Rotterdam Convention
- 1. พัน ธกรณีข อง
ประเทศไทยภายใต้อนุ
อ นุ
สัญ ญารอตเตอร์ด ัม
ว่า ด้ว ยกระบวนการแจ้ง ข้อ มูล
สารเคมีล ่ว งหน้า สำา หรับ สารเคมี
อัน ตรายและสารเคมีป ้อ งกัน
กำา จัด ศัต รูพ ืช และสัต ว์บ างชนิด
ในการค้า ระหว่า งประเทศ
Rotterdam Convention on the Prior Informed
Consent Procedure for Certain
- 2. ความเป็น มา
•จากการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ และ
สัง คม ทำา ให้ท ั้ง ภาคอุต สาหกรรมและภาค
เกษตรกรรมต้อ งเร่ง การผลิต สิง อุป โภค
่
บริโ ภค เพื่อ ตอบสนองความต้อ งการของ
จำา นวนประชากรที่เ พิ่ม มากขึ้น ส่ง ผลให้ม ี
การนำา สารเคมีใ นรูป แบบต่า งๆ มาใช้ม าก
ขึ้น ทั้ง ใช้ใ นภาคอุต สาหกรรม ภาค
เกษตรกรรม ภาคครัว เรือ น และการ
สาธารณูป โภคต่า งๆ เป็น ต้น
•การใช้ส ารเคมีใ นด้า นต่า งๆ ดัง กล่า ว
ก่อ ให้เ กิด ปัญ หาสิง แวดล้อ มและสุข ภาพ
่
อนามัย ของประชาชนเพิ่ม มากขึ้น เนือ งจาก
สารเคมีบ างชนิด ที่น ำา มาใช้เ ป็น สารอัน ตราย
- 3. ความเป็น มา (ต่อ )
•เมือ ปี พ.ศ. 2528 องค์ก ารอาหารและเกษตร
่
แห่ง สหประชาชาติ (Food and Agriculture
Organization of the United Nations : FAO)
ได้ก ำา หนดให้ม ก ารแลกเปลี่ย นข้อ มูล โดยสมัต รใจ
ี
ไว้ใ นจรรยาบรรณระหว่า งประเทศในเรื่อ งการ
จำา หน่า ยและการใช้ส ารเคมีป ้อ งกัน กำา จัด ศัต รูพ ช
ื
และสัต ว์
•เมือ ปี พ.ศ. 2530 โครงการสิ่ง แวดล้อ มแห่ง
่
สหประชาชาติ (United Nations Environment
Programme: UNEP) ได้ก ำา หนดให้ม ก ารแลก
ี
เปลี่ย นข้อ มูล โดยสมัต รใจไว้ใ นแนวทางการแลก
- 4. ความเป็น มา (ต่อ )
•เมือ ปี พ.ศ. 2535 ในการประชุม Rio Earth
่
Summit ได้ใ ห้ก ารรับ รองแผนปฏิบ ัต ิก ารบทที่ 19
ภายใต้แ ผนปฏิบ ัต ก าร 21 (Agenda 21) ให้ม ี
ิ
มาตรการทางกฎหมายรองรับ การแจ้ง ข้อ มูล สาร
เคมีล ่ว งหน้า ภายในปี พ .ศ. 2543
ในระหว่า งปี พ.ศ.
2539-2541 ได้จ ัด ให้ม ี
การประชุม คณะ
กรรมการเจรจาระหว่า ง
รัฐ บาล รวมทัง สิ้น 5 ครั้ง
้
จึง บรรลุข ้อ ตกลงในหลัก
เกณฑ์ส ำา คัญ ของอนุ
อนุส ญ ญารอตเตอร์ด ม ฯ ได้เ ปิด ให้ม ก าร
ั
ั
ี
สัญ ญารอตเตอร์ด ัม ฯ
รับ รองและลงนาม ในการประชุม ผู้ม อ ำา นาจเต็ม ณ
ี
เมือ งรอตเตอร์ด ม ราชอาณาจัก รเนเธอร์แ ลนด์ เมือ
ั
่
วัน ที10 - 11กัน ยายน 2541
่
- 5. วัต ถุป ระสงค์
ส่งเสริมความร่วมมือและรับผิดชอบระหว่างประเทศ ใน
เรื่องการค้าสารเคมีอันตรายบางชนิด เพื่อปกป้อง
สุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากอันตราย
ของสารเคมี และเพือส่งเสริมการใช้สารเคมีอย่างไม่เป็น
่
อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้มการแจ้งหรือการแลก
ี
เปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของสารเคมีแก่ผู้มีอำานาจ
ตัดสินใจของชาติ ได้
ทราบถึงการ
นำาเข้าและ
ส่งออก สารเคมีอันตราย
ต้องห้ามหรือจำากัดการใช้อย่าง
เข้มงวด และสูตรผสมของสารเคมี
ป้องกันกำาจัดศัตรูพชและสัตว์ที่
ื
เป็น
อันตรายอย่างร้ายแรง
และให้มการ
ี
กระจาย
- 7. อนุส ัญ ญารอตเตอร์ด ัม
ประเทศไทยเข้า เป็น ภาคีใ นอนุส ญ ญาฯ โดย
ั
ภาคยานุว ต ิ เมือ วัน ที่ 19 กุม ภาพัน ธ์ พ.ศ. 2545
ั
่
อนุส ญ ญาฯ มีผ ลบัง คับ ใช้ 24 กุม ภาพัน ธ์ พ.ศ.2547
ั
ขอบเขตของอนุส ญ ญาฯ
ั
สารเคมีต ้อ งห้า ม
สารเคมีท ถ ูก จำา กัด การใช้อ ย่า งเข้ม งวด
ี่
สูต รผสมของสารเคมีป อ งกัน กำา จัด ศัต รูพ ช และสัต ว์ท ี่
้
ื
เป็น อัน ตรายอย่า งร้า ยแรง
มีก ารกำา หนดรายชือ สารเคมีท ี่ถ ก ควบคุม ภายใต้อ นุ
่
ู
สัญ ญาฯ ณ ปัจ จุบ น มีส ารเคมีท ค รอบคลุม ภายใต้
ั
ี่
อนุส ญ ญา 41 รายการ แบ่ง เป็น
ั
สารเคมีป อ งกัน กำา จัด ศัต รูพ ืช และสัต ว์ 24 รายการ
้
สูต รผสมของสารเคมีป อ งกัน กำา จัด ศัต รูพ ช และสัต ว์ท ี่
้
ื
เป็น อัน ตรายอย่า งร้า ยแรง 6 รายการ
- 8. พัน ธกรณีส ำำ คัญ ของ
อนุส ัญ ญำ
ภำคีตองใช้มำตรกำรที่เหมำะสมทำงกำรบริหำร
้
และทำงกฎหมำย และภำคีสมำชิกจะต้องแจ้ง
ข้อมูล มำตรกำร กฎระเบียบของประเทศภำยใน
90 วัน หลังจำกวันที่มำตรกำรนั้นมีผลบังคับใช้ (
ข้อ ที่ 5)
จัดทำำข้อเสนอบัญชีรำยชือสูตรผสมของสำรเคมี
่
ป้องกันกำำจัดศัตรูพชและสัตว์ ที่เป็นอันตรำยอย่ำง
ื
ร้ำยแรงเพิมเติม (ข้อ ที่ 6)
่
แจ้งตอบรับนำำเข้ำ ดำำเนินกำรตำมกระบวนกำร
แจ้งข้อมูลสำรเคมีล่วงหน้ำ (ข้อ ที่ 10)
กำรประกันว่ำไม่ส่งออกสำรเคมีไปยังภำคีผู้นำำ
เข้ำที่ไม่ได้แจ้งท่ำที หรือแจ้งท่ำทีชวครำว ที่ไม่ได้
ั่
รวมอยู่ในกำรตัดสินใจชัวครำว (ข้อ ที่ 11)
่
- 9. พัน ธกรณีส ำำ คัญ ของ
อนุส ัญ ญำ (ต่อ )
จัดส่งข้อมูลที่จำำเป็นพร้อมกับสำรเคมีที่ส่งออก
อำทิ รหัสระบบศุลกำกรจำำเพำะ กำรติดฉลำก
และเอกสำร MSDS (ข้อ ที่ 13)
ให้มีกำรแลกเปลี่ยนข้อมูลด้ำนวิทยำศำสตร์
เทคนิค เศรษฐกิจและกฎหมำย ซึ่งเกี่ยวข้องกับ
สำรเคมีที่อยู่ในขอบเขตของอนุสญญำฯ รวมทั้ง
ั
ข้อมูลด้ำนพิษวิทยำ พิษวิทยำสิ่งแวดล้อมและ
ควำมปลอดภัย (ข้อ ที่ 14)
ส่งเสริมควำมร่วมมือทำงเทคนิคในกำรพัฒนำ
โครงสร้ำงพื้นฐำน และขีดควำมสำมำรถในกำร
- 10. กรณีป ระเทศไทย
สำำหรับประเทศไทย กรมวิชำกำรเกษตรได้เสนอขอควำม
เห็นจำกคณะกรรมกำรวัตถุอันตรำย และมีมติเห็นชอบให้นำำ
พระรำชบัญ ญัต ิว ัต ถุอ ัน ตรำย พ .ศ. 2535 มำใช้รองรับ
เพือกำรให้สัตยำบันและปฏิบัติตำมอนุสัญญำฯ และยังมีกฎ
่
หมำยอื่นๆ ทีเกี่ยวข้อง ได้แก่
่
พระรำชบัญ ญัต ิศ ล กำกร พ.ศ.2469
ุ
พระรำชบัญ ญัต ิศ ุล กำกร (ฉบับ ที่ 9) พ.ศ.2482
พระรำชบัญ ญัต ิก ำรส่ง ออกไปนอกและนำำ เข้ำ มำ
ในรำชอำณำจัก รซึ่ง สิน ค้ำ พ .ศ. 2522
พระรำชบัญ ญัต ิก ำรเดิน เรือ ในน่ำ นนำำ ไทย (ฉบับ ที่
้
14) พ.ศ.2535
- 11. พระรำชบัญญัติวัตถุอนตรำย
ั
พ.ศ. 2535
“มำตรำ 18 วัตถุอันตรำยแบ่งออกตำมควำมจำำเป็นแก่
กำรควบคุม ดังนี้
(1) …
(2) …
(3) วัตถุอันตรำยชนิดที่ 3 ได้แก่วัตถุอันตรำยที่กำรผลิต
กำรนำำเข้ำ กำรส่ง ออก หรือกำรมีไว้ในครอบครองต้อง
ได้รับใบอนุญำต
(4) วัตถุอันตรำยชนิดที่ 4 ได้แก่วัตถุอนตรำยที่ห้ำมมิให้
ั
มีกำรผลิต กำรนำำเข้ำ กำรส่งออก หรือกำรมีไว้ในครอบ
ครอง”
ตำมพระรำชบัญ ญัต ิข ้ำ งต้น
กำำ หนดให้ส ำรเคมี
ป้อ งกัน กำำ จัด ศัต รูพ ช และสัต ว์ท ั้ง หมดตำมอนุ
ื
สัญ ญำฯ เป็น วัต ถุอ ัน ตรำยชนิด ที่ 4 ส่ว นสำรเคมี
- 12. ประโยชน์ท ี่ไ ด้จ ำกเข้ำ
เป็น ภำคีษ ย์แ ละสิง
ปกป้อ งสุข ภำพของมนุ
่
แวดล้อ ม จำกควำมเสีย งที่เ กิด จำกกำรใช้
่
สำรเคมีอ ัน ตรำย
ควบคุม กำรนำำ เข้ำ กำรส่ง ออก สำรเคมี
อัน ตรำยได้อ ย่ำ งเข้ม งวดและเป็น ระบบ
ได้ร ับ ทรำบข้อ มูล ข่ำ วสำที่เ กี่ย วข้อ งกับ
สำรเคมี เพื่อ ประกอบกำรตัด สิน ใจก่อ น
นำำ เข้ำ
ใช้ใ นกำรประเมิน ควำมเสีย งอัน ตรำย
่
จำกสำรเคมี
มีส ท ธิเ สนอบัญ ชีร ำยชื่อ สูต รผสมสำร
ิ
เคมีป อ งกัน กำำ จัด ศัต รูพ ืช และสัต ว์ท ี่เ ป็น
้
- 13. ประโยชน์ท ี่ไ ด้จ ำกเข้ำ
เป็นวภำคี (ต่อ )
ได้ร ับ ควำมช่ ยเหลือ ทำงวิช ำกำรและงบ
ประมำณ ในกำรจัด กำรสำรเคมีเ พื่อ ให้
ดำำ เนิน กำรได้อ ย่ำ งถูก ต้อ ง ตลอดจน
สำมำรถจัด กำรสำรเคมีอ ัน ตรำยได้อ ย่ำ งมี
ประสิท ธิภ ำพ และให้ส ่ง ผลกระทบต่อ สิ่ง
แวดล้อ มน้อ ยที่ส ุด
ป้อ งกัน กำรนำำ เข้ำ และส่ง ออก สำรเคมี
อัน ตรำยอย่ำ งผิด กฎหมำยระหว่ำ งประเทศ
ปกป้อ งมิใ ห้ม ีก ำรลัก ลอบทิ้ง สำรเคมี
อัน ตรำยเข้ำ มำในประเทศ
แสดงบทบำทของประเทศไทยในกำร
ดำำ เนิน กำรตำมพัน ธกรณีจ ำกกำรประชุม
สหประชำชำติว ่ำ ด้ว ยสิ่ง แวดล้อ มและกำร
- 14. หน่ว ยงำนผู้ม ีอ ำำ นำจ
ของรัฐ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิช ำกำร
เกษตร เป็นตัวแทนผูมีอำำนำจของรัฐ
้
(Designated National Authorities : DNAs)
ด้ำนสำรเคมีป้องกันกำำจัดศัตรูพืชและสัตว์
กระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม โดย
กรมควบคุม มลพิษ เป็น DNA ด้ำนสำรเคมีอนๆ
ื่
นอกเหนือจำกสำรเคมีป้องกันกำำจัดศัตรูพืชและสัตว์
และ
กระทรวงอุตสำหกรรม โดยกรมโรงงำน
อุต สำหกรรม เป็น DNA ด้ำนสำรเคมีอตสำหกรรม
ุ
- 15. บทสรุป
• ในปัจ จุบ น ปัญ หา
ั
สารอัน ตรายและ
ของเสีย อัน ตรายมี
แนวโน้ม เพิ่ม มาก
ขึ้น ทั้ง ในภาค
ชุม ชนและ
อุต สาหกรรมไป
จนถึง จำา นวนการ
เกิด อุบ ต ิภ ัย จาก
ั
สารอัน ตรายและ
ของเสีย อัน ตราย
- 16. บทสรุป (ต่อ )
• สำา หรับ ประเทศไทยนัน ขาดการกำา กับ
้
ดูแ ลและติด ตามประเมิน ผลอย่า งต่อ เนือ ง
่
การวางแผนจัด การสิง แวดล้อ มที่ข าด
่
ประสิท ธิภ าพ ขาดแคลนเทคโนโลยีแ ละ
บุค ลากรที่เ ชีย วชาญ และขาดการ
่
ประชาสัม พัน ธ์อ ย่า งต่อ เนือ งรวมทั้ง
่
มาตรการบัง คับ ทางกฎหมายที่ใ ช้ไ ด้ผ ล
จริง การแสวงหาความช่ว ยเหลือ ด้า น
เทคโนโลยีแ ละเงิน สนับ สนุน ยัง คงมี
ศัก ยภาพตำ่า และการวิจ ัย พัฒ นาด้า นการ
จัด การสารอัน ตรายและของเสีย อัน ตราย
- 21. ข้อเสนอแนะ (ต่อ)
• ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายกำาหนด “การมีส่วนร่วม
ของประชาชนในการดำาเนินงานของหน่วยงานที
เกี่ยวข้องกับวัตถุอันตราย” โดยเฉพาะในขั้นตอนการ
ขึ้นทะเบียน ควบคุม และกำากับดูแลวัตถุอันตรายทุก
ประเภท และเสนอให้ รมต.กระทรวงเกษตรฯ พิจารณา
กำาหนดข้อความเพิมเติมในข้อเสนอ คสช.ต่อคณะ
่
กรรมการวัตถุอันตราย (12 ก..พ..2551)เสนอให้
รมต.กระทรวงเกษตรฯ พิจารณากำาหนดข้อความเพิม
่
เติมในขั้นตอนการขึ้นทะเบียน เพือควบคุมและกำากับ
่
วัตถุอันตรายทีใช้ในทางการเกษตร โดยการเปิดเผย
่
ขั้นตอนการขึ้นทะเบียน และข้อมูลทีใช้ประกอบการ
พิจารณา ให้ผู้มส่วนได้ส่วนเสียทราบก่อนการ
ี
- 23. ข้อเสนอแนะ (ต่อ)
• สร้างนักกฎหมาย และนักวิชาชีพที่มีความ
รู้ด้านสารเคมีอันตรายให้มากยิ่งขึ้นอาจจะ
เป็นการให้ทุนไปศึกษาต่อ หรือกำาหนด
คุณสมบัติในการรับเข้าทำางาน เป็นต้น
• ควรมีแผนป้องกันที่ชัดเจน เพือให้
่
ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย จัดให้มี
การอบรมทางเทคนิคให้กับผู้เกี่ยวข้องกับ
สารเคมีอันตรายทุกประเภท อาจจัดออกมา
ในรูปแบบการอบรมที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ค่า
Editor's Notes
- รัฐบาลนานาประเทศจึงได้เริ่มต้นกระบวนการแจ้งข้อมูลล่วงหน้าแก่ประเทศผู้นำเข้า เพื่อขอความเห็นชอบก่อนที่จะส่งออกสารเคมีอันตรายไปยังประเทศนั้น
ในตอนเริ่มต้นนั้นกระบวนการนี้เป็นแบบสมัครใจ ต่อมาเพื่อให้เกิดสัมฤทธิ์ผลมากขึ้น จึงได้มีการประกาศ ยกระดับให้กระบวนการนี้เป็นอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ
- ข้อ 26
การมีผลบังคับใช้
อนุสัญญานี้จักมีผลบังคับใช้ในวันที่ 90 หลังจากวันที่มอบเอกสารการให้สัตยาบัน
การยอมรับ การเห็นชอบหรือการภาคยานุวัติลำดับที่ 50 แล้ว
- และกรมควบคุมมลพิษได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2544 ให้ประเทศไทยให้ภาคยานุวัติสารในอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ โดยให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร เป็นตัวแทนผู้มีอำนาจของรัฐ (Designated National Authority : DNA) ด้านสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษเป็น DNA ด้านสารเคมีอื่นๆ และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็น DNA ด้านสารเคมี อุตสาหกรรม
- 1. กำ หนดมาตรการในการควบคุมสารเคมีตามอนุสัญญา ดังนี้
1.1 ควบคุมเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ได้แก่ สารเคมี
ป้องกันกำ จัดศัตรูพืชและสัตว์ทั้งหมด สารเคมีอุตสาหกรรม จำ นวน 5 ชนิด ได้แก่ Polybrominated
biphenyls (PBB) , Polycholorinated biphenyls (PCB) , Polychorinated terphenyls (PCT) ,Tris (2,3 -
dibromopropyl phosphate) และ Amosite asbestos
1.2 ควบคุมเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จำ นวน 3 ชนิด
ได้แก่ Tetraethyl lead , Tetramethyl lead และ Crocidolite asbestos
1.3 อยูร่ ะหว่างการพิจารณาดำ เนินการในการควบคุมสารเคมีอีก 3 ชนิด คือ Actinolite asbestos
Anthophyllite asbestos และ Tremolite asbestos ให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตามพระราชบัญญัติวัตถุ
อันตราย พ.ศ. 2535 เนื่องจากเป็นสารที่มีอันตรายสามารถก่อให้เกิดมะเร็ง
- ช่วยพัฒนาการจัดการสารเคมีและมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาคอุตสาหกรรมได้รับข้อมูล/กฎระเบียบในการจัดการสารเคมี เพื่อให้ดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนสามารถจัดการสารเคมีอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
ภาคอุตสาหกรรมได้รับการส่งเสริมการใช้สารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
สามารถป้องกันการลักลอบทิ้ง นำเข้าสารเคมี จากการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ไม่สามารถจัดการสารเคมีเหล่านี้ได้ตลอดอายุการใช้งาน
ในฐานะผู้นำเข้าสารเคมี ประเทศไทยจะได้รับความคุ้มครอง โดยได้รับข้อมูลด้านการประเมินความเสี่ยงจากสารเคมีอันตรายเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนนำเข้า
เป็นผลดีต่อประชาชนในการป้องกันความเสี่ยงจากสารเคมีอันตราย
- หน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลัก คือ
กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและสัตว์
กรมควบคุมมลพิษ รับผิดชอบสารเคมีอื่นๆ นอกเหนือจากสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและสัตว์
และทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางประสานการดำ เนินงานของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ
กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบสารเคมีทางอุตสาหกรรม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักคณะกรรมการอาหารและยา กรมศุลกากร กรมองค์การระหว่างประเทศ
กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมการค้าต่างประเทศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย
และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย