More Related Content
Similar to วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
Similar to วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์ (20)
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
- 2. ประวัตความเป็ นมาของวันลอยกระทง
ิ
ประเพณี ลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชดว่าเริ่ มตั้งแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่าประเพณี น้ ี
ั
ได้สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุ โขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคําแหง เรี ยกประเพณี ลอย
่
กระทงนี้วา "พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป" และมีหลักฐานจากศิลาจารึ กหลักที่ 1
กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็ นงานรื่ นเริ งที่ใหญ่ที่สุดของกรุ งสุ โขทัย ทําให้เชื่อกันว่างาน
ดังกล่าวน่าจะเป็ นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน
ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็ นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
่ ั
เจ้าอยูหว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็ นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชา
เทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นาพระพุทธศาสนาเข้าไป
ํ
เกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารี ริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของ
พระพุทธเจ้า
ก่อนที่นางนพมาศ หรื อ ท้าวศรี จุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่ วงจะคิดค้นประดิษฐ์กระทง
่
ดอกบัวขึ้นเป็ นคนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฏในหนังสื อนางนพมาศที่วา
- 3. "ครั้ นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทําโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนม
กํานัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสี ต่าง ๆ มาประดับเป็ นรู ปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่
ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซอนสี สลับให้เป็ นลวดลาย..."
้
เมื่อสมเด็จพระร่ วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรง
พอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็ นเยียงอย่าง และให้จดประเพณี ลอยกระทงขึ้นเป็ นประจําทุกปี
่
ั
่
โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดํารัสที่วา "ตั้ งแต่น้ ีสืบไปเบื้องหน้า โดยลําดับ
กษัตริ ยในสยามประเทศถึงกาลกําหนดนักขัตฤกษ์วนเพ็ญเดือน 12 ให้ทาโคมลอยเป็ นรู ปดอกบัว
์
ั
ํ
อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรู ปแบบ
ตั้งแต่น้ นเป็ นต้นมา
ั
ประเพณี ลอยกระทงสื บต่อกันเรื่ อยมา จนถึงกรุ งรัตนโกสิ นทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง
รัชกาลที่ 3 พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางนิยมประดิษฐ์กระทงใหญ่เพื่อประกวดประชันกัน
ซึ่งต้องใช้แรงคนและเงินจํานวนมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่ า
เป็ นการสิ้นเปลือง จึงโปรดให้ ยกเลิกการประดิษฐ์ กระทงใหญ่ แข่ งขัน และโปรดให้ พระบรมวงศานุ
วงศ์ ทาเรือลอยประทีปถวายองค์ ละลําแทนกระทงใหญ่ และเรียกชื่อว่ า "เรือลอยประทีป" ต่อมาใน
ํ
รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื้ นฟูพระราชพิธีน้ ีข้ ึนมาอีกครั้ง ปั จจุบนการลอยพระประทีป
ั
่ ั
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ทรงกระทําเป็ นการส่ วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย
- 4. เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง
สาเหตุที่มีประเพณี ลอยกระทงขึ้นนั้น เกิดจากความเชื่อหลาย ๆ ประการของแต่ละท้องที่ ได้แก่
1.เพือแสดงความสํ านึกถึงบุญคุณของแม่ นําทีให้ เราได้ อาศัยนํากิน นําใช้ ตลอดจนเป็ นการขอ
่
้ ่
้
้
ขมาต่อพระแม่คงคา ที่ได้ทิ้งสิ่ งปฏิกลต่าง ๆ ลงไปในนํ้า อันเป็ นสาเหตุให้แหล่งนํ้าไม่สะอาด
ู
2.เพือเป็ นการสั กการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดง
่
ธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทรายแม่น้ านัมมทานที ซึ่งเป็ น
ํ
่
แม่น้ าสายหนึ่งอยูในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปั จจุบนเรี ยกว่าแม่น้ าเนรพุทท
ํ
ั
ํ
3.เพือเป็ นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรี ยบเหมือนการลอยความทุกข์ ความ
่
โศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่ งไม่ดีต่าง ๆ ให้ลอยตามแม่น้ าไปกับกระทง คล้ายกับพิธีลอยบาปของ
ํ
พราหมณ์
- 5. 4.เพือเป็ นการบูชาพระอุปคุต ที่ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซึ่งบําเพ็ญ
่
่
เพียรบริ กรรมคาถาอยูในท้องทะเลลึกหรื อสะดือทะเล โดยมีตานานเล่าว่าพระ
ํ
อุปคุตเป็ นพระมหาเถระรู ปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถปราบพญามารได้
5.เพือรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มให้ สูญหายไปตามกาลเวลา และยัง
่
ิ
เป็ นการส่ งเสริ มการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
6.เพือความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากการลอยกระทงเป็ นการนัดพบปะสังสรรค์
่
กันในหมู่ผไปร่ วมงาน
ู้
7.เพือส่ งเสริมงานฝี มือและความคิดสร้ างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอย
่
กระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทําให้ผเู้ ข้าร่ วมได้เกิดความคิด
แปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญญาพื้นบ้านไว้อีกด้วย
- 6. ประเพณีลอยกระทงในแต่ ละภาค
ภาคเหนือ
จังหวัดเชียงใหม่
ภาคเหนือ จะเรี ยกประเพณี ลอยกระทงว่า "ยีเ่ ป็ ง" อันหมายถึงการทําบุญในวัน
เพ็ญเดือนยี่ (เดือนยีถานับตามล้านนาจะตรงกับเดือนสิ บสองในแบบไทย) โดยชาวเหนือ
่ ้
จะนิยมประดิษฐ์โคมลอย หรื อที่เรี ยกว่า "ว่าวฮม" หรื อ "ว่าวควัน" โดยการใช้ผาบางๆ
้
แล้วสุ มควันข้างใต้ ให้โคมลอยขึ้นไปในอากาศ เพื่อเป็ นการบูชาพระอุปคุตต์ ซึ่งเชื่อกัน
่
ว่าท่านบําเพ็ญบริ กรรมคาถาอยูในท้องทะเลลึก หรื อสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า
- 11. จังหวัดตาก
ประเพณี สาย ไหลประทีปพันดวง หรื อ การลอยกระทงสาย ถือเป็ น ประเพณี ของ
ชาวเมืองตากที่นาวิถีชีวตของบรรพชนมาผสมผสานเข้ากับความเชื่อ และหลัก
ํ
ิ
่
ศาสนา ชาวเมืองตากจะมีถ่ินอาศัยอยูบริ เวณริ มฝั่งแม่น้ าปิ ง วิถีชีวตของชาวตากจึงมีความ
ํ
ิ
ผูกพันกับสายนํ้าที่เปรี ยบเสมือนสายโลหิ ตที่หล่อ เลี้ยงชาวเมืองตากมานานหลายชัวอายุคน
่
ก่อให้เกิดประเพณี ที่แสดงออกถึงความกตัญ�ูในคืนวันเพ็ญเดือนสิ บสองชาวเมืองตากได้
จัดให้มีการขึ้น ประเพณี สาย ไหลประทีปพันดวง เกิดจากการร่ วมมือร่ วมใจของชาวบ้าน
ในหมู่บานเป็ นความเชื่อในการจัดทํากระทงนําไปลอย เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของ
้
พระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็ นการลอยทุกข์โศกโรคภัยให้พนไปจากตนเอง และขอขมาที่ได้
้
อาศัยแม่น้ าและทิ้งของเสี ย ถ่ายเทสิ่ งปฏิกลลงแม่น้ าปิ ง
ํ
ู
ํ
- 16. จังหวัดสุ โขทัย
เป็ นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสี ยงในเรื่ องประเพณี ลอยกระทง ด้วยความเป็ นจังหวัดต้น
กําเนิดของประเพณี น้ ี โดยการจัดงาน ลอยกระทงเผาเทียนเล่ นไฟ ที่จงหวัดสุ โขทัยถูกฟื้ นฟู
ั
กลับมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2520 ซึ่งจําลองบรรยากาศงานมาจากงานลอยกระทงสมัยกรุ ง
สุ โขทัย และหลังจากนั้นก็มีการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟขึ้นที่จงหวัดสุ โขทัยทุก ๆ
ั
ปี มีท้ งการจัดขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล และไฟพะเนียง
ั
- 25. ประเพณีลอยกระทงภาคกลาง
การลอยกระทงของภาคกลางซึ่ งเป็ นที่มาของการลอยกระทงที่นิยมปฏิบติกนทั้งประเทศ
ั ั
นั้น มีหลักฐานว่าในสมัยกรุ งศรี อยุธยาเป็ นราชธานีมีพระราชพิธี “จองเปรี ยงลดชุดลอยโคม”
่
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุ งรัตนโกสิ นทร์เรี ยกพิธีน้ ีวา “ลอยพระประทีปกระทง” เนื่องจากโปรด
ให้ทาเป็ นกระทงใหญ่ บนแพหยวกกล้วย ตกแต่งอย่างวิจิตรพิศดารประกวดประชันกัน แต่ใน
ํ
รัชกาลต่อมาก็โปรดให้เปลี่ยนกลับเป็ นเรื อลอยพระประทีปแบบสมัยอยุธยา ในสมัยพระสมเด็จ
่ ั
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูหว รัชกาลที่ ๖ โปรดให้เลิก พิธีน้ ีเสี ยเพราะเห็นว่าเป็ นการสิ้ นเปลือง
กระทงของภาคกลางมี ๒ ประเภทคือ
กระทงแบบพุทธ
เป็ นกระทงที่ประดิษฐ์ดวยวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ใบกระบือ ก้านพลับพลึง ใบโกศล หรื อ
้
่
วัสดุธรรมชาติที่หาได้ตามท้องถิ่นและประดับด้วยดอกไม้สดต่างๆ ภายในกระทงจะตั้งพุมทอง
่
น้อย ถ้ากระทงใหญ่จะใช้ ๓ พุม กระทงเล็กใช้พมเดียวและธูปไม้ระกํา ๑ ดอก เทียน ๑ เล่ม และ
ุ่
วัสดุต่างๆตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น
กระทงแบบพราหมณ์
วิธีการทําเช่นเดียวกับการทํากระทงแบบพุทธ จะแตกต่างกัน คือไม่ มีเครื่ องทองน้อย บางท้องถิ่น
จะมีการใส่ หมากพลู เงินเหรี ยญ หรื อตัดเส้นผมเล็บมือ เล็บเท้า เพื่อเป็ นการสะเดาะเคราะห์ไปใน
ตัว เป็ นพิธีความเชื่อของผูที่นบถือศาสนาพรามณ์
้ ั