เสียงเรียกหาปนเสียงสะอื้นสะทอนทั่วทั้งหมูบานที่แสนยากจนแหงนี้ ฟง แลวใหความรูสึกวังเวงยิ่งนัก ฟาก็ยังไมวายใหฝนตกมาเวลานี้อีก เนื้อตัว เสื้อผาเปยกชุมทั้งน้ําฝนและเหงื่อ ใบหนาสกปรกของเราโดนฝนชะลาง ก็ เลยดูมอมแมมเหมือนกับลูกแมวลายจรจัดยังไงยังงั้น เมื่อตามหาจนทั่วหมูบานแลวยังไมพบ เราจึงเริ่มออกตามหาดานนอก หมูบาน ตะโกนกูรองจนเสียงแทบไปหมด แตก็ยังไมเห็นวี่แววของแมกับ นองชายคนโตเลยแมแตนอย ทั้งคูตางก็สติไมสมประกอบ หากเดินออกไป ไกลจริง ๆ กลัววาจะกลับมาไมได โธ! สวรรค แลวผมควรจะทําอยางไรดีละ นี่ ขณะที่ผมกําลังหวั่นใจอยูนี่เอง สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเงาคน เคลื่อนไหวอยูในพงหญา ผมรีบกระโจนเขาไปหาทันที ฮา! ใชแมจริง ๆ ดวย! ขอบคุณสวรรค แม! ใชแมผมจริง ๆ ดวย! ผมตะโกนลั่นออกมาดวย ความยินดี ตอนนี้ผมถึงไดเห็นวาแมตกลงไปในบอน้ําขางคันนา
  • 18. 18 ดีนะที่โซยังไมหลุดออกจากขอมือแม ผมก็ออกจะไรเดียงสาไปหนอย ที่เขาใจวา แคควาโซเหล็กไดก็จะชวยเอาตัวแมขึ้นมาได แตในความเปน จริง แมกลับไมไดใหความรวมมือกับผมเลยสักนิด มีแตจะใชแรงดึงดันกับผม เทานั้น ตางก็ยื้อยันกันไปมา ตูม! ตัวผมหลนลงไปในน้ํา แถมหลนลงไปก็ ไมเบานักทําเอาผมเปยกโชกไปทั้งตัวเลยทีเดียว แตผมก็ยังไมยอมแพ ยัง ออกแรงดึงแมขึ้นจากบอน้ํา ตอนนี้แมเริ่มโมโหขึ้นมาบางแลว จึงตอตานผม สุดแรง แลวก็ผลักผมลงไปในน้ํา ผมตะเกียกตะกายขึ้นมาใหมอีก สองคน ตางก็ลมลงไปในบอนั่นเอง ดีที่บอน้ําไมลึกนัก เราจึงไมเปนอะไรมาก แค กินน้ําโสโครกไปหลายสิบอึก กับน้ําเขาตาจนแสบจะลืมไมขึ้นเทานันเอง แมตองเขาใจผิดคิดวาผมเปนคนรายแนนอน จึงไมยอมกลับบานกับ ผม ผมจึงตะโกนบอกแมวา “แม! แมครับ! นี่อาจิ้นเองนะแม แมมองผมสิ ครับ นี่อาจิ้นนะ!” แตเสียงตะโกนกองของลูกชายก็ไมสามารถเรียกสติของ แมใหกลับมาได แมเพียงมองผมดวยสายตาวางเปลาอยูสองสามวินาทีกอนที่ จะตะโกนขัดขืนตอ ผมยืนอยูกลางบอน้ํา ปลอยโฮออกมาอยางอดไมได แลวโผเขากอด แมไวแนน แมจะตอยจะทุบอยางไร ผมก็ไมหลบไมถอย ปากก็ตะโกน รองไห “แม...แม...นี่ผมเปนลูกแท ๆ ของแมนะ! แม ผมเปนลูกที่แมคลอด ออกมานะ แมผมอาจิ้นนะแม” มีบางครั้งที่ผมรูสึกแคนใจเหลือเกิน ในโลก นี้จะมีแมสักกี่คนกันนะที่จําลูกตัวเองไมได แลวทําไมคนคนนั้นถึงตองเปนแม ผมดวย สักครู พี่สาวก็ตามมาพบเขา เราสองคนชวยกันทั้งปลอบทั้งขูแมอยู นานกวาจะพาแมขึ้นมาจากบอน้ําได และกวาจะลากแมกลับมาถึงสุสาน “บาน” เราได ก็แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงกันเลยทีเดียว พอกลับถึง “บาน” ผมกับพี่สาวก็หมดแรงลมตัวลงกับพื้น หอบฮัก ๆ จนหายใจหายคอแทบไมทัน สวนพอโมโหมาก ควาไมเทาไดมือนึง มืออีก ขางก็ดึงโซที่ขอมือแมไว แลวใชไมเทากระหน่ําตีไมยั้งมือ แมที่นาสงสาร
  • 19. 19 ของผมเนื้อตัวเปยกชุม ทรุดนั่งกองลงไปกับพื้น ไดแตรองโอดโอย ผมกับ พี่สาวตะโกนหามสุดเสียง “อยาตีนะ อยาตี” พอตีอยางนี้เดี๋ยวแมก็ตาย หรอก!” แตพอกําลังโมโหจัด ไหนเลยจะยอมฟงเสียง เราไมรูจะหาม อยางไร เลยตองคลานเขาไปกอดแมไว คอยเอาตัวเองบังรับไมเทาของพอ แทน จนพอรูสึกตัววาที่ตีอยูนะคือเราสองพี่นอง ทานก็ทั้งโกรธทั้งโมโหจน ปาไมเทาทิ้ง แลวพอก็ทนไมไหวรองไหออกมา ในที่สุดเราก็กอดคอรองไหกันทั้งบาน จนพอหายโมโห เราจึงนึกขึ้นไดวานองชายคนโตก็ยังไมกลับ บาน โธ! ถึงจะตามหาแมเจอแลว แตอาไฉละ นองไมไดอยูดวยกันกับแม นี่ แลวนองไปไหนเสียละ พอนึกได ผมกับพี่สาวก็รีบออกตามหาอาไฉทันที ดวงอาทิตยลับ ขอบฟาไปแลว ผมไดแตภาวนาในใจใหสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชวยคุมครองใหอาไฉ ปลอดภัย ถาคืนนี้หานองไมพบ หากไมเกิดอุบัติเหตุ นองก็อาจจะเดินไกล ออกไปเรื่อยและอาจจะไมมีวันหวนกลับมาอีกเลยก็ได เมื่อคิดดังนี้ ผมกับ พี่สาวก็รีบเรงฝเทาขึ้นไปอีก ขณะที่วิ่ง ในใจของเด็กหกขวบอยางผมก็อด เตือนตัวเองไมใหรองไหไมได ผมกลัววาเสียงรองไหของผมจะไปปลุกคน ตายที่อยูในหลุมใหตื่นขึ้น แลวพวกเขาก็อาจจะพากันลุกขึ้นมาจากหลุมทีละ ศพ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว รีบตัดใจวิ่งไปขางหนา ไมกลาหันกลับมามองขางหลัง อีกเลย เราสองพี่นองเหนื่อยจนแทบจะขาดใจ เราชวยกันตามหานองจนทั่ว หมูบานอีกครั้ง แตหมูบานในยามค่ําคืนนั้นไมมีแมกระทั่งเงาของคน มีแต เสียงหมาเสียงแมวเหาหอนโตตอบกันไมหยุดหยอน และอาไฉก็ดูเหมือนจะ ถูกกลืนหายไปกับความมืดดวย เราตางก็ออนลากันมาทั้งวันแลว แมแตคํา วาเหนื่อยก็ยังพูดไมออก บังเอิญมองไปเห็นขางหนามีศาลเจาเล็ก ๆ ศาล หนึ่ง จึงพากันเดินเขาไป พี่สาวบอกวาเขาไปไหวเจาเสียหนอย เผื่อทาน จะชวยดลใหเราหานองชายไดพบ
  • 20. 20 เราจึงเดินเขาไปในศาลเจาดวยกัน ขณะที่คุกเขาลงกําลังจะคํานับ ก็ มีเสียงประหลาดดังขึ้นมาจากใตโตะเซนไหว เปนเสียงเหมือนคนพึมพํา อยู ผมจึงลอกเลิกผาคลุมโตะเปดดู อา! ขอบคุณสวรรค ขอบคุณสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ที่แทอาไฉก็มาหลบอยูใตโตะเซนไหวนี่เอง เขามองหนาเราอยาง ใสซื่อ นองผมสติไมสมประกอบ เขาคงไมมีวันรูหรอกวาวันนี้ผมกับพี่สาว ตองเสียน้ําตาดวยความกังวลหวงใยในตัวเขาไปมากมายเพียงไร ในที่สุดครอบครัวของเราก็กลับมาอยูพรอมหนาพรอมตากัน ทุกคน ลวนหิวโซมาแลวทั้งวัน ยังดีที่เมื่อเชาเรายังพอขอขาวมาไดบาง ใหพวกเขา กินกันไปเถอะ สวนผมกับพี่สาวไปที่ริมบอน้ํา นั่งยอง ๆ เอามือวักน้ําใส ปาก กินทีละอึกใหญ ๆ เติมกระเพาะที่หิวโหยใหเต็มไปพลาง ๆ กอน และ แมวามันจะเปนน้ําขม ๆ ผมก็ยอมกินอยางเต็มใจ ผมอธิษฐานตอฟาดินวา ขอเพียงใหครอบครัวเราปลอดภัยกันทุก คน ตอใหอาจิ้นกับพี่สาวตองกินน้ําในทอประทังชีวิต หรือแมจะตองขื่นขมสัก เพียงไรก็ใหเรารับภาระนี้เองเถิด ตอนที่ 7 ตาบอดออกลาย ครอบครัวเราพากันเดินขึ้นไปทางเหนือ จนมาถึงหมูบานจัวหลาน ใน เขตเหมียวลี่ กอนหนานี้เคยไดยินวาที่หมูบานจัวหลานมีชาวจีนแคะอาศัยอยู มาก มักจะจัดงานวัดกันอยูบอย ๆ คําวา “งานวัด” สําหรับพวกเรา “ชาว พรรคกระยาจก” แลว ถือวาเปนสิ่งที่ดีราวกับหลนมาจากสวรรคเลย ทีเดียว เพราะที่ไหนมีงานบุญที่นั่นก็ตองมี “ของเหลือ” แน ๆ เพียงนึกถึง รสชาติอันแสนอรอยของ “ของเหลือ” ก็ทําใหพวกเรามีแรงเรงฝเทาใหไปถึงที่ หมายเร็วขึ้นอีกมากโข
  • 21. 21 แตนองเล็ก ๆ บางคนก็ทนกับการเดินทางเปนระยะไกลเชนนี้ไม ไหว แมวาจะกลัวแสนกลัวไมเทาของพอจนไมกลาหยุดเดิน แตบางครั้งมัน ก็เหนื่อยจริง ๆ เดินอยูดี ๆ เกิดหลับไปก็มี และบังเอิญวาทางที่เราเดินมักจะ เปนทางลัดคดเคี้ยวตามหมูบานเล็ก ๆ ถาไมระวังก็อาจสะดุดกอนหินหกลมลง ได ตุบ! นองชายคนเล็กหกลมหนาทิ่มลงไปกับพื้น แลวก็มีเสียงรองโฮลั่น ของแกดังตามมา เราไมมีเวลาแมแตจะปลอบใหนองหยุดรองไห เพราะพอแสดงทาที ใหเห็นวาอยางไรเราก็ตองเดินตอไป จะมีก็แตพี่สาวเทานั้นที่พยุงแกเดิน ตอ พลางปลอบแกเบา ๆ สวนผมนั้น ขางหนึ่งตองคอยจูงพอ อีกขางหนึ่งก็ ตองคอยพะวงวาจะมีใครเผลอหลับลมลงไปอีกไหม เลยตองเดินพลางกวาด ตาไปหนาทีหลังที พอเห็นนองชายคนโตเดินไปสัปหงกไป ก็ตองรีบตะโกน เรียกเขา “อาไฉ! ตื่น ตื่น!” สักครูนองสาวคนเล็กหัวเริ่มเอียงเหมือนจะลม ลงไปอีก ผมรีบใชมือขางที่วางเปลาตบหนานองใหรูสึกตัวตื่นกันที การเดินทางเปนไปอยางรีบเรงเชนนี้ เพื่อไปหาความอบอุนและความ อิ่มทอง แมการพักผอนสักเล็กนอยก็ยังดูเหมือนความสบายที่มากเกินไป ทันใดนั้น ผมไดยินเสียงพี่สาวตะโกนขึ้นวา “วา! อาไฉขี้แตก แลว” พอชะงักฝเทาทันที ผมหันกลับไปมอง แลวก็เห็น “กอน ทองคํา” กําลังหลนลงมาจากกางเกงเกาขาดปุปะของนองชายคนโตจริง ๆ กลิ่นเหม็นสุดทนก็ตลบอบอวบตามออกมาทันที ทุกคนยกมือขึ้นอุดจมูก ไว มีแตนองชายคนโตสติทึบเทานั้นที่ยังยืนยิ้มแฉงไมรูเรื่องอะไร สวนแม นั้นก็ยิ่งไปกันใหญเลย เอาแตหัวรองอหายใชมือขางหนึ่งจับกางเกงตัวเอง แนน แมหัวเราะเสียทองคัดทองแข็งเลยทีเดียว แลวสายตาอันแหลมคม ของพี่สาวก็เหลือบไปเห็นเขา เธอรองออกมาวา “อาว! แมนะแม! ทําไมถึง ฉี่ราดใสกางเกงอยางนั้นละ” พี่สาวยังอุทานไดไมทันจบประโยคดี ไมเทาของพอก็ลอยมาถึงเสีย
  • 22. 22 แลว หวดแรกเขาที่นองชายคนโต แลวหักโคงกําลังจะลอยมาทางแม บาง ผมลืมสิ้นไปหมดทุกอยาง รีบกระโดดเขาไปขวางหนาพอไว กางแขน ออกกันไมเทาของพอ ปากก็รองบอกวา “พอ! อยาตีเลย อยาตีอีกเลยนะ พอ แมกับอาไฉไมรูเรื่องอะไรหรอก แลวผมจะชวยทําความสะอาดใหพวก เขาเองนะพอ อยาตีพวกเขาอีกเลย ตีอยางนี้เดี๋ยวพวกเขาก็ตายหรอก” ขณะที่ผมพูดนั้น ไมเทาก็ยังคงกระหน่ําลงมาที่ตัวผมอยูไมยั้ง เจ็บ เสียจนกลั้นน้ําตาไวไมอยู เสียงตะโกนขอรองก็อูอี้แทบไมเปนเสียงคน แต พอกําลังโกรธเหมือนจะคลั่ง รัวตีไมหยุดและไมยอมฟงเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น พี่สาวกับนอง ๆ ตางก็ตกใจกระโดดเขามากอดกันกลมดิก ทุกคนลืม นึกถึงเรื่องความสกปรกทุกอยางไปเสียสิ้น สวนผมรองไหจนไมรูจะรองยังไง ไดแตนั่งลงคุกเขากับพื้น กมหนา รับไมของพอแตโดยดี พอตีจนตัวเองเหนื่อยจึงยอมโยนไมเทาทิ้งไป แลว ทรุดตัวนั่งลงหอบกับพื้น แตผมก็ยังไมกลาขยับตัวเลยสักนิด รอสักครู เมื่อเห็นวาพอเริ่มหายโมโหแลว ผมจึงคอย ๆ ขยับไปหา พี่สาว พาแมกับนองชายไปลางตัวทําความสะอาดที่แมน้ําใกล ๆ บริเวณ นั้น ขาทั้งคูของผมถูกตีจนบวมและชาไปหมด เวลาเดินเหมือนเหยียบบน พื้นผิวที่เอียงลาด รูสึกตัวลอย ๆ ไมเหมือนเหยียบพื้นจริง ๆ สวนมือทั้งสอง ขาง แมขยับแคนิดเดียวก็เจ็บราวไปถึงกระดูก แตผมไมมีมือเหลืออีก และก็ ไมมีเวลาที่จะนวดดวย ผมตองเรงมือหนอย ตองรีบเช็ดลางทําความสะอาด นองชายคนโตใหเสร็จเรียบรอยกอนที่พอจะเริ่มโมโหขึ้นมาอีก ผมตองเรงอีก หนอย ผมทําเหมือนสะกดจิตวา “ไมเจ็บนะ ไมเจ็บ ไมเจ็บเลยสักนิด เดียว อาจิ้นเจ็บไมเปนจริง ๆ นะ” ผมเชื่อวาถาบอกกับตัวเองอยางนี้แลวจะ ไดไมเจ็บ แตน้ําตาเจากรรมไมยอมฟงเสียงยังคงไหลพรั่งพรูออกมาไมหยุด ตองลําบากลําบนกันเสียขนาดนี้กวาจะมาถึงเมืองจัวหลานได กอนอื่น เราตองหาที่ที่เราจะยึดเอาเปนบานใหไดกอน แลวผมกับพี่สาวจึงจะถือขันบิ่น
  • 23. 23 ๆ ออกไปขอทานอยางหมดกังวลได พวกเราจนถึงขนาดขันที่ใชขอทานก็มี เพียงใบเดียวเทานั้น เราตองเดินไปกลับอยูหลายรอบทีเดียวกวาจะหาอาหาร มาไดมากพอสําหรับทุกคน แตพอนึกถึงเศษอาหารเหลือ ๆ เนื้อปลาติด กาง กับเสียงทองรองของทุกคนในครอบครัวแลว ก็ทําใหเรามีพลังจูงมือกัน วิ่งไป ๆ กลับ ๆ ขอทานในงานวัดรอบแลวรอบเลา ขณะที่เรากําลังจะวนเวียนเขาไปขออาหารรอบที่สาม บังเอิญไดพบ กับชายจรจัดคนหนึ่งที่กําลังเขามาขอทานในบานที่เรากําลังจะขอ เหมือนกัน เมื่อเรากําลังจะเคาะประตูบาน ชายจรจัดคนนั้นก็หันมาจองหนา เรา ผมกําลังจะหดมือแตเกิดนึกขึ้นมาไดวา ที่จริงเราก็คือเพื่อนรวมอาชีพนี่ นา เขาไมควรจะเอาเปรียบผมอยางนี้ ผมไมสนใจวาหนาตาเขาจะดูดุรายสัก เพียงใด ผมสบตาเขา และรวบรวมความกลายกมือขึ้นเคาะประตูอีก ครั้ง คราวนี้เขาปดมือผมออกพูดขึ้นวา “ออกไป แกสองคนนี่ไมรูจักดูเลย นะ ไมเห็นหรือไงวาฉันยืนอยูตรงนี้แลว” พี่และผมมองเขาอยางไมเขาใจอยู นานประมาณ 5 วินาที เขาถมน้ําลายแลวเงื้อมือขึ้นทําทาจะตีเรา ปากก็ขูไป ดวยวา “มองหาสวรรควิมานอะไร เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวพอก็ควักลูกตาออกมาซะ หรอก” เขาทําทาดุมากเหมือนกับจะกินเราเขาไปในทองอยางนั้นแหละ เรา สองพี่นองเห็นแลวก็ตกใจกลัวกันลนลาน พี่สาวรีบลากมือผมหนีออกมา “ทําไมตองดุขนาดนี้ดวย ก็เราไปถึงกอนชัด ๆ” ผมพูดอยางไมยอม แพ “อาจิ้น ชางมันเถอะ อยาหาเรื่องเลยนา” พี่สาวพูดดวยน้ําเสียงสั่น เครือเล็กนอย “ระวังใหดีเหอะ! คอยดูนะ เดี๋ยวผมจะไปชกหนามัน” ผมยังดื้อดึง “อาจิ้น!” พี่สาวทําเสียงดุใหผมเงียบ แตใจผมกลับคิดวาเราก็เปนขอทานเหมือน
  • 24. 24 ๆ กัน แลวทําไมตองมารังแกกันอยางนี้ดวยเลา ผมโกรธมาก เดินไปก็เตะ หินตามขางถนนแรง ๆ เพื่อระบายอารมณไปตลอดทาง พวกเราลองเปลี่ยนเสนทางใหม เดินไปแถวโรงงิ้วเผื่อวาจะโชคดี ขึ้นมาบาง ตั้งแตเกิดมาผมยังไมเคยเห็นงานวัดที่ไหนคึกคักเทาที่นี่มากอน เลย บนเวทีงิ้วมีนางเอกกําลังรองหมรองไหพร่ํารําพันถึงพระเอกใจดํา ชุดที่ ใสก็สวยสดงดงาม ชายแขนเสื้อสะบัดไปมานาดูนัก แตนี่ยังไมสําคัญ เทาไร ที่เด็ดไปกวานั้นคือ แผงตาง ๆ ที่ขายของอยูหนางานนั้น มีขายทั้ง ผลไมเชื่อมเสียบไม ขนมสําลี ตุกตาปนน้ําตาล มีของนากินตาง ๆ แทบทุก ชนิด แลวก็ยังมีแผงยิงปน ยิงลูกโปง ปาเปาเอารางวัลอีกดวย นอกจากนี้ ยังมีแผงขายผลไม ที่แผงนี้เขาจัดเรียงแตงโมที่ผาเปนซีก ๆ ไวขายดวย เนื้อ แตงโมนั้นสีแดงฉ่ําดูนากินชะมัด ผมกลืนน้ําลายดังเอื๊อก ชาวบานตางหอบลูกจูงหลานมาเที่ยวงาน และแนนอนวาผูปกครองก็ จะตองซื้อของกินของเลนใหกับเด็ก ๆ ดวย แตผมกับพี่สาวไมมีเงิน จึงไดแต ยืนตาปริบ ๆ มองดูเด็ก ๆ คนอื่นทั้งเลนทั้งกินกันอยางเพลิดเพลิน มีเด็กหญิงผมเปยคนหนึ่งถือขนมสําลีคําเบอเริ่มเขาไปในปากเรียบรอย แลว ผมเผลอแลบลิ้นออกมาเลียตามเธอบางโดยไมรูสึกตัว เหมือนกับ ตัวเองก็กําลังกินขนมสําลีอยูเชนเดียวกัน ยังมีเด็กชายอีกคนหนึ่งใชมือทั้งสองประคองแตงโมที่รูปรางเหมือน พระจันทรเสี้ยวอยู แลวก็เริ่มดูดจั๊บ ๆ จากดายซายไปดานขวา หยุดนิดหนึ่ง แลวก็เริ่มใหมจากดานขวาไปดานซาย น้ําหวานจากแตงโมที่แสนชุมฉ่ําเลอะ ปากของเขาแลวคอย ๆ ไหลเปนทางยาวยอยตามแขนลงสูพื้นเปนหยด ๆ ผม สูดปากตัวเองเต็มที่ รูสึกเสียดายน้ําแตงโมที่ไหลหยดติ๋ง ๆ ลงพื้นนั้น