More Related Content
Similar to Biodiversity (20)
More from Nomoretear Cuimhne
More from Nomoretear Cuimhne (20)
Biodiversity
- 13. •ประวัติการจัดจำาพวกสิ่งมีชีวิต
เมื่อประมาณ 350 ปี ก่อนคริสศักราช นัก
ปรัชญาชาวกรีกชื่อ อริสโตเติล ( Aristotle)
พร้อมทั้งสานุศิษย์ได้จำาแนกสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์
เท่าที่รู้จักประมาณ 1000 ชนิด ออกเป็น
พวกๆดังแผนภาพ
สิ่งมีชีวิต
พืช
สัตว์
ไม้ยืนต้น (Tree)
ไม้พุ่ม (Shrubs)
ไม้ล้มลุก(Herbs)
สัตว์มีกระดูกสันหลัง มีเลือดสีแดง
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไม่มีเลือดสีแดง
สัตว์ที่
อาศัยอยู่
ในนำ้าจัด
เป็นพวก
เดียวกับ "
ปลา ” .
- 26. •SPECIES คืออะไร
species คือ ลำาดับขั้นย่อยสุดของ
การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต ซึ่ง
ประกอบด้วยกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มี
ลักษณะทางกรรมพันธุ์เหมือนกัน และ
ผสมพันธ์กันได้ให้ลูกที่ไม่เป็นหมัน
หรือ species คือ ลำาดับขั้นย่อยสุดของ
การจัดหมวดหมู่สิ่งมีชีวิต ที่ประกอบด้วย
กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มีกลุ่มยีน (gene pool )
ของประชากรมาจากบรรพบุรุษ เป็นต้น
- 27. • SPECIES คืออะไร
สัตว์ที่มีรูปร่างภายนอกเหมือนกันมาก
แต่ถูกจัดอยู่คนละspecies ก็ได้ เช่น กบ 2
species คือ Hyla versicolar เละ Hyla
femoralis มีลักษณะภายนอกเหมือนกันมากและ
มีการผสมพันธุ์ในบริเวณเดียวกัน แต่พบว่าไม่มี
การผสมพันธุ์ต่าง species กันเกิดขึ้น เพราะ
เสียงร้องของตัวผู้ซึ่งตัวเมียจะจำาได้ในเวลาก่อน
ผสมพันธุ์จะไม่เหมือนกัน
ถ้านำาสัตว์ 2 species มาผสมพันธุ์กัน
เช่น ม้ากับลา จะได้ลูกออกมาเป็นล่อ ซึ่งล่อ
จะเป็นหมัน กล่าวคือ ล่อผสมกันเองจะไม่มีลูก
ดังนั้น ม้ากับลาควรเป็นสัตว์ในจีนัสเดียวกัน
แต่คนละ species กัน
- 28. การตั้งชื่อสิ่งมีชีวิต
1. ชื่อสามัญ (common name) เป็นชื่อ
เรียกสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันไป
ตามภาษาและท้องถิ่น และมักมีชื่อเรียกกันอย่าง
สับสน ก่อให้เกิดปัญหามากมาย
2. ชื่อวิทยาศาสตร์ ( Scientific name
) เป็นชื่อเฉพาะเพื่อใช้เรียกสิ่งมีชีวิตเป็นแบบ
สากล ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ไม่ว่าชาติใด
ภาษาใดรู้จักกัน โดยใช้ภาษาละตินสำาหรับตั้งชื่อ
วิทยาศาสตร์
Carolus Linnaeus นักชีววิทยาชาว
สวีเดนเป็นผู้ริเริ่มในการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้กับสิ่ง
มีชีวิต เมื่อ พ. ศ. 2310 โดยเสนอให้ใช้ 2
ชื่อ เรียกว่า Binomial nomenclature
- 30. • ให้เขียนชื่อ subgenus ในวงเล็บด้วยอักษร
ตัวใหญ่ตัวเอน ถ้าไม่เขียนด้วยตัวเอนต้อง
ขีดเส้นใต้ชื่อนั้นเสมอ โดยขีดไม่ต่อกับชื่อ
genus เช่น Anopheles, (Cellia)
• ให้เขียนชื่อ species ด้วยอักษรตัวเล็กตัวเอน
ถ้าไม่เขียนด้วยตัวเอนต้องขีดเส้นใต้ชื่อนั้น
เสมอ โดยขีดไม่ต่อกับชื่อ genus และ
subgenus เช่น Anopheles (Cellia)
sundaicus
• การเขียนชื่อผู้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้เขียนตามหลัง
หลักเกณฑ์การเขียนชื่อ
วิทยาศาสตร์
(Scientific name) ของสิ่งมี
ชีวิต
- 33. 1. Kingdom Monera ได้แก่
แบคทีเรีย และสาหร่ายสีเขียว
แกมนำ้าเงิน
2. Kingdom Protista ได้แก่
โปรโตซัวและสาหร่าย
3. Kingdom Fungi ได้แก่ เห็ด
ราต่าง ๆ ราเมือก
4. Kingdom Plantae ได้แก่
พืชที่มีท่อลำาเลียงและไม่มีท่อลำาเลียง
- 38. 3 ทางเดินอาหาร (Digestive tract)
ทางเดินอาหารของสัตว์แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
1 ทางเดินอาหารแบบช่องร่างแห
(Channel network) เป็นทางเดินอาหารที่
ไม่ใช่ทางเดินอาหารที่แท้จริง แต่เป็นเพียง
ทางผ่านของนำ้าจากภายนอกเข้าสู่ภายในลำาตัว
เท่านั้นประกอบด้วยช่องหลายช่องซึ่งอาจมีการ
ติดต่อถึงกันในแต่ละช่องด้วย ได้แก่ทางเดิน
อาหารของฟองนำ้า
2 ทางเดินอาหารแบบปากถุง (One-
hole sac) เป็นทางเดินอาหารที่มีช่องเปิด
ทางเดียว ช่องเปิดนี้ทำาหน้าที่เป็นทางเข้าของ
อาหารและทางออกของกากอาหารไปพร้อมๆ กัน
ได้แก่ทางเดินอาหารของซีเลนเตอเรท และหนอน
- 39. 4 ช่องตัว (coelom)
ช่องตัวพบในสัตว์ที่มีเนื้อเยื่อ 3 ชั้น
เท่านั้นโดยเป็นช่องที่เกิดขึ้นระหว่างชั้น
เนื้อเยื่อของลำาตัว (ไม่ใช้ทางเดินอาหาร)
ช่องตัวแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
1 สัตว์ที่ไม่มีช่องตัว (Acoelomate
animal) สัตว์กลุ่มนี้มีเนื้อเยื่อชั้นกลางซึ่ง
ประกอบด้วยเซลล์หยุนๆ บรรจุอยู่เต็มไปหมด
ได้แก่พวกหนอนตัวแบน
2 สัตว์ที่มีช่องตัวแบบเทียม
(Pseudocoelomate animal) สัตว์กลุ่ม
นี้มีช่องตัวที่อยู่ระหว่างเนื้อเยื่อชั้นกลางกับ
เนื้อเยื่อชั้นนอกหรือเนื้อเยื่อชั้นใน
ได้แก่ พวกหนอนตัวกลม
- 42. •Kingdom metazoa
(Kingdom Animalia) สามารถแบ่ง
ออกเป็น Phylum ดังนี้
Phylum Porifera Phylum
Mollusca
Phylum Coelenterata
Phylum Arthropoda
Phylum Platyhelminthes
Phylum Echinodermata
Phylum Nematoda
Phylum Chordata
Phylum Annelida
- 43. PHYLUM PORIFERA
(Greek Roots ;
Porus=Pore + Fera=to
Bear) สัตว์ที่จัดอยู่ในไฟ
ลัมนี้เรียกกันทั่วไปว่า
สัตว์ที่มีรูพรุนรอบตัวหรือ
ฟองนำ้า (sponge) ซึ่งมี
ลักษณะสำาคัญดังนี้
- 44. - มีสมมาตรแบบรัศมี (Radial symmetry)
หรือไม่มีสมมาตร (Asymmetry)
- มีเนื้อเยื่อ 2 ชั้น ชั้นนอกทำาหน้าที่เป็นผิวลำาตัว
หรืออิพิเดอร์มีส ส่วนชั้นในประกอบด้วยเซลล์
พิเศษเรียกว่า Choanocyte หรือ Collar
cell ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีแฟลกเจลลา 1 เส้นและ มี
ปลอกคอ (collar) บุอยู่โดยรอบเรียกเซลล์ชั้นนี้ว่า
gastral layer
- ทางเดินอาหารเป็นแบบช่องร่างแห
(Channel network) ซึ่งประกอบด้วยรูเปิด
เล็กๆ (ostia) ที่บริเวณผิวลำาตัวรอบตัว ทำา
หน้าที่เป็นทางนำ้าไหลเข้าภายในตัวและมีรู
ขนาดใหญ่ (osculum) ทำาหน้าที่เป็นทางนำ้า
ไหลออกจากตัว
- 45. - ไม่มีระบบหมุนเวียน ระบบหายใจ ระบบขับ
ถ่าย และระบบประสาท
- มีโครงร่างภายใน (Endoskeleton) เรียก
ว่าหนามฟองนำ้า (spicule) ซึ่งมักจะเป็นสาร
พวกหินปูนหรือแก้ว (silica) บางชนิดมีโครง
ร่างเป็นพวกใยโปรตีน(spongin) ทำาให้ตัว
ฟองนำ้ามีลักษณะนุ่มนิ่ม
- การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยการแตก
หน่อ และการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยกา
รสร้างสเปิร์มและไข่ผสมกัน และจะได้ตัวอ่อนที่มี
ขนซีเลียว่ายนำ้าได้ และต่อมาก็หาที่เกาะเจริญ
เป็นฟองนำ้าเต็มวัยต่อไป
Phylum Porifera แบ่งเป็น 4 Class
- 47. 1 Class Calcispongiae
คลาสแคลซิสปองเจีย (Class
Calcispongae) ฟองนำ้าคลาสนี้มีขนาดเล็ก
มีโครงสร้างเป็นสารจำาพวกหินปูน
(Calcareous Spicule) จึงเรียกชื่อทั่วไป
ว่าฟองนำ้าหินปูน (Calcareous sponge)
ได้แก่ ฟองนำ้ารูปแจกัน (Scypha) ลิวโคโซลิ
เนีย (Leucosolenea)
- 52. PHYLUM CEOLENTERATA
(Greek Roots ;
Koilos=Hollow +
Enteron=Gut) สัตว์
ที่จัดอยู่ในไฟลัมนี้
เรียกกันทั่วๆไปว่า
พวก ซีเลนเตอเรท
(Coelenterate)ซึ่งมี
ลักษณะสำาคัญดังนี้
- 53. - มีสมมาตรแบบรัศมี (Radial
symmetry)
- มีเนื้อเยื่อ 2 ชั้นคือ เนื้อเยื่อชั้นนอกทำา
หน้าที่เป็นผิวลำาตัวเรียกว่า อิพิเดอร์มีส
(epidermis) และเนื้อเยื่อชั้นในทำาหน้าที่
เป็นเยื่อบุทางเดินอาหารเรียกว่า กาสโตรเด
อร์มีส (gastrodermis) ระหว่างเนื้อเยื่อชั้น
นอกและเนื้อเยื่อชั้นในมีสารลักษณะคล้ายวุ้น
แทรกอยู่ เรียกว่า ชั้นมีโซเกลีย (mesoglea
)
- ทางเดินอาหารเป็นแบบถุงไม่สมบูรณ์ มี
ปากแต่ไม่มีทวารหนัก ช่องทางเดินอาหารนี้
อยู่ กลางลำาตัว ทำาหน้าที่เป็นทั้งทางเดิน
อาหารและระบบหมุนเวียนเรียกว่า กาสโตร
- 54. - ไม่มีระบบหายใจ ระบบหมุนเวียน
โลหิต ระบบขับถ่ายโดยเฉพาะ มีระบบ
การแลกเปลี่ยนก๊าซโดยการแพร่
- ระบบประสาทเป็นแบบข่ายใยประสาท
(Nerve net)
- สัตว์กลุ่มนี้มีรูปร่างเป็น 2 แบบ คือ
รูปร่างแบบต้นไม้เรียกว่า
โพลิป (Polyp) เช่น ไฮดรา
ปะการัง ดอกไม้ทะเล และรูปร่างคล้ายร่ม
หรือกระดิ่งควำ่าเรียกว่า
เมดูซ่า (Medusa) ได้แก่ แมงกะพรุนชนิด
ต่างๆ
-สัตว์กลุ่มนี้อาศัยอยู่ในนำ้าทั้งหมด มีทั้งนำ้า
- 55. - การสืบพันธุ์มีทั้งแบบอาศัยเพศและไม่
อาศัยเพศ แบบอาศัยเพศ คือแตกหน่อ
สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ มีวงชีวิตแบบสลับคือ
ทั้ง Polyp และ medusa อยู่ในวงชีวิต
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะเกิดขึ้นใน
ช่วงของชีวิตที่มีรูปร่างเป็น medusa และ
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศจะเกิดขึ้นใน
ช่วงชีวิตที่มีรูปร่างเป็นแบบ polyp เสมอ
- 58. Coelenterate แบ่ง
ออกเป็น 4 Class
1 Class
Hydrozoa
คลาสไฮโดรซัว (Class
Hydrozoa) สัตว์ในคลาสนี้
อาศัยทั้งในนำ้าจืดและนำ้าเค็ม
ส่วนใหญ่มีรูปร่างเป็นแบบ
polyp ได้แก่ ไฮดรา
(Hydra) โอบีเลีย (Obelia)
บางชนิดมีรูปร่างแบบ medu
sa เช่น แมงกระพรุนนำ้าจืด
- 62. สัตว์ในกลุ่มนี้จัดว่ามีความสำาคัญ
อย่างมาก
- แนวหินปะการัง ซึ่งให้ความ
สวยงาม เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
- มีความสำาคัญต่อระบบนิเวศ เพราะ
แนวหินปะการังเป็นที่อยู่อาศัย ที่หลบภัย ที่
หาอาหาร ที่ผสมพันธุ์ แพร่พันธุ์ และการ
เจริญของตัวอ่อนของสัตว์ทะเลหลายชนิดก็
อาศัยแนวหินปะการังเป็นแหล่งที่อยู่และที่
เจริญเติบโต
- โทษของสัตว์กลุ่มนี้เช่น พวกแมงกระ
พรุนไฟหลายชนิดมีพิษร้ายแรง ถ้าถูกเข้าจะ
ทำาให้ได้รับอันตราย เป็นผื่นคันเป็นแผล ปวด
- 64. - มีสมมาตรเป็นแบบครึ่งซีก (bilateral
symmetry)
- ไม่มีช่องว่างในลำาตัว (Acoelomate
animal) เนื่องจากเนื้อเยื่อชั้นกลางมีเนื้อเยื่อ
หยุ่นๆ
- ไม่มีข้อปล้อง แต่บางชนิด เช่น พยาธิตัวตืด มี
ข้อปล้องแต่เป็นข้อปล้องที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ผิวลำาตัว
เท่านั้น
- พวกที่ดำารงชีวิตแบบพยาธิ (Parasitic
type) จะมีสารคิวติเคิล (cuticle) ป้องกัน
อันตรายซึ่งจะเกิดจากนำ้าย่อยของผู้ที่มันเป็นปรสิต
อยู่ (Host)
- ไม่มีระบบหมุนเวียนโลหิต ไม่มีเส้นเลือด ไม่มี
หัวใจ สารอาหารไปเลี้ยงเซลล์โดยการแพร่จาก
- 65. - ไม่มีอวัยวะที่ใช้ในการหายใจโดย
เฉพาะ
- ระบบทางเดินอาหารเป็นแบบไม่
สมบูรณ์ มีปากแต่ไม่มีทวารหนัก และทาง
เดินอาหาร
- ระบบระบบขับถ่ายใช้เซลล์ชนิดพิเศษเรียก
เฟลมเซลล์ (Flame cell) แทรกอยู่ทั่วลำา
ตัว
- มีระบบประสาทอยู่ทางด้านหน้าและแตก
แขนงออกไปทางด้านข้างของลำาตัว
- ระบบสืบพันธุ์ จัดเป็นพวกกระเทย
(Hermaprodite) คือมีทั้ง 2 เพศในตัว
เดียวกัน สามารถผสมพันธุ์ได้ในตัวเอง (self
fertilization) และผสมพันธุ์ข้ามตัว (cross
- 69. - มีสมมาตรแบบ bilateral symmetry
- มีช่องว่างในลำาตัวแบบเทียม
(Pseudocoelomate animal) โดยช่อง
ว่างอยู่ระหว่างเนื้อเยื่อชั้นกลางและเนื้อเยื่อชั้น
ใน
- ลำาตัวกลมยาว แหลมหัวแหลมท้าย ไม่มี
ข้อปล้อง ผิวลำาตัวเรียบ มีสารคิวติเคิล
หนาหุ้มตัว
- ไม่มีระบบหมุนเวียนเลือด แต่ใช้ของเหลว
ในช่องว่างเทียมช่วยในการลำาเลียงสาร
- ไม่มีอวัยวะหายใจโดยเฉพาะ ใช้ผิวหนัง
ในการแลกเปลี่ยนก๊าซ
PHYLUM NEMATODA
- 71. หนอนตัวกลมแบ่งออกเป็น 3 พวก
คือ
1 พยาธิตัวกลมในสัตว์ (Animals round
worms)
- พวกที่อยู่ในลำาไส้ (Intestine round worms)
- พวกที่อยู่ในกล้ามเนื้อ (Tissue round worms)
2 หนอนตัวกลมในพืช เช่น ไส้เดือนฝอย
(nematod)
3 พวกดำารงชีวิตอย่างอิสระ เช่นหนอนนำ้าส้ม
สายชู
หนอนตัวกลมในไฟลัมนี้ที่สำาคัญเช่น
พยาธิตัวจี๊ด ในคนถ้าขึ้นสมองอาจทำาให้
ปวดศีรษะ หมดสติและเป็นอัมพาตได้ คนเป็น
- 73. ไฟลัมแอนเนลิดา (Phylum
Annelida)
• หนอนปล้อง ลำาตัวแบ่งเป็นปล้อง
ชัดเจน มีเนื้อเยื่อสามชั้นมี
สมมาตรแบบด้านข้าง มีช่องตัว
ที่แท้จริง (coelom) มีระบบไหล
เวียนและระบบประสาท
• ได้แก่ แม่เพรียง (Nereis)
• หนอนฉัตร (trbe worm)
• ไส้เดือนดิน (Pheretima)
- 75. ไฟลัมมอลลัสกา (Phylum
Mollusca)• สิ่งมีชีวิตในไฟลัมนี้รวมเรียกว่า มอลลัส
(Mollus) เป็นพวกที่มีลำาตัวอ่อนนุ่ม มีเปลือก
แข็งหุ้มภายนอกมีจำานวนมากอันดับสองรอง
จากแมลงพบทั่วไปบนบกในนำ้าเค็ม นำ้าจืด
และนำ้ากร่อย ส่วนใหญ่ดำารงชีวิตเป็นอิสระ
เคลื่อนที่และว่ายนำ้าไปมาได้ มีบางชนิดยึดติด
กับหิน ฝังตัวในดินและทราย พวกนี้มีเนื้อเยื่อ
3 ชั้น แบ่งเป็นกลุ่มๆ ดังนี้
• 1. หอยฝาเดียว (gastropoda)
• 2. หอยสอง ฝา (pelecypoda)
• 3. พวกที่มีลำาตัวเป็นรูปรี
- 82. ไฟลัมเอไคโนเดอร์
มาตา (Phylum Echinodermata)
• สัตว์ในไฟลัมนี้อยู่ในทะเล
ทั้งหมด ลักษณะสำาคัญ คือ
• ผิวหยาบขรุขระเพราะมีสารประกอบ
พวกหินปูน ผสมอยู่
• มีรูปร่างกลมแบน สีสัน
สวยงาม ลำาต้นมีส่วนยื่นออกจาก
จุดศูนย์กลางในแนวรัศมีเป็นแขน
จำานวน 5 แฉก หรือทวีคูณ 5 แฉก
- 83. • ปากอยู่ด้านล่าง ทวารหนักเปิดทาง
ด้านบน มี มีทิวบ์ฟีต (tube
feet) สำาหรับใช้ในการเคลื่อนที่และจับ
อาหาร
• บางพวกมีการมีการสืบพันธุ์โดยไม่
อาศัยเพศ
และสามารถงอกส่วนที่ขาดหายไป
ได้
• ตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในไฟลัมนี้เช่น
• ดาวทะเล (Sea star)
• ขนนกทะเล (Antedon )
- 89. 5. คลาสเอวีส (Class Aves ) สัตว์ในคลาสนี้เป็นพวก สัตว์ปีก ได้แก่
6. คลาสแมมมาเลีย (Class Mammalia)
าสนี้เรียกว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (mammal) เป็นสัตว์เล
- 99. - บางชนิดเป็นพืชลอยนํ้า เช่น แหนแดง
จอกหูหนู
- บางชนิดอยู่ในร่มหรือที่ชื้นแฉะ เช่น ผัก
แว่น ผักกูด
- บางชนิดแกาะอยู่ตามต้นไม้หรือกิ่งไม้
เช่น ชายผ้าสีดา เฟิร์นเขากวาง
- 101. • ตัวอย่างพืช เช่นสนสอง
ใบ (Pinus merkusii)
สนสามใบ (Pinus khasya)
- 102. ดิวิชันไซแคโดไฟตา (Division
Cycadophyta)
• พืชในดิวิชันนี้มีลําต้นใหญ่ ลําต้น
ส่วนใหญ่ใต้ดิน มีลักษณะเป็นหัว
เก็บอาหารจําพวกแป้ง อีกส่วนหนึ่ง
อยู่เหนือดิน
• ใบย่อยมีจํานวนมาก ขนาดเล็กและ
แข็ง
• พืชในกลุ่มนี้ คือ ปรง (cycads)
- 107. 1. Eukaryote คล้ายสัตว์
2. มีการสืบพันธุ์เป็นแบบไม่ใช้เพศโดยการแบ่ง
เซลล์ตามความยาวของเซลล์
(Longitudinal binary fission)
3. พวกแฟลกเจลเลตมีการดํารงชีวิตหลายแบบ
คือ
- ดํารงชีวิตเป็นปรสิตอยู่ในเลือดของ
คนและสัตว์เลี้ยง เช่น Trypanosoma ทําให้
เกิดโรคเหงาหลับ (sleeping sickness)
อาการ ตอนแรกที่เชื้ออยู่ในเลือดจะ มีไข้ต่อ
มาเมื่อเชื้อเข้าสู่นํ้าสมองและไขสันหลังแล้ว
ทําให้ผู้ป่วยอ่อนเพลีย ง่วง นอน ผอมลง
ๆ และตายในที่สุด
- ดํารงชีวิตแบบภาวะที่ต้องมีการพึ่งพา
เช่น Trichonympha ซึ่งเป็นโปรโตซัวใน
- 111. - พวกอาศัยเป็นปรสิตในลําไส้คน ได้แก่
เอ็นตามีบา (Entamoeba histolytica)
ทําให้เกิดโรคบิด ลําไส้อักเสบ ท้องร่วง
เรียกว่า บิดมีตัว (amoebic
dysentery)
- พวกดํารงชีวิตอิสระอยู่ในนํ้าเน่า
ได้แก่ อะมีบา โดยอาศัยกินพวกสาร
อินทรีย์และสิ่งมีชีวิตเล็กๆอื่นๆ
3. Class Sporozoa
เป็นโปรโตซัวที่ไม่มีอวัยวะที่เป็น
โครงสร้างของการเคลื่อนที่ มีลักษณะ
- 113. 4. Class Ciliata
เป็นโปรโตซัวที่มีความเจริญมาก
ที่สุด มีขนซีเลีย (cilia) ใช้ในการ
เคลื่อนที่จึงเรียกว่า พวกซีลีเอต
(ciliate) ซึ่งมีลักษณะสําคัญดังนี้
1. มีขนซีเลียอยู่บริเวณผิวลําตัวและ
บริเวณร่องปาก (Oral groove) ทําให้มี
การเคลื่อนที่ ได้อย่างคล่องแคล่ว
ว่องไว ขนซีเลียในร่องปากช่วยในการ
โบกพัดอาหารเข้าไปในเซลล์และมี
สภาพเป็น food vacuole และพร้อมที่
- 114. พวกซิลิเอต มีนิวเคลียส
2 อัน คือ
- นิวเคลียสอันเล็ก
(Micronucleus) ทํา
หน้าที่ ควบคุมเกี่ยวกับ
การสืบพันธุ์
- นิวเคลียสอัน
ใหญ่ (Macronucleus)
ทําหน้าที่ควบคุมเมตา
บอลิซึมและกิจกรรม
ต่าง ๆ ของเซลล์
- 116. 3. มีการสืบพันธุ์ทั้งแบบอาศัยเพศและ
แบบไม่อาศัยเพศ ดังนี้
- การสืบพันธุ์แบบไม่มีเพศโดย
การแบ่งตัวตามขวาง Transverse
binary fission
- การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดย
การจับคู่กัน (conjugation) โดยมีการ
แลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมกันแล้ว พารา
มีเซียม 2 ตัวที่มาจับคู่กันนี้จะแยกออก
จากกันแล้วแต่ละตัว มีการแบ่งตัว 2
ครั้งได้ 4 ตัว ดังนั้นในการ
conjugation ของพารามีเซียม 1 คู่ ทํา
ให้ได้พารามีเซียมใหม่ 8 ตัว
- 120. 1. มีคลอโรฟิลล์เป็นชนิด คลอโรฟิลล์
เอและบี และมีคาโรทีน
แซนโทฟิลล์ด้วย
2. อาหารสะสมเป็นพวกแป้ง (starch)
เช่นเดียวกับพืชชั้นสูงทั่วไป
3. ผนังเซลล์เป็นสารพวกเซลลูโลส
บางชนิดอาจมีแคลเซียมและซิลิคอน
ปนอยู่ด้วย
4. มีแฟลกเจลลา 1,2 หรือจํานวนมาก
อยู่ทางด้านหน้าสุดของเซลล์
5. ตัวอย่างของสาหร่ายในดิวิชันนี้
ได้แก่
- พวกเป็นกลุ่มเคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น
ซินเดสมัส (Scenedesmus)
เพดิแอสตรัม (Pediastrum)
- 122. - พวกเป็นสาย เช่น เทานํ้าหรือสไปโรไจ
รา (Spirogyra)
- พวกที่เป็นแผ่นและมีขนาดใหญ่
พบในทะเล เช่น อูลวา (Ulva)
สาหร่ายสีเขียวเป็นผู้ผลิต
อาหารที่สําคัญของระบบนิเวศ
นอกจากนี้สาหร่ายสีเขียวหลายชนิดยัง
ใช้เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงอีกด้วย
Volvox ย้อมสี
Acetabularia
x100
- 124. 2. Division Chrysophyta
ได้แก่ สาหร่ายสีนํ้าตาลแกมทอง
(goldenbrown algae) มีอยู่ประมาณ
16,600 สปีชีส์ มีลักษณะสําคัญดังนี้
1. มีคลอโรฟิลล์เป็นชนิดคลอโรฟิลล์เอ
และดี และมีคาโรทีน แซนโทฟิลล์ด้วย
จึงทําให้ดูมีสีเขียวแกมเหลืองจนถึงสี
นํ้าตาลแกมทอง
2. อาหารสะสมเช่นนํ้าตาลโมเลกุลใหญ่
เรียกว่า คริสโซลามินาริน
(Chrysolaminarin) และหยดนํ้ามัน
3. ผนังเซลล์ประกอบด้วยเซลลูโลสมักมี
ซิลิคอนและไคตินปนอยู่ด้วย
- 126. 3. Division Phaeophyta
ได้แก่สาหร่ายสีนํ้าตาล (brown algae)
มีทั้งสิ้นประมาณ 1,500 สปีชีส์ มี
ลักษณะสําคัญดังนี้
1. มีคลอโรฟิลล์เป็นชนิด a และ c และมี
คาโรทีน ฟิวโคแซนทีนด้วย จึงทําให้
มองดูเป็นสีนํ้าตาล
2. อาหารสะสมเป็นนํ้าตาลโมเลกุลใหญ่
เรียกว่า ลามินาริน (laminarin)
3. ผนังเซลล์เป็นสารพวกเซลลูโลสและ
พวกกรดอัลจินิก (alginic acid)
4. มีส่วนที่คล้ายรากเรียกว่า hold fast
ใช้ในการยึดเกาะกับสิ่งที่เป็นพื้นผิวที่
เจริญอยู่ ส่วนที่คล้ายลําต้นเรียกว่า
stipe ส่วนที่คล้ายใบเรียกว่า blade
- 127. 5. ตัวอย่างของ
สาหร่ายดิวิชันนี้
ได้แก่
- ไจแอนต์
เคลป์ (giant kelp)
มีขนาดใหญ่ที่สุด
- ลามินาเรีย
(Laminaria) พาได
นา (Padina) ฟิวคัส
(fucus) ซาร์กัส
ซัม(Sargassum)
สาหร่ายสีนํ้าตาล
มีประโยชน์ ในแง่
ของการเป็นอาหาร
เป็นที่หลบภัยของ
สัตว์ทะเลนานาชนิด
ลามินาเรีย
พาไดนา ฟิวคัสใช้
- 128. 4. Division Rhodophyta
ได้แก่ สาหร่ายสีแดง (red
algae) มีประมาณ 3,900 สปีชีส์ มี
ลักษณะที่สําคัญดังนี้
1. มีคลอโรฟิลล์เป็นชนิดเอและดี คาร์โร
ทีน แซนโทฟิลด์และไฟโคอิริทริน
(Phycoerythrin) ซึ่งเป็นสารสีแดง จัง
ทําให้สาหร่ายพวกนี้มีสีแดง
2. อาหารสะสมเป็นแป้งมีชื่อเฉพาะว่า
ฟลอริเดียนสตาซ (floridean starch)
3. ผนังเซลล์เป็นสารเซลลูโลส โพลี่แซค
คาไรด์ที่เป็นเมือกบางชนิดมี Ca ด้วย
4. ส่วนใหญ่อยู่ในทะเลมีบางชนิดเท่านั้น
ที่อยู่ในนํ้าจืด
- 129. - กราซีลาเรีย (Gracilaria) นํา
มาสกัดสารคาร์ราจิแนน
(carrageenan) ใช้ในการทําวุ้น
ซึ่งมีความสําคัญในการทําอาหาร
เลี้ยงจุลินทรีย์ ทําเครื่องสําอางทํา
ยาขัดรองเท้า ครีมโกนหนวด
- 130. 5. Division Pyrrophyta
มักเรียกกันว่า ไดโนแฟลกเจลเลต
(dinoflagellate) มีลักษณะที่สําคัญดังนี้
1. มีคลอโรฟิลล์เป็นชนิดเอและซี คาร์โรทีน
แซนโทฟิลล์
2. ผนังเซลล์เป็นเซลลูโลสและสารที่เป็นเมือก
บางชนิดอาจไม่มีผนังเซลล์
3. ส่วนใหญ่เป็นเซลล์เดี่ยวมีแฟลกเจลลา 2
เส้น เส้นหนึ่งใช้ในการเคลื่อนที่และอีกเส้น
หนึ่งพันอยู่รอบเซลล์
4. ตัวอย่างของสาหร่ายในดิวิชันนี้ได้แก่
- ซีราเตียม (Ceratium) นอคติลูกา
(Noctiluca) จิมโนดิเนียม
( Gymnodinium)
โกนีออแรกซ์(Gonyaulax)
Ceratium
x400
- 132. PHYLUM
MYXOMYCOPHYTA
ราเมือก (Slime mold) เป็นโปรตีสต์
ที่มีช่วงชีวิตที่มีลักษณะคล้ายสัตว์และ
ช่วงชีวิตที่มีลักษณะคล้ายพืช มี
ลักษณะสําคัญดังนี้
1. มีเซลล์เป็นแบบยูคาริโอต
2. ไม่มีผนังเซลล์ไม่มีคลอโรฟิลล์
3. โปรโตปลาสซึมที่แผ่กระจายมีลักษณะ
เป็นเมือก
4. การสืบพันธุ์มีวงชีวิตที่มีลักษณะคล้าย
สัตว์สลับกับวงชีวิตคล้ายพืช
- 143. การสืบพันธุ์
(Reproduction)•มี 2 ชนิด
อาศัยเพศ (Sexual
reproduction)
ไม่อาศัยเพศ (Asexual
reproduction)
ไม่อาศัยเพศ (Asexual
reproduction)
แตกหักแตกหัก
(Fragmentation)(Fragmentation)
แตกหน่อแตกหน่อ (budding)(budding)
Mitotic sporesMitotic spores
- 186. Division Cyanophyta หรือ
Myxophyta, Cyanophycophyta
• สาหร่ายสีเขียวแกมนำ้าเงินเรียก
ว่า Blue green algae,
cyanobacteria
• Prokaryote, ไม่มีนิวเคลียสที่แท้
จริง
• สังเคราะห์แสงได้
• รงควัตถุอยู่ในไซโตพลาสซึม 18
- 189. VIRUS AND VIROID
Virus and Viroid
เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
มาก ไม่สามารถมองเห็น
ได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์
แบบใช้แสงไม่ประกอบ
ด้วยเซลล์ แต่ประกอบ
ด้วยกรดนิวคลีอิคชนิด
DNA หรือ RNA หรือทั้ง
สองอย่าง และมีโปรตีนหุ้ม
อยู่ภายนอก มีรูปร่าง
หลายแบบ
รูปร่างต่างๆของไวรัส
- 193. ทางผิวหนัง เช่น rabies virus
(พิษสุนัขบ้า) และ HIV
ทางการหายใจ เช่น influenza
virus (ไข้หวัดใหญ่)
ทางการกิน เช่น HBV (ไวรัสตับ
อักเสบ)
ทางปัสสาวะหรือการสืบพันธุ์
(HIV)
การเข้าสู่ host
ของไวรัส