More Related Content
Similar to สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจสังคม
Similar to สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจสังคม (20)
สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจสังคม
- 1. เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ลักษณะเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวทั่วโลก ผนวกกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่ทำให้เกิดการหลอมรวมของสื่อส่งผลต่อการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในกระบวนการสื่อสารเพื่อรองรับรูปแบบการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นแนวคิดสำคัญที่นำมาใช้ในการวางแผนปรับปรุงหลักสูตรเพื่อพัฒนานักนิเทศศาสตร์ที่มีความรอบรู้ทั้งในเชิงวิชาการและวิชาชีพ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถในการผลิตและใช้สื่อแบบบูรณาการเพื่อตอบสนองและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม งานวิจัย , ผลสำรวจ, ตัวเลขโฆษณา , ตัวเลขด้านเศรษฐกิจ , ดังเสนอได้ดังต่อไปนี้ ตัวเลขด้านสังคม ตัวเลขด้านเทคโนโลยี ,ความต้องการนักนิเทศศาสตร์ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต<br />ผู้บริโภควัยรุ่นใช้เวลากับสื่อแมสลดลง แต่ใช้เวลากับสื่อออนไลน์ และ โซเชียล มีเดีย มากขึ้น ทำให้แบรนด์ต่างๆ มีการเพื่อพัฒนาช่องทางการสื่อสารในยุคสังคมออนไลน์ผ่านเครื่องมือต่างๆ ทั้ง เว็บไซต์, โซเชียล เน็ตเวิร์ค, โทรศัพท์มือถือ และ แทบเล็ตส่งผลให้สื่อออนไลน์ ในปีหน้าจะเติบโตเช่นเดียวกับสื่อหลัก โดยการขยายตัวจะอยู่ในอัตรา 50-60% คาดการณ์ว่างบประมาณการสื่อสารที่ใช้ผ่าน ดิจิทัล มีเดีย จะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ในปี 2554<br />นักวิชาชีพร่วมกันสะท้อนถึงภาพรวมของวิทยุและโทรทัศน์ว่า “คุณสมบัติของนักนิเทศศาสตร์ที่ดี คือ จะต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ อยู่ในตัวคนๆ เดียวกัน 1.มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในเนื้อหาสาระสำคัญของข่าวที่ต้องการนำเสนอ 2.ศิลปะ คือ ศิลปะในการนำเสนอ ต้องเขียนข่าวเป็น ต้องตัดต่อได้ และต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นในการนำเสนอได้”การเรียนการสอนวิชาสื่อสารมวลชนต้องสอดคล้อง-เท่าทันสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากอิทธิพลของสื่อใหม่<br />เดอะ นีลเส็น คอมปะนี ได้สำรวจในช่วง 11 เดือน (ม.ค-พ.ย. 2553) มีมูลค่า 9.2 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 12.2% และคาดว่าสิ้นปี 2553 มูลค่าโฆษณารวมจะอยู่ที่ 1.01 แสนล้านบาท เติบโต 12% เมื่อเทียบกับปี 2552 และถือเป็นปีแรกที่อุตสาหกรรมโฆษณามีมูลค่าทะลุ”แสนล้านบาท” “นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช” รายงานว่า 10 อันดับธุรกิจที่ใช้งบโฆษณาสูงสุด ช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 2553) มีการใช้เม็ดเงินเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2552 ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 2.3 พันล้านบาท เติบโต 13.7%, ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว มูลค่า 1.8 พันล้านบาท เติบโต 0.1%, รถยนต์นั่ง มูลค่า 1.59 พันล้านบาท เติบโต 40.8%, ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม มูลค่า 1.56 พันล้านบาท เติบโต 67.5%, เครื่องดื่มน้ำอัดลม มูลค่า 1.4 พันล้านบาท เติบโต 9.2% ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง มูลค่า 1.38 พันล้านบาท เติบโต 37.9%, รถปิกอัพ มูลค่า 1.32 พันล้านบาท เติบโต 20.7%, ระบบโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน มูลค่า 1.2 พันล้านบาท เติบโต 26% , วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มูลค่า 1.08 พันล้านบาท เติบโต 60% และธุรกิจประกันชีวิต 1.03 พันล้านบาท เติบโต 19.9%<br />ผศ.ดร.พิรงรอง รามสูต หัวหน้าภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “การปฏิรูปสื่อ” ตั้งแต่ยุคแรกในเมืองไทย พ.ศ.2535-2553 จากนั้นย้อนไปดูตำราประวัติศาสตร์และพัฒนาการการสอน “นิเทศศาสตร์” ในบ้านเราเทียบกับนานาประเทศ ให้บรรดาผู้ฟังได้เรียนรู้พร้อมกันเป็นฉากๆ ว่า การปฏิรูปสื่อในประเทศไทยช่วงปี 2540 และก่อนหน้านั้น เป็นการปฏิรูปสื่อที่ตัวโครงสร้าง ขณะที่การปฏิรูปสื่อในต่างประเทศ คือ การปฏิรูปนโยบาย การกำกับดูแลสื่อ การปรับเปลี่ยนเนื้อหาทั้งคุณภาพ-ปริมาณ รวมถึงวิธีการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน ซึ่งเป้าหมายสำคัญของการปฏิรูปสื่อในต่างประเทศนั้นเพื่อสร้างบทบาทของสื่อมวลชนเพื่อสาธารณะหลักสูตร-รูปแบบการสอนสื่อสารมวลชนในสถาบันการศึกษาของไทย อ.พิรงรอง ยืนยันชัดต้องมีการเปลี่ยนแปลง บูรณาการการเรียนการสอนระหว่างศาสตร์ สาขาย่อยของนิเทศเข้าด้วยกัน รวมถึงปรับเปลี่ยนบรรจุเนื้อหาสอนเรื่องการปฏิรูปสื่อ การหลอมรวมเทคโนโลยี การสร้างพันธกิจหลักต่อการรับผิดชอบสังคมด้วย “ปรัชญาการผลิตบัณฑิตนิเทศศาสตร์ ต้องผลิตบัณฑิตให้สอดคล้องกับตลาดงาน ผู้ปฏิบัติงานสื่อ ให้สอดคล้องตลาดงานยุคปฏิรูปสื่อ ยุคหลอมรวมเทคโนโลยีและยุคสื่อเพื่อสังคม อีกทั้งการสอนต้องทำให้ผู้เรียนรู้จักตอบแทนช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาวารสารศาสตร์”<br />สอดคล้องกับรศ.ดร.อุษา บิ้กกิ้นส์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เห็นตรงกันว่า การเรียนการสอนวิชานิเทศศาสตร์จะทำการสอนแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว โดยเสนอการสอนหลักสูตรด้านสื่อสารมวลชน จะต้องบรรจุการสอนเรื่อง “วัฒนธรรมการทำงานของสื่อ” ที่เปลี่ยนแปลงไป ลงไปในหลักสูตรด้วย<br />“หลักสูตรนิเทศศาสตร์ไม่ควรแยกขาดจากกัน ต้องบูรณาการหลักสูตรให้เข้มแข็งขึ้น เช่น สาขาวารสารฯ ต้องเรียนควบคู่กับสาขาวิทยุกระจายเสียงโทรทัศน์-ดิจิตัลมีเดีย เพื่อให้นักศึกษาทำงานได้จริง นักศึกษาเมื่อจบหลักสูตรนิเทศศาสตร์แล้วควรจะเขียนข่าวและผลิตรายการได้ด้วย สถาบันการศึกษาต้องส่งนักศึกษาลงทำงานในพื้นที่ชุมชน พร้อมทำรายงานสรุปสิ่งที่ทำลงไป ”สำหรับปัญหาหลักๆ ของการเรียนการสอนด้านนิเทศศาสตร์ อ.อุษา มองไปที่ตัวมหาวิทยาลัย ที่ยังขาดความร่วมมือกับองค์กรสื่อหรือสมาคมวิชาชีพสื่อ พร้อมแสดงความแปลกใจที่มหาวิทยาลัยไทยกลับไม่ได้สนใจทำการศึกษาวิจัยงานด้านสื่อสารมวลชนมากที่ควร ทั้งๆ ที่เรื่องการวิจัยนี้มีความสำคัญมากต่อประเด็นการปฏิรูปสื่อ แต่มหาวิทยาลัย กลับไปให้ความสนใจกับรายงานศึกษาเรื่องสื่อมากกว่า<br />นายเถกิง สมทรัพย์ อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ก็ย้ำว่าการทำงานด้านสื่อสารมวลชนนั้น หัวใจสำคัญของวิชาชีพนี้ยังคงอยู่ที่ “สาระของเนื้อหา” หรือ “ตัวคอนเท้นท์” ที่ต้องการนำเสนอสื่อออกมาสู่ประชาชนสู่สังคม ซึ่งการนำเทคโนโลยี สื่อใหม่ สื่อออนไลน์มาใช้นั้นจะช่วยสร้างพลังคอนเท้นท์ หรือ “พลังของเนื้อหา” ให้เกิดบนสื่อกระแสหลักได้ อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่นักศึกษานิเทศศาสตร์ที่จบออกมานั้นยังไม่สามารถพร้อมปฏิบัติงานในสนามจริงได้ทันที จึงอยากให้การเรียนการสอนนิเทศศาสตร์เน้นภาคปฏิบัติที่ทำให้นักศึกษามีทักษะ การทำงาน พร้อมปฏิบัติหน้าที่ลงสนามจริงได้ทันทีเมื่อจบการศึกษา ไม่ใช่แค่การส่งนักศึกษาไปฝึกงาน 3 เดือน “การเรียนการสอนต่อจากนี้ต้องสร้างการเรียนการสอนเสมือนทำงานจริง เสมือนอยู่ในองค์กรสื่อจริงๆ จากนี้มหาวิทยาลัยควรสอนโดยยึดการปฏิบัติงาน เป็นตัวตั้ง” นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายยังมีการระดมความคิดเห็นย่อยจากนักศึกษา อาจารย์ และคนในสนามอาชีพสื่อ ต่อการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงหลักสูตรการสอนสื่อสารมวลชนนี้ ด้วย โดยคณาจารย์ผู้สอนต่างเสนอให้ หลักสููตรควรกำหนดการสอนที่ต้องทำให้นักศึกษารู้บริบทในชุมชนท้องถิ่นของตนเอง ,ทบทวนเรื่อง quot;
สหกิจศึกษาquot;
บูรณาการรายวิชาร่วมกันให้นักศึกษาได้ฝึกทำข่าวทั้งหนังสือพิมพ์ ข่าวทีวีในพื้นที่จริงๆ ระหว่างศึกษา, มหาวิทยาลัยควรแนะแนวให้นักศึกษาหันกลับมามอง quot;
ตัวสื่อท้องถิ่นquot;
บ้าง ไม่ใช่มุ่งการทำงานสื่อไปที่ตัวสื่อกระแสหลักอย่างเดียว , ควรมีการพิจารณาปรับปรุงความทันสมัยของหลักสูตรสื่อสารมวลชนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงเสนอให้มหาวิทยาลัยลองจับมือกับองค์กรวิชาชีพสื่อในการสอนนักศึกษา และทำโมเดลในสื่อมวลชนอาชีพให้ชัดเจนเพื่อเป็นต้นแบบให้นักศึกษาด้วย<br />จากสภาพบริบทจากสื่อต่างๆ งานวิจัยและผลสำรวจจากแหล่งข้อมูลต่างๆทั้งหมดมุ่งชี้ให้เห็นถึง ความสำคัญของนักนิเทศศาสตร์ที่จะต้องมีคุณสมบัติที่ตอบสนองและสอดคล้องกับ สภาพสังคม สภาพเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันและในอนาคตข้างหน้า ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะต้อง สร้างหรือผลิตบัณฑิตให้สนองต่อสภาพการปัจจุบันและอนาคต จึงเป็นแนวทางที่สำคัญในการผลิตบัณฑิตของสาขาวิชานิเทศศาสตร์บูรณาการ<br />