More Related Content
Similar to ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง สภาพเหตุการณ์ปลายสมัยธนบุรี
Similar to ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง สภาพเหตุการณ์ปลายสมัยธนบุรี (20)
More from Princess Chulabhon's College Chonburi
More from Princess Chulabhon's College Chonburi (20)
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง สภาพเหตุการณ์ปลายสมัยธนบุรี
- 1. จัดทำโดย : ครูอรวรรณ เสืออ่วม
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง สภาพเหตุการณ์ปลายสมัยธนบุรี
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย 4 รหัสวิชา ส22106
ชื่อ................................................................................................................................ห้อง..............เลขที่.............
เรื่อง สภาพเหตุการณ์ปลายสมัยธนบุรี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุ กรมหลวงนรินทรเทวี พระธิดาลาดับที่ 6 ในสมเด็จพระปฐมบรม
มหาชนก ประสูติจากพระน้องนางของพระอัครมเหสี (หยก) เป็นพระน้องนางเธอต่างพระชนนี ในพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ประสูติในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรง
ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรี ทรงสถาปนาท่านขึ้นเป็น พระองค์เจ้าหญิงกุ วังของพระองค์
เจ้าหญิงกุ อยู่ติดกับวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) อีกทั้งขณะยังคงพระชนม์ชีพ พระองค์เจ้าหญิงกุยังมิได้ทรงกรม
ชาววังจึงเอ่ยพระนามว่า เจ้าครอกวัดโพธิ์
พระองค์เจ้าหญิงกุ ทรงบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่ พ.ศ. 2310 ถึง พ.ศ.
2363 ในช่วงรัชกาลที่ 2 โดยสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงพบบันทึกจานวนหนึ่งเล่มสมุดไทย เมื่อ
พ.ศ. 2451 โดยไม่ทราบ ว่าใครเป็นผู้แต่ง และได้นาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชวินิจฉัยว่าผู้แต่งน่าจะเป็นกรมหลวงนรินทรเทวี และทรงตั้งชื่อหนังสือนี้ว่า "จดหมาย
เหตุความทรงจาของพระเจ้าไปยิกาเธอกรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ์) ตั้งแต่จุลศักราช 1129 ถึงจุล
ศักราช 1182 เป็นเวลา 53 ปี"
พระองค์เจ้าหญิงกุ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 เมื่อปีกุน จ.ศ.1189 ตรงกับ พ.ศ. 2370 พระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาพระอัฐิเป็นกรมหลวงนรินทรเทวี และเจ้านายที่
สืบเชื้อสายจากพระองค์ถือว่าอยู่ใน “ราชสกุลนรินทรกุล”
บันทึกของพระองค์เจ้าหญิงกุกรมหลวงนรินทรเทวีกล่าวถึงสภาพเหตุการณ์ปลายสมัยธนบุรีไว้ ดังนี้
“.......อยู่ภายหลังกรุงธนบุรีเกิดโกลี พันศรีพันลาเป็นต้นฟ้องว่า ขุนนางและราษฎรขายข้าวเกลือลง
สาเภา โยธาบดีผู้รับฟ้องกราบทูล รับสั่งให้เร่งเงินที่ขุนนางราษฎรขายข้าวเกลือ ให้เฆี่ยนเร่งเงินเข้าท้องพระคลัง
ร้อนทุกเส้นหญ้า สมณราษฎรไม่มีสุข ยุคเข็ญเป็นที่สุดในปลายแผ่นดิน เงินในคลังในหาย 2,000 เหรียญๆ ละ
1 บาท 3 สลึง 1 เฟื้อง แพรเหลือง 10 ม้วน รับสั่งเรียกหาไม่ได้ ชาวคลังต้องเฆี่ยนใส่ไฟย่างแสนสาหัส ท่าน
สงสัยว่าข้างในขโมยเงินในคลัง จนพระมาตุจฉาพระพี่นางเธอให้จาหม่อมเจ้านัดดาแทนมารดาเจ้าแทนอยู่งาน
คนราใหญ่ให้เฆี่ยนคนละ 150 คนละ 100 คนละ 50 คนราเล็กให้พ่อให้แม่พี่น้องทาสรับพระราชอาญา
100 ให้เจ้าตัวแต่คนละ 20 ที คนละ 10 ทีตามรับสั่ง
หลวงประชาชีพ โจทก์ฟ้องว่าขายข้าว รับสั่งให้ตัดศีรษะหิ้วเข้ามาถวายที่เสด็จออกทอดพระเนตร
เหตุผลกรรม ของสัตว์ พื้นแผ่นดินร้อน ราษฎรเหมือนผลไม้ เมื่อต้นแผ่นดินเย็นด้วยพระบารมี ชุ่มพื้นชื่นผลจนมี
แก่น ปลายแผ่นดิน แสนร้อนรุมสุมรากโคน โค่นล้มถมแผ่นดินด้วยสิ้นพระบารมีแต่เพียงนั้น
ผู้รักษากรุงเก่าพระชิตณรงค์ผูกขาดขึ้นไปจะเร่งเงินไพร่แขวงกรุงเก่าให้ได้โดยจานวน 500 ชั่ง เร่งรัด
ไพร่เมืองยากครั้งนั้นสาหัส.......”
(จิระพันธ์ ชาติชินเชาวน์ รวบรวม)