SlideShare a Scribd company logo
1 of 57
Landscape maintenance and  management
1 Lecture Practice 2hrs. 3hrs. 15wks.
Lecture Practice 10lesson. 15labs./group&individual 15wks.
Lecture 30% 10lesson. introduction management ,[object Object]
business
Technical            soft cape hard cape 15wks.
3 Practice 70% 10labs. smallscale Medium scale 50 Largescale 20 Final project. 15wks. midterm final
Lecture Practice 10lesson. 10labs. Final project. 15wks. midterm final
SHA SAFETY HEALTH  AESTHETIC
           การตัดแต่งต่างๆ เหล่านี้ จะทําให้ทรงพุ่มโปร่ง แสงสว่าง ลม จะได้พัดผ่านเข้าไปในทรงพุ่มได้สะดวก ในกรณีของไม้ยืนต้น การตัดแต่งจะช่วยควบคุมการเจริญเติบโต ช่วยเพิ่มผลผลิต ส่วนไม้พุ่มจะทําให้รูปทรงของพุ่มต้นสมดุล การตัดแต่งไม้พุ่ม จะเริ่มตั้งแต่การเด็ดยอด (pinching) เพื่อให้ไม้พุ่มแตกตาข้าง ทําให้การเจริญเติบโตทางด้านยอดลดลง หลังจากนั้นอาจจะมีการขลิบ (trimming) แต่ง ลิดใบและยอดที่เจริญแทงออกมาจากทรงพุ่ม ในกรณีที่ทรงพุ่มแน่นเกินไปก็จะตัดแต่งกิ่งแก่ออกบ้าง โดยตัดให้ชิดพื้นดิน ส่วนไม้พุ่มที่แทงหน่อออกมาจะต้องตัดออก โดยตัดให้ลึกลงไปใต้ระดับดิน          ส่วนไม้พุ่มที่ต้องการให้มีการเจริญเติบโตใหม่ (rejuvenate) เนื่องจากมีอายุมากแล้ว ให้ตัดส่วนของไม้นั้น เหลือเพียงหนึ่งในสามของความสูงเดิม ดูแลรักษาให้เจริญเติบโตใหม่ การตัดแต่งไม้พุ่มให้เล็กลง จะช่วยให้มีการแตกกิ่งยอดใหม่ ทําให้ไม้พุ่มนั้นมีดอกมากขึ้นการตัดแต่งพรรณไม้ แต่ละครั้ง เครื่องมือที่ใช้จะต้อง เหมาะสมกับงานนั้น ๆ เครื่องมือจะต้องคมและใช้ให้ถูกต้อง นอกจากนี้หากรอยแผลที่ถูกตัดแต่งมีขนาดใหญ่จะต้องใช้ยาทาแผล เพื่อป้องกันการเข้าทําลายของเชื้อโรค   การตัดแต่ง พรรณไม้ เป็นการตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก วัตถุประสงค์ของการตัดแต่งก็เพื่อจะให้ไม้นั้น ๆ มีรูปทรงตามที่ต้องการ การตัดแต่งเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับไม้ต้น (tree) และไม้พุ่ม (shrub)     ไม้ต้นและไม้พุ่ม ที่นํามาจัดสวนจะมีการเจริญเติบโต จนรูปทรงเปลี่ยนแปลงไป การตัดแต่งจะช่วยให้ไม้นั้น ๆ คงสภาพรูปทรงที่เราต้องการได้   การตัดแต่งที่ถือปฏิบัติเริ่ม แรกจะเป็นการตัดแต่ง   - กิ่งที่แห้งตาย  - กิ่งที่อ่อนแอ ฉีกขาด  - กิ่งที่เป็นโรค  - กิ่งที่เจริญผิดปกติ  - กิ่งที่แทงเข้าภายในพุ่มต้น
หมากเหลือง เป็นไม้ประดับภายใน อาคารที่เป็นที่นิยมมากชนิดหนึ่ง เพราะมีความสวยงาม มีความทนต่อสภาพแวดล้อมภายในอาคารและคายความชื้นให้แก่อากาศภายในห้องได้ เป็นจำนวนมาก ในขณะที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูดสารพิษจากอากาศได้ในปริมาณมากเช่นกัน หมากเหลืองเป็นพืชตระกูลปาล์มที่ปลูกง่าย โตเร็ว เป็นพันธุ์ไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 5–10 เมตร ลำต้นมีลายคล้ายข้อปล้อง โค้งงอและตั้งตรงได้สัดส่วนสวยงาม เจริญพันธุ์ด้วยการแตกหน่อเป็นกอประมาณ 5–12 ต้น ใบมีลักษณะเป็นรูปขนนกแผ่นใบมีสีเขียวอมเหลืองออกดอกเป็นช่อสีเหลืองอ่อน เป็นอยู่ใต้กาบใบ    ภายใต้สภาพแวดล้อมห้อง หมากเหลืองขนาดสูง 1.8 เมตรจะคายน้ำประมาณ 1 ลิตร ทุกๆ 24 ชั่วโมง ในบรรดาไม้ประดับดูดสารพิษด้วยกัน หมากเหลือง เป็นพืชที่ดูดสารพิษจากอากาศได้ในประมาณมากที่สุดชนิดหนึ่งที่แนะนำให้ปลูก ไว้ใน อาคารสำนักงาน หรือ บ้านเรือน
ยางอินเดีย เป็นไม้ประดับที่ รู้จักในเมืองไทยมานานแล้ว เป็นพรรณไม้ขนาดใหญ่ ถ้าปลูกกลางแจ้งจะสูงไม่มากนัก ถึงแม้จะเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดแต่ก็เจริญเติบโตได้ในสภาพแสงน้อย ปลูกง่ายทนทาน มิหนำซ้ำยังมีคุณสมบัติดีเด่นในการดูดสารพิษจากอากาศภายในอาคารได้ดีเยี่ยม ยางอินเดียมีลำต้นตั้งตรง  ลักษณะเด่นอยู่ที่ใบ มีลักษณะกลมรีปลายแหลม ใบหนาสีเขียวเข้มเป็นมันวาว ปลูกเป็นไม้ประดับได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร       ใน บรรดาไม้ขนาดใหญ่ด้วยกัน ยางอินเดีย เป็นไม้ประดับภายในอาคารที่น่าสนใจ เพราะเจริญเติบโตได้ดีถึงจะมีแสงน้อย ปลูกง่าย ทนทาน ต้องการน้ำไม่มาก แต่ในทางตรงกันข้ามกลับคายความชื้นได้มาก  และที่ สำคัญเป็นพืชดูดสารพิษช่วยฟอกอากาศภายในบ้านและสำนักงานได้อย่างดีเยี่ยม
ปาล์มไผ่ ( Bamboo palm (Chamaedorea sefritzii)
สาวน้อยประแป้ง (Dumb Can
เดหลี เป็นไม้ประดับที่โดด เด่นมากชนิดหนึ่ง เนื่องจากให้ดอกสีขาวที่สวยงาม จึงมักเป็นที่นิยมนำไปเป็นไม้ประดับในอาคาร เป็นไม้ที่คายความชื้นสูง ในขณะที่มีความสามารถสูงในการดูดพิษภายในอาคาร เดหลีเป็นไม้ประดับที่มีใบสีเขียวเข้มมันเป็นวาว ดอกเป็นช่อสีขาวหรือขาวแกมเหลือง กาบหุ้มช่อดอกมีสีขาวคล้ายดอกหน้าวัว เป็นไม้พุ่มเตี้ยสูงประมาณ30–60 เซนติเมตร โดยธรรมชาติเดหลีชอบขึ้นอยู่ตามริมลำธารที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน แต่เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในอาคารเดหลีก็สามารถปรับตัวได้ดี แม้จะมีความชื้นต่ำและรับแสงจากหลอดไฟฟ้า เพียงแต่ดินต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เป็นไม้ประดับในจำนวนน้อยชนิดที่สามารถออกดอกได้ภายในอาคาร               เดหลีสามารถดูดสารพิษจำพวก แอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีนและฟอร์มาดีไฮด์ และสามารถดูดได้ในปริมาณมาก จึงไม่ควรลืมที่จะนำเดหลีประดับไว้ในสำนักงานหรือบ้านเรือน
มรกตแดง เป็นพันธุ์ไม้ที่ดูดสาร พิษได้ดีที่สุดในบรรดาพันธุ์ไม้ในตระกูลฟิโลเดนดรอน เป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกและดูแลรักษาง่าย จึงถูกแนะนำให้นำมาปลูกเป็นไม้ประดับในอาคาร มรกตแดงเป็นพืชพันธุ์ไม้เลื้อยในตระกูลฟิโลเดนตรอน ตามธรรมชาติจะเลื้อยพันต้นไม้ใหญ่ในป่า จึงไม่ชอบแสงแดดจัด แต่เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารก็เป็นไม้ที่แข็งแรง ปลูกเลี้ยงง่ายไม่ค่อยมีปัญหา มรกตแดงมีใบใหญ่ สีเขียวอมแดงเป็นมัน ดูสวยงาม การปลูกภายในอาคารให้ใช้กาบมะพร้าวหุ้มไม้ปักไว้ในกระถางพรมน้ำให้ชื้น เพื่อให้ยึดเกาะ ถ้าต้องการให้แตกกิ่งก้านสาขามากๆ ก็ควรหมั่นเด็ดยอดตั้งแต่ยังเล็กอยู่
แวว มยุรา เป็นพืชพันธุ์ไม้เลื้อยกึ่งคลุมดินในตระกูลเดียว กับคล้า แต่การปลูกเลี้ยงง่ายกว่ามาก  เพราะมีความอดทนและเจริญเติบโตได้ง่ายในทุกสภาวะของห้อง แววมยุรามีใบด้านหน้าสีเขียวสลับลายเขียวแก่หรือน้ำตาล ส่วนหลังสีเขียวอมแดงหรือม่วงมีลายสลับเช่นเดียวกัน เนื่องด้วยใบมีลวดลายและสีสันสวยงามคล้ายหางนกยูงจึงได้ชื่อไทยว่า “แววมยุรา” ส่วนภาษาอังกฤษได้ชื่อว่า “Prayer Plan” แปลว่า ต้นไม้พนมมือ โดยตั้งชื่อตามลักษณะการกระดกของใบตั้งขึ้นเหมือนการพนมมือตอนใกล้ค่ำ พอตอนรุ่งเช้าใบก็จะคลี่ออกตามเดิม          แววมยุราเป็นไม้ประดับในอาคารที่ทำหน้าที่รักษา ความชุ่มชื้นภายในห้องได้ดี ถึงแม้ว่าคุณสมบัติในการดูดสารพิษจะน้อยไปสักนิดก็ตา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mesuaferrea L.ชื่อวงศ์ GUTIFERAE (CLUSIACEAE)ชื่อ พื้นเมือง(Commonname) ก๊าก่อ ( กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) ก้ำก่อ ( ชาน แม่ฮ่องสอน) บุนนาค ( ทั่วไป) ปะนาคอ ( มาลายู ปัตตานี) สารภีดอย( เชียงใหม่) นาคบุตร( ใต้)ชื่อสามัญ Ironwood, Indianrosechestnut ลักษณะต้น บุนนาคสามารถมีอายุเป็นร้อยปีขึ้นไป แต่ว่าการเจริญเติบโตช้า บุนนาคได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ดอกสวยงามและหอม นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นไม้ที่มีใบสวยงามอีกด้วย บุนนาคเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ขนาดต้นสูงได้มากกว่า 25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มรูปกรวย ลำต้นเรียบ ใบเป็นใบเดี่ยวออกเป็นคู่ๆ สลับกัน ทรงใบรูปหอกแหลมเรียวปลาย ด้านบนใบเป็นสีเขียวด้านล่างเขียวอ่อนเกือบขาวขนาด ของใบกว้างประมาณ 3 ซม. ยาวไม่เกิน 12 ซม. ดอกออกเป็นช่อ ช่อละ 3-4 ดอก ขนาดดอกบานเต็มที่ประมาณ 6.5-9 ซม. กลีบดอกสีขาว หรือสีเหลืองอ่อนเรียง 2 ชั้นสลับกันชั้นละ 2 กลีบ เกสรตัวผู้มีมากกระจุกเป็นฝอยสี เหลือง สดใส ดอกมีกลิ่นหอมมาก ออกดอกในช่วยเ ดือนมีนาคม ถึงกรกฎาคมทุกปี บุนนาคชอบความชื้นในอากาศสูง เหมาะที่จะปลูกเป็นไม้กลางแจ้ง ให้ร่มเงา ดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วนซุยสามารถเก็บความชื้น ได้สูง อาจหาวัสดุคลุมดินช่วย การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด จะดีที่สุด วิธีอื่นจะได้ต้นที่ไม่สมบูรณ์ แต่จะใช้เวลาในการปลูกนานมาก คือไม่ต่ำกว่า 6 ปี จึงจะออกดอก การตอนกิ่ง พบว่าออกรากยากมาก แต่ก็เป็นวิธีการที่จะช่วยให้ออกดอกได้เร็วขึ้
ชื่อวิทยาศาสตร์ CestrumDiurnum L.ชื่อสามัญ DayCestrum  ทิวา ราตรี เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 - 5 เมตร แตกกิ่งยืดยาวจำนวนมาก เป็นไม้ดอกหอมสกุลเดียวกับราตรี คนไทยรู้จักกันมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ออกดอกดกส่งกลิ่นหอมฟุ้ง  ใบเป็นคลื่น ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ดอกเล็ก มี 5 - 6 กลีบ ปลายกลีบม้วนออกกลิ่น หอมตอนกลางวัน เมล็ด ทเป็นสีขาว ออกดอกตลอดปี ทิวาราตรี เป็นพรรณไม้ชอบ แดดจัดหรือแดดเต็มวัน ชอบดินชุ่มชื้น ธาตุอาหารสมบูรณ์ หมั่นตัดแต่งกิ่ง พรวนดินและใส่ปุ๋ย กิ่งที่แตกใหม่จะแข็งแรง และจะทำให้ดอกดกตลอด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Calophylluminophyllum Lมีชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ: กระทิง กากะทิง (ภาคกลาง), ทิง (กระบี่), เนาวกาน (น่าน), สารภีทะเล (ประจวบคีรีขันธ์), สารภีแนน (ภาคเหนือ)เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาด ใหญ่สูง 20 – 25 เมตร เปลือกเรียบสีเทาอ่อนหรือน้ำตาลปนเหลือง เปลือกในสีชมพูเนื้อไม้สีน้ำตาลปนแดง ใบเป็นใบเดี่ยว ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม สีเขียวเข้ม กิ่งอ่อนเกลี้ยง ยอดอ่อนเรียวเล็ก ปลายทู่ ออกดอกเป็นช่อสั้นที่ซอกใบบริเวณปลายกิ่ง มีดอกย่อย กลีบดอกสีขาว เกสรเพศผู้สีเหลือง มีกลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ผลเป็นผลสดทรงกลม ปลายผลเป็นติ่งแหลม เมื่อสุกจะมีสีเหลืองการดูแลรักษาทำได้โดยชอบดินร่วนปนทรายหรือดินทราย ความชุ่มชื้นปานกลาง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Carissagrandiflora A. DC วงศ์ : APOCYNACEAE ชื่อสามัญ : หีบไม้งาม เป็นไม้พุ่มขนาด กลาง สูงได้ถึง 2 เมตร ดอกบาน หมุนเวียนตลอดปี อัตราการเจริญเติบโตช้า ชอบแสงแดดรำไร – แดดจัด ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับ      ตั้งฉากซ้อนกันถี่ ใบรูปไข่ กว้าง 3-5 ซม. ยาว 4-6.5 ซม.ปลายใบมนมีติ่งหนามสั้น โคนใบรูปหัวใจหรือตัด ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนา แข็ง ผิวใบด้านบนสีเขียวเป็นมัน ผิวใบด้านล่างสีเขียวอ่อนดอก ออกเป็นดอกเดี่ยว แต่รวมกันเป็นช่อกระจุกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ช่อละ1-3 ดอก สีขาว กลิ่นหอม มีกลีบเลี้ยงเล็ก 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยก 5 แฉก ดอกบานเต็มที่ 2-3 ซม.ออกหมุนเวียนตลอดปี ผล ทรงกลมแป้นเล็กน้อย ขนาด 2-4ซม.เมื่อสุกสีแดงปนดำ มี 6-10
ชื่อวิทยาศาสตร์:Ixorafinlaysonia wall. ex 6. Don ชื่อวงศ์ :RUBIACEAE ชื่อสามัญ:siamese white Ixoraชื่ออื่นๆ :เข็มพวงขาวลักษณะทั่วไปไม้พุ่มสูง 1-3 เมตร สำต้นขนาดเล็ก แตกกิ่งใกล้ผิวดินจำนวนมาก แต่ละต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้น 1-2 เซนติเมตร เปลือกสีดำหรือม่วงเข้ม ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปรีแกมขอบขนาน หน้าใบมัน มีสีเขียวเข้ม หลังใบสีอ่อนกว่าและเห็นเส้นใบชัดเจน ช่อดอกสีขาว ออกที่ปลายยอด มีเส้นผ่าศูนย์กลางช่อดอก 8-18 เซนติเมตร มีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงสีเขียวรูปถ้วย ปลายแยกเป็นกลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดเล็ก ๆ ยาว 2.5-3 เซนติเมตรปลายหลอดมีกลีบแยกจากกันเป็น 4 กลีบ แต่ละกลีบรูปไข่กว้าง 0.3เซนติเมตร ยาว 0.6 เซนติเมตร เมื่อดอกบานมีเส้น ผ่าศูนย์กลาง 1.2-2 เซนติเมตร ดอกย่อยภายในช่อดอกเดียวกันบานในเวลาใกล้เคียงกัน ดอกที่บานใหม่ ๆ จะมีสีขาว บริสุทธิ์ เมื่อใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ดอกมีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี 
ชื่อวิทยาศาสตร์ : CanangaodorataHook.f. et Th. Var. fruticosa (Craib) J.Sincl. วงศ์ : ANNONACEAEชื่ออื่น : กระดังงาสาขา (กรุงเทพฯ) กระดังงาเบา (ใต้) กระดังงอ (ยะลา)กระดังงาสงขลา เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1-3 เมตร แตกกิ่งมาก ใบหนาเป็นทรงพุ่มแน่น ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกระจุกที่บริเวณปลายกิ่ง กลีบดอกมีสีเหลือง กลีบเรียวยาวบิดเป็นเกลียวและอ่อนนิ่ม มีกลีบดอก 15-24 กลีบ เรียงตัวหลายชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบยาว 5-9 เซนติเมตร ดอกอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อเริ่มบานจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมแรง ออกดอกได้ตลอดทั้งปี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับโชว์ทรงพุ่มสวยงาม ดอกมีกลิ่นหอม และดอกยังนิยมนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอกระเหย กระดังงาสงขลาขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยการตอนกิ่ง กิ่งตอนออกรากง่าย ชอบดินที่มีความชุ่มชื้นสูง และชอบแสงแดดจัด 
ชื่อวิทยาศาสตร์ : CanangaOdorata (Lamk.) Hook.F.etTh.วงศ์ : ANNONACEAEชื่อสามัญ : Ilang – ilangชื่ออื่น : กระดังงา กระดังงาใหญ่ สะบันงา สะบันงาต้น   กระดังงาไทยเป็นไม้ยืนต้น เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความสูงประมาณ 8-15 เมตร ออกดอกตลอดทั้งปี ออกดอกเป็นช่อ ๆ ช่อละ 3-6 ดอก กลีบดอกอ่อนนุ่น เรียวยาวและบิด มี 6 กลีบ ดอกอ่อนสีเขียว เมื่อบานจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมรุนแรง ขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง ส่วน  ใหญ่นิยมขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เพราะเมล็ดหาง่าย และเพาะให้งอกได้อย่างรวดเร็ว กระดังงาไทยชอบอยู่กลางแจ้งในสภาพดินที่มีความชุ่มชื้นสูง สำหรับ ผู้ที่ต้องการจะปลูก จำเป็นจะต้องมีพื้นที่หน้าบ้านพอสมควร เพราะกระดังงาไทยเป็นไม้เป็นไม้ยืนต้นขนาดค่อนข้างใหญ่
บริการออกแบบจัดสวนบริการออกแบบจัดสวน  ตั้งแต่เริ่มออกแบบจัดวางอุปกรณ์ น้ำพุ น้ำตก ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ และบริการสวนสวยอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อสร้างงานให้ได้ตรงใจตรงตามความต้องการของคุณ 
บริการจัดตกแต่งสถานที่บริการตกแต่งสถานที่ด้วยไม้จริง หรือไม้ปลอมก็ได้ จัดสวนภายในสถานที่ไม่ว่างานออกบูธ งานจัดเลี้ยง งานสังสรรค์ งานอบรม-จัดสัมมนา งานเปิดตัวสินค้า งานแสดงสินค้า ออกบูธ รวมถึงงานแฟร์ต่างๆ  เราสามารถออกแบบจัดทำได้หลากหลายสไตล์  ไม่ว่าจะเป็นสวนน้ำพุ สวนหิน หรือสวนผสมผสาน เพื่อให้งานของคุณออกมา สวยงามโดดเด่นได้ดังใจ 
บริการขุดล้อม ย้ายต้นไม้ใหญ่รับขุดย้ายต้นไม้ใหญ่ จากพื้นที่เดิมให้เติบโตขึ้นในพื้นที่ใหม่ เรามีทีมงานและอุปกรณ์เครื่องมือครบครัน มีความชำนาญในการย้ายต้นไม้ใหญ่ ให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอคอยต้นไม้น้อยให้ค่อยๆ โตอีกต่อไป เราสามารถ เนรมิตรไม้ใหญ่ให้ร่มเงาได้ทันใจสำหรับคุณ

More Related Content

Similar to Landscape maintenance and management share

Plant ser 126_60_9
Plant ser 126_60_9Plant ser 126_60_9
Plant ser 126_60_9
Wichai Likitponrak
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
sakuntra
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
sakuntra
 
โครงงาน เรื่อง มะพร้าว
โครงงาน เรื่อง มะพร้าวโครงงาน เรื่อง มะพร้าว
โครงงาน เรื่อง มะพร้าว
sakuntra
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
sakuntra
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
sakuntra
 
รายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยรายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทย
sakuntra
 
รายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยรายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทย
sakuntra
 
กุหลาบ
กุหลาบกุหลาบ
กุหลาบ
nangna
 
การปลูกต้นกุหลาบ
การปลูกต้นกุหลาบการปลูกต้นกุหลาบ
การปลูกต้นกุหลาบ
nam34348skw
 
กุหลาบ 1
กุหลาบ 1กุหลาบ 1
กุหลาบ 1
nangna
 
การปลูกต้นกุหลาบ
การปลูกต้นกุหลาบการปลูกต้นกุหลาบ
การปลูกต้นกุหลาบ
nam34348skw
 
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียานำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
guest096f5a
 
โครงงานชาผักสมุนไพรพื้นบ้าน
โครงงานชาผักสมุนไพรพื้นบ้านโครงงานชาผักสมุนไพรพื้นบ้าน
โครงงานชาผักสมุนไพรพื้นบ้าน
Chok Ke
 
นำเสนอดอกกล้วยไม้
นำเสนอดอกกล้วยไม้นำเสนอดอกกล้วยไม้
นำเสนอดอกกล้วยไม้
guest096f5a
 
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียานำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
guest096f5a
 

Similar to Landscape maintenance and management share (20)

Plant ser 126_60_9
Plant ser 126_60_9Plant ser 126_60_9
Plant ser 126_60_9
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
 
โครงงาน เรื่อง มะพร้าว
โครงงาน เรื่อง มะพร้าวโครงงาน เรื่อง มะพร้าว
โครงงาน เรื่อง มะพร้าว
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
 
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้ง
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้งBiomapcontest2014 กะหล่ำปุ้ง
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้ง
 
รายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยรายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทย
 
รายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยรายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทย
 
กุหลาบ
กุหลาบกุหลาบ
กุหลาบ
 
การปลูกต้นกุหลาบ
การปลูกต้นกุหลาบการปลูกต้นกุหลาบ
การปลูกต้นกุหลาบ
 
กุหลาบ 1
กุหลาบ 1กุหลาบ 1
กุหลาบ 1
 
การปลูกต้นกุหลาบ
การปลูกต้นกุหลาบการปลูกต้นกุหลาบ
การปลูกต้นกุหลาบ
 
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียานำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
โครงงานชาผักสมุนไพรพื้นบ้าน
โครงงานชาผักสมุนไพรพื้นบ้านโครงงานชาผักสมุนไพรพื้นบ้าน
โครงงานชาผักสมุนไพรพื้นบ้าน
 
นำเสนอดอกกล้วยไม้
นำเสนอดอกกล้วยไม้นำเสนอดอกกล้วยไม้
นำเสนอดอกกล้วยไม้
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียานำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
นำเสนอกล้วยไม้เเคทลียา
 

More from Bunchong Somboonchai

งานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง 2 หลักการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่
งานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง 2 หลักการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่งานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง 2 หลักการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่
งานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง 2 หลักการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่
Bunchong Somboonchai
 

More from Bunchong Somboonchai (20)

8 07-64
8 07-648 07-64
8 07-64
 
LA 445 : Mju museum
LA 445 : Mju museumLA 445 : Mju museum
LA 445 : Mju museum
 
LA445 : MJU Maintenance
LA445 : MJU MaintenanceLA445 : MJU Maintenance
LA445 : MJU Maintenance
 
School ip mforlawns_c.ppt
School ip mforlawns_c.pptSchool ip mforlawns_c.ppt
School ip mforlawns_c.ppt
 
School ip mforlawns_c.ppt
School ip mforlawns_c.pptSchool ip mforlawns_c.ppt
School ip mforlawns_c.ppt
 
Hort2 landscapemaintenance
Hort2 landscapemaintenanceHort2 landscapemaintenance
Hort2 landscapemaintenance
 
Ho c4 4 pricing landscape maintenance work.ppt
Ho c4 4 pricing landscape maintenance work.pptHo c4 4 pricing landscape maintenance work.ppt
Ho c4 4 pricing landscape maintenance work.ppt
 
Mascot na gfair2016
Mascot na gfair2016Mascot na gfair2016
Mascot na gfair2016
 
งานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง 2 หลักการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่
งานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง 2 หลักการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่งานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง 2 หลักการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่
งานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง 2 หลักการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่
 
Bhubing Palace Chiangmai
Bhubing Palace ChiangmaiBhubing Palace Chiangmai
Bhubing Palace Chiangmai
 
Baandin jakkawan01
Baandin jakkawan01Baandin jakkawan01
Baandin jakkawan01
 
Baandin jakkawan
Baandin jakkawanBaandin jakkawan
Baandin jakkawan
 
Baandin jakkawan
Baandin jakkawanBaandin jakkawan
Baandin jakkawan
 
เวลา อาสา
เวลา อาสาเวลา อาสา
เวลา อาสา
 
Waterfall
WaterfallWaterfall
Waterfall
 
ยอดดอย
ยอดดอยยอดดอย
ยอดดอย
 
แม่แจ่ม
แม่แจ่มแม่แจ่ม
แม่แจ่ม
 
ย้ายหูกระจง 2 slide share
ย้ายหูกระจง  2  slide shareย้ายหูกระจง  2  slide share
ย้ายหูกระจง 2 slide share
 
งานวัสดุ Flag stone landscape steps
งานวัสดุ   Flag stone landscape stepsงานวัสดุ   Flag stone landscape steps
งานวัสดุ Flag stone landscape steps
 
งานวัสดุ_ปูพื้นหิน
งานวัสดุ_ปูพื้นหินงานวัสดุ_ปูพื้นหิน
งานวัสดุ_ปูพื้นหิน
 

Landscape maintenance and management share

  • 2. 1 Lecture Practice 2hrs. 3hrs. 15wks.
  • 3. Lecture Practice 10lesson. 15labs./group&individual 15wks.
  • 4.
  • 6. Technical soft cape hard cape 15wks.
  • 7. 3 Practice 70% 10labs. smallscale Medium scale 50 Largescale 20 Final project. 15wks. midterm final
  • 8. Lecture Practice 10lesson. 10labs. Final project. 15wks. midterm final
  • 9. SHA SAFETY HEALTH AESTHETIC
  • 10.
  • 11.
  • 12.
  • 13.
  • 14.
  • 15.
  • 16.
  • 17.
  • 18.
  • 19.
  • 20.
  • 21.
  • 22.
  • 23.            การตัดแต่งต่างๆ เหล่านี้ จะทําให้ทรงพุ่มโปร่ง แสงสว่าง ลม จะได้พัดผ่านเข้าไปในทรงพุ่มได้สะดวก ในกรณีของไม้ยืนต้น การตัดแต่งจะช่วยควบคุมการเจริญเติบโต ช่วยเพิ่มผลผลิต ส่วนไม้พุ่มจะทําให้รูปทรงของพุ่มต้นสมดุล การตัดแต่งไม้พุ่ม จะเริ่มตั้งแต่การเด็ดยอด (pinching) เพื่อให้ไม้พุ่มแตกตาข้าง ทําให้การเจริญเติบโตทางด้านยอดลดลง หลังจากนั้นอาจจะมีการขลิบ (trimming) แต่ง ลิดใบและยอดที่เจริญแทงออกมาจากทรงพุ่ม ในกรณีที่ทรงพุ่มแน่นเกินไปก็จะตัดแต่งกิ่งแก่ออกบ้าง โดยตัดให้ชิดพื้นดิน ส่วนไม้พุ่มที่แทงหน่อออกมาจะต้องตัดออก โดยตัดให้ลึกลงไปใต้ระดับดิน          ส่วนไม้พุ่มที่ต้องการให้มีการเจริญเติบโตใหม่ (rejuvenate) เนื่องจากมีอายุมากแล้ว ให้ตัดส่วนของไม้นั้น เหลือเพียงหนึ่งในสามของความสูงเดิม ดูแลรักษาให้เจริญเติบโตใหม่ การตัดแต่งไม้พุ่มให้เล็กลง จะช่วยให้มีการแตกกิ่งยอดใหม่ ทําให้ไม้พุ่มนั้นมีดอกมากขึ้นการตัดแต่งพรรณไม้ แต่ละครั้ง เครื่องมือที่ใช้จะต้อง เหมาะสมกับงานนั้น ๆ เครื่องมือจะต้องคมและใช้ให้ถูกต้อง นอกจากนี้หากรอยแผลที่ถูกตัดแต่งมีขนาดใหญ่จะต้องใช้ยาทาแผล เพื่อป้องกันการเข้าทําลายของเชื้อโรค   การตัดแต่ง พรรณไม้ เป็นการตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก วัตถุประสงค์ของการตัดแต่งก็เพื่อจะให้ไม้นั้น ๆ มีรูปทรงตามที่ต้องการ การตัดแต่งเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับไม้ต้น (tree) และไม้พุ่ม (shrub)     ไม้ต้นและไม้พุ่ม ที่นํามาจัดสวนจะมีการเจริญเติบโต จนรูปทรงเปลี่ยนแปลงไป การตัดแต่งจะช่วยให้ไม้นั้น ๆ คงสภาพรูปทรงที่เราต้องการได้   การตัดแต่งที่ถือปฏิบัติเริ่ม แรกจะเป็นการตัดแต่ง   - กิ่งที่แห้งตาย  - กิ่งที่อ่อนแอ ฉีกขาด  - กิ่งที่เป็นโรค  - กิ่งที่เจริญผิดปกติ  - กิ่งที่แทงเข้าภายในพุ่มต้น
  • 24. หมากเหลือง เป็นไม้ประดับภายใน อาคารที่เป็นที่นิยมมากชนิดหนึ่ง เพราะมีความสวยงาม มีความทนต่อสภาพแวดล้อมภายในอาคารและคายความชื้นให้แก่อากาศภายในห้องได้ เป็นจำนวนมาก ในขณะที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูดสารพิษจากอากาศได้ในปริมาณมากเช่นกัน หมากเหลืองเป็นพืชตระกูลปาล์มที่ปลูกง่าย โตเร็ว เป็นพันธุ์ไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 5–10 เมตร ลำต้นมีลายคล้ายข้อปล้อง โค้งงอและตั้งตรงได้สัดส่วนสวยงาม เจริญพันธุ์ด้วยการแตกหน่อเป็นกอประมาณ 5–12 ต้น ใบมีลักษณะเป็นรูปขนนกแผ่นใบมีสีเขียวอมเหลืองออกดอกเป็นช่อสีเหลืองอ่อน เป็นอยู่ใต้กาบใบ    ภายใต้สภาพแวดล้อมห้อง หมากเหลืองขนาดสูง 1.8 เมตรจะคายน้ำประมาณ 1 ลิตร ทุกๆ 24 ชั่วโมง ในบรรดาไม้ประดับดูดสารพิษด้วยกัน หมากเหลือง เป็นพืชที่ดูดสารพิษจากอากาศได้ในประมาณมากที่สุดชนิดหนึ่งที่แนะนำให้ปลูก ไว้ใน อาคารสำนักงาน หรือ บ้านเรือน
  • 25.
  • 26. ยางอินเดีย เป็นไม้ประดับที่ รู้จักในเมืองไทยมานานแล้ว เป็นพรรณไม้ขนาดใหญ่ ถ้าปลูกกลางแจ้งจะสูงไม่มากนัก ถึงแม้จะเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดแต่ก็เจริญเติบโตได้ในสภาพแสงน้อย ปลูกง่ายทนทาน มิหนำซ้ำยังมีคุณสมบัติดีเด่นในการดูดสารพิษจากอากาศภายในอาคารได้ดีเยี่ยม ยางอินเดียมีลำต้นตั้งตรง  ลักษณะเด่นอยู่ที่ใบ มีลักษณะกลมรีปลายแหลม ใบหนาสีเขียวเข้มเป็นมันวาว ปลูกเป็นไม้ประดับได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร       ใน บรรดาไม้ขนาดใหญ่ด้วยกัน ยางอินเดีย เป็นไม้ประดับภายในอาคารที่น่าสนใจ เพราะเจริญเติบโตได้ดีถึงจะมีแสงน้อย ปลูกง่าย ทนทาน ต้องการน้ำไม่มาก แต่ในทางตรงกันข้ามกลับคายความชื้นได้มาก  และที่ สำคัญเป็นพืชดูดสารพิษช่วยฟอกอากาศภายในบ้านและสำนักงานได้อย่างดีเยี่ยม
  • 27.
  • 28. ปาล์มไผ่ ( Bamboo palm (Chamaedorea sefritzii)
  • 30. เดหลี เป็นไม้ประดับที่โดด เด่นมากชนิดหนึ่ง เนื่องจากให้ดอกสีขาวที่สวยงาม จึงมักเป็นที่นิยมนำไปเป็นไม้ประดับในอาคาร เป็นไม้ที่คายความชื้นสูง ในขณะที่มีความสามารถสูงในการดูดพิษภายในอาคาร เดหลีเป็นไม้ประดับที่มีใบสีเขียวเข้มมันเป็นวาว ดอกเป็นช่อสีขาวหรือขาวแกมเหลือง กาบหุ้มช่อดอกมีสีขาวคล้ายดอกหน้าวัว เป็นไม้พุ่มเตี้ยสูงประมาณ30–60 เซนติเมตร โดยธรรมชาติเดหลีชอบขึ้นอยู่ตามริมลำธารที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน แต่เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในอาคารเดหลีก็สามารถปรับตัวได้ดี แม้จะมีความชื้นต่ำและรับแสงจากหลอดไฟฟ้า เพียงแต่ดินต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เป็นไม้ประดับในจำนวนน้อยชนิดที่สามารถออกดอกได้ภายในอาคาร               เดหลีสามารถดูดสารพิษจำพวก แอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีนและฟอร์มาดีไฮด์ และสามารถดูดได้ในปริมาณมาก จึงไม่ควรลืมที่จะนำเดหลีประดับไว้ในสำนักงานหรือบ้านเรือน
  • 31. มรกตแดง เป็นพันธุ์ไม้ที่ดูดสาร พิษได้ดีที่สุดในบรรดาพันธุ์ไม้ในตระกูลฟิโลเดนดรอน เป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกและดูแลรักษาง่าย จึงถูกแนะนำให้นำมาปลูกเป็นไม้ประดับในอาคาร มรกตแดงเป็นพืชพันธุ์ไม้เลื้อยในตระกูลฟิโลเดนตรอน ตามธรรมชาติจะเลื้อยพันต้นไม้ใหญ่ในป่า จึงไม่ชอบแสงแดดจัด แต่เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารก็เป็นไม้ที่แข็งแรง ปลูกเลี้ยงง่ายไม่ค่อยมีปัญหา มรกตแดงมีใบใหญ่ สีเขียวอมแดงเป็นมัน ดูสวยงาม การปลูกภายในอาคารให้ใช้กาบมะพร้าวหุ้มไม้ปักไว้ในกระถางพรมน้ำให้ชื้น เพื่อให้ยึดเกาะ ถ้าต้องการให้แตกกิ่งก้านสาขามากๆ ก็ควรหมั่นเด็ดยอดตั้งแต่ยังเล็กอยู่
  • 32. แวว มยุรา เป็นพืชพันธุ์ไม้เลื้อยกึ่งคลุมดินในตระกูลเดียว กับคล้า แต่การปลูกเลี้ยงง่ายกว่ามาก  เพราะมีความอดทนและเจริญเติบโตได้ง่ายในทุกสภาวะของห้อง แววมยุรามีใบด้านหน้าสีเขียวสลับลายเขียวแก่หรือน้ำตาล ส่วนหลังสีเขียวอมแดงหรือม่วงมีลายสลับเช่นเดียวกัน เนื่องด้วยใบมีลวดลายและสีสันสวยงามคล้ายหางนกยูงจึงได้ชื่อไทยว่า “แววมยุรา” ส่วนภาษาอังกฤษได้ชื่อว่า “Prayer Plan” แปลว่า ต้นไม้พนมมือ โดยตั้งชื่อตามลักษณะการกระดกของใบตั้งขึ้นเหมือนการพนมมือตอนใกล้ค่ำ พอตอนรุ่งเช้าใบก็จะคลี่ออกตามเดิม          แววมยุราเป็นไม้ประดับในอาคารที่ทำหน้าที่รักษา ความชุ่มชื้นภายในห้องได้ดี ถึงแม้ว่าคุณสมบัติในการดูดสารพิษจะน้อยไปสักนิดก็ตา
  • 33. ชื่อวิทยาศาสตร์ Mesuaferrea L.ชื่อวงศ์ GUTIFERAE (CLUSIACEAE)ชื่อ พื้นเมือง(Commonname) ก๊าก่อ ( กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) ก้ำก่อ ( ชาน แม่ฮ่องสอน) บุนนาค ( ทั่วไป) ปะนาคอ ( มาลายู ปัตตานี) สารภีดอย( เชียงใหม่) นาคบุตร( ใต้)ชื่อสามัญ Ironwood, Indianrosechestnut ลักษณะต้น บุนนาคสามารถมีอายุเป็นร้อยปีขึ้นไป แต่ว่าการเจริญเติบโตช้า บุนนาคได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ดอกสวยงามและหอม นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นไม้ที่มีใบสวยงามอีกด้วย บุนนาคเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ขนาดต้นสูงได้มากกว่า 25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มรูปกรวย ลำต้นเรียบ ใบเป็นใบเดี่ยวออกเป็นคู่ๆ สลับกัน ทรงใบรูปหอกแหลมเรียวปลาย ด้านบนใบเป็นสีเขียวด้านล่างเขียวอ่อนเกือบขาวขนาด ของใบกว้างประมาณ 3 ซม. ยาวไม่เกิน 12 ซม. ดอกออกเป็นช่อ ช่อละ 3-4 ดอก ขนาดดอกบานเต็มที่ประมาณ 6.5-9 ซม. กลีบดอกสีขาว หรือสีเหลืองอ่อนเรียง 2 ชั้นสลับกันชั้นละ 2 กลีบ เกสรตัวผู้มีมากกระจุกเป็นฝอยสี เหลือง สดใส ดอกมีกลิ่นหอมมาก ออกดอกในช่วยเ ดือนมีนาคม ถึงกรกฎาคมทุกปี บุนนาคชอบความชื้นในอากาศสูง เหมาะที่จะปลูกเป็นไม้กลางแจ้ง ให้ร่มเงา ดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วนซุยสามารถเก็บความชื้น ได้สูง อาจหาวัสดุคลุมดินช่วย การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด จะดีที่สุด วิธีอื่นจะได้ต้นที่ไม่สมบูรณ์ แต่จะใช้เวลาในการปลูกนานมาก คือไม่ต่ำกว่า 6 ปี จึงจะออกดอก การตอนกิ่ง พบว่าออกรากยากมาก แต่ก็เป็นวิธีการที่จะช่วยให้ออกดอกได้เร็วขึ้
  • 34. ชื่อวิทยาศาสตร์ CestrumDiurnum L.ชื่อสามัญ DayCestrum  ทิวา ราตรี เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 - 5 เมตร แตกกิ่งยืดยาวจำนวนมาก เป็นไม้ดอกหอมสกุลเดียวกับราตรี คนไทยรู้จักกันมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ออกดอกดกส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ใบเป็นคลื่น ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ดอกเล็ก มี 5 - 6 กลีบ ปลายกลีบม้วนออกกลิ่น หอมตอนกลางวัน เมล็ด ทเป็นสีขาว ออกดอกตลอดปี ทิวาราตรี เป็นพรรณไม้ชอบ แดดจัดหรือแดดเต็มวัน ชอบดินชุ่มชื้น ธาตุอาหารสมบูรณ์ หมั่นตัดแต่งกิ่ง พรวนดินและใส่ปุ๋ย กิ่งที่แตกใหม่จะแข็งแรง และจะทำให้ดอกดกตลอด
  • 35. ชื่อวิทยาศาสตร์ : Calophylluminophyllum Lมีชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ: กระทิง กากะทิง (ภาคกลาง), ทิง (กระบี่), เนาวกาน (น่าน), สารภีทะเล (ประจวบคีรีขันธ์), สารภีแนน (ภาคเหนือ)เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาด ใหญ่สูง 20 – 25 เมตร เปลือกเรียบสีเทาอ่อนหรือน้ำตาลปนเหลือง เปลือกในสีชมพูเนื้อไม้สีน้ำตาลปนแดง ใบเป็นใบเดี่ยว ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม สีเขียวเข้ม กิ่งอ่อนเกลี้ยง ยอดอ่อนเรียวเล็ก ปลายทู่ ออกดอกเป็นช่อสั้นที่ซอกใบบริเวณปลายกิ่ง มีดอกย่อย กลีบดอกสีขาว เกสรเพศผู้สีเหลือง มีกลิ่นหอม ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ผลเป็นผลสดทรงกลม ปลายผลเป็นติ่งแหลม เมื่อสุกจะมีสีเหลืองการดูแลรักษาทำได้โดยชอบดินร่วนปนทรายหรือดินทราย ความชุ่มชื้นปานกลาง
  • 36. ชื่อวิทยาศาสตร์ : Carissagrandiflora A. DC วงศ์ : APOCYNACEAE ชื่อสามัญ : หีบไม้งาม เป็นไม้พุ่มขนาด กลาง สูงได้ถึง 2 เมตร ดอกบาน หมุนเวียนตลอดปี อัตราการเจริญเติบโตช้า ชอบแสงแดดรำไร – แดดจัด ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับ ตั้งฉากซ้อนกันถี่ ใบรูปไข่ กว้าง 3-5 ซม. ยาว 4-6.5 ซม.ปลายใบมนมีติ่งหนามสั้น โคนใบรูปหัวใจหรือตัด ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนา แข็ง ผิวใบด้านบนสีเขียวเป็นมัน ผิวใบด้านล่างสีเขียวอ่อนดอก ออกเป็นดอกเดี่ยว แต่รวมกันเป็นช่อกระจุกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ช่อละ1-3 ดอก สีขาว กลิ่นหอม มีกลีบเลี้ยงเล็ก 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยก 5 แฉก ดอกบานเต็มที่ 2-3 ซม.ออกหมุนเวียนตลอดปี ผล ทรงกลมแป้นเล็กน้อย ขนาด 2-4ซม.เมื่อสุกสีแดงปนดำ มี 6-10
  • 37. ชื่อวิทยาศาสตร์:Ixorafinlaysonia wall. ex 6. Don ชื่อวงศ์ :RUBIACEAE ชื่อสามัญ:siamese white Ixoraชื่ออื่นๆ :เข็มพวงขาวลักษณะทั่วไปไม้พุ่มสูง 1-3 เมตร สำต้นขนาดเล็ก แตกกิ่งใกล้ผิวดินจำนวนมาก แต่ละต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้น 1-2 เซนติเมตร เปลือกสีดำหรือม่วงเข้ม ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปรีแกมขอบขนาน หน้าใบมัน มีสีเขียวเข้ม หลังใบสีอ่อนกว่าและเห็นเส้นใบชัดเจน ช่อดอกสีขาว ออกที่ปลายยอด มีเส้นผ่าศูนย์กลางช่อดอก 8-18 เซนติเมตร มีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงสีเขียวรูปถ้วย ปลายแยกเป็นกลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดเล็ก ๆ ยาว 2.5-3 เซนติเมตรปลายหลอดมีกลีบแยกจากกันเป็น 4 กลีบ แต่ละกลีบรูปไข่กว้าง 0.3เซนติเมตร ยาว 0.6 เซนติเมตร เมื่อดอกบานมีเส้น ผ่าศูนย์กลาง 1.2-2 เซนติเมตร ดอกย่อยภายในช่อดอกเดียวกันบานในเวลาใกล้เคียงกัน ดอกที่บานใหม่ ๆ จะมีสีขาว บริสุทธิ์ เมื่อใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ดอกมีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี 
  • 38. ชื่อวิทยาศาสตร์ : CanangaodorataHook.f. et Th. Var. fruticosa (Craib) J.Sincl. วงศ์ : ANNONACEAEชื่ออื่น : กระดังงาสาขา (กรุงเทพฯ) กระดังงาเบา (ใต้) กระดังงอ (ยะลา)กระดังงาสงขลา เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1-3 เมตร แตกกิ่งมาก ใบหนาเป็นทรงพุ่มแน่น ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกระจุกที่บริเวณปลายกิ่ง กลีบดอกมีสีเหลือง กลีบเรียวยาวบิดเป็นเกลียวและอ่อนนิ่ม มีกลีบดอก 15-24 กลีบ เรียงตัวหลายชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบยาว 5-9 เซนติเมตร ดอกอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อเริ่มบานจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมแรง ออกดอกได้ตลอดทั้งปี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับโชว์ทรงพุ่มสวยงาม ดอกมีกลิ่นหอม และดอกยังนิยมนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอกระเหย กระดังงาสงขลาขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยการตอนกิ่ง กิ่งตอนออกรากง่าย ชอบดินที่มีความชุ่มชื้นสูง และชอบแสงแดดจัด 
  • 39. ชื่อวิทยาศาสตร์ : CanangaOdorata (Lamk.) Hook.F.etTh.วงศ์ : ANNONACEAEชื่อสามัญ : Ilang – ilangชื่ออื่น : กระดังงา กระดังงาใหญ่ สะบันงา สะบันงาต้น  กระดังงาไทยเป็นไม้ยืนต้น เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความสูงประมาณ 8-15 เมตร ออกดอกตลอดทั้งปี ออกดอกเป็นช่อ ๆ ช่อละ 3-6 ดอก กลีบดอกอ่อนนุ่น เรียวยาวและบิด มี 6 กลีบ ดอกอ่อนสีเขียว เมื่อบานจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมรุนแรง ขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง ส่วน ใหญ่นิยมขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เพราะเมล็ดหาง่าย และเพาะให้งอกได้อย่างรวดเร็ว กระดังงาไทยชอบอยู่กลางแจ้งในสภาพดินที่มีความชุ่มชื้นสูง สำหรับ ผู้ที่ต้องการจะปลูก จำเป็นจะต้องมีพื้นที่หน้าบ้านพอสมควร เพราะกระดังงาไทยเป็นไม้เป็นไม้ยืนต้นขนาดค่อนข้างใหญ่
  • 40.
  • 41.
  • 42.
  • 43.
  • 44. บริการออกแบบจัดสวนบริการออกแบบจัดสวน  ตั้งแต่เริ่มออกแบบจัดวางอุปกรณ์ น้ำพุ น้ำตก ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ และบริการสวนสวยอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อสร้างงานให้ได้ตรงใจตรงตามความต้องการของคุณ 
  • 45. บริการจัดตกแต่งสถานที่บริการตกแต่งสถานที่ด้วยไม้จริง หรือไม้ปลอมก็ได้ จัดสวนภายในสถานที่ไม่ว่างานออกบูธ งานจัดเลี้ยง งานสังสรรค์ งานอบรม-จัดสัมมนา งานเปิดตัวสินค้า งานแสดงสินค้า ออกบูธ รวมถึงงานแฟร์ต่างๆ  เราสามารถออกแบบจัดทำได้หลากหลายสไตล์  ไม่ว่าจะเป็นสวนน้ำพุ สวนหิน หรือสวนผสมผสาน เพื่อให้งานของคุณออกมา สวยงามโดดเด่นได้ดังใจ 
  • 46. บริการขุดล้อม ย้ายต้นไม้ใหญ่รับขุดย้ายต้นไม้ใหญ่ จากพื้นที่เดิมให้เติบโตขึ้นในพื้นที่ใหม่ เรามีทีมงานและอุปกรณ์เครื่องมือครบครัน มีความชำนาญในการย้ายต้นไม้ใหญ่ ให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอคอยต้นไม้น้อยให้ค่อยๆ โตอีกต่อไป เราสามารถ เนรมิตรไม้ใหญ่ให้ร่มเงาได้ทันใจสำหรับคุณ
  • 47.
  • 48.
  • 49.
  • 50.
  • 51.
  • 52.
  • 53.
  • 54.
  • 55.
  • 56.
  • 57.
  • 58.
  • 59. Practice#1 วิเคราะห์องค์ประกอบ ภูมิทัศน์ที่สวยงาม วิธีคิดเชิงวิเคราะห์ 1.กำหนดขอบเขตหรือนิยามสิ่งที่เราจะวิเคราะห์ให้ชัดเจน 2.กำหนดจุดมุ่งหมายว่าจะวิเคราะห์เพื่ออะไร 3.พิจารณาหลักความรู้หรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องว่าจะใช้หลักใดในการวิเคราะห์ 3.ใช้หลักความรู้นั้นให้ตรงกับเรื่องที่จะวิเคราะห์เป็นกรณีๆไปและต้องรู้ว่าควรจะวิเคราะห์อย่างไร 4.สรุปและรายงานผลให้เป็นระเบียบ การวิเคราะห์ เป็นการแยกแยะสิ่งที่จะพิจารณาออกเป็นส่วนย่อยที่มีความสัมพันธ์กัน เพื่อทำความเข้าใจแต่ละส่วนให้แจ่มแจ้ง รวมทั้งการสืบค้นความสัมพันธ์ของส่วนต่าง ๆ เพื่อดูว่าส่วนประกอบปลีกย่อยนั้นสามารถเข้ากันได้หรือไม่ สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างแท้จริง โดยพื้นฐานแล้ว การวิเคราะห์ถือเป็นทักษะที่มนุษย์ฝึกได้ โดยมีผู้กล่าวไว้ว่าทักษะการวิเคราะห์ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1.ความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์ ตลอดจนทัศนะคติในเรื่องที่จะวิเคราะห์นั้นๆ 40% รวมเรียกว่าศาสตร์ 2.ศิลปะการใช้ภาษา การสื่อสาร การถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจมุมมอง 40% รวมเรียกว่าศิลป์ 3.สัญชาติญาณและความกล้าหาญอีก 20% เรียกว่าพรสวรรค์