SlideShare a Scribd company logo
1 of 2
วัสดุประเภทโลหะ (Metals) คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่าง ๆ อันได้แก่ เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม นิเกิล ดีบุก
สังกะสี ทองคา ตะกั่ว เป็นต้น โลหะเมื่อถลุงได้จากสินแร่ในตอนแรกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นโลหะเนื้อค่อนข้างบริสุทธิ์ โลหะ
เหล่านี้มักจะมีเนื้ออ่อนไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะนามาใช้ในงานอุตสาหกรรมโดยตรง ส่วนมากจะนาไปปรับปรุงคุณสมบัติ
ก่อนการใช้งาน
คุณสมบัติของวัสดุประเภทโลหะที่ต้องการในงานอุตสาหกรรม
1. เป็นตัวนาความร้อนได้ดี
2. เป็นตัวนาไฟฟ้าที่ดี
3. มีความคงทนถาวรตามสภาพ
4. ไม่เสื่อมสลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานะภาพง่าย
5. เป็นของแข็งที่อุณหภูมิปกติ ยกเว้นโลหะปรอท
6. มีความแข็งและความเหนียวสูง ยกเว้นโลหะปรอท
7. ผิวมันขาว
8. มีการขยายตัวที่อุณหภูมิสู
2.1 ประเภทวัสดุโลหะ วัสดุโลหะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
2.1 วัสดุโลหะประเภทเหล็ก (Ferous Metals) หมายถึง โลหะที่มีพื้นฐานเป็นเหล็กประกอบอยู่ ได้แก่ เหล็ก
เหนียว เหล็กหล่อ เหล็กกล้า ฯลฯ เป็นวัสดุโลหะที่ใช้กันมากที่สุดในวงการอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็น
วัสดุที่มีความแข็งแรงสูง สามารถปรับปรุงคุณภาพและเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้หลายวิธี เช่น การหล่อ
การกลึง การอัดรีดขึ้นรูป เป็นต้น
2.2 วัสดุโลหะประเภทไม่ใช่เหล็ก (Non-Ferous Metals) หมายถึง โลหะที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล็กเลยใน
ขณะที่เป็นโลหะบริสุทธิ์ ได้แก่ ดีบุก อลูมิเนียม สังกะสี ตะกั่ว ทองแดง ทองคา เงิน ทองคาขาว
แมกนีเซียม พลวง เป็นต้น วัสดุโลหะประเภทที่ไม่ใช่เหล็กนี้ บางชนิดราคาสูงกว่าเหล็กมาก จึงต้อง
กาหนดใช้กับงานทางอุตสาหกรรมบางประเภทที่เหมาะสมเท่านั้น เช่น ทองแดงใช้กับงานไฟฟ้ า ดีบุก
ใช้กับงานที่ต้องการทนต่อการกัดกร่อนเป็นสนิม อลูมิเนียมใช้กับงานที่ต้องการน้าหนักเบา เป็นต้น
ความสาคัญของเหล็ก
แร่โลหะเป็นสิ่งที่เกิดในธรรมชาตินับล้านปี แต่มนุษย์ที่เพิ่งรู้จักแยกโลหะจากแร่เพื่อนามาใช้ประโยชน์เมื่อไม่นานมา
นี้เอง เพราะจากการสารวจของนักโบราณคดี ได้พบสิ่งของเครื่องใช้ภายในพีระมิดทาด้วยทองคา เงิน ทองแดง และบรอนซ์
มนุษย์ในสมัยนั้นยังไม่รู้จักเหล็ก เพราะเตาถลุงแรสมัยนั้นใช้สาหรับหลอมทองแดง และทองคา ซึ่งไม่ร้อนพอที่จะใช้หลอม
เหล็กให้ละลายได้มนุษย์เพิ่งค้นพบวิธีการหลอมละลายเหล็กได้ราย 2,000 B.C.2
ปัจจุบันมนุษย์ได้นาเอาเหล็กมาใช้ประโยชน์
ในกิจการต่าง ๆ อย่างมากมาย และรู้จักวิธีการผลิตเหล็กชนิดต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมแก่การนาไปใช้งานเหล็กที่ผลิตนั้นถลุง
จากสินแร่ทั้งสิ้น และนาไปผ่านกระบวนการผลิต (Manufacturing Process) จนจาไปผลิตเป็นเครื่องมือ อุปกรณ์และสิ่งอานวยความ
สะดวกอื่น ๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อไป
เหล็กเป็นวัสดุอีกอย่างที่สาคัญที่สุดเพราะถือว่าเป็นวัสดุพื้นฐานของอุตสาหกรรมทั้งหลายเพราะเรานาเหล็ก
นามาใช้งานทั้งทางตรง เช่น ยานพาหนะ หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจากเหล็กและนามาใช้งานทางอ้อม เช่น อาหาร สิ่งทอ
หรือสิ่งพิมพ์ซึ่งผลิตซึ่งจากเครี่องจักรที่สร้างขึ้นจากเหล็กแร่เหล็กที่พบในธรรมชาติเกิดเป็นสารประกอบของเหล็กกับธาตุ
อื่นๆ ผสมปนกันอยู่ในดินและหินแร่เหล็กที่ได้จากการทาเหมืองแร่นั้น จะต้องนามาผ่านกระบวนการในการถลุงเพื่อทาให้
บริสุทธิ์ขึ้นเพื่อนาไปใช้งานต่อไป
สินแร่เหล็กที่พบ แบ่งได้ 5 ชนิด คือ
1. สินแร่แมกนิไตท์ (Magnetite) มีปริมาณเหล็ก 45-70%
2. สินแร่เรดเฮมาไตท์ (Red Haematite) มีปริมาณเหล็ก 40-65%
3. สินแร่บราวด์เฮมาไตท์ (Brown Haematite) มีปริมาณเหล็ก 40-60%
4. สินแร่ซิเดอร์ไรต์ (Siderite) มีปริมาณเหล็ก 25-40%
5. สินแร่ไพไรต์ (Iron Pyrite) มีปริมาณเหล็ก 60-65%

More Related Content

More from Pannathat Champakul (20)

เค้าโครงวิทยานิพนธ์ ระบบการจัดการเรียนรู้ยูบิควิตัสด้วยจินตวิศวกรรมฯ
เค้าโครงวิทยานิพนธ์ ระบบการจัดการเรียนรู้ยูบิควิตัสด้วยจินตวิศวกรรมฯเค้าโครงวิทยานิพนธ์ ระบบการจัดการเรียนรู้ยูบิควิตัสด้วยจินตวิศวกรรมฯ
เค้าโครงวิทยานิพนธ์ ระบบการจัดการเรียนรู้ยูบิควิตัสด้วยจินตวิศวกรรมฯ
 
505
505505
505
 
407
407407
407
 
603
603603
603
 
602
602602
602
 
601
601601
601
 
600
600600
600
 
504
504504
504
 
503
503503
503
 
502
502502
502
 
501
501501
501
 
500
500500
500
 
406
406406
406
 
405
405405
405
 
404
404404
404
 
403
403403
403
 
402
402402
402
 
401
401401
401
 
400
400400
400
 
305
305305
305
 

2 1

  • 1. วัสดุประเภทโลหะ (Metals) คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่าง ๆ อันได้แก่ เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม นิเกิล ดีบุก สังกะสี ทองคา ตะกั่ว เป็นต้น โลหะเมื่อถลุงได้จากสินแร่ในตอนแรกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นโลหะเนื้อค่อนข้างบริสุทธิ์ โลหะ เหล่านี้มักจะมีเนื้ออ่อนไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะนามาใช้ในงานอุตสาหกรรมโดยตรง ส่วนมากจะนาไปปรับปรุงคุณสมบัติ ก่อนการใช้งาน คุณสมบัติของวัสดุประเภทโลหะที่ต้องการในงานอุตสาหกรรม 1. เป็นตัวนาความร้อนได้ดี 2. เป็นตัวนาไฟฟ้าที่ดี 3. มีความคงทนถาวรตามสภาพ 4. ไม่เสื่อมสลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานะภาพง่าย 5. เป็นของแข็งที่อุณหภูมิปกติ ยกเว้นโลหะปรอท 6. มีความแข็งและความเหนียวสูง ยกเว้นโลหะปรอท 7. ผิวมันขาว 8. มีการขยายตัวที่อุณหภูมิสู 2.1 ประเภทวัสดุโลหะ วัสดุโลหะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 2.1 วัสดุโลหะประเภทเหล็ก (Ferous Metals) หมายถึง โลหะที่มีพื้นฐานเป็นเหล็กประกอบอยู่ ได้แก่ เหล็ก เหนียว เหล็กหล่อ เหล็กกล้า ฯลฯ เป็นวัสดุโลหะที่ใช้กันมากที่สุดในวงการอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็น วัสดุที่มีความแข็งแรงสูง สามารถปรับปรุงคุณภาพและเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้หลายวิธี เช่น การหล่อ การกลึง การอัดรีดขึ้นรูป เป็นต้น 2.2 วัสดุโลหะประเภทไม่ใช่เหล็ก (Non-Ferous Metals) หมายถึง โลหะที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล็กเลยใน ขณะที่เป็นโลหะบริสุทธิ์ ได้แก่ ดีบุก อลูมิเนียม สังกะสี ตะกั่ว ทองแดง ทองคา เงิน ทองคาขาว แมกนีเซียม พลวง เป็นต้น วัสดุโลหะประเภทที่ไม่ใช่เหล็กนี้ บางชนิดราคาสูงกว่าเหล็กมาก จึงต้อง กาหนดใช้กับงานทางอุตสาหกรรมบางประเภทที่เหมาะสมเท่านั้น เช่น ทองแดงใช้กับงานไฟฟ้ า ดีบุก ใช้กับงานที่ต้องการทนต่อการกัดกร่อนเป็นสนิม อลูมิเนียมใช้กับงานที่ต้องการน้าหนักเบา เป็นต้น
  • 2. ความสาคัญของเหล็ก แร่โลหะเป็นสิ่งที่เกิดในธรรมชาตินับล้านปี แต่มนุษย์ที่เพิ่งรู้จักแยกโลหะจากแร่เพื่อนามาใช้ประโยชน์เมื่อไม่นานมา นี้เอง เพราะจากการสารวจของนักโบราณคดี ได้พบสิ่งของเครื่องใช้ภายในพีระมิดทาด้วยทองคา เงิน ทองแดง และบรอนซ์ มนุษย์ในสมัยนั้นยังไม่รู้จักเหล็ก เพราะเตาถลุงแรสมัยนั้นใช้สาหรับหลอมทองแดง และทองคา ซึ่งไม่ร้อนพอที่จะใช้หลอม เหล็กให้ละลายได้มนุษย์เพิ่งค้นพบวิธีการหลอมละลายเหล็กได้ราย 2,000 B.C.2 ปัจจุบันมนุษย์ได้นาเอาเหล็กมาใช้ประโยชน์ ในกิจการต่าง ๆ อย่างมากมาย และรู้จักวิธีการผลิตเหล็กชนิดต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมแก่การนาไปใช้งานเหล็กที่ผลิตนั้นถลุง จากสินแร่ทั้งสิ้น และนาไปผ่านกระบวนการผลิต (Manufacturing Process) จนจาไปผลิตเป็นเครื่องมือ อุปกรณ์และสิ่งอานวยความ สะดวกอื่น ๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อไป เหล็กเป็นวัสดุอีกอย่างที่สาคัญที่สุดเพราะถือว่าเป็นวัสดุพื้นฐานของอุตสาหกรรมทั้งหลายเพราะเรานาเหล็ก นามาใช้งานทั้งทางตรง เช่น ยานพาหนะ หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจากเหล็กและนามาใช้งานทางอ้อม เช่น อาหาร สิ่งทอ หรือสิ่งพิมพ์ซึ่งผลิตซึ่งจากเครี่องจักรที่สร้างขึ้นจากเหล็กแร่เหล็กที่พบในธรรมชาติเกิดเป็นสารประกอบของเหล็กกับธาตุ อื่นๆ ผสมปนกันอยู่ในดินและหินแร่เหล็กที่ได้จากการทาเหมืองแร่นั้น จะต้องนามาผ่านกระบวนการในการถลุงเพื่อทาให้ บริสุทธิ์ขึ้นเพื่อนาไปใช้งานต่อไป สินแร่เหล็กที่พบ แบ่งได้ 5 ชนิด คือ 1. สินแร่แมกนิไตท์ (Magnetite) มีปริมาณเหล็ก 45-70% 2. สินแร่เรดเฮมาไตท์ (Red Haematite) มีปริมาณเหล็ก 40-65% 3. สินแร่บราวด์เฮมาไตท์ (Brown Haematite) มีปริมาณเหล็ก 40-60% 4. สินแร่ซิเดอร์ไรต์ (Siderite) มีปริมาณเหล็ก 25-40% 5. สินแร่ไพไรต์ (Iron Pyrite) มีปริมาณเหล็ก 60-65%