More Related Content
Similar to ใบงานที่ 11 (20)
More from melody_fai (20)
ใบงานที่ 11
- 1. ใบงานที่ 11 เรื่อง กําหนดและลําดับขั้นตอนการปฏิบัติ
--------------------------------------------------------------
1. การสํ ารวจสภาพนําทีคูเมือง
้ ่
สํารวจลกษณะของนํา ประสาทสัมผัสของตัวเราเองเป็ นเครื่ องมือแสนวิเศษ เราสามารถใช้ตา ใช้จมูก
ั ้
หรือแมแต่หู ตรวจลกษณะของน้ า ซึ่ งเป็ นวิธีที่ง่ายที่สุดและให้ขอสังเกตเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณภาพนํ้าได้ดี
้ ั ํ ้
อุปกรณ์
้
ขวดพลาสติกใสกนแบนขนาด 1 ลิตร ตดปากขวดออก
ั
แผนวดความข่นใส
่ ั ุ
เทอร์โมมิเตอร์วดอุณหภูมิ
ั
สี
ํ ํ ู่ ํ
โดยธรรมชาติน้ าไม่มีสี สีที่เห็นในน้ าคือสีของสิ่งที่เจือปนอยในน้ า
วิธีการ
1. ตักนํ้าใส่ ขวดพลาสติกขนาด 1 ลิตร และบนทึกสีที่เห็นจากขางขวด ไม่ควรบันทึกสี ดวยการมองดูน้ าจากฝั่ง
ั ้ ้ ํ
เพราะอาจเป็นสีจากพ้ืนใตน้ าหรือตวแปรอื่น
้ ํ ั
2. ในกรณี ที่น้ าเน่าดําส่ งกลิ่นเหม็นชัดเจน ไม่ตองตักนํ้าขึ้นมาดู บันทึกสี ที่เห็นจากฝั่งนํ้า
ํ ้
กลิ่น
เราได้กลิ่นต่างๆเมื่อไอของสสารนั้นลอยแพร่ กระจายออกมากระทบประมาทจมูกของเรา น้ าไม่มีกลิ่นโดย
ํ
่
ธรรมชาติ กลิ่นของนํ้าจึงเป็ นสัญญาณบอกว่ามีสิ่งเจือปนอยูในนํ้า
- 2. วิธีการ
ตักนํ้าขึ้นมาดม ลงความเห็นกันในกลุ่มว่ากลิ่นเป็ นอย่างไร ( ถ้านํ้าเหม็นมากจนได้กลิ่นจากริ มฝั่ง ไม่ตองตก
้ ั
ขึ้นมา )
ความขุนใส ่
แสงแดดจะสามารถส่ องลงสู่ ใต้น้ าได้ลึกหรื อตื้นเพียงใดนั้น ขึ้นอยูกบความขุ่นใสของนํ้า ส่ งผลโดยตรงต่อ
ํ ่ ั
ชีวตพืชและสัตวตามพ้ืนใตน้ า น้ าจะข่นใสแค่ไหนน้ นข้ ึนอยกบปริมาณสารแขวนลอยในน้ า เช่น ตะกอนดิน
ิ ์ ้ ํ ํ ุ ั ู่ ั ํ
และแพลงก์ตอนสาหร่ าย ตะกอนดินนอกจากจะทําให้น้ าขุ่นแล้ว ยังไปอุดรู ซอกหลืบตามพื้นนํ้าที่สัตว์ชอบอาศัย
ํ
ู่ ้
อยดวย
วิธีการ
1. วางแผนวดความข่นใสไวที่กนขวดพลาสติกดานใน
่ ั ุ ้ ้ ้
2. ตักนํ้าจากลําธารใส่ จนเต็มขวด
3. วางขวดไว้เฉยๆ ในร่ มเงา รอให้น้ านิ่ง
ํ
4. เมื่อนํ้านิ่งก้มดูจากปากขวด และบันทึกหมายเลขสี จางที่สุดที่มองเห็นบนแผ่นวัดความขุ่นใส
อุณหภูมิ
นํ้ายิงร้อน ออกซิ เจนยิงละลายได้นอย สัตว์น้ าจึงหลบพักในนํ้าเย็นใต้ร่มเงาต้นไม้ได้สบายกว่าผืนนํ้ากลาง
่ ่ ้ ํ
แดดร้อน และถ้ามีการปล่อยนํ้าร้อนลงนํ้า เช่น นํ้าเสี ยจากโรงงานอุตสาหกรรม ออกซิ เจนในนํ้าจะลดลง
วิธีการ
1. ใช้ขวดพลาสติกตักนํ้ากลางลําธาร แลวนาข้ ึนมาบนฝ่ัง
้ ํ
2. จุ่มเทอร์ โมมิเตอร์ ลงไปประมาณ 20 วนาที บันทึกอุณหภูมิน้ า
ิ ํ
ความเร็ วของกระแสนํ้า
ยิงนํ้าไหลเร็ วเท่าไร ออกซิ เจนยิงถ่ายเทในนํ้าได้มาก ดูวธีการวัดความเร็ วกระแสนํ้า จาก การสํารวจกายภาพ
่ ่ ิ
ลาน้ า พ้ืนใตน้ าที่มีกรวดมาก ทาใหผวน้ าแตกกระเซ็น ช่วยใหออกซิเจนถ่ายเทไดดีข้ ึน ฟังเสี ยงดูก็รู้วานํ้าไหลดี
ํ ํ ้ ํ ํ ้ิ ํ ้ ้ ่
ตรวจคุณภาพนําด้ วยการสํ ารวจชี วตในนํา
้ ิ ้
สัตวน้ าตองการออกซิเจนหายใจเช่นเดียวกบสัตวบก และในนํ้าก็มีออกซิ เจนละลายอยูแต่นอยกว่าในอากาศ
์ ํ ้ ั ์ ่ ้
หลายเท่า สัตว์ส่วนมากชอบอยูในนํ้าสะอาด มีออกซิ เจนสู ง แต่หลายชนิดสามารถปรับตัวให้อยูในที่ที่มี
่ ่
ออกซิเจนนอยได้ และบางชนิดก็ทนอยไดในที่ที่เกือบไม่มีออกซิเจนเลย ฉะน้ นถาเกิดมลภาวะที่ทาใหออกซิเจน
้ ู่ ้ ั ้ ํ ้
ในน้ าลดลง สัตวที่ตองการออกซิเจนสูงจะอยไม่ได้ ในขณะที่สัตวที่ทนอยไดในภาวะที่ออกซิเจนต่ากวาจะ
ํ ์ ้ ู่ ์ ู่ ้ ํ ่
่
สามารถอยูได้อย่างดี เราจึงประเมินระดับมลภาวะในนํ้าได้จากการสังเกตประเภทสัตว์น้ า สัตว์ที่เราใช้วดระดับ
ํ ั
มลภาวะเรี ยกว่า " สัตวตวบ่งช้ ี "
์ ั
- 3. สัตว์น้ าที่เราสํารวจนี้ เป็นสัตวน้ าตวเล็กๆไดแก่ แมลงน้ าและสัตวไม่มีกระดูกสันหลงอื่นๆ พวกมนมก
ํ ์ ํ ั ้ ํ ์ ั ั ั
เกาะหากินอยูตามพื้นใต้น้ าเฉพะที่ ไม่ค่อยว่ายย้ายถิ่นไกลๆอย่างปลา การสํารวจสัตว์เล็กพวกนี้จึงช่วยให้เรา
่ ํ
สามารถตรวจสอบคุณภาพนํ้าได้อย่างละเอียดแม่นยํา
นอกจากสัตวน้ า สาหร่ ายหรื อตะไคร่ ในนํ้ายังบอกได้คร่ าวๆถึงปุ๋ ยและสารอินทรี ยที่ถูกปล่อยสู่ ลานํ้า
์ ํ ์ ํ
อุปกรณ์
สวิงหรื อกระชอนจับสัตว์น้ า ํ
ถาดลึกขนาดใหญ่ หรื อกะละมังสี ขาว
ถ้วยนํ้าจิ้มพลาสติกสี ขาว 6-10 ใบ
ช้อนพลาสติก
ู่ ั
พกนขนาดเล็ก
่
แวนขยาย
คู่มือหาชื่อสัตวเ์ ล็กน้ าจืด
ํ
วิธีการ
นักวิทยาศาสตร์ ทวโลกคิดค้นวิธีวดระดับมลภาวะในลํานํ้าด้วยการดูสัตว์เล็กนํ้าจืดต่างๆกันมากมายหลาย
ั่ ั
วิธี แต่ละวิธีมีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกัน วิธีของนักสื บสายนํ้าเป็ นวิธีที่ใช้ได้ดี แต่ตองใช้นกสื บกลุ่มใหญ่
้ ั
กติกาเบืองต้ น้
วิธีตรวจคุณภาพนํ้าของนักสื บสายนํ้ามีขอกําหนดดังนี้
้
ใชสัตวตวบ่งช้ ีท้ งหมด 16 กลุ่ม เป็ นสัตว์ที่พบได้ทวไป และสังเกตได้ง่าย สัตว์บ่งชี้แต่ละกลุ่มมีรหัสกลุ่ม A B C
้ ์ ั ั ั่
D …จนถึง P
เก็บสัตว์ 10 ตัวอย่าง ดังนั้นการสํารวจจึงเหมาะสําหรับผูสารวจทีมใหญ่ต้งแต่ 10-20 คนข้ ึนไป ( ผสารวจกลุ่ม
้ ํ ั ู้ ํ
เล็กอาจรู้สึกเบื่อที่ไม่มีเพื่อนช่วยเก็บตวอยาง)
ั ่
ข้นตอนการสารวจ
ั ํ
ข้ นที่ 1 : แบ่งหนาที่
ั ้
แบ่งผสารวจออกเป็น 5-10 กลุ่ม กลุ่มละ 2-3 คน แยกกันไปเก็บตัวอย่างจากจุดต่างๆในบริ เวณสํารวจ โดย
ู้ ํ
ควรเก็บท้ งในพ้ืนที่เป็นแก่งน้ าไหลเป็นระลอก และในที่ที่เป็นแอ่งดวย โดยอาจแบ่งกลุ่มดังนี้
ั ํ ้
กลุ่มที่ 1 ไปส่วนที่เป็นโคงลาน้ า
้ ํ ํ
กลุ่มที่ 2 ไปสารวจบริเวณตนน้ า
ํ ้ ํ
กลุ่มที่ 3 ไปสํารวจบริ เวณนํ้านิ่ง น้ าไหล
ํ
- 4. ข้นที่ 2 : เก็บตวอยาง
ั ั ่
ผูสารวจเก็บตัวอย่างดังนี้ (ถ้าแบ่งผูสารวจได้เพียง 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มต้องเก็บ 2 ตวอยาง)
้ ํ ้ ํ ั ่
ตกสัตว์ 2-3 กระชอน + เก็บหินเพื่อหาสัตว์ 1-2 ก้อน นํามาเป็ นตัวอย่าง 1 ตวอยาง
ั ั ่
ข้ นที่ 3 : สังเกตและบนทึก
ั ั
1. ถ่ายสัตว์ลงถาดใส่ น้ า ํ
2. สังเกตประเภทสัตว์
3. บันทึกเฉพาะ "สัตวตวบ่งช้ ี" ลงในแบบบนทึก
์ ั ั
4. สารวจใหดีวาไดสังเกตสัตวตวบงช้ ีที่อยในถาดครบหมดแลวหรือไม่ เมื่อบนทึกเรียบร้อยแลว ปล่อยสัตวและ
ํ ้ ่ ้ ์ ั ่ ู่ ้ ั ้ ์
ํ ้
นากอนหินไปคืนลาน้ า ํ ํ
ข้ นที่ 4 : สรุปผล
ั
ผูสารวจเอาบันทึกของทุกกลุ่มมารวมกัน นับจํานวนกลุ่มนักสื บที่พบสัตว์ตวบ่งชี้แต่ละกลุ่ม และกาลง " ตาราง
้ ํ ั
ประเมินคุณภาพนํ้า"
ข้นที่ 5 : ประเมินผล
ั
ประเมินคุณภาพนํ้าโดยพิจารณาจากกราฟ ยิงพบสัตว์ที่ตองการออกซิ เจนสู งมากเท่าไร ยิงแสดงว่านํ้าคุณภาพดี
่ ้ ่
(สะอาด) แต่ถาพบสัตว์ที่ทนภาวะออกซิ เจนตํ่าได้มากเท่าไร ยิงแสดงว่านํ้าคุณภาพไม่ดี (สกปรก)
้ ่
เพื่อช่วยให้ตีความภาพกราฟง่ายขึ้น เราแบ่งสัตวตวบ่งช้ ีออกเป็นหมวดใหญ่ 4 หมวด ไดแก่
์ ั ้
พิจารณาดูวาโดยรวมแล้ ว สั ตว์ ในหมวดใดโดดเด่ นทีสุด คุณภาพนําจะตกอยู่ในเกณฑ์ น้ัน หรือถ้ าความโดดเด่ น
่ ่ ้
คาบเกียวระหว่ างสองหมวด แสดงว่ าคุณภาพนําตกอยู่ในเกณฑ์ ระหว่ างนั้น ผูสารวจอาจเปรี ยบเทียบตัวอย่างนํ้า
่ ้ ้ ํ
กับการตีความ
่ ั
ความสามารถในการประเมินคุณภาพนํ้าขึ้นอยูกบความรอบคอบในการสัง เกตลักษณะลํานํ้าและ
รายละเอียดของกิจกรรมต่างๆในบริ เวณพื้นที่น้ น ตลอดจนความรู ้ที่สะสมจากประสบการณ์จริ ง เพราะฉะนั้นยิง
ั ่
ผูสารวจทําการสํารวจหลายครั้ง จะยิงเกิดความชํานาญจนกลายเป็ นผูเ้ ชี่ยวชาญในที่สุด
้ ํ ่
และถ้านักสื บตรวจสอบคุณภาพนํ้าอย่างสมํ่าเสมอ
ผูสารวจจะสามารถเฝ้ าระวังคุณภาพนํ้าได้วา
้ ํ ่
ยังคงสภาพเดิม (กราฟสังคมสัตว์ไม่เปลี่ยนแปลง)
กําลังฟื้ นตัว (กราฟสังคมสัตว์มีแนวโน้มมาทางซ้ายมากกว่าการสํารวจครั้งก่อน)
กําลังเสื่ อมลง (กราฟสังคมสัตว์มีแนวโน้มมาทางขวามากกว่าการสํารวจครั้งก่อน)
- 5. อุปกรณ์สํารวจลานํา
ํ ้
เครื่องมือสํ ารวจกายภาพลํานําและความเร็วกระแสนํา
้ ้
1.ไม้วดหรื อด้ามไม้ทาเครื่ องหมายทุกๆ 20 เซนติเมตร
ั ํ
2.เชือกวดหรือเชือกผกปมทุกๆ 1 เมตร
ั ู
3.วัสดุลอยนํ้าสําหรับวัดความเร็ วกระแสนํ้า
4.นาฬิกาจับเวลาได้เป็ นวินาที
เครื่องมือตรวจลักษณะนํา
้
- 6. 5.เทอร์โมมิเตอร์
6.ขวดพลาสติกขนาด 1 ลิตร ตดปากขวดออก
ั
7.แผนวดความข่นใส
่ ั ุ
8.ถาด/กะละมังสี ขาวสําหรับใส่ สัตว์
่
9.แวนขยาย
10.สวิงหรื อกระชอนสําหรับตักสัตว์
11.ถวยน้ าจิ้ม
้ ํ
12.ช้อนพลาสติก
ู่ ั
13.พกนเล็ก
14.ตูดูสัตว์ทาเอง
้ ํ
อ้างอิง : http://www.nectec.or.th/schoolnet/library/webcontest2003/100team/dlns058/good/good.html
- 7. 2. การทําร่ มกระดาษสาทีบ่อสร้ าง
่
ข้ ันที่ 1 การทาหัวร่มและต้ ุมร่ม ตัดไม้เนื้ออ่อนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 2-2.5 นิ้วออกเป็นท่อน
ํ
ๆ ให้ได้ความยาวพอประมาณ จากนั้นก็เจาะรู ตรงกลางสําหรับใส่ คนร่ มได้พอดี นําท่อนไม้เนื้ออ่อนที่เจาะรู แล้ว
ั
นี้ไปกลึงตามแบบที่กาหนด ซ่ ึงอาจจะเป็นแบบยอดแหลม ยอดป้าน มีช้ นหลายช้ น หรืออื่น ๆ เสร้จแลวจึงผาร่อง
ํ ั ั ้ ่
ตามจํานวนซี่ ร่มที่ตองการ
้
ข้นที่ 2
ั การทําซี่ร่ม นาไมไผที่เตรียมไวมาตดออกเป็นทอนหรือปลอง จากนั้นจึงค่อยตัดตามความยาว
ํ ้ ่ ้ ั ่ ้
ของซี่ ร่มที่ตองการ กล่าวคือ ถ้าเป็ นซี่ ร่มยาวก็ตองตัดให้ได้ความยามเท่าร่ มที่จะทํา จากน้ นใชมีดขดผวไมไผออก
้ ้ ั ้ ู ิ ้ ่
้ ํ ํ ้ ํ ่ ้
ใหหมดทาเครื่องหมายสาหรับเจาะรู โดยใชมีดปาดบนลาไผดานบนใหเ้ ป็นแนวเดียวกนโดยตลอด ั
เมื่อทาเครื่องหมายแลวจึงผากระบอกไมไผออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กน จากน้ นก็ปาดเน้ือไมออกโดยปาดให้
ํ ้ ่ ้ ่ ั ั ้
ทางปลายซี่ มีลกษณะเรี ยวกว่าด้านบน แลวเหลาเน้ือไมใหเ้ รียบเท่ากนและจกหวไมใหเ้ ป็นซี่ ๆ โดยใชมีด ให้
ั ้ ้ ั ั ั ้ ้
ความหนาของแต่ละซี กราว 0.2 เซนติเมตร ฉีกไมออกเป็นซี่ จะไดซี่ร่มยาว ควรเหลาใหเ้ รียบเสมอกนทุกชิ้น
้ ้ ั
- 8. เมื่อได้ซี่ร่มสั้นใช้วธีเดียวกับการทําซี่ ร่มยาม แต่ใช้ไม้ไผ่ที่ยามครึ่ งหนึ่งของซี่ ร่มยาว และไม่ตองปาดเน้ือไม ้
ิ ้
ออกเพียงเหลาใหเ้ รียวบางพอที่จะสอดเขาร่องตุมร่มและ รู ตรงซี่ ร่มยาวได้
้ ้
ในการเจาะรู ที่ซี่ร่มสั้นและซี่ ร่มยาวนั้นใช้สว่านเจาะ ควรระวงใหแนวรูที่เจาะเสมอกนทุกซี่ไม ้ การ
ั ้ ั
ประกอบส่ วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เริ่ มต้นด้วยการร้อยมัดซี่ ร่มเข้ากับหัวร่ มและตุมร่ ม โดยซี่ ร่มยาวใช้ร้อยประกอบ
้
หัวร่ ม ซี่ ร่มสั้นใช้ร้อยประกอบตุมร่ ม
้
วธีการร้อยก็ทาเหมือน ๆ กน คือ ร้อยซี่ ร่มด้วยด้ายดิบให้มีลกษณะเรี ยงกันเป็ นตับ จากนั้นจึงนําหัวร่ มหรื อ
ิ ํ ั ั
ต้มร่ มที่ผาร่ องเตรี ยมไว้แล้วมาหักออก 1 ช่องสําหรับผูกปมเชือก ใส่ ซี่ร่มลงไปในหัวร่ มและตุมร่ มช่องละ 1 ซี่
่ ้
มดดายดิบที่ร้อยใหแน่น แล้วใส่ ต่อจนครบทุกช่อง เสร็ จแล้วดึงปลายด้ายให้ตึงทั้งสองข้าง มัดให้แน่น และตัด
ั ้ ้
เชือกใหเ้ หลือปลายขางละ 1.5 เซนติเมตร
้
ข้ นตอบประกอบต่อไปเรียกวา การร้ อยดือ ที่ใช้สาหรับร้อยประกอบซี่ร่ม
ั ่ ํ
ยาวที่มดกบหวร่ม และซี่ ร่มสั้นที่มดกับตุมร่ มเข้าด้วยกัน โดยใชเ้ ขมยาวร้อย
ั ั ั ั ้ ็
ด้ายระหว่างปลายซี่ ร่มสั้นเข้ากับตรงกลางของปลายซี่ ร่มยาว ที่เจาะรูเตรียมไว ้
จนครบทุกซี่ ให้เหลือด้ายแต่ละข้าวยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ไว้สาหรับผูก ํ
กับคันชัวคราว การร้อยดือน้ ีถือเป็นกลไกสาคญในการทาใหร่มกางออกและ
่ ํ ั ํ ้
หุ บเข้าได้
การผ่านโค้งร่ม คือ ขั้นตอนการพันเชือกบริ เวณปลายซี่ ร่มยาม โดยนํา
่
โครงร่ มที่ผานการร้อยดือมาใส่ คนร่ มชัวคราว จากนั้นจึงใสสลักไม้ตรงหัวร่ ม
ั ่
ใหแน่น กางโครงร่ มออกให้ซี่ร่มโค้งลงพอดี ผูปลายด้ายที่เหลือจากการร้อยซี่
้
- 9. ร่ มให้แน่น พยายามจัดช่องว่างระหว่างซี่ ร่มให้เท่ากัน ใชดายพนที่ปลายซี่ยาม พนวนจนครบทุกซี่และพนข้ ึน
้ ้ ั ั ั
รอบใหม่จนครบ 3 รอบ
ข้นที่ 3 การทํากระดาษปิ ดโครงร่ ม นําโครงร่ มที่ผานขั้นตอนการผ่านโค้งร่ มแล้วปั กลงบนหลักไม้ไผ่
ั ่
เพื่อที่จะหมุนติดกระดาษไดง่าย จากนั้นทานํ้ามันตะโกหรื อนํ้ายามมะค่าลงตรงหลังซี่ ร่มยาวให้ทว ติดกระดาษ
้ ่ั
สาที่ตดเป็ นรู ปวงกลมทาบลงไปบนโครง แล้วทานํ้ามันตะโกหรื อนํ้ายางมค่าให้ชุ่ม ระวังอย่าให้เปี ยกแฉะ
ั
จนเกินไป วางกระดาษสา (หรื ออาจจะเป็ นกระดาษชนิดอื่นที่เป็ นกระดาษอ่อน ซี่ งที่บ่อสร้างกําลังนิยมใช้
่
กระดาษจีนกัน) อีกแผนหน่ ึงที่ตดเป็นรูปวงกลมเตรียมไวแลวติดทบลงไปอีกช้ นหน่ ึง กระดาษจะติดเป็นเน้ือ
ั ้ ้ ั ั
เดียวกน หากกระดาษสา 2 แผนยงหนาไม่พอก็ติดทบลงไปอีกแผนก็ไดโดยใชวธีเดียวกน เมื่อติดกระดาษสาทบ
ั ่ ั ั ่ ้ ้ิ ั ั
กันจนได้ความหนาตามต้องการแล้ว ก็นากระดาษสามาปิ ดทับเส้นด้ายที่พนรอบซี่ ร่มยาวให้เรี ยบร้อยโดยทานํ้า
ํ ั
ยางลงไปด้วย จากนั้นจึงค่อยนําไปผึ่งแดดตากลมจนแห้งสนิท
- 10. เมื่อกระดาษสาที่ปิดร่ มแห้งสนิทแล้ว ก็ถึงข้ นตอนการหุบร่ ม โดยดึงสลกไมที่สอดไวตรงหวร่มออกแลว
ั ั ้ ้ ั ้
ค่อย ๆ ลดร่ มลงทีละน้อย ใชมือรีดตรงหลงซี่ร่มทุกซี่และจดกลีบร่มใหพบไปในทางเดียวกน แลวใชห่วงรัดร่ม
้ ั ั ้ ั ั ้ ้
รัดไวใหแน่น ทิ้งไว้สักพักก็กางร่ มออก เพื่อทานํ้ามันตะโกอีกชั้นหนึ่ง แล้วผึ่งแดดให้แห้งและหุ ดเก็บไว้อีกครั้ง
้ ้
ต่อไปเป็นการทานํามันยางหรือทีในปัจจุบันใช้ นํามันบะหมือ โดยกางร่ มออกอีกครั้งแล้วใช้ผาชุบนํ้ามันทา
้ ่ ้ ้ ้
จนทวกระดาษปิดร่มท้งดานในและดานนอก ควรระวังไม่ให้น้ ามันที่ทานั้นชุ่มโชกจนเกินไป เพราะจะทําให้พ้ืน
ั่ ั ้ ้ ํ
ร่ มไม่สวย เพียงทาให้ซืมทัวกระดาษก็พอ เสร็จแลวนาไปตากแดดทิ้งไวอีก 3 ชวโมง เมื่อตากจนแหงแลวก็หุบ
่ ้ ํ ้ ั่ ้ ้
ร่มเพื่อเตรียมใส่คนร่มต่อไป การทานํ้ามันนี้ก็เพื่อให้ร่มสามารถกันนํ้าได้นนเอง
ั ่ั
- 11. ข้นที่ 4 การทําคันร่ ม คันร่ มจะมีขนาดยาวกว่าซี่ ร่มยาวเล็กน้อย กล่าวคือเว้นให้ยาวกว่าซี่ ร่มยาวให้มือ
ั
สามารถจับถือได้พอดี หรื ออาจยาวกว่านั้นอีกสักเล็กน้อยก็ได้ คนร่มส่วนใหญ่ใชไมไผที่มีลาตนขนาดเล็ก หรือ
ั ้ ้ ่ ํ ้
อาจใชไมเ้ น้ืออ่อนก็ได้ โดยที่คนร่มน้ ีจะตองเจาะรูสาหรับใส่ลวดสลกเพื่อใชยดซี่ร่มไวดวย ซึ่ งลวดสลักนี้จะต้อง
้ ั ้ ํ ั ้ึ ้้
่
อยูในตําแหน่งระยะที่ตรงกับตุมร่ มเมื่อกางร่ ม
้
การประกอบร่ มที่ปิดกระดาษทับโครงเรี ยบร้อยแล้ว เริ่มตนโดยถอดคบร่มชวคราวออกแลวใส่คนร่มจริงลง
้ ั ั่ ้ ั
ไปในตําแหน่งเดิม ให้ลวดสลักอยูระยะตรงกับตุมร่ มดังกล่าวไว้แล้ว ใหตุมร่มอยบนสลกคนร่ม ลวดสลกอยใน
่ ้ ้ ้ ู่ ั ั ั ู่
้ ่
ระยะที่ตรงกับตุมร่ มให้กางอยูโดยไม่เลื่อนหุ บลง เมื่อใส่ คนร่ มแล้วต้องใช้ตะปูตอบที่หวร่ มจนทะลุถึงคันร่ มเพื่อ
ั ั
กนไมใหคนร่มเคลื่อนที่ จากนั้นก็ตดปลายคันร่ มที่โผล่ออกมาทางหัวร่ มให้เรี ยบร้อย อาจกลึงเพื่อเพิ่มความ
ั ่ ้ ั ั
สวยงามก็ได้
ข้นที่ 5 การปิดหัวร่ม วัสดุที่นามาปิ ดหัวร่ มอาจใช้ใบลาน ใบตาล หรือกระดาษที่หนาสักหน่อย โดย
ั ํ
นํามาตัดให้มีลกษณะเป็ นปลอกไว้ที่หวร่ ม ตดกระดาษสาเป็นริ้วยาวพนรอบหวร่ม 3-4 รอบ ทานํ้ามันตะโกทับ
ั ั ั ั ั
แลวพนกระดาษสาทบอีกคร้ ัง แลวนาไปตากแดดใหแหง เสร็ จแล้วทานํ้ามันมะเดื่อตรงหัวร่ มเพื่อให้กระดาษสา
้ ั ั ้ ํ ้ ้
้ ่
ที่หุมอยูมีความหนา เหนียวทนทาน
- 12. ข้นที่ 6
ั การเขียนลาย ใช้พกนจุมลงไปในสี น้ ามันแล้วนํามาเขียนลวดลายต่าง ๆ ลงไป ซ่ ึงส่วนใหญ่
ู่ ั ่ ํ
แล้วจะใช้ความสามารถเฉพาะตัวบวกกับความชํานาญ เขียนลายกันสด ๆ ไมต้องร่ างหรื อดูแบบเลย ร่ มกระดาษ
สาในสมัยก่อนนิยมทาสี แดงและสี ดา ไม่มีการเขียนลายอย่างปั จจุบน ที่มีท้งลายดอกไม้ ทิวทัศน์ต่าง ๆ สัตว์ต่าง
ํ ั ั
ๆ อย่างนก มังกร ฯลฯ
เมื่อสาเร็จทุกข้ นตอนดงที่ไดกล่าวมาแลวน้ ีก็เป็นอนเสร็จ วิธีการทําร่ มกระดาษสาบ่อสร้างที่ดูไปดูมากี่ตลบ
ํ ั ั ้ ้ ั
ก็ยงคงมองเห็นความยากเย็น แสนเขญซ่อนอยู่ ไดเ้ ห็นข้ นตอนวธีทาแลวรู้สึกเห็นใจคนทาจริง ๆ ยังว่าการทําร่ ม
ั ็ ั ิ ํ ้ ํ
กระดาษสาบ่อสร้างทุกวันนี้ไม่ได้เป็ นการทํางานเบ็ดเสร็ จเหมือน แต่ก่อน กล่าวคือ ชาวบ้านบ่อสร้างมีหน้าที่
ประกอบแต่ละส่วนเขาดวยกนใหเ้ ป็นร่มเท่าน้ น เพราะอุปกรณ์แทบทุกชิ้นสั่งทําสั้งซื้อจากที่อื่น ดังได้ทราบกัน
้ ้ ั ั
- 13. ไปแลวในตอนอื่น ๆ จนมีคนรุ่ นเก่า ๆ ของบ่อสร้างปรารภว่า แต่ก่อนต้องทําเองหมดทุกอย่าง คนรุ่นใหม่ ๆ ทา
้ ํ
โครงร่ มกันแทบไม่เป็ น คนดอยสะเก็ดก็จะทาเป็นแต่โครงร่มอยางอื่นก็ทาไม่ไดเ้ หมือนกน
ํ ่ ํ ั
อ้างอิง : http://www.edutoday.in.th/upload-files/0002560/html/97a424ed3d/1.html
3. วิธีการทําสบู่
วธีการทาสบ่ ู มีอยู่ 2 วธีคือ
ิ ํ ิ
วธีที่ 1 ใช้น้ าด่างสําเร็ จรู ปในท้องตลาด หากสามารถหาซื้ อนํ้าด่าง สําเร็ จรู ปได้ง่ายในท้องตลาด
ิ ํ
วธีที่ 2 ใช้น้ าด่างจากการชะล้างขี้เถ้า วิธีน้ ีได้แบบอย่างมาจากผูอพยพไปตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริ กา
ิ ํ ้
เหนือรุ่นแรกๆ
ส่ วนผสมของสบู่
1. ไขมน และน้ ามน อาจเป็นไขมนสัตวหรือน้ ามนพืชก็ได้ แต่น้ ามนจากแร่ธาตุใชไมได้ ไขมนสัตว์
ั ํ ั ั ์ ํ ั ํ ั ้ ่ ั
เช่น ไขวว กระบือ น้ ามนหมู ฯลฯ ไขมน พืช เช่น น้ ามนมะพร้าว น้ ามนมะกอก ขาวโพด เมล็ดฝ้าย ถวเหลือง ถว
ั ํ ั ั ํ ั ํ ั ้ ั่ ั่
ลิสง และนํ้ามันละหุ่ง ฯลฯ
2. นํ้าด่าง นํ้าด่างสําเร็ จรู ปที่ขายในท้องตลาดเรี ยกว่า โซดาไฟ หรื อผลึกโซดา หรื อผลึกโซเดียมไฮดร
อกไซด์ ราคาถูกมีขายทัวไป หรื อนํ้า ด่างที่ได้จากการชะล้างขี้เถ้าเรี ยกว่า โพแทช
่
3. บอแร็ กซ์ สารบอแร็ กซ์น้ ีไม่จาเป็ นต้องใช้กได้ แต่สารนี้ช่วยให้ สบูมีสีสันสวยงามและทําให้เกิด
ํ ็ ่
ฟองมาก มีจาหน่ายตามร้านขายยา หรื อร้านขายของชํา มีชื่อเรี ยกว่า ผงกรอบ หรื อผงนิ่ม ส่ วนใหญ่บรรจุในถุง
ํ
พลาสติก
4. นํ้าหอม นํ้าหอมก็ไม่จาเป็ นต้องใช้เช่นกัน แต่ถาใช้จะทําให้สบู่ มีกลิ่นดีข้ ึน ถ้าไขมันที่ใช้ทาสบู่น้ น
ํ ้ ํ ั
เหมนอบ ใชน้ ามะนาวหรือน้ ามะกรูดผสม จะช่วยใหกลิ่นหอมยงข้ ึนและไม่เน่า
็ ั ้ ํ ํ ้ ่ิ
- 14. 5. นํ้า นํ้าที่ใช้ทาสบู่ได้ดีตองเป็ นนํ้าอ่อน ถ้าเป็ นนํ้ากระด้างจะทํา ให้สบู่ไม่เกิดฟอง จึงขจัดความ
ํ ้
สกปรกไม่ได้ ควรทําให้น้ านั้นหายกระด้าง เสี ยก่อน โดยเติมด่างประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร) ต่อน้ า
ํ ํ
กระด้าง 1 แกลลอน (3.8 ลิตร) คนให้เข้ากัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วน จึงเท เอาส่วนบนออกมา ส่วนน้ า
ั ํ
และตะกอนที่กนภาชนะเททิ้งไปได้ นํ้าที่เหมาะ ในการทําสบู่มากที่สุดคือนํ้าฝน
้
การทําสบู่จากนําด่ างสํ าเร็จรูปในท้ องตลาด
้
อุปกรณ์
- ถวย ถงหรือหมอที่ทาดวยเหล็กหรือหมอดินก็ได้ แต่ อยาใชหมออะลูมิเนียม เพราะด่างจะกด
้ ั ้ ํ ้ ้ ่ ้ ้ ั
- ถวยตวงที่ทาดวยแกวหรือกระเบ้ืองเคลือบ
้ ํ ้ ้
- ช้อนกระเบื้องเคลือบหรื อช้อนไม้ และใบพายหรื อกิ่งไม้ ขนาดเล็กสําหรับคน
- แบบพิมพ์สบู่อาจจะทําด้วยแผ่นไม้หรื อกระดาษแข็งก็ ได้ ขนาดของแบบพิมพ์จะใช้กว้าง
หรือยาวตามตอง การ แต่ส่วนลึกควรจะเป็น 2-3 นิ้ว ดีที่สุด
้
- ผ้าฝ้ ายหรื อกระดาษมันสําหรับรองรับสบู่ในแบบพิมพ์ โดยตัดผ้าหรื อกระดาษออกเป็ น 2
ชิ้น ชิ้นหนึ่งกว้าง กว่าเล็กน้อย อีกชิ้นหนึ่งยาวกว่าแบบเล็กน้อย ใช้ สําหรับช่วยยกสบู่ออกจากแบบพิมพ์ง่ายขึ้น
อัตราส่ วนของส่ วนผสมทีใช้ ในการทําสบู่ได้ ประมาณ 4 กิโลกรัม
่
นํ้ามันหรื อไขแข็งสะอาด 3 ลิตร หรือ 2.75 กก.
บอแร็ กซ์ 57 มิลลิลิตร (1/4 ถวย)
้
ผลึกโซดาหรื อนํ้าด่าง 370 กรัม
น้ า
ํ 1.2 ลิตร
นํ้าหอม (เลือกกลิ่นตามต้องการ) 1-4 ช้อนชา
ข้นตอนในการทาสบู่
ั ํ
1. เตรี ยม ไขมัน ถ้าไขมันไม่สะอาด ควรทําให้สะอาดเสี ยก่อน โดยเอาไปต้มกับนํ้าในปริ มาณที่เท่ากัน
ในกาต้มนํ้า เมื่อเดือดแล้วเทส่ วน ผสมผ่านผ้าบาง ๆ หรื อตะแกรงสําหรับกรองลงในภาชนะที่เตรี ยมไว้ แล้วเติม
นํ้าเย็นลงไป 1 ส่วนต่อส่วนผสม 4 ส่วน ปล่อยทิ้งไวใหเ้ ยนโดยไม่ ตองคน ถาจะใหสะอาดยงข้ ึนควรใส่มน
้ ็ ้ ้ ้ ิ่ ั
เทศที่หนเป็นแวนลงไปก่อน ที่จะตมส่วนผสม
ั่ ่ ้
2. เตรี ยมนํ้าด่างผสม ทําได้โดย ตวงนํ้าตามปริ มาณที่ตองการ แล้วค่อย ๆ เติมด่าง (ผลึก โซดา) ที่จะใช้
้
ลงไปในนํ้า ไม่ควรเติมนํ้าลงไปในด่าง เพราะจะเกิดความร้อน และกระเด็นทําให้เปรอะเปื้ อนได้ แล้วปล่อยให้
นํ้าด่างผสมนี้เย็นลงจนปกติ
3. ค่อย ๆ เติมนํ้าด่างผสมนี้ลงไปในไขมันที่ละลายแล้วในข้อ 1 ขณะที่เติมนี้ตองคนส่ วนผสมทั้งหมด
้
นี้อย่างช้า ๆ และสมํ่าเสมอในทิศทาง เดียวกัน จนกว่าส่ วนผสมจะข้นตามปกติ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ช่วงน้ ี
- 15. เติมนํ้าหอมที่เตรี ยมไว้ลงไปได้ หลังจากนั้นปล่อยไว้ 15-20 นาที จึงค่อย คนหนึ่งครั้ง ทิ้งไว้ 2-3 ชัวโมง เมื่อ
่
ส่วนผสมเหนียวดีแลวจึงเทลงในแบบ พิมพ์ ซ่ ึงมีผาหรือกระดาษมนรองอยู่
้ ้ ั
4. หาฝาครอบแบบพิมพ์ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน ไม่ควรมีการ เคลื่อนย้ายหรื อถูกกระทบกระเทือน
สบู่จะยึดกันแน่นสามารถเอาออกจาก แบบพิมพ์ได้
5. เมื่อ สบู่แขงตวดีแลว นาออกจากแบบพิมพ์ แลวใชเ้ ส้นลวดหรือ เส้นเชือกตดสบู่ออกเป็นชิ้น ๆ ตาม
็ ั ้ ํ ้ ั
ขนาดที่ตองการ แล้วนําไปวางเรี ยงไว้ให้ อยูในลักษณะที่ลมพัดผ่านได้ทวถึงในบริ เวณที่อุ่นและแห้ง ปล่อยไว้
้ ่ ่ั
2-4 สัปดาห์ ก็นาไปใช้ได้
ํ
การทดสอบว่ าสบู่จะดีหรือไม่
- สบู่ที่ดีควรจะแข็ง สี ขาว สะอาด กลิ่นดีและไม่มีรส สามารถขูด เนื้อสบู่ออกเป็ นแผ่นโค้ง ๆ ได้
- ไม่มนหรือลื่นจนเกินไป เมื่อใชลิ้นแตะดูไม่หยาบหรือสาก
ั ้
การปรับปรุงสบู่ให้ ดีขึน
้
ถาสบู่ที่ผานข้ นตอนตามเวลาที่ทาทุกช่วงแลว แต่ยงมีส่วนผสมบาง ส่วนไม่แขงตวหรือแยกกนอยู่
้ ่ ั ํ ้ ั ็ ั ั
หรื อไม่ดีเพราะสาเหตุใดก็ตาม อาจแก้ไขให้ดี ขึ้นดังนี้
- ตดสบู่ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหมอที่มีน้ าบรรจุอยู่ 2.8 ลิตร พร้อมท้งเทส่วนที่เป็น
ั ้ ํ ั
่
ของเหลวที่เหลืออยูในแบบพิมพ์ลงไปด้วย
- นําไปต้มนานประมาณ10 นาที อาจเติมนํ้ามะนาวหรื อนํ้ามัน อื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมลงไปใน
ส่ วนผสมประมาณ 2 ช้อนชา (ถายงไม่ไดเ้ ติม)ต่อจากนั้นจึงเทส่ วนผสมลงในแบบพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ปล่อย
้ ั
ไว ้ 2 อัน แล้วดําเนินการตามที่กล่าวมาแล้ว
การทําสบู่จากนําด่ างทีได้ จากขีเ้ ถ้ า
้ ่
เริ่ มต้นด้วยการทํานํ้าด่างขึ้นเองจากขี้เถ้า
อุปกรณ์
1. เครื่ องมือสําหรับการชะล้างนํ้าด่าง ประกอบด้วยก้อนหิ น ขนาดย่อม ๆ หลายก้อน
- แผนหินราบมีร่องน้ าใหไหลได้
่ ํ ้
- ถังไม้ขนาดจุ 19 ลิตร มีรูเล็ก ๆ หลายรู ติดอยูกนถัง
่ ้
- ภาชนะรองนํ้าด่าง ไม่ควรใช้ภาชนะที่ทาด้วยอะลูมิเนียม เพราะนํ้าด่างจะกัด
ํ
- กิ่งไม้เล็ก ๆ และฟาง
- ข้ ีเถา 19 ลิตร ซึ่ งได้จากการเผาไหม้ทุกชนิด ขี้เถ้าจาก ไม้เนื้อแข็งจะใช้ทานํ้าด่างได้ดีที่สุด
้ ํ
สําหรับชนบทแถบ ชายทะเล ขี้เถ้าจากการเผาสาหร่ ายทะเลใช้ได้ดีมาก เพราะมีธาตุโซเดียมทําให้สบู่แข็งตัวได้ดี
- 16. - นํ้าอ่อนปริ มาณ 7.6 ลิตร
2. วิธีการชะล้ างขีเ้ ถ้ าทํานําด่ าง
้
- ตั้งอุปกรณ์ดงแสดงในรู ป โดยที่กนของถังทําเป็ นที่กรอง ขี้เถ้า ใช้กิ่งไม้ไข้วกัน 2 ก่ิง เรียง
ั ้
เป็นแถว แลวเอาฟางวางลงบนกิ่ง
้
- ใส่ ข้ ีเถาลงในถง แลวเทน้ าอุนลงในถงเพื่อใหข้ ีเถาเปียก และเหนียว เกลี่ยใหเ้ กิดหลุมตรง
้ ั ้ ํ ่ ั ้ ้
กลาง แล้วค่อย ๆ เทนํ้าส่ วนที่เหลือลงใน หลุมนั้น ปล่อยให้น้ าซึ มแล้วเติมนํ้าอีก นํ้าด่างสี น้ าตาลจะไหลลงสู่
ํ ํ
ส่ วนล่าง ของถัง นานประมาณ 1 ชม. นํ้าด่างที่ได้จะมีปริ มาณ 1.8 ลิตร ถ้านํ้าด่างที่ มีความเข้มข้นดีแล้ว
ทดสอบได้โดยเอาไข่ไก่หรื อมันฝรั่งใส่ ลงไป ไข่หรื อมัน จะลอยได้ หรื อถ้าจุ่มขนไก่ลงไป นํ้าด่างจะเกาะติดแต่
ั
ไม่กดขนไก่ให้หลุด ถ้านํ้าด่างอ่อนไป ควรเทกลับคืนถังอีกครั้ง หรื อเคี่ยวให้ขนด้วยการต้ม
้
- ส่วนการทาสบ่ในข้ นต่อไปน้ นดาเนินการเช่นเดียวกนกบ วธีแรก
ํ ู ั ั ํ ั ั ิ
ข้ อควรระวังในการใช้ นําด่ าง
้
นํ้า ด่างนี้เป็ นพิษเพราะกัดผิวหนังและทําให้เกิดแผลร้ายแรงได้ ฉะนั้น ไม่ควรให้ถูกผิวหนัง ถ้าถูกต้องรี บล้าง
ทันทีดวยนํ้าเปล่า แล้วล้างด้วย นํ้าส้มอีกครั้งหนึ่ง
้
ถ้ ากลืนนําด่ างลงไป ให้ รีบดื่มนําส้ ม นํามะนาวหรือมะกรูดตามลงไป ให้ มาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์ ดังนั้นควร
้ ้ ้
เกบนําด่างให้พ้นมือเด็ก
็ ้
การทดสอบว่ าสบู่จะดีหรือไม่
- สบู่ที่ดีควรจะแข็ง สี ขาว สะอาด กลิ่นดีและไม่มีรส สามารถขูด เนื้อสบู่ออกเป็ นแผ่นโค้ง ๆ ได้
- ไม่มนหรือลื่นจนเกินไป เมื่อใชลิ้นแตะดูไม่หยาบหรือสาก
ั ้
การปรับปรุ งสบู่ให้ ดีขึน
้
ถา สบู่ที่ผานข้ นตอนตามเวลาที่ทาทุกช่วงแลว แต่ยงมีส่วนผสมบาง ส่วนไม่แขงตวหรือแยกกนอยู่
้ ่ ั ํ ้ ั ็ ั ั
หรื อไม่ดีเพราะสาเหตุใดก็ตาม อาจแก้ไขให้ดี ขึ้นดังนี้
- ตดสบู่ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหมอที่มีน้ าบรรจุอยู่ 2.8 ลิตร พร้อมท้ งเทส่วนที่เป็น
ั ้ ํ ั
่
ของเหลวที่เหลืออยูในแบบพิมพ์ลงไปด้วย
- นําไปต้มนานประมาณ10 นาที อาจเติมนํ้ามะนาวหรื อนํ้ามัน อื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมลงไปใน
ส่ วนผสมประมาณ 2 ช้อนชา (ถายงไม่ไดเ้ ติม)ต่อจากนั้นจึงเทส่ วนผสมลงในแบบพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ปล่อย
้ ั
ไว ้ 2 อัน แล้วดําเนินการตามที่กล่าวมาแล้ว
การทําสบู่จากนําด่ างทีได้ จากขีเ้ ถ้ า
้ ่
เริ่ มต้นด้วยการทํานํ้าด่างขึ้นเองจากขี้เถ้า
- 17. อุปกรณ์
1. เครื่ องมือสําหรับการชะล้างนํ้าด่าง ประกอบด้วยก้อนหิ น ขนาดย่อม ๆ หลายก้อน
- แผนหินราบมีร่องน้ าใหไหลได้
่ ํ ้
- ถังไม้ขนาดจุ 19 ลิตร มีรูเล็ก ๆ หลายรู ติดอยูกนถัง
่ ้
- ภาชนะรองนํ้าด่าง ไม่ควรใช้ภาชนะที่ทาด้วยอะลูมิเนียม เพราะนํ้าด่างจะกัด
ํ
- กิ่งไม้เล็ก ๆ และฟาง
- ข้ ีเถา 19 ลิตร ซึ่ งได้จากการเผาไหม้ทุกชนิด ขี้เถ้าจาก ไม้เนื้อแข็งจะใช้ทานํ้าด่างได้ดีที่สุด
้ ํ
สําหรับชนบทแถบ ชายทะเล ขี้เถ้าจากการเผาสาหร่ ายทะเลใช้ได้ดีมาก เพราะมีธาตุโซเดียมทําให้สบู่แข็งตัวได้ดี
- นํ้าอ่อนปริ มาณ 7.6 ลิตร
2. วิธีการชะล้างขี้เถ้าทํานํ้าด่าง
- ตั้งอุปกรณ์ดงแสดงในรู ป โดยที่กนของถังทําเป็ นที่กรอง ขี้เถ้า ใช้กิ่งไม้ไข้วกัน 2 กิ่ง เรียง
ั ้
เป็นแถว แลวเอาฟางวางลงบนกิ่ง
้
- ใส่ ข้ ีเถาลงในถง แลวเทน้ าอุ่นลงในถงเพื่อใหข้ ีเถาเปียก และเหนียว เกลี่ยใหเ้ กิดหลุมตรง
้ ั ้ ํ ั ้ ้
กลาง แล้วค่อย ๆ เทนํ้าส่ วนที่เหลือลงใน หลุมนั้น ปล่อยให้น้ าซึ มแล้วเติมนํ้าอีก นํ้าด่างสี น้ าตาลจะไหลลงสู่
ํ ํ
ส่ วนล่าง ของถัง นานประมาณ 1 ชม. นํ้าด่างที่ได้จะมีปริ มาณ 1.8 ลิตร ถ้านํ้าด่างที่ มีความเข้มข้นดีแล้ว
ทดสอบได้โดยเอาไข่ไก่หรื อมันฝรั่งใส่ ลงไป ไข่หรื อมัน จะลอยได้ หรื อถ้าจุ่มขนไก่ลงไป นํ้าด่างจะเกาะติดแต่
ั
ไม่กดขนไก่ให้หลุด ถ้านํ้าด่างอ่อนไป ควรเทกลับคืนถังอีกครั้ง หรื อเคี่ยวให้ขนด้วยการต้ม
้
- ส่วนการทาสบในข้นตอไปน้ นดาเนินการเช่นเดียวกนกบ วธีแรก
ํ ู่ ั ่ ั ํ ั ั ิ
ข้ อควรระวังในการใช้ นําด่ าง
้
นํ้า ด่างนี้เป็ นพิษเพราะกัดผิวหนังและทําให้เกิดแผลร้ายแรงได้ ฉะนั้น ไม่ควรให้ถูกผิวหนัง ถ้าถูกต้องรี บล้าง
ทันทีดวยนํ้าเปล่า แล้วล้างด้วย นํ้าส้มอีกครั้งหนึ่ง
้
ถ้ ากลืนนําด่ างลงไป ให้ รีบดื่มนําส้ ม นํามะนาวหรือมะกรูดตามลงไป ให้ มาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์ ดังนั้นควร
้ ้ ้
เกบนําด่างให้พ้นมือเด็ก
็ ้
อ้างอิง : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=603522
น.ส.จุฬาทิพย์ แสงบุญ เลขที่ 30
น.ส.ณิ นทิรา ตันตยานุสรณ์ เลขที่ 19
น.ส.สุ ลกขณา แสงอรุ ณ เลขที่ 23
ั
ม.6/14