การทำให้สิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้า

1. การซักผ้า (Washing)
การซักผ้า คือ การทาให้สิ่งสกปรก ได้แก่ เหงื่อไคล ฝุ่นละออง
หลุดออกจากเนื้อผ้า ปัจจุบันนี้ยังมีสารช่วยทาความสะอาดที่เหมาะสม
กับใยผ้า นอกจากนี้ยังมีเครื่องผ่อนแรงในการซักเสื้อผ้าด้วยมือหรือ
เครื่องซักผ้า เพื่อให้การซักผ้าเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

2. สารเคมีที่ใช้ในการซักผ้า
สารซักฟอก ผลิตขึ้นเพื่อนามาแทนสบู่ เป็นสารเคมีสังเคราะห์จาก
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ทาหน้าที่ ชาระล้างสิ่งสกปรก ประสิทธิภาพ
ดีกว่าสบู่ ราคาถูก นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
สารซักฟอกประกอบไปด้วยสารหลัก 2 ชนิด คือ
1. สารลดแรงดึงผิว ทาหน้าที่ ช่วยละลายไขมัน ทาให้คราบสกปรกมี
อนุภาคเล็กลง เมื่อมีการบดขยี้ด้วยมือหรือปั่นด้วยเครื่อง
2. สารลดความกระด้างของน้า ทาหน้าที่ ช่วยให้น้ามีฤทธิ์เป็นด่าง สิ่ง
สกปรกไม่ไหลย้อนกลับ

3. สารซักฟอก มีหลายชนิด ควรเลือกใช้ให้
เหมาะสมกับผ้า ก่อนใช้ควรศึกษาฉลาก
คาแนะนา เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน
ผงซักฟอก
น้ายาซักผ้า
น้ายาปรับผ้านุ่ม
สบู่สาหรับซักผ้า

4. อุปกรณ์ที่ใช้ในการซักผ้า
กะละมังซักผ้า
ตระกร้าใส่ผ้า

5. แปรงซักผ้า
กระดานแปรงผ้า

6. เครื่องซักผ้าแบบ 2 ถัง
(แยกถังซักและถังปั่น)
เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ
แบบฝาหน้าเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ
แบบฝาบน

7. วิธีการซักผ้า
การซักผ้าสามารถทาได้๒ วิธี คือ
1. ซักด้วยมือ
2. ซักด้วยเครื่องซักผ้า

8. วิธีการซักผ้าด้วยมือ
เป็นวิธีซักผ้าที่ต้องออกแรงขยี้หรือแปรงผ้าที่ซัก เหมาะสาหรับ
ผ้าที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษหรือผ้าที่สกปรกมาก แต่วิธีนี้ใช้เวลา
แรงงานมากกว่าซักด้วยเครื่องซักผ้าซึ่งข้อดีของการซักผ้าด้วยมือ คือ
สามารถทาความสะอาดเฉพาะส่วนได้ดี
เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการซักผ้าโดยทั่วไปแล้วในการซักผ้า
ด้วยมือจะใช้เครื่องมืออุปกรณ์ ได้แก่ ถังหรืออ่างสาหรับแช่และซักผ้า
อย่างน้อย ๒ ใบ แปรงซักผ้า

9. 1. ควรซักผ้าขาวในน้าสะอาด
เพื่อขจัดคราบสกปรกออกบ้าง
2. ใส่ผงซักฟอกลงในน้า
ปริมาณที่เหมาะสมกับเสื้อผ้า
หรือตามคาแนะนาการใช้ตี
ผงซักฟอกให้ละลาย
3. แช่ผ้าไว้ประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้
ใยผ้าพองตัว คายสิ่งสกปรกออกมา ไม่
ควรนา กางเกงใน ถุงเท้า แช่ปนกับเสื้อ

10. 4. ขยี้หรือใช้แปรงซักผ้าแปรงส่วนที่
สกปรกมาก เช่น คอเสื้อ แขนเสื้อ
ขอบข้อมือ ปากกระเป๋ า ชายขา
กางเกง แล้วขยี้ให้ทั่วตัว
5. เมื่อซักผ้าขาวแล้วใช้น้าผงซักฟอกเดิม
ในการซักผ้าสี โดยเลือกซักเสื้อผ้าที่
สกปรกมาก เรียงตามลาดับ ถ้าน้า
ผงซักฟอกสกปรกมากควรเปลี่ยนก่อน
นาไปซักผ้าสี

11. 6. ซักผ้าขาวในน้าสะอาดเพื่อล้างผงซักฟอก
ออกก่อน ต่อด้วยผ้าสี ประมาณ 2-3 ครั้ง แช่
ผ้าในน้ายาปรับผ้านุ่มโดยแช่ผ้าขาวก่อน ปิด
ผ้าพอประมาณ ไม่ควรบิดแรง เพราะจะทาให้
ใยผ้าบิดเป็นเกลียว ขาดง่าย ผ้าจะยับและรีด
เรียบได้ยาก เมื่อบิดผ้าใส่ตระกร้าแล้ว นาผ้า
ขึ้นตากบนราวตากผ้า

12. น้าที่เหลือจากการซักผ้าทุกครั้งนาไปใช้ประโยชน์อื่นอีก เช่น
รดน้าต้นไม้นัดล้างลานซักผ้า ล้างห้องน้า

13. วิธีการซักผ้าด้วยเครื่อง
เครื่องซักผ้าในมีอยู่หลายรูปแบบ เหมาะสาหรับผ้าที่ไม่พิถีพิถันใน
การซักหรือผ้าที่ไม่สกปรกมาก แต่ถ้าต้องการซักผ้าที่สกปรกมากด้วย
ก่อนการใช้เครื่องซักผ้าควรแปรงหรือขยี้ผ้าด้วยมือ หรือทาด้วยน้ายาขจัด
รอยเปื้อน เฉพาะส่วนที่สกปรกมาก เช่น ปก ปลายแขน เป็นต้น
การใช้เครื่องซักผ้าต้องหมั่นเช็ดทาความสะอาด และจะต้องปฎิบัติ
ตามคาแนะนาอย่างเคร่งครัด เพื่อยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าได้ยาวนาน

14. 1. ตวงสารทาความสะอาดใส่ลงในช่อง
สาหรับใส่สารแต่ละชนิดให้มีปริมาณ
พอเหมาะกันจานวนผ้า
2. ตรวจหารอยชารุดเพื่อซ่อมแซม หรือ
ตรวจหาคราบสกปรก กลัดกระดุม และ
รูดซิบให้เรียบร้อยก่อนใส่ผ้าลงในถุงผ้า

15. 3. ใส่เสื้อผ้าลงในถุงผ้าเพื่อป้องกันไม่ให้
ผ้าพันกัน ไม่ควรใส่ผ้าจนแน่นถัง เพราะ
จะทาให้ซักผ้าไม่สะอาด น้าหนักของผ้า
ที่มากเกินไป อาจทาให้แกนเครื่องซักผ้า
ไม่หมุน เสียเร็ว
4. ตั้งปุ่มใช้ปริมาณน้าและการทางาน
ของเครื่องให้สัมพันธ์กับปริมาณและ
เนื้อผ้า
5. นาเศษขยะออกจากถุงผ้าและทาความ
สะอาดเครื่องซักผ้าทุกครั้งหลังใช้งาน

16. ตัวอย่างสัญลักษณ์ต่างๆ
เพื่อแนะนาวิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้า
การซักผ้า

17. การฟอกสี
การปั่นแห้ง/การอบแห้ง

18. การตาก
การรีด