5. 5
I ระบบใดได้สาร C มากที่สุดภายในเวลาที่กำาหนด
II ระบบใดมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาสูงที่สุด
ข้ I II
อ
1) ก ข
2) ข ค
3) ค ข
4) ค ค
10. สาร A สลายตัวดังสมการ A 2C ได้ข้อมูลดังตาราง
(ent.ต.ค.’44 )
เวลา(วินา [A]
ที) (mol.dm-3)
0 3.0
2 2.6
5 2.0
7 1.6
10 1.0
จากข้อมูลข้างต้น [C] ที่เวลา 8 วินาที ควรเป็นเท่าใด ในหน่วย
mol.dm-3
1) 1.4 2) 1.6 3) 2.8 4) 3.2
11. ถ้านำาสาร A มาทำาปฏิกิริยากับ B และ C จะได้ผลิตภัณฑ์ D ดังสมการ
A + 4B + 2C → 3D
นักเรียนผู้หนึ่งศึกษาผลของความเข้มข้นของ A และ B ต่ออัตราปฏิกิริยา
พบว่าผลการทดลองเป็นดังตาราง
ความเข้มข้นเริ่มต้น อัตราเริมต้นของปฏิกิริยา
่
( mol.dm-3 ) ( mol/s)
[A] [B] [C]
0.1 0.1 0.1 0.2
6. 6
0.2 0.1 0.1 0.4
0.2 0.2 0.1 1.6
0.2 0.2 0.2 1.6
ข้อสรุปใดถูกต้อง (ent.มี.ค.’42 )
1) ถ้า [A] = 0.2 , [B] = 0.1 , [C] = 0.3 อัตราเริมต้นของปฏิกิริยาจะเป็น
่
0.04 mol/s
2) ถ้าเริ่มต้นด้วย A , B และ C จำานวนโมลเท่าๆ กัน A จะทำาปฏิกิริยาหมด
ก่อน
3) ปฏิกิริยานีไม่จำาเป็นต้องมีสาร C เข้าไปเกี่ยวข้อง
้
4) อัตราการเพิ่ม D จะมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
12. ผลการทดลองสำาหรับปฏิกิริยา 2NO(g) + H2(g)
H2O(g) + N2O(g) เป็นดังนี้
[NO](mol.dm-3) [H2](mol.dm-3) อัตราเร็วของ
ปฏิกิริยา(mol.dm-3.s-1)
1.00 1.00 3.5 x 10- 5
1.20 1.20 5.0 x 10- 5
0.80 0.80 1.8 x 10- 5
1.00 2.00 7.0 x 10- 5
2.00 1.00 1.4 x 10- 5
อัตราเร็วของปฏิกิริยาเป็นสัดส่วนกับความเข้มข้นของสารตั้งต้นตามข้อ
ใด(ENT’33)
1) [NO][H2] 2) [NO]2[H2] 3) [NO]2[H2]2 4) [2NO][H2]
3. การหาสมการกฎอัตรา อันดับของปฏิกิริยาค่าคงที่อัตรา
การเกิดปฏิกิริยา อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
1. พิจารณาปฏิกิริยาสมมติต่อไปนี้ A + 2B 3C จากการ
ทดลองเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสาร A และ B เพื่อหาค่าอัตราการ
เกิดปฏิกิริยาพบว่าได้ข้อมูลดังตาราง (ENT’มี.ค.43 )
[A] mol.dm-3 [B] mol.dm-3 อัตราการเกิดปฏิกิริยา
mol.dm-3.s-1
- - -
1.00 x 10 4 2.00 x 10 4 2.0 x 10 7
- - -
3.00 x 10 4 2.00 x 10 4 1.8 x 10 6
- - -
5.00 x 10 4 2.00 x 10 4 5.0 x 10 6
- - -
1.00 x 10 4 4.00 x 10 4 4.0 x 10 7
- - -
1.00 x 10 4 6.00 x 10 4 6.0 x 10 7
7. 7
1.1จงหาสมการกฎอัตราของปฏิกิริยานี้
1.2 จงหาอันดับของปฏิกิริยารวม(Overall order)
1.3 จากการทดลองนี้ ถ้าเพิ่ม [A] เป็น 4 เท่า และ [B] เป็น 2 เท่า อัตราการ
เกิดปฏิกิริยาจะเพิ่มขึ้นกี่เท่า
2. ถ้านำาสาร A มาทำาปฏิกิริยากับ B และ C จะได้ผลิตภัณฑ์ D ดังสมการ
A + 4B + 2C → 3D
นักเรียนผู้หนึ่งศึกษาผลของความเข้มข้นของ A และ B ต่ออัตราการเกิด
ปฏิกิริยา พบว่าผลการทดลองเป็นดังตาราง
ความเข้มข้นเริ่มต้น อัตราการเกิดปฏิกิริยา
( mol.dm ) -3
เคมี(mol.dm-3.s-1)
[A] [B] [C]
0.1 0.1 0.1 0.2
0.2 0.1 0.1 0.4
0.2 0.2 0.1 1.6
0.2 0.2 0.2 1.6
2.1เขียนสมการกฎอัตรา
2.2 ปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาอันดับใด
2.3 จงหาค่าคงที่อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2.4 สารใดบ้างที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2.5 ถ้าให้ [A] = 0.4 mol.dm-3 [B] = 0.2 mol.dm-3 และ [C] = 0.6
mol.dm-3 จงหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในหน่วย mol.dm-3.s-1
4. กราฟการศึกษาอัตราการ
เกิดปฏิกิริยาเคมี
1. กราฟต่อไปนี้แสดงการเปลี่ยนแปลงของ Y ตาม X ในการศึกษาเรื่องอัตรา
การเกิดปฎิกิริยา X และ Y
ควรเป็นอย่างไร (ENT’ต.ค.’42 )
Y
X
1) X คือ อุณหภูมิ Y คืออัตราการเกิดปฏิกิริยา
2) X คือเวลา Y คือความเข้มข้น
3) X คือเวลา Y คือ ความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์
4) X คือความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ Y คืออัตราการเกิดปฏิกิริยา
8. 8
2. พิจารณาปฏิกิริยาการสลายตัวของ N2O เป็น N2 และ O2 ดังสมการ
1
N2O(g) → N2(g) + O (g)
2 2
ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของ N2O(mol/dm3) กับเวลา (s) เป็นดังนี้
ข้อใดถูกต้อง(ENT’ต.ค. 46)
1) อัตราการเกิด O2 เท่ากับ 0.001 mol.dm-3.s-1
2) ถ้าทำาการทดลองใหม่
5. พลังงานกับการดำาเนินไปของอัตรา
การเกิดปฏิกิริยาเคมี
1. พิจารณาสมดุลเคมีต่อไปนี้ A + 2B 3C + 5D
พลังงานของสารตั้งต้น A และ B น้อยกว่าพลังงานของ C และ D อยู่ 250
kJ ถ้าค่าพลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยาย้อนกลับเท่ากับ 510 kJ พลังงาน
ก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยาไปข้างหน้ามีค่าเท่าใด และปฏิกิริยาไปข้างหน้ามี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานแบบใด (ent.มี.ค.’42 )
9. 9
1) 260 kJ คายความร้อน 2) 260 kJ ดูดความร้อน
3) 760 kJ คายความร้อน 4) 760 kJ ดูดความร้อน
2. การเปรียบเทียบพลังงานก่อกัมมันต์และการบอกชนิดของปฏิกิริยา I และ
ปฏิกิริยา II ในข้อใดถูกต้อง
พลังงาน
I
II
การดำาเนินไปของ
ปฏิกิริยา
ข้ พลังงานก่อกัมมันต์ ปฏิกิริยาดูด ปฏิกิริยาคาย
อ ของปฏิกิริยา ความร้อน ความร้อน
1) I = II I II
2) I > II I II
3) I < II II I
4) I = II II I
3. ข้อใดอธิบายเกี่ยวกับกราฟที่กำาหนดให้ต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง
พลังงา
น
Ea Ea
2
การดำาเนินไปของ
1) เป็นปฏิกิริยาชนิดดูดความร้อนิริยา
ปฏิก
2) เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น 2 ขั้นตอน
3) อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นอยู่กับค่า Ea1
4) อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นอยู่กับค่า Ea2
4. พิจารณาสมการ
A + 2B → C + 280 kJ …(1)
2X + Y + 150 kJ → 3Z …(2)
ถ้าระดับพลังงานของสารตั้งต้นในปฏิกิริยา (1) และ (2) เป็น 510 และ 340
kJ ตามลำาดับ ระดับพลังงานของ
ผลิตภัณฑ์จาก 2 ปฏิกิริยานี้ มีค่าแตกต่างกันกี่กิโลจูล (ent.ต.ค.’42 )
1) 200 kJ 2) 260 kJ 3) 370 kJ 4)
490 kJ
10. 10
5. ปฏิกิริยา A → D + E เป็นปฏิกิริยาที่เกิดผ่านขั้นตอนต่างๆดังนี้
ขั้นที่ 1 A → B พลังงานก่อกัมมันต์ = 300 kJ
ขั้นที่ 2 B → C พลังงานก่อกัมมันต์ = 100 kJ
ขั้นที่ 3 C → D + E พลังงานก่อกัมมันต์ = 200 kJ
พลังงานของสารต่างๆ ทีเกี่ยวข้องมีระดับพลังงานเป็นดังตาราง
่
สาร ระดับพลังงาน(kJ)
A 100
B 200
C 150
D 55
E 55
ข้อสรุปใดผิด (ENT’ต.ค.44 )
1) ปฏิกิริยาในขั้นที่ 1 เกิดช้าที่สุด
2) ปฏิกิริยาในขั้นที่ 1 จะคายพลังงาน 100 kJ
3) ปฏิกิริยา C → B จะมีพลังงานก่อกัมมันต์เท่ากับ 150 kJ
4) ปฏิกิริยา A → D + E จะคายพลังงานเท่ากับ 45 kJ
6. กราฟแสดงพลังงานและการดำาเนินไปของปฏิกิริยาเป็นดังนี้
พิจารณาข้อสรุปต่อไปนี้
12. 12
อัตราการเกิดปฏิกิริยาที่ 50 °C ของปฏิกิริยาทั้งสองเปรียบเทียบกันเป็น
อย่างไร เพราะเหตุใด
1) อัตราของทั้งสองปฏิกิริยาเท่ากัน เพราะ NH3 และ N(CH3)3 มี
พลังงานจลน์เฉลียเท่ากัน
่
2) อัตราของปฏิกิริยา (1) สูงกว่าของ (2) เพราะ NH3 เป็นโมเลกุลเล็ก จึงมี
ความเร็ว
ในการวิ่งชนกันมากกว่า N(CH3)3
3) อัตราของปฏิกิริยา (2) สูงกว่าของ(1) เพราะ N(CH3)3 เป็นโมเลกุล
ใหญ่ทำาให้มีพื้นที่ผวชนกันได้มากกว่า
ิ
4) อัตราของปฏิกิริยา (2) สูงกว่าของ (1) เพราะผลิตภัณฑ์ NH(CH3)3Cl
เสถียรมากกว่า NH4Cl
4. เมื่อใส่ 1 M HCl 25 cm3 ลงในหินปูนชิ้นเล็กๆ จะเกิดแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ การเปลี่ยนแปลงข้อใดที่จะไม่ทำาให้อัตราของปฏิกิริยา
เริ่มต้นเพิ่มขึ้น(ENT’26)
1) ใช้ 1 M HCl 100 cm3 2) ใช้ 2 M HCl 25 cm3
3) ใช้ 2 M HCl 50 cm3 4) บดหินปูนให้เป็นผงละเอียด
5. ปฏิกิริยา A + B → P เกิดช้า แต่สมบูรณ์ และเป็นปฏิกิริยาคายความ
ร้อน พบว่าอัตราของปฏิกิริยาขึ้นกับปริมาณของสารตั้งต้น A แต่ไม่ขึ้นกับ
ปริมาณสารตั้งต้น B การกระทำาทั้งหมดในข้อใดต่อไปนี้มีผลทำาให้ปฏิกิริยา
เกิดได้เร็วขึ้น (ENT’35)
1) ลดอุณหภูมิ เพิ่มสาร A 2) ลดอุณหภูมิ เอาสาร P ออก
3) เพิ่มอุณหภูมิ เพิ่มสาร A เพิ่มสาร B 4) ลดอุณหภูมิ เพิ่มสาร A
เอาสาร P ออก
6. ปฏิกิริยา A(s) + B(aq) → C(aq) + D(aq) เป็นปฏิกิริยาคาย
ความร้อน อัตราการเกิดปฏิกิริยา
จะเพิ่มขึ้นเมื่อใด(ENT’36)
1) ลดขนาดของ A เพิ่มความเข้มข้นของ B ลดอุณหภูมิ
2) ลดปริมาณของ D เพิ่มความเข้มข้นของ B ลดอุณหภูมิ
3) เพิ่มขนาดของ A ลดความดัน เพิ่มอุณหภูมิ
4) ลดขนาดของ A เติมตัวเร่งปฏิกิริยา เพิ่มอุณหภูมิ
7. โลหะอะลูมิเนียมทำาปฏิกิริยากับสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ ดังสมการ
2Al(s) + 2NaOH(aq) + 6H2O(l) 2NaAl(OH)4(aq) +
3H2O(g)
ถ้าทำาการทดลอง 2 ตอนดังนี้
ตอนที่ 1 ใช้แผ่นอะลูมิเนียมขนาด 0.5 cm x 10 cm 1 ชิ้น
13. 13
ตอนที่ 2 ใช้อะลูมิเนียมเป็นก้อนกลม 1 ก้อน
นำ้าหนักของอะลูมิเนียมที่ใช้ทง 2 ตอนเท่ากัน
ั้
ถ้าข้อมูลที่ได้จากการทดลองการทำาปฏิกิริยาดังกล่าวเป็นดังนี้
เวลา( ความเข้มข้นของ ความเข้มข้นของ
s) สารละลาย NaOH สารละลาย NaAl(OH)4
(mol/dm )3
(mol/dm3)
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 1 ตอนที่ 2
0 a a b d
2 X A e h
4 Y B f i
6 Z C g j
ข้อใดผิด (Ent’มี.ค.’43 )
ก. X > A ข. Z > C ค. b = d = 0 ง. F = i
1) ก. เท่านั้น 2) ก. และ ข. 3) ก. , ข, และ ค. ง)
ก. , ข. , ค. และ ง.