More Related Content
More from mill0917047796 (20)
Pwpdata9
- 1. 9.1 โมเดลการมองเห็นสีทั่วไป
โดยทั่วไปแล้วสีต่าง ๆ ในธรรมชาติและสีที่ถูกสร้างขึ้น จะมีรูปแบบการมองเห็นสีที่แตกต่างกัน ซึ่ง
รูปแบบการมองเห็นสีเรียกว่า “โมเดล (Model)” ดังนั้น จึงทาให้มีโมเดลหลายแบบดังที่เราจะได้ศึกษา
ศึกษาต่อไปนี้
- โมเดล HSB ตามหลักการมองเห็นสีของสายตามนุษย์
- โมเดล RGB ตามหลักการแสดงสีของเครื่องคอมพิวเตอร์
- โมเดล CMYK ตามหลักการแสดงสีของเครื่องพิมพ์
- โมเดล Lab ตามมาตรฐานของ CIE
โมเดล HSBตามหลักการมองเห็นสีของสายตามนุษย์
เป็นลักษณะพื้นฐานการมองเห็นสีด้วยสายตาของมนุษย์ โมเดล HSB จะประกอบด้วยลักษณะ
ลักษณะของสี 3 ลักษณะ
^ ค่า Hue จะบอกค่าสีเป็นองศา จาก 0 องศา หมุนไปถึง 360 องศา
- 2. 1.Hue เป็นสีของวัตถุที่สะท้อนเข้ามายังตาของเราทาให้เราสามารถมองเห็นเป็นวัตถุสีได้ซึ่งแต่ละสีจะ
แตกต่างกันตามความยาวของคลื่นแสงที่มากระทบวัตถุและสะท้อนกลับมาที่ตาของเรา Hue ถูกวัด
โดยตาแหน่งการแสดงสีบน Standard Color Wheel ซึ่งถูกแทนด้วยองศา คือ 0 ถึง 360 องศา แต่โดย
ทั่วๆ ไปแล้ว มักเรียกการแสดงสีนั้นๆเป็นชื่อของสีเลย เช่น สีแดง สีม่วง สีเหลือง
2. Saturation คือสัดส่วนของสีเทาที่มีอยู่ในสีนั้น โดยวัดค่าสีเทาในสีหลักเป็นเปอร์เซ็นต์ดังนี้คือ
จาก 0% (สีเทาผสมอยู่มาก) จนถึง 100% (สีเทาไม่มีเลย หรือเรียกว่า “Full Saturation” คือสีมี
ความอิ่มตัวเต็มที่) โดยค่า Saturation นี้จะบ่งบอกถึงความเข้มข้นและความจางของสี ถ้าถูกวัด
โดยตาแหน่งบน Standard Color Wheel ค่า Saturationจะเพิ่มขึ้นจากจุดกึ่งกลางจนถึงเส้นขอบ
โดยค่าที่เส้นขอบจะมีสีที่ชัดเจน และอิ่มตัวที่สุด
^ ค่า Saturation เริ่มตั้งแต่ 0% ที่จุดกึ่งกลางไล่ไปเรื่อยๆ จนถึง 100% ที่ชอบ
^ H+S แทนค่าสีทั้งหมดที่เกิดจาก Hue +Saturation และ
B แทนค่าความสว่างตั้งแต่ 0%ถึง 100%
- 3. 3.Brightness เป็นเรื่องราวของความสว่างและความมืดของสี ซึ่งถูกกาหนดค่าเป็นเปอร์เซ็นต์
จาก0 % (สีดา) ถึง 100% (สีขาว) ยิ่งมีเปอร์เซ็นต์มากจะทาให้สีนั้นสว่างมากขึ้น
โมเดล RGB ตามหลักการแสดงสีของเครื่องคอมพิวเตอร์
โมเดล RGB เกิดจากการรวมกันของสเปกตรัมของแสงสีแดง (Red) , เขียว (green) , และน้า
เงิน (Blue) ในสัดส่วน ความเข้มข้นที่แตกต่างกัน โดยจุดที่แสงทั้งสามสีรวมกันจะเป็นสีขาว นิยม
เรียกการผสมสีแบบนี้ว่า “Additive Color”แสงสี RGB มักจะถูกใช้สาหรับการส่องแสงทั้งบน
จอภาพทีวีและจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งสร้างจากสารที่ทาให้เกิดแสงสีแดง สีเขียว และสีน้าเงิน ทาให้สี
ดูสว่างกว่าความเป็นจริง
^ รูปแสดงแสงสีแดง เขียว และ น้าเงินที่ผสมกันเป็นสีต่าง ๆ
- 4. โมเดล CMYKตามหลักการแสดงสีของเครื่องพิมพ์
โมเดล CMYK มีแหล่งกาเนิดสีอยู่ที่การซึมซับ (Absorb) ของหมึกพิมพ์บนกระดาษ โดยมีสีพื้นฐานคือ
พื้นฐานคือ สีฟ้ า (Cyan) สีบานเย็น (Magenta) และสีเหลือง (Yellow) โดยเรียกการผสมสีทั้ง 3 สีข้าง
สีข้างต้นว่า “Subtractive color” แต่สี CMYก็ไม่สามารถผสมรวมกันให้ได้สีบางสี เช่น สีน้าตาล จึง
จึงต้องมีการเพิ่มสีดา (Black) ลงไปฉะนั้นเมื่อรวมกันทั้ง 4 สี คือ CMYK สีที่ได้จากการพิมพ์ จึงจะ
จะครอบคลุมทุกสี
^ รูปแสดงหมึกพิมพ์ ฟ้ า บานเย็น เหลือง และสีดา
- 5. โมเดล Lab ตามมาตรฐานของ CIE
โมเดล Lab เป็นค่าสีที่กาหนดขึ้นโดย CIE (commission Internationale d ́ Eclairage)ให้เป็น
มาตรฐานกลางของการวัดสีทุกรูปแบบครอบคลุมทุกสีใน RGB และ CMYK และใช้ได้กับสีที่เกิดจาก
จากอุปกรณ์ทุกอย่างไม่ว่าจะ
เป็นจอคอมพิวเตอร์เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนและอื่น ๆ ส่วนประกอบของโหมดสีนี้ได้แก่
L หมายถึง ค่าความสว่าง (Luminance)
a หมายถึง ส่วนประกอบที่แสดงการไล่สีจากสีเขียวไปยังสีแดง
b หมายถึง ส่วนประกอบที่แสดงการไล่สีจากสีน้าเงินถึงสีเหลือง
- 6. โมเดลการมองเห็นสีในโปรแกรม Photoshop
จากการมองเห็นสีดดยทั่วไปมาสู่หลักการมองเห็นสีใน Photoshop ที่เราเรียกว่า “
โหมด(MOde)”ซึ่งโหมดของสีในPhotoshop จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 โหมดที่อ้างอิงตามโมเดล
กลุ่มที่ 2 โหมดที่ถูกกาหนดขึ้นมาพิเศษหรือที่เรียกว่า “ โหมด Specialozed”
กลุ่มที่ 3 โหมดสีผสมที่เรียกว่า “โหมด Blending”
กลุ่มที่ 1 โหมดที่อ้างอิงตามโมเด
โหมด RGB
ใช้หลักการโหมดของโมเดล RGB โดยมีการกาหนดค่าความเข้มข้นของสีแดง เขียว และน้า
น้าเงินที่มาผสมกันในแต่ละจุดสี เป็นค่าตั้งแต่ 0 ถึง 255 ตัวอย่างเช่น สี Bright Red เกิดจาก
จาก R (สีแดง) ที่ 246 และ G (สีเขียว) ที่20และ B (สีน้าเงิน ที่ 50)
ภาพที่เกิดจากโหมด RGB จะเป็นการซ้อนภาพสี 3 ชั้น ชั้นละสี ซึ่งเราเรียกชั้นของสีเหล่านี้
เหล่านี้ว่า “Channel” โดยจะมีสีที่แตกต่างเกิดขึ้นถึง 16.7 ล้านสี หรือ
- 7. ^ ภาพในโหมด RGB ซึ่งเกิดจากการผสมของแสงสี แดง
เขียว และน้าเงิน
^ แสงสีแดง Red
^ แสงสีเขียว Green
^แสงสีน้าเงิน Blue
- 8. โหมด CMYK
ใช้หลักการของโมเดล CMYK โดยมีการกาหนดค่าสีจากเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของสีแต่ละสีที่มา
ผสมกัน เช่น สี Bright Red เกิดจาก C= 2%, M=93%, Y=90%, และ K=0% (หรือสีขาว)
^ ภาพในโหมด CMYK ซึ่งเกิดจากการผสมของหมึกสี Cyan,Magenta,Yellow และ Black
- 10. เปลี่ยนโหมดสีเป็น Bitmap
ภาพขาวดาโหมด Bitmap จะเหมาะกับงานที่เป็นลายเส้น เช่น เครื่องหมายการค้า และโลโก้ ใน
การเปลี่ยน โหมดจากภาพสีให้มาเป็น Bitmap เราจะต้องเปลี่ยนภาพให้เป็น Grayscale
เสียก่อน จากนั้นจึงจะเปลี่ยนมาเป็น Bitmap ได้ และในการบันทึกภาพนั้นต้องบันทึกเป็น
นามสกุล BMP ซึ่งเป็นรูปแบบที่รองรับภาพในโหมด Bitmap
1.เลือกเมนูคาสั่ง Image>Mode> Bitmap
2.กาหนดค่าความละเอียด
ของภาพ
3.คลิกปุ่มลูกศร เลือก
วิธีการ
4.คลิกเมาส์แปลงภาพ
- 11. เปลี่ยนโหมดสีเป็น Duotone
เรามักจะเห็นภาพ Duotone ในการนาไปพิมพ์เป็นงานโฆษณา หรือใบปลิว 2 สี ในการ
เปลี่ยนแปลงโหมดสีเราจะต้องถอดสีออกจากภาพให้เป็น Grayscale เสียก่อน จากนั้นจึงจะ
แปลงเป็น Duotone โดยการกาหนด สีแรกแทนส่วนสีดา และสีที่สองแทนส่วนที่เป็นสีขาว ดังนี้
1.เลือกเมนูคาสั่ง Image>Mode> Duotone
2.เลือกสีที่จะใช้แทนสีดา
3.เลือกสีที่จะใช้แทนสีขาว
4.คลิกเพื่อใช้สีที่กาหนด