More Related Content Similar to Photoshop cs3 (20) Photoshop cs32. ทําความรูจักกับโปรแกรม Photoshop CS3
โปรแกรม Photoshop เปนโปรแกรมที่ใชในการสรางหรือตกแตงภาพกราฟก ซึ่งตัวโปรแกรม
สามารถจัดการไดทั้งภาพ Bitmap และ ภาพ Vector
• ภาพ Bitmap หรือ ภาพ Raster
เปนภาพที่ประกอบขึ้นมาจากจุดสีเล็ก ๆ ที่เรียกวา Pixel มาเรียงตอกันจนกลาย
เปนภาพ เมื่อมองดูโดยรวม ตาเราจะเห็นเปนภาพเสมือนจริง แตเมื่อมีการปรับขนาด
ของภาพจะทําใหความคมชัดของภาพลดลง ไฟลภาพประเภทนี้ ไดแก .gif .jpg และ
.bmp เปนตน
5. • ภาพ Vector
เปนภาพที่เกิดขึ้นจากการคํานวณของโปรแกรม ทําใหเกิดเสนและรูปทรงตาง ๆ
เมื่อมีการปรับขนาดของภาพ ความคมชัดของภาพจะยังคงไมเสียไป ไฟลภาพประเภทนี้
ไดแก .ai และ .swf เปนตน
Resolution of graphic / ความละเอียดของ กราฟฟก
Resolution คือ การวัดของไฟลที่ออกมาวามีคุณภาพ หรือความละเอียดเทาไร โดยใชการวัด
จากหนวย pixel หรือ dot
- Pixel คือจุดสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่อยูในภาพ หรือ ประกอบเปนภาพที่คุณเห็นในจอคอมพิวเตอรหรือทีวี
- DPI (dot per inch) คือ หนวยแสดงความละเอียด หรือ คุณภาพของงานพิมพ หรือหมายถึง
จํานวนจุดตอ 1 ตารางนิ้วบนภาพประเภท raster
ไฟลที่เหมาะสมกับงานพิมพจะเปน 300 dpi แตถาทํางานอื่นๆ เชน web, presentation ที่อาศัยแค
การแสดงผลทางหนาจอคอมพิวเตอร ไฟลที่เหมาะสมจะเปน 72 หรือ 96 dpi
6. สวนประกอบหนาจอโปรแกรม
- เมนูหลัก (Menu Bar) จะประกอบดวยกลุมคําสั่งตางๆ ที่ใชจัดการกับไฟล, ทํางานกับรูปภาพ
และใชปรับแตงการทํางานของโปรแกรมโดยแบงตามลักษณะการใชงาน ซึ่งในบางเมนูหลักจะมีเมนูยอย
ซอนอยู ซึ่งเราตองเปดเขาไปเพื่อเลือกคําสั่งภายในอีกที
- แถบเครื่องมือ (Toolbox) จะประกอบดวยเครื่องมือตางๆ ที่ใชในการวาด ตกแตง และแกไขภาพ
เครื่องมือเหลานี้มีจํานวนมาก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมเครื่องมือที่ทําหนาที่คลายๆ กัน ไวในปุมเดียวกัน
- แถบตัวเลือก (Option Bar) เปนสวนที่ใชปรับแตงคาการทํางานของเครื่องมือตางๆ โดยรายละเอียด
ใน Option Bar จะเปลี่ยนไปตามเครื่องมือที่คุณเลือกใช
- แถบพาเนล (Panel) เปนวินโดวยอยๆ ที่ใชเลือกรายละเอียด หรือคําสั่งควบคุมการทํางานตางๆ
ของโปรแกรม ใน Photoshop มีพาเนลอยูเปนจํานวนมาก เชน Color ใชสําหรับเลือกสี, Layers
ใชสําหรับจัดการกับเลเยอร, Info ใชแสดงคาสีตรงตําแหนงที่เมาสชี้ รวมถึงขนาดตําแหนงของพื้นที่ที่เลือกไว
7. สิ่งที่ควรรูกอนใชงาน Photoshop CS3
1. ความละเอียดของภาพ (Resolution)
คาความละเอียดของภาพ มีหนวยเปน Pixels ตอตารางนิ้ว ซึ่งหากคาความละเอียดมาก จํานวนพิกเซลก็จะ
มากตามไปดวย และทําใหภาพมีคุณภาพมากขึ้น สามารถตรวจสอบได โดยคลิกที่เมนู Image –> Image Size
2. เลเยอร (Layers)
การตกแตงภาพตั้งแตสองภาพขึ้นไปบนหนาผลงานเดียวกันใน Photoshop จะอาศัยการซอนภาพเปนชั้นๆ
เรียกวา เลเยอร (Layers)
8. 3. โหมดสีที่สําคัญ (ไปที่เมนู Image < Mode)
โหมดสีมีหลายชนิดและมีคุณสมบัติที่แตกตางกันควรเลือกใหเหมาะสมกับการใชงานแตละประเภท แตถาจะ
กลาวถึงโหมดที่นิยม และมีผูใชกวางขวางที่สุดก็จะมีอยู ดังนี้
Grayscale เปนโหมดสีขาว/ดํา ที่ใหเฉดสี 256 สี มีการไลโทนน้ําหนักแสงเงา เหมาะกับงาน
ออกแบบสีเดียว สามารถนําไปเปลี่ยนเปนสีอื่นแทนสีดําไดเมื่อเขาสูระบบการพิมพ ไฟลภาพมีขนาดเล็กกวา
ไฟลขาว/ดําชนิดอื่นๆ
Duotone เปนภาพที่มีสีมากกวาแบบขาว/ดํา สามารถใชสีไดสองโทนสีมาผสมกัน เหมาะกับงานที่
ตองการสีสัน แตใชตนทุนการพิมพไมมาก
9. RGB Color เปนโหมดสีที่นิยมใชกันมาก สามารถพบไดจากภาพถายดิจิทัล งานออกแบบที่
แสดงผลทางจอมอนิเตอร สีกลุมนี้เกิดจากการผสมของแมสีแสง ไดแก สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และ
สีน้ําเงิน (Blue)
CMYK Color เปนโหมดสีที่ใชในระบบงานพิมพ ประกอบดวยสีสี่สี คือ สีฟา (Cyan) สีชมพูบานเย็น
หรือชมพูมวง (Magenta) สีเหลือง (Yellow) และสีดํา (Black) ในระบบงานพิมพมักจะเรียกวา พิมพสี่สี ซึ่งก็
คือการใชแมสีสี่สีนี้มาซอนกันจนเกิดเปนสีใหมมากมาย ที่ทําใหไดภาพสีสันสมจริงขึ้นมา
11.
Page 3
การสร้างไฟล์ภาพใหม่
ขั้นตอนในการสร้างไฟล์ภาพใหม่
1. คลิกที่เมนู File > New
2. กําหนดขนาดความกว้าง และความยาวของภาพตามต้องการ
• Width : ความกว้างของภาพ
• Height : ความสูงของภาพ
3. กําหนดความละเอียดของภาพ (Resolution)
4. เลือกโหมดสีของภาพ (Color Mode)
5. เลือกลักษณะของพื้นหลัง ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ
• White : ให้พื้นหลังมีสีขาว
• Background Color : ให้พื้นหลังเป็นสีตามที่กําหนด
• Transparent : ให้พื้นหลังเป็นแบบโปร่งใส
6. คลิกปุ่ม Ok
15.
Page 7
เครื่องมือต่าง ๆ (Toolbox)
• Move : ใช้ในการย้ายพื้นที่ที่เลือกไว้ หรือย้ายเส้น Guide
• Marquee : ใช้ในการเลือกพื้นที่บนภาพเป็นรูปสี่เหลี่ยม วงกลม วงรี หรือ เลือกเป็น
แถว คอลัมน์ที่ขนาด 1 Pixel
• Lasso : ใช้เลือกพื้นที่บนภาพแบบอิสระ
• Magic Wand / Quick Selection : ใช้เลือกพื้นที่จากสีที่ใกล้เคียงกัน
• Crop : ใช้ตัดขอบภาพ
• Slice / Slice Select : ใช้ตัดแบ่งภาพเป็นภาพย่อย ๆ สําหรับนําไปสร้างเว็บเพจ
• Healing Brush / Patch / Red Eye : ใช้ตกแต่งลบรายตําหนิในภาพ และแก้ปัญหาตา
แดงในภาพถ่าย
16.
Page 8
• Brush / Pencil : ใช้ระบายสีภาพเหมือนกับพู่กัน หรือดินสอ เพื่อเปลี่ยนสีให้กับวัตถุ
• Clone / Pattern Stamp : ใช้ทําสําเนาภาพโดยการคัดลอกภาพจากบริเวณอื่น ๆ มา
ระบาย หรือระบายด้วยลวดลายที่เลือก
• History / Art History Brush : ใช้ระบายภาพด้วยภาพเดิมที่ผ่านมา
• Eraser : ใช้ลบภาพ
• Gradient / Paint Bucket : ใช้เติมสีแบบไล่ระดับโทนสี หรือเทสีลงบนพื้นที่ของภาพ
• Blur / Sharpen / Smudge : ใช้ระบายสีให้เบลอ หรือ คมชัดขึ้น
• Dodge / Burn / Sponge : ใช้ระบายเพื่อเพิ่มความสว่าง/มืดของสี หรือเพิ่ม/ลด
ความสดของสี
• Pen / Anchor Point : ใช้วาดเส้น Path
• Type : ใช้พิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความบนภาพ
• Path / Direct Selection : ใช้เลือกและปรับแต่งเส้น Path
• Shape : ใช้วาดรูปทรงเรขาคณิต หรือ รูปทรงสําเร็จรูป
• Note / Audio Annotation : ใช้บันทึกหมายเหตุกํากับภาพ
• Eyedropper / Color Sampler / Ruler / Count : ใช้เลือกสี หรือ วัดระยะและมุม
ระหว่างจุดต่าง ๆ บนภาพ หรือ ใช้นับจํานวนวัตถุบนภาพ
• Hand : ใช้เลื่อนดูส่วนต่าง ๆ ของภาพ
• Zoom : ใช้ย่อ / ขยายมุมมองภาพ
การปรับขนาดและความละเอียดของภาพ
การปรับขนาดของภาพ มี 2 วิธี ได้แก่
17.
Page 9
1. การปรับโดยเพิ่ม/ลดจํานวน Pixel ของภาพ (Pixel Dimensions)
2. การปรับ Document Size และ Resolution โดยให้จํานวน Pixel คงเดิม
ขั้นตอนในการปรับขนาดของภาพด้วยวิธีปรับ Document Size
1. คลิกที่เมนูหลัก เลือกคําสั่ง Image > Image Size
2. คลิก Resample Image ออก เพื่อให้จํานวน Pixel คงเดิม
3. กําหนดค่า Width , Height และ Resolution ใหม่
4. คลิกปุ่ม Ok
18.
Page 10
การปรับรูปทรงของภาพ (Transform)
ขั้นตอนในการปรับรูปทรงของภาพ
1. คลิกที่เมนูหลักเลือก Edit > Transform
2. คลิกเลือกคําสั่งปรับรูปทรง
คําสั่งในการปรับรูปทรง มีดังนี้
• Scale : ปรับขนาด
• Rotate : หมุนภาพ
• Skew : บิดด้านหรือมุมของภาพไปตามแนวกรอบด้านใดด้านหนึ่ง
• Distort : บิดด้านหรือมุมของภาพไปตามแนวอย่างอิสระ
• Perspective : บิดภาพให้เกิดสัดส่วนแบบใกล้ไกล
• Warp : บิดและดึงส่วนต่าง ๆ อย่างอิสระ
19. การเลือกพื้นที่บนภาพ (Selection & Mask)
เครื่องมือกลุ่ม Marquee : ใช้ในการเลือกพื้นที่บนภาพเป็นรูปทรงเรขาคณิต
o Rectangular Marquee : ใช้เลือกพื้นที่รูปสี่เหลี่ยม
o Elliptical Marquee : ใช้เลือกพื้นที่รูปวงกลม หรือวงรี
o Single Row Marquee : ใช้เลือกพื้นที่ในแนวนอน ขนาด 1 Pixel
o Single column Marquee : ใช้เลือกพื้นที่ในแนวตั้ง ขนาด 1 Pixel
ขั้นตอนการเลือกพื้นที่ด้วยเครื่องมือ Marquee
เลือกเครื่องมือ Maquee ที่ต้องการจาก Toolbox 1.
กําหนด Option ต่าง ๆ บน Options Bar 2.
ใช้เมาส์คลิกลากให้คลุมพื้นที่ที่ต้องการ จะเห็นมีเส้นล้อมรอบภาพเกิดขึ้น 3.
เครื่องมือกลุ่ม Lasso : ใช้ในการเลือกพื้นที่แบบอิสระ
o Lasso : ใช้เลือกพื้นที่ด้วยการใช้เมาส์คลิกลากไปตามส่วนต่าง ๆ ของ
ภาพตามต้องการ
o Polygonal Lasso : ใช้เลือกพื้นที่ด้วยการใช้เมาส์คลิกเพื่อสร้างรูปหลายเหลี่ยม
ล้อมรอบพื้นที่
o Magnetic Lasso : ใช้เลือกพื้นที่โดยให้โปรแกรมกําหนดขอบเขตเองโดย
อัตโนมัติ ตามเส้นทางที่เมาส์เลื่อนผ่านไป
Page 11
20.
Page 12
ขั้นตอนการเลือกพื้นที่ด้วยเครื่องมือ Lasso
1. เลือกเครื่องมือ Lasso จาก Toolbox
2. กําหนด Option ต่าง ๆ บน Options Bar
3. ใช้เมาส์คลิกลากรอบพื้นที่ที่ต้องการเลือก จนวนกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง จะเห็นมีเส้น
ล้อมรอบภาพเกิดขึ้น
เครื่องมือ Magic Wand : ใช้เลือกพื้นที่โดยการดูจากค่าสีที่ใกล้เคียงกันในตําแหน่งที่
เราคลิก
ขั้นตอนการเลือกพื้นที่ด้วยเครื่องมือ Magic Wand
o เลือกเครื่องมือ Magic Wand จาก Toolbox
o กําหนด Option ต่าง ๆ บน Options Bar
o ใช้เมาส์คลิกบริเวณของสีที่เราต้องการเลือก จะเห็นมีเส้นล้อมรอบภาพเกิดขึ้น
เครื่องมือ Crop : ใช้เลือกพื้นที่ของภาพโดยการเพิ่ม และตัดขอบภาพ
ขั้นตอนการเลือกพื้นที่ด้วยเครื่องมือ Crop
o เลือกเครื่องมือ Crop จาก Toolbox
o ใช้เมาส์คลิกลากบนภาพเป็นกรอบสี่เหลี่ยมบริเวณที่ต้องการ
o กดคีย์ Enter เพื่อยืนยัน จะเห็นมีเส้นล้อมรอบภาพเกิดขึ้น
21.
Page 13
การตัดแบ่งภาพออกเป็นหลายชิ้นส่วน
เครื่องมือ Slice : ใช้ในการตัดแบ่งภาพออกเป็นชิ้นส่วน
o Slice : ใช้ตัดแบ่งภาพออกเป็นชิ้นส่วน
o Slice Select : ใช้เลือกและจัดการกับภาพแต่ละชิ้นส่วน
ขั้นตอนในการสไลด์ภาพ
1. เปิดภาพ หรือสร้างภาพขึ้นมา
2. คลิกเลือก Slice จาก Toolbox
3. คลิกเมาส์ลากวาดเป็นกรอบสี่เหลี่ยมลงบนภาพ เพื่อตัดแบ่งเป็นชิ้นส่วน
4. เมื่อคลิกเมาส์ตัดแบ่งชิ้นส่วนแล้ว ถ้าต้องการปรับปรุงแก้ไขให้คลิกเลือก Slice Select เพื่อ
ปรับแก้ไข
22. การพิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความบนภาพ
เครื่องมือที่ใช้จะเป็นเครื่องมือในกลุ่ม Type
o Horizontal Type : ใช้พิมพ์ข้อความแนวนอน
o Vertical Type : ใช้พิมพ์ข้อความแนวตั้ง
o Horizontal Type Mask : ใช้สร้าง Selection ให้พิมพ์ข้อความในแนวนอน
o Vertical Type Mask : ใช้สร้าง Selection ให้พิมพ์ข้อความในแนวตั้ง
ขั้นตอนในการพิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความแนวนอน
เลือกเครื่องมือ Horizontal Type จาก Toolbox 1.
คลิกตรงบริเวณที่ต้องการวางข้อความ 2.
พิมพ์ข้อความตามต้องการ 3.
4. ปรับแต่งข้อความได้จาก Options Bar ด้านบน หรือ Character และ Paragraph
Palette
Page 14
23.
Page 15
ขั้นตอนในการพิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความภายในรูปทรง
1. เลือกเครื่องมือ Pen เพื่อสร้างเส้น Path ปลายปิด หรือสร้างรูปทรงอิสระ
2. เลือกเครื่องมือ Horizontal Type จาก Toolbox
3. คลิกภายในรูปทรง แล้วพิมพ์ข้อความ
ขั้นตอนในการพิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความตามเส้น Path
1. เลือกเครื่องมือ Pen จาก Toolbox
2. วาดเส้น Path เป็นเส้นโค้ง หรือ รูปทรงอิสระ
3. เลือกเครื่องมือ Horizontal Type
4. คลิกบนเส้น Path ตรงตําแหน่งที่จะเริ่มพิมพ์
5. กําหนด Option ของตัวอักษร จาก Options Bar เพื่อกําหนดลักษณะต่าง ๆ เช่น ชนิด
ตัวอักษร ขนาดตัวอักษร เป็นต้น
6. พิมพ์ข้อความตามต้องการ
24. การวาดและตกแต่งภาพ
เครื่องมือ Brush และ Pencil : ใช้ในการวาดรูป
ขั้นตอนในการวาดรูปด้วยเครื่องมือ Brush
เลือกเครื่องมือ Brush หรือ Pencil จาก Toolbox 1.
2. คลิกเลือกสีของหัวแปรง หรือ ปรับลักษณะรูปแบบของหัวแปรงได้จาก Brush Palette หรือ
จาก Options Bar
วาดหรือระบายสีบนพื้นที่ภาพตามต้องการ 3.
Page 16
25.
Page 17
เครื่องมือ Pen : ใช้ในการวาดเส้น Path
o Pen : ใช้วาดเส้น Path ด้วยวิธีคลิกเพื่อกําหนดจุดตําแหน่ง
o Freeform Pen : ใช้วาดเส้น Path ด้วยวิธีคลิกลากเมาส์แบบอิสระ
o Add Anchor Point : ใช้เพิ่มจุด
o Delete Anchor Point : ใช้ลบจุด
o Convert Point : ใช้เปลี่ยนจส่วนโค้งเป็นมุม หรือกลับกัน
ขั้นตอนในการวาดเส้น Path
1. เลือกเครื่องมือ Pen จาก Toolbox
2. คลิกบนพื้นที่ของภาพเป็นจุดหลาย ๆ จุด เพื่อใช้ในการสร้างภาพขึ้นมา วนกลับ
มาถึงจุดเริ่มต้น เป็นการสร้างเส้น Path แบบปิด
3. เลือกเครื่องมือ Add Anchor Point เมื่อต้องการเพิ่มจุด เพื่อปรับลักษณะของภาพ
ที่วาด
4. เลือกเครื่องมือ Delete Anchor Point เมื่อต้องการลบจุด เพื่อปรับลักษณะของ
ภาพที่วาด
26. เครื่องมือ Shape : ใช้ในการวาดรูปทรงเรขาคณิต และรูปทรงสําเร็จรูป
o Rectangle ใช้วาดรูปสี่เหลี่ยม
o Rounded Rectangle ใช้วาดรูปสี่เหลี่ยมมุมโค้ง
o Ellipse ใช้วาดรูปวงกลม และวงรี
o Polygon ใช้วาดรูปหลายเหลี่ยม และรูปดาว
o Line ใช้วาดเส้น
o Custom Shape ใช้วาดรูปทรงสําเร็จรูปต่าง ๆ ที่โปรแกรมกําหนดมาให้
Page 18
27.
Page 19
ขั้นตอนในการวาดรูปทรงเรขาคณิต และรูปทรงสําเร็จรูป
1. เลือกเครื่องมือในการวาดรูปทรงเรขาคณิต จาก Toolbox
2. คลิกเมาส์ลากลงบนพื้นที่ภาพ เพื่อวาดภาพตามต้องการ
3. ปรับสีเส้น และสีที่เติมในพื้นที่ภาพตามต้องการ
เครื่องมือ Selection : ใช้ในการปรับแต่งเส้นพาธ
o Path Selection ใช้ในการย้าย หมุน หรือปรับขนาดเส้น Path ทั้งเส้น
o Direct Selection ใช้ในการเลือกจุดเพื่อดัดแปลงรูปทรงของเส้น Path
การเลื่อนดูภาพด้วยเครื่องมือ Hand
ขั้นตอนในการการเลื่อนดูภาพ
1. คลิกเลือกเครื่องมือ Hand จาก Toolbox
2. เลื่อนเมาส์ไปคลิกลากบนภาพ
การย่อ/ขยายมุมมองของภาพด้วยเครื่องมือ Zoom
ขั้นตอนในการซูมภาพ
1. คลิกเลือก เครื่องมือ Zoom จาก Toolbox
2. เลื่อนเมาส์ไปคลิก หรือวาดเป็ดกรอบสี่เหลี่ยมบนภาพ
• ใช้ขยายมุมมองของภาพ
• ใช้ย่อมุมมองของภาพ
28. การใช้งาน Palette
Palette เป็น Window เล็ก ๆ ที่ใช้สําหรับแสดงรายละเอียด หรือควบคุมการทํางานต่าง ๆ ของ
โปรแกรม
วิธีเปิ ด / ปิ ด Palette : เลือกคําสั่ง Window > ชื่อ Palette
Page 20
29.
Page 21
Layers Palette
การซ่อน/แสดง Layer : ทําได้โดยการคลิกในช่องหน้า Layer
o เปิด Layer
o ปิด Layer
การสร้าง Layer ใหม่ : คลิกที่ เพื่อสร้าง Layer ใหม่
การคัดลอก Layer : คลิกลาก Layer ไปวางทับปุ่ม
การลบ Layer : คลิกลาก Layer ไปวางทับที่ปุ่ม
การจัดกลุ่มให้ Layer (Group) :
1. คลิกที่ปุ่ม เพื่อสร้างกลุ่ม Layer แล้ว
2. คลิก Layer ที่ต้องการจัดกลุ่ม ลากไปวางทับกลุ่ม Layer ที่สร้างขึ้นมา
การปรับความทึบของ Layer
o Opacity : เป็นค่าความทึบหลัก ซึ่งจะส่งผลทั้งต่อภาพใน Layer และ Style ที่เรา
กําหนดให้ layer นั้นด้วย
o Fill : เป็นค่าที่ส่งผลต่อภาพใน Layer เท่านั้น โดยไม่มีผลต่อ Style ของ Layer
30.
Page 22
การย้าย Layer ออกจากกลุ่ม : ทําได้โดยคลิกลาก Layer ย้ายไปแทรกระหว่าง Layer
อื่นที่อยู่นอกกลุ่ม
การรวม Layer (Merge) : คือการรวมภาพหลาย ๆ Layer เข้าด้วยกันให้เป็น Layer
เดียว ซึ่งโปรแกรมจะทําการซ้อนทับ Layer ต่าง ๆ ทํานํามารวมกัน หลังจากรวมแล้วก็
จะไม่สามารถแก้ไขภาพแต่ละส่วนได้อย่างอิสระอีก
o Merge Down : รวม Layer ปัจจุบันเข้ากับ Layer ที่อยู่ถัดลงไปด้านล่าง 1 Layer
o Merge Visible : รวมทุก ๆ Layer ที่แสดงอยู่ในขณะนั้น
o Flatten Image : รวม Layer ทั้งหมดให้กลายเป็น Layer Background เพียง Layer
เดียว
31. แบบต่าง ๆLayer Effect
o Drop Shadow : สร้างเงาแบบตกบนพื้นหลังของภาพ
o Inner Shadow : สร้างเงาบริเวณขอบภายในของภาพ จะทําให้ภาพดูยุบลง
o Outer Glow : สร้างแสงเรืองบริเวณขอบด้านนอกของภาพ
o Inner Glow : สร้างแสงเรืองบริเวณขอบด้านในของภาพ
o Bevel and Emboss : เพิ่มแสงและเงาตามส่วนต่างๆ ของภาพจะทําให้ภาพดูนูนขึ้น
o Contour : ใช้ในการปรับลักษณะการนูนของภาพให้เป็นแบบต่าง ๆ
o Texture : ใช้เพิ่มลวดลายพื้นผิว
o Satin : ทําให้พื้นผิวของภาพมีสีเหลื่อมเป็นเงา
o Color Overlay : เติมสีภายในภาพ
o Gradient Overlay : เติมสีแบบไล่เฉดสีภายในภาพ
o Pattern Overlay : เติมลวดลายพื้นผิวภายในภาพ
o Stroke : เติมเส้นขอบให้ภาพ
Page 23
32.
Page 24
การเลือกสี
สี Foreground และ Background
เป็นส่วนที่ใช้ในการเลือกสีให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ การเลือกสี Foreground และ
Background นี้ทําได้โดยใช้เครื่องมือบน Toolbox
วิธีการเปลี่ยนสีของ Foreground และ Background
1. คลิกที่ช่องสี Foreground หรือ Background บน Toolbox
2. จะแสดง Dialog Box Color Picker
3. คลิกเลือกตรงสีที่ต้องการ
4. คลิกปุ่ม Ok
33.
Page 25
Color Palette
o การเปิด / ปิด Color Palette ทําได้โดยเลือกคําสั่ง Window > color
ขั้นตอนในการใช้สีใน Color Palette
1. คลิกเลือกว่าต้องการเปลี่ยนสี Foreground หรือ Background
2. คลิกเลือกสีที่ต้องการ
Swatches Palette
เป็น Palette ที่ใช้สําหรับเก็บสีต่าง ๆ ที่ต้องใช้บ่อย ๆ เอาไว้ เพื่อให้เรียกกลับมาได้
สะดวก
o การเปิด / ปิด Swatches Palette ทําได้โดยเลือกคําสั่ง Window > Swatches
ขั้นตอนในการใช้สีใน Swatches Palette
1. คลิกเลือกว่าต้องการเปลี่ยนสี Foreground หรือ Background
2. คลิกเลือกสีที่ต้องการ
เลือกสี
Foreground
Background
34.
Page 26
Styles Palette
o การเปิด / ปิด Styles Palette ทําได้โดยเลือกคําสั่ง Window > Swatches
วิธีการเรียกใช้ Styles สําเร็จรูป
1. เลือก Layer
2. คลิกเลือก Styles ที่ต้องการ
35.
Page 27
Palette สําหรับการปรับแต่งตัวอักษร
Character Palette
ประกอบด้วย Options ต่าง ๆ ที่ใช้ในการจัดรูปแบบตัวอักษร เช่น ชนิดตัวอักษร
ลักษณะตัวอักษร ขนาดตัวอักษร เป็นต้น
Paragraph
ประกอบด้วย Options ต่าง ๆ ที่ใช้ในการจัดตําแหน่งของข้อความ เช่น ชิดซ้าย ตรง
กลาง ชิดขวา เต็มขอบ เป็นต้น
37.
Page 29
ขั้นตอนในการสร้างจุดไข่ปลารอบ ๆ รูป
1. เปิดไฟล์ภาพต้นฉบับ
2. เลือกเครื่องมือ Wand หรือ เครื่องมืออื่นๆ จาก Toolbox โดยดูจากลักษณะของภาพ เพื่อ
ทําการ Selection
3. ทํา Selection รอบรูปที่เราต้องการ
38.
Page 30
4. เลือกคําสั่ง Select > Modify > Expand เพื่อขยับระยะห่างออกมาจากภาพที่เลือก
5. ใส่ค่าระยะตามต้องการ ในที่นี้ใส่ค่าประมาณ 8px แล้วคลิกปุ่ม Ok
6. จะได้ภาพที่มีเส้น Selection ห่างออกมาจากภาพ
39.
Page 31
7. เลือกเครื่องมือ Brush จาก Toolbox
8. ที่ Brush Tip Shape ให้เลือกหัวแปรงขนาดตามต้องการ และ ที่ Spacing ให้ปรับค่าระยะห่างของ
จุดไข่ปลา
9. ไปที่ Paths Palette กดปุ่ม Make work path from selection เพื่อสร้าง Path ใหม่เพิ่มขึ้น
อีก 1 อัน
10. จะได้ภาพที่มีเส้น Path ล้อมรอบ
40.
Page 32
11. เลือกสี Foreground ที่ต้องการ
12. คลิกขวาที่ Path ที่เราเพิ่งสร้างขึ้นมา แล้วเลือกคําสั่ง Stroke Path
13. ให้เลือก Brush แล้วคลิกปุ่ม Ok
14. จะได้ภาพที่เป็นลายจุดไข่ปลาขึ้นมาตามเส้น Path
46.
สร้าง Layer ใหม่ 1 Layer แล้วคลิกลากย้ายไปไว้ใต้ Layer ภาพ 8.
เลือกสี Foreground เป็นสีขาว 9.
เลือกเครื่องมือ Paint Bucket จาก Toolbox เพื่อเทสีขาวลงบน Layer ใหม่ 10.
จบขั้นตอนการสร้างภาพ11.
Page 38
64.
Page 56
3. เลือกสีที่ต้องการเทลงใน Selection แล้วกดปุ่ม Ctrl + D เพื่อลบ Selection
4. กด Ctrl + A ที่ Keyboard 1 ครั้ง แล้วเลือกคําสั่ง Edit > Define Pattern เพื่อสร้าง Pattern ใหม่
5. สร้างไฟล์ภาพใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง โดยกําหนดขนาดตามต้องการ
6. สร้าง Layer ใหม่
65.
Page 57
7. กดปุ่ม Shift + F5 จะมีหน้าจอให้กําหนด Fill Pattern เลือก Use : Pattern และคลิกที่ Custom
Pattern เป็น Pattern ที่เราเพิ่งสร้างใหม่ แล้วคลิกปุ่ม Ok
8. จะปรากฏลายบนพื้นที่ภาพ