More Related Content Similar to สัตว์ป่าคุ้มครอง Similar to สัตว์ป่าคุ้มครอง (11) สัตว์ป่าคุ้มครอง3. บทนำ มนุษย์ได้ประโยชน์จากธรรมชาติเสมอมาไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ได้ตั้งแต่ลืมตาดูโลก จนกระทั่งตายไป จึงใช้ประโยชน์จากธรรมชาติแบบไม่คุ้มค่า มนุษย์ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติเกินความจำเป็นที่ต้องการ จนธรรมชาติให้ไม่ทัน ทุกครั้งที่มนุษย์ทำลายธรรมชาติ ทำลายระบบนิเวศ เช่น การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยหรือแผ้วถางบุกรุกป่าเพื่อทำไร่ ทำนา หรือด้วยสาเหตุอื่นอีกมากมาย ธรรมชาติต้องมีการปรับตัวโดยการสร้างระบบนิเวศขึ้นใหม่ ถ้าระบบนิเวศเดิมเป็นระบบนิเวศที่พัฒนาเต็มที่ย่อมต้องใช้เวลานานมาก ๆ ในการปรับตัวกว่าที่ระบบนิเวศที่เกิดใหม่จะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้ การทำลายระบบนิเวศเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พืชและสัตว์สูญพันธุ์ ยิ่งถ้าเป็นพืชและสัตว์ชนิดที่มีจำนวนน้อยจะสูญพันธุ์ได้ง่ายกว่าชนิดที่มีจำนวนมาก สิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้วย่อมไม่มีทางที่จะแก้ไขให้มีขึ้นมาได้อีก และถ้ายิ่งมีพืชและสัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ไป การที่ระบบนิเวศ ที่เกิดใหม่จะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น 4. สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้สัตว์ป่าลดน้อยลง สาเหตุที่ทำให้สัตว์ป่ามีจำนวนลดลงมีหลายปัจจัย เช่น 1. การลดจำนวนลงตามธรรมชาติ สัตว์ป่าทุกชนิดย่อมจะดัดแปลงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อม สัตว์ชนิดใดปรับตัวไม่ได้ก็จะตายไปทำให้ลดจำนวนลงและอาจจะสูญพันธุ์ในที่สุด 2. การลดจำนวนลงเนื่องจากการล่าโดยตรง 3. การลดจำนวนลงเนื่องจากการทำลายที่อยู่อาศัย เนื่องจากประเทศได้พัฒนาความเจริญมากขึ้นและประชากรของประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการที่ทำมาหากินได้เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจึงถูกบุกรุกทำลายเสียเป็นจำนวนมาก ทำให้สัตว์ป่าไม่มีที่อยู่อาศัย และสูญพันธุ์ได้ในที่สุด 4. การลดจำนวนลงเนื่องจากสารพิษ ประเทศไทยใช้สารเคมีบางอย่าง เช่น ยาฆ่าหนู ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ฯลฯ มองเผิน ๆ ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับสัตว์ป่า แม้ข้อเท็จจริงสัตว์ป่าได้รับพิษเหล่านี้ตามห่วงโซ่อาหารทำให้พิษสะสมในตัวสัตว์ป่า อาจจะมีผลต่อลูกหลานของสัตว์ป่า เช่น ร่างกายไม่สมประกอบ ทำให้ประสิทธิภาพในการให้กำเนิด หลาน เหลน ต่อไปอย่างจำกัดและในที่สุดก็จะสูญพันธุ์ลง 5. การลดลงเนื่องจากมลพิษ อุตสาหกรรมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โรงงานอุตสาหกรรมได้ปล่อยของเสียออกมา และทำให้สภาพแวดล้อมเป็นพิษ ก่อให้เกิดการเสียชีวิตของสัตว์ได้ 5. สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้สัตว์ป่าลดน้อยลง 6. การลดจำนวนลงเนื่องจากนำสัตว์อื่นมาทดแทน การนำสัตว์จากที่อื่นเข้าไปในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เช่น นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในป่า สัตว์เลี้ยงอาจจะไปแย่งอาหาร น้ำและปัจจัยอื่นที่จำเป็นต้องการดำรงชีวิตของสัตว์ป่าอีกทั้งสัตว์เลี้ยงอาจจะนำโรคต่าง ๆ เข้าไปติดต่อให้สัตว์ป่าก็อาจจะทำให้สัตว์ป่าตายลงทำให้ลดจำนวนลงและสูญพันธุ์ต่อไปได้ 7. การลดจำนวนลงเนื่องจากการใช้ประโยชน์จากอาหารของสัตว์ป่าเองอย่างจำกัด สัตว์ป่าส่วนใหญ่จะใช้ประโยชน์จากอาหารได้อย่างกว้างขวางซึ่งหมายความว่า กินหลายสิ่งเป็นอาหาร แต่ก็มีสัตว์ป่าบางชนิดที่จะกินอาหารเฉพาะอย่างไม่กินอย่างอื่นเลยหรือกินแต่จำนวนน้อย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น หมีแพนด้าที่กินเฉพาะใบไผ่ที่ขึ้นเฉพาะในพื้นที่เท่านั้น ดังนั้นเมื่อป่าไผ่ถูกทำลายลง หมีแพนด้าก็จะอดอาหาร ซึ่งทำให้ลดจำนวนลงได้ และอาจจะสูญพันธุ์ในที่สุด 7. 26 ธันวาคม “วันคุ้มครองสัตว์ป่า” ความเป็นมา ในอดีตประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ความหลากหลายทางชีวภาพทั้งพืชและสัตว์ จากจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการทำลายป่าและล่าสัตว์มากขึ้น เป็นผลให้แหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย ของสัตว์ป่าถูกทำลาย สัตว์ป่าถูกล่าจนมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว สัตว์ป่าหลายชนิดเกือบจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย รัฐบาลในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้ตรากฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าขึ้น โดยมีสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ทรงลงนามในพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2503 ปี พ . ศ .2535 ได้ปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ . ศ . 2503 ใหม่ โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน มาตรการต่างๆ ที่มีอยู่ในกฎหมายดังกล่าวไม่สามารถทำให้การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลสมดังวัตถุประสงค์ของกฎหมาย และต่อมาได้ถือเอาวันที่ 26 ธันวาคม ของทุกปี เป็น “ วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ” อย่างไรก็ตาม สัตว์ป่าในธรรมชาติก็ยังคงถูกไล่ล่า และลดจำนวนลงเรื่อยๆ ภารกิจ ของผู้มีหน้าที่ในการปกป้องชีวิตสัตว์ป่ามีมากขึ้น การทำงานเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ลำพังเพียงเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ จึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกส่วนฝ่าย ประสานร่วมมือกันทั้งจากภาครัฐ เอกชน ประชาชน เยาวชน และองค์กรเอกชนต่าง ๆ 8. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ . ศ . 2503 จากสถานการณ์ที่สัตว์ป่าต่างๆ ลดจำนวนลงมากทั้งจำนวนชนิดพันธุ์และจำนวนสัตว์แต่ละชนิด ทั้งๆ ที่รัฐบาลได้มีมาตรการในการคุ้มครองสัตว์ป่ามาเป็นเวลานานแล้ว เริ่มจากการตราพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า ใน ร . ศ . 119 ( พ . ศ . 2443) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อควบคุมการจับ การล่าและฆ่าช้าง เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรช้างป่า รัฐบาลในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงได้ออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสัตว์ป่าขึ้นอีก เรียกว่า พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ . ศ . 2503 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ . ศ . 2503 ตามความในพระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้จำแนกสัตว์ป่าไว้เป็น 2 หมวด ได้แก่ สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าสงวน หมายถึง สัตว์ป่าที่หาได้ยาก บางชนิดมีจำนวนลดลงมากจนสูญพันธุ์ไป สัตว์ป่าสงวนได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายห้ามมิให้ผู้ใดล่า ยกเว้นเพื่อการศึกษาและวิจัยเท่านั้น สัตว์ป่าคุ้มครอง แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท - สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 หมายถึง สัตว์ป่าซึ่งตามปกติคนไม่กินเนื้อเป็นอาหาร ไม่ล่าเพื่อการกีฬาหรือเป็นสัตว์ป่าที่ทำลายศัตรูพืช หรือขจัดสิ่งปฏิกูล หรือเป็นสัตว์ป่าที่ควรสงวนไว้ประดับความงามตามธรรมชาติ - สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 หมายถึง สัตว์ป่าซึ่งตามปกติคนกินเนื้อเป็นอาหาร หรือล่าเพื่อการกีฬา *** ในปัจจุบันสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองทั้ง 2 ประเภท บางชนิดมีจำนวนลดน้อยลงมาก จนจัดได้ว่าเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ 10. การจัดการอนุรักษ์สัตว์ป่า การจัดการสัตว์ป่า หมายถึง การนำเอาหลักวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสัตว์ป่ามาประยุกต์ในการดำเนินการจัดการกับสัตว์ป่าในพื้นที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เพื่อให้สัตว์ป่าในพื้นที่นั้น ๆ สามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่มนุษย์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วิชาการ และการพักผ่อนหย่อนใจให้มากที่สุด และให้เป็นไปโดยสม่ำเสมอตลอดไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าจึงควรมีหลักการในการดำเนินการดังนี้ 1. การป้องกัน การรักษาให้สัตว์ป่าคงอยู่นับว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของการจัดการสัตว์ป่า การป้องกันสามารถทำได้โดยการ 1.1 จำกัดการล่า 1.2 ควบคุมสิ่งทำลาย 1.3 ควบคุมสิ่งแวดล้อม 2. การอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งน้ำ และแหล่งอาหาร อนุรักษ์ ป้องกัน บำรุงรักษาและปรับปรุงแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งน้ำและอาหารของสัตว์ป่าให้อยู่ในสภาพที่ดีและไม่ถูกทำลายให้สูญหายไป 3. การค้นคว้าวิจัยทางวิชาการ การค้นคว้าวิจัยถือได้ว่าเป็นพื้นฐานของการจัดการสัตว์ป่าในอนาคต ต่อไปเมื่อกิจการด้านสัตว์ป่าได้เจริญมากขึ้น จึงควรที่จะเริ่มงานค้นคว้าวิจัยทางวิชาการให้ควบคู่กับงานด้านป้องกันและปราบปรามด้วยเพื่อจะได้หาทางจัดการให้สัตว์ป่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในระดับที่พอเหมาะกับปริมาณอาหาร 4. การใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่า ตามหลักของการอนุรักษ์นั้นไม่ได้มุ่งแต่ที่จะเก็บรักษาทรัพยากรนั้น ๆ ให้คงอยู่ตลอดไปเท่านั้น แต่ยังต้องรู้จักนำทรัพยากรนั้น ๆ มาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรนั้น ๆ อีกด้วย ในเรื่องสัตว์ป่าก็เช่นกันจะต้องหาวิธีที่จะนำเอาสัตว์ป่าต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สังคมในทางที่เหมาะสม 5. เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น เช่น ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติโดยการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ หรือโดยการใช้วิทยาการสมัยใหม่ เช่น การผสมเทียม ฯลฯ 11. บรรณานุกรม http://www.forest.go.th http://www.deqp.go.th http://www.swu.ac.th/royal/book 2/ b 2 c 8 t 3. html http://www.baanjomyut.com/library/index.html http://www.baanjomyut.com/library/wild_animal1/index.html http://www.baanjomyut.com/library/wild_animal2/index.html http://coursewares.mju.ac.th/PS407/Page%2016.htm 12. สัตว์ป่าคุ้มครอง จัดทำโดย 1. นายนพรัตน์ หารคำ 53010516014 ติดต่อ 2. นายพัฒนพงษ์ วงชาดี 53010516045 ติดต่อ 3. นางสาวกันต์กนิษฐ์ สมบัติวงค์ 53010516032 ติดต่อ 4. นางสาวสุวรรณนา สาผุยทำ 53010520003 ติดต่อ นิสิต ชั้นปีที่ 1 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา